Friday, 23 May 2025
สมเด็จพระสังฆราช

‘สมเด็จพระสังฆราช’ ขอบิณฑบาตคนไทย ไม่ทิ้งลักษณะพิเศษ ช่วยกันรักษาเอกลักษณ์ของชาติ ให้คงไว้ซึ่งเมืองแห่งรอยยิ้ม

(22 มิ.ย. 66) เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จลงพระอุโบสถ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ประทานพระวโรกาสให้นายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยผู้แทนคณะกรรมการอำนวยการจัดงานฉลองพระชนมายุ 8 รอบ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก 26 มิถุนายน 2566 เฝ้าถวายสักการะ ขอประทานอาราธนาให้ทรงประพรมน้ำพระพุทธมนต์และทรงโปรยดอกไม้บนเข็มที่ระลึกส่วนที่ได้มีการผลิตเพิ่มเติมอันเป็นส่วนครบจำนวนผลิต เพื่อเป็นสวัสดิมงคลแก่ผู้ได้บริจาคบูชา และเฝ้าถวายปัจจัยหลังหักค่าใช้จ่ายจากการจำหน่ายเข็มที่ระลึกเพื่อโดยเสด็จพระกุศลตามพระอัธยาศัย เมื่อวันที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา

โอกาสนี้ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระสัมโมทนียกถา ความตอนหนึ่งว่า “อาตมภาพขออนุโมทนาสาธุการ ที่ท่านปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและท่านสาธุชนทุกท่าน มีเมตตามาแสดงมุทิตาจิตในโอกาสวันคล้ายวันเกิดของอาตมภาพ และยังนำเข็มที่ระลึก และปัจจัยมามอบให้ ขอแจ้งให้ทราบว่าปัจจัยเหล่านี้ที่ถวายมาทั้งหมด จะให้ไว้เป็นของส่วนรวม เพื่อประโยชน์ในการสร้างสถานปฏิบัติธรรม และการกุศลต่างๆ ไม่ใช่ของส่วนตัว ซึ่งก็ได้ทำเช่นนี้ตลอดมา

คนไทยเรามีลักษณะพิเศษ คือ ‘รอยยิ้ม’ เวลาเรามอง เราก็มองกันตรงๆ ด้วยความปรารถนาดี เสียดายที่สมัยนี้คนชอบมองกันแบบไม่เป็นมิตร จ้องจะหาเรื่องกัน มองด้วยหางตา มองอย่างตาขวาง อาตมาขอบิณฑบาตเถิด อย่าได้มองกันและกันด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร ขอให้ยิ้มแย้มแจ่มใสให้กัน หัวเราะสนุกสนานกัน ด้วยสายตาที่เป็นมิตร ถ้าจะมองก็มองตรงๆ อย่างตรงไปตรงมา จะไม่ทะเลาะกัน ช่วยกันรักษาเอกลักษณ์ของชาติไทย คือความปรารถนาดี ไมตรีจิต และรอยยิ้มไว้ให้ได้ตลอดไป ให้เด็กรุ่นต่อๆ ไปได้มีคุณสมบัติของความปรารถนาดีในแววตา ให้แผ่นดินไทยเป็นแผ่นดินแห่งรอยยิ้ม

อย่างที่เรามาพบกันนี้ ทุกคนก็ยิ้มแย้มแจ่มใส นี่คือลักษณะคนไทย อาตมาเคยเดินทางไปมาหลายที่ทั่วโลก ทั้งใกล้และไกล บางทีเห็นผู้คนมองกันอย่างหวาดระแวง เป็นพวกเขา เป็นพวกเรา เป็นกลุ่มนั้น เป็นกลุ่มนี้ ไม่ไว้ใจกัน อยู่กันอย่างอึดอัดไม่สบายใจ ไม่มองกันด้วยท่าทีเป็นมิตรแบบตรงไปตรงมา ขออย่าให้ลักษณะแบบนั้นเกิดขึ้นในบ้านเมืองของเราเลย ขอบิณฑบาต และขอให้ทุกท่านซึ่งล้วนแต่เป็นผู้ใหญ่ มีหน้าที่สำคัญกันทั้งนั้น ช่วยกันทำให้บ้านเมืองของเราเป็นเมืองยิ้มต่อไป อย่าให้เปลี่ยนแปลงไป”

อนึ่ง วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม จะเปิดให้สาธุชนเข้าถวายเครื่องสักการะและลงนามถวายสักการะหน้าพระรูปเจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช ในวันจันทร์ ที่ 19 ถึงวันอาทิตย์ ที่ 25 มิถุนายน 2566 เวลา 09.00 ถึง 16.00 น. ณ พระวิหาร พร้อมทั้งมีโต๊ะให้ร่วมบริจาคเพื่อรับเข็มที่ระลึกดังกล่าว สำหรับผู้โดยเสด็จพระกุศลเข็มละ 300 บาท หรือร่วมบริจาคโดยเสด็จพระกุศล และรับเข็มที่ระลึกได้ที่ห้างบิ๊กซีทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

และวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ยังเปิดให้เข้าบริจาคโดยเสด็จพระกุศล บูชาพระกริ่งและพระชัยวัฒน์ ‘อายุวัฒน์’ ณ อาคารภุชงค์ประทานวิทยาสิทธิ์ 1 ทุกวันตั้งแต่วันที่ 19 ถึง 30 มิถุนายน 2566 และทุกวันเสาร์-อาทิตย์ของเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2566 เวลา 13.00 ถึง 17.00 น.

'สมเด็จพระสังฆราช' ประทานพระคติธรรมวันอาสาฬหบูชา ชี้!! หากอ้างตนเป็นชาวพุทธ แต่ไม่ศึกษาพระธรรมย่อม 'ปฏิบัติผิด-หลงผิด'

(1 ส.ค.66) เนื่องใน วันอาสาฬหบูชา ซึ่งตรงกับวันที่ 1 สิงหาคม 2566 สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เผยแพร่พระคติธรรมของเจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ความว่า...

ดิถีอาสาฬหบูชาได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่งแล้ว ควรที่พุทธบริษัทจะได้บำเพ็ญกุศลเป็นพิเศษ เพื่อรำลึกถึงวันที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงธัมมจักกัปปวัตตนสูตรโปรดปัญจวัคคีย์ เริ่มประกาศพระศาสนา กระทั่งบังเกิดมีพระอริยสงฆ์ครบถ้วนพร้อมเป็น ‘พระรัตนตรัย’ อันเป็นสรณะสูงสุดในพระพุทธศาสนา

พระมหากรุณาคุณของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทอดพระเนตรตระหนักเห็นความทุกข์ในสังสารวัฏของสรรพสัตว์นั้นใหญ่หลวงนัก หาใช่เพียงเฉพาะในพระชาติสุดท้ายที่เสด็จอุบัติมาเป็นพระโพธิสัตว์เจ้าชายสิทธัตถะ หากแต่สั่งสมมาเนิ่นนานถึง 4 อสงไขยแสนกัป ทรงตั้งพระหฤทัยบำเพ็ญเพียร เพื่อจะได้ทรงรื้อขนสรรพชีวิตให้ล่วงพ้นจากทุกข์ได้อย่างถาวร ด้วยอานุภาพแห่งพระธรรมที่ตรัสรู้ เราทั้งหลายผู้เป็นพุทธบริษัท จึงพึงสืบอายุพระพุทธศาสนาไวัให้ยั่งยืนนาน ด้วยการ ‘ศึกษา’ และ ‘ปฏิบัติ’ ตามพระธรรมวินัย

ทั้งนี้ การทำหน้าที่พิทักษ์รักษาพระพุทธศาสนาต้องเริ่มที่การสร้างสรรค์ตนเองให้เป็นพระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกาที่มีคุณภาพ ตามพระพุทธประสงค์ให้ได้ก่อนเป็นเบื้องต้น ถ้าบรรพชิตบวชแล้วไม่เข้าใจและไม่ประพฤติปฏิบัติตามพระวินัย อีกทั้งถ้าพุทธศาสนิกชนอ้างตนเป็นชาวพุทธ แต่ไม่ศึกษาเรียนรู้พระธรรมให้เข้าใจกระจ่างก็ย่อมปฏิบัติผิด หลงผิด ทำให้พระพุทธศาสนาก็ไม่อาจดำรงอยู่ได้นาน

วันอาสาฬหบูชา นอกจากจะเตือนใจให้รำลึกถึงคุณพระรัตนตรัยอันเป็นสรณะสูงสุดของพุทธบริษัทแล้ว ยังนำพาให้เราทั้งหลายมั่นคงแน่วแน่ด้วยอธิษฐานจิตตั้งมั่น ในอันที่จะพิทักษ์รักษาพระพุทธศาสนาด้วยการศึกษาพระปริยัติธรรมให้เข้าถึงการปฏิบัติธรรมอย่างถูกต้องตรงทางอริยมรรค เพื่อให้ได้ชื่อว่าท่านกำลังเจริญรอยตามพระยุคลบาทของพระพุทธองค์ ในการช่วยกันสืบอายุพระพุทธศาสนา แล้วจงประคับประคองจิตใจให้อาจหาญร่าเริง เบิกบานด้วยกุศลฉันทะพร้อมกระทำคุณประโยชน์ ด้วยการพลีสรรพกำลัง เกื้อกูลให้เพื่อนร่วมชาติ ร่วมสังคม สามารถก้าวพ้นจากทุกข์ภัย นำมาซึ่งสันติสุขร่วมกันของสรรพชีวิตบนโลกนี้สืบไป ตลอดกาลนาน เทอญ

‘จูน นาตาชา’ ได้รับการพระราชทานชื่อใหม่ จากสมเด็จพระสังฆราช เนื่องในวันเกิด นับเป็นของขวัญที่มีคุณค่า-เสริมสิริมงคลที่สุดในชีวิต

(29 ส.ค.66) เพิ่งสอบติดปริญญาโท ด้านการทูตและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หลักสูตรรัฐศาสตร์มหาบัณฑิต ‘จูน นาตาชา’ นางเอกภาพยนตร์ ปิดป่าหลอน เจ้าของเพลง Boys Don't Cry ยังได้รับการประทานชื่อจากสมเด็จพระสังฆราช เป็น วัณณปวัน มณีสุวรรณ์ เสริมสิริมงคลสูงสุดให้กับชีวิต

ซึ่ง ‘จูน นาตาชา’ กล่าวว่า “ในวันเกิดปีนี้ จูนรู้สึกปลื้มปีติและเป็นสิริมงคลสูงสุดกับชีวิตมากค่ะ  ที่ได้รับการประทานชื่อจากสมเด็จพระสังฆราช เพื่อความเป็นสิริมงคลในวันเกิด ในชีวิตและการเรียนปริญญาโทการทูตฯ ของจูน นับเป็นวาสนาอย่างหาที่สุดมิได้ ซึ่งในวันเกิดปีนี้จูนตั้งใจมาไหว้พระทำบุญที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร ซึ่งเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเป็นวัดประจำรัชกาลเมื่อ พ.ศ. 2412 สำหรับจูนนับเป็นของขวัญที่มงคลสูงสุดกับชีวิตจูนมากเลยในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะการดำเนินชีวิต การเรียน การงาน และอื่นๆ โดยในวันเกิดปีนี้จูนได้รับการประทานชื่อใหม่จากสมเด็จพระสังฆราช ในชื่อ วัณณปวัน อ่านว่า วัน-นะ-ปะ-วัน แปลว่า ผู้บริสุทธิ์ดุจทองคำ”

>> ชื่อใหม่มีความเกี่ยวข้องกับชีวิตจูนบ้างไหม?

“ก็ถือว่าเกี่ยวโดยตรงค่ะ เพราะครอบครัวจูนก็ปลูกต้นไม้สักทองเป็นไร่ๆ อยู่เหมือนกัน ซึ่งไม้สักทองถือเป็นไม้มงคล ให้ชีวิตมีความเป็นสิริมงคล ยิ่งคำว่า ‘สัก’ ยังมีคำพ้องกับคำว่า ‘ศักดิ์’ หมายถึง ยศถาบรรดาศักดิ์หรือศักดิ์ศรี แถมใช้ทำเป็นเสาเอกของบ้าน เสาในพิธีวางศิลาฤกษ์หรือใช้ในสถานที่สำคัญคู่กับไทยมาอย่างยาวนานด้วยค่ะ ซึ่งในเนื้อไม้สักทองนั้นก็มีแร่ทองคำจริงๆด้วย และตอนนี้จูนก็กำลังดำเนินการผลิตสินค้าที่ทำมาจากไม้สักทองอยู่ ซึ่งเราก็คัดไม้สักทองมาเรียบร้อยแล้ว”

>> ทำไมถึงได้มีโอกาสเปลี่ยนชื่อ?

“จริงๆ จูนอยากได้ชื่อใหม่มาก่อนหน้านี้อยู่แล้วค่ะ พอมาถึงวันเกิดปีนี้ก็ถือเป็นฤกษ์งามยามดีที่จูนตั้งใจมาทำบุญวันเกิดที่วัดราชบพิธแห่งนี้ และผ่านขั้นตอนสำคัญหลายอย่างจนได้ชื่อใหม่ตามที่ใจปรารถนาไว้และปฏิบัติตามบริบทสำคัญหลายอย่างเหมือนกันค่ะ วันเกิดจูนจริงๆ คือวันที่ 23 สิงหาคม แต่เย็นวันที่ 22 จูนก็มาเข้าโบสถ์วัดก่อนเพื่อสวดมนต์นั่งสมาธิทำวัตรเย็นกับพระสงฆ์และลูกศิษย์คนอื่นๆ อีกหลายท่าน เพื่อเตรียมตัววันเกิดในวันรุ่งขึ้น พอถึงวันเกิดที่ 23 สิงหาคม จูนก็ได้มาใส่บาตรตอน 7 โมงเช้า กับพระผู้ใหญ่ระดับสูง 1 องค์ และพระท่านอื่นๆ อีก 8 องค์ รวม 9 องค์และพร้อมรับพรค่ะ หลังวันเกิด วันที่ 24 จูนก็ยังเข้าไปวัดอยู่ค่ะ เรียกได้ว่า ทำบุญทั้งก่อนและหลังกันวันเกิดกันเลยในปีนี้ รับบุญด้วยกันค่ะทุกท่าน พอได้ชื่อ วัณณปวัน มาแล้วจูนดีใจมากค่ะ ถือเป็นชื่อที่ทรงคุณค่าและเป็นสิริมงคลสูงสุดกับชีวิตจูนมากๆ เลยในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะการดำเนินชีวิต การงาน การเรียน และอื่นๆ นับว่าปีนี้จูนได้ของขวัญวันเกิดที่มงคลสูงสุดเลยค่ะ ส่วนในเรื่องการเปลี่ยนชื่อในเอกสารกับทุกหน่วยงาน ก็ต้องรีบดำเนินการเปลี่ยนโดยเร็วที่สุดค่ะเช่น มหาวิทยาลัย และ พาสปอร์ต เพราะตอนนี้จูนเพิ่งเปิดเทอมเรียน ป.การทูต และมหาวิทยาลัยพาไปดูงานการทูต ที่รัฐโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งตอนนี้มหาวิทยาลัยต้องจัดการจองพวกตั๋วเครื่องบินและต่างๆ ล่วงหน้าให้นิสิตแล้ว ก็เลยต้องรีบทำเรื่องเอกสารเหล่านี้ให้เสร็จเร็วที่สุดค่ะ”

>> พอเปลี่ยนชื่อแล้วคุณแม่ท่านว่าอย่างไรบ้าง?

“จริงๆ ทุกท่านในครอบครัวจูนก็ยินดีกับความเป็นสิริมงคลในชื่อที่จูนได้มาอยู่แล้วค่ะ ทุกคนในครอบครัวเลื่อมใสศรัทธาและสักการบูชาในพระสังฆราชอยู่แล้วค่ะ คุณแม่ท่านทราบดีว่าจูนชอบวัดนี้ และจูนจะมาเข้าโบสถ์สวดมนต์ที่นี่ค่ะ วันเกิดก็มาเข้าโบสถ์สวดมนต์กับพระที่นี่ค่ะ ตอนเช้าก็ใส่บาตรกับพระผู้ใหญ่ที่นี่ จูนมองว่าชื่อมงคลที่ได้มาเป็นความสิริมงคลที่เราศรัทธาให้เกิดสิ่งดีๆ กับชีวิตของเราอยู่แล้วค่ะ แต่ในอีกด้านของชีวิตเราก็ต้องลงมือทำถึงจะประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งธงไว้ในทุกๆ เรื่อง จูนมองว่าความสิริมงคลเป็นความศรัทธาที่เป็นความรู้สึกทางใจที่เชื่อมกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราเคารพนับถือ ซึ่งจะเกิดขึ้นเป็นพลังดีๆ อาจมองไม่เห็น แต่เราเท่านั้นจะสัมผัสได้ แต่ในด้านของการลงมือทำ เป็นเรื่องของหลักการชีวิตจริง ที่อาจจะมาจากความสามารถและความมุ่งมั่นของตัวเราเองส่วนนึง ทั้ง 2 สิ่งที่กล่าวมา จูนศรัทธาทั้งหมดค่ะ ศรัทธาในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราเคารพ และศรัทธาในตัวเอง”

>> เปลี่ยนชื่อรับความเฮงหรือเปล่า หรือซุ่มทำโปรเจกต์ใหม่ๆ เร็วๆนี้?

“สาธุเลยค่ะ จะว่าเปลี่ยนชื่อรับความเฮงก็ได้ จูนถือโอกาสที่ได้ชื่อใหม่นี้เปิดประตูรับความเฮง ความปังเพิ่มขึ้นแบบเกินต้านก็แล้วกันนะคะ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นสิริมงคลสูงสุดสำหรับจูนจริงๆค่ะ ขอให้มีแต่สิ่งดีๆเข้ามาไม่หยุดแล้วกันค่ะส่วนโปรเจกต์ใหม่ มีมาแน่นอนค่ะ ทั้งเรื่องเรียน เรื่องธุรกิจ และงานวงการบันเทิง หนึ่งในนั้นซิงเกิลเพลงมีแน่นอนค่ะเพราะกำลังซุ่มซ้อมแล้วตอนนี้ ยังไงฝากติดตามให้กำลังใจจูนด้วยนะคะ”

‘สมเด็จพระสังฆราช’ ทรงผ่อนพระกรณียกิจลง ตามคำแนะนำของแพทย์ หลังรักษาพระปิตตะอักเสบ

(26 ธ.ค.66) สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ออกประกาศเรื่อง แนวปฏิบัติในการขอประทานพระกรุณา ลงวันที่ 25 ธันวาคม ความว่า ด้วย เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้เสด็จไปประทับที่โรงพยาบาลศิริราช ตามคำกราบทูลอาราธนาของคณะแพทย์ผู้ถวายอภิบาล เนื่องจากมีพระอาการพระปิตตะ (ถุงน้ำดี) อักเสบ คณะแพทย์ได้ถวายการรักษาตามพระอาการและสมุฏฐานเป็นผลสำเร็จ และเสด็จกลับวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 ธันวาคม 2566

การนี้ คณะแพทย์กราบทูลขอประทานให้ทรงผ่อนพระกรณียกิจลง โดยลดจำนวนและระยะเวลาในการประทานพระวโรกาสให้คณะบุคคลเฝ้า อันเนื่องมาจากพระชนมายุสูง กอปรกับพระศาสนกิจเพิ่มพูนขึ้นเป็นอันมาก สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช โดยอนุวัตตามคำแนะนำของคณะแพทย์ จึงประกาศแนวปฏิบัติในการขอประทานพระกรุณา ดังนี้

1.การขอประทานพระกรุณาทุกกรณี ให้เสนอเรื่องเป็นหนังสือถึงเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช พร้อมแนบผลการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติของผู้ขอประทานพระกรุณา ในการดังกล่าว สำนักงานจะพิจารณาเหตุผลความจำเป็น ความเหมาะสม และสวัสดิภาพแห่งพระอนามัยเป็นสำคัญ โดยสำนักงานจะขอประทานพระวโรกาสให้เฝ้าถวายสักการะไม่เกิน 3 วันต่อสัปดาห์ และจำนวนคณะไม่เกิน 5 คณะต่อวัน

2.การขอรับประทานน้ำพระพุทธมนต์ในโอกาสต่างๆ เช่น การมงคลสมรส เมื่อเสนอเรื่องตามขั้นตอนแล้ว สำนักงานจะจัดให้เข้ารับประทานน้ำพระพุทธมนต์ที่หน้าพระรูป หรือพระเถระที่โปรดให้เชิญมา แล้วแต่กรณี

3.ให้ผู้ถวายงานและผู้ที่ได้รับประทานพระกรุณาปฏิบัติตามประกาศนี้อย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ หากพบการปฏิบัติที่ไม่เป็นไปตามประกาศนี้ สามารถแจ้งกลุ่มงานกิจการพิเศษ สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราชทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ [email protected]

4.ให้ใช้บังคับแนวปฏิบัติตามประกาศนี้ตั้งแต่วันประกาศ ยกเว้นกรณีที่ได้รับประทานพระกรุณาตามหลักเกณฑ์เดิมไว้ก่อนประกาศนี้ใช้บังคับ ทั้งนี้ สำนักงานงดการพิจารณาการขอเฝ้าถวายสักการะตามแนวทางนี้จนถึงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2567 เพื่อให้เป็นไปตามคำแนะนำของคณะแพทย์

ความจริงแห่ง ‘สมเด็จพระสังฆราช’ ทรงวางตัวเฉกเช่น ‘หลวงตา-หลวงปู่’ โปรดความเรียบง่าย อยู่อย่างสมถะ เต็มเปี่ยมไปด้วยพระเมตตา

เมื่อวันที่ 2 ก.พ. 67 ได้มีผู้ใช้ติ๊กต็อกท่านหนึ่ง ชื่อ @Bbow_R โพสต์คลิปวิดีโอสัมภาษณ์ ผศ.ดร.ชัชพล ไชยพร รองคณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งต่อมาได้ทำหน้าที่ติดตามรับใช้ ‘สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ’ (อัมพร อมฺพโร) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก พระองค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ของประเทศไทย เกี่ยวกับอุปนิสัยส่วนพระองค์ของสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ โดยระบุว่า…

“ของส่วนพระองค์นั้นทรงสมถะมาก อย่างที่เราเห็น ใครเคยได้ขึ้นไปบนที่ประทับของท่านก็จะเห็นได้ว่า ภายในห้องนั้นไม่มีอะไรเลย เป็นพระตําหนักเปล่าๆ มีพระเก้าอี้และข้าวของที่วางอย่างเป็นระเบียบ เรียบง่าย ท่านรับสั่งว่า “ที่นี่เป็นที่ของหลวงตา” คือท่านวางพระองค์เป็น ‘หลวงตา หลวงปู่’

อย่างพระเก้าอี้ รวมถึงข้าวของอะไรต่างๆ ก็ห้ามปรับเปลี่ยน เพราะท่านไม่โปรดของหรูหราเลย พระเก้าอี้ห้ามปิดทองผ้ากาววาว คือ ในภาษาพระ ‘ผ้ากาววาว’ แปลว่า ‘ผ้ายิบระยับ’ ท่านบอกว่านั่นไม่ใช่ของควรแก่สมณะ ต้องเรียบร้อย

แต่หากถ้าเป็นของบูชาพระ เท่าไรเท่ากัน ต้องประณีตวิจิตรที่สุด และเวลาจัดวาง จะต้องมีความสมดุล สวยงาม ถูกต้อง อย่างจัดวางไม่เรียบร้อย ท่านก็จะจัดใหม่ให้งามที่สุด เพราะนั่นคือของบูชาพระรัตนตรัย

แต่ถ้าของส่วนพระองค์เองจะทรงสมถะที่สุด ในห้องบรรทมของท่านนี้ไม่มีอะไรเลย ที่บรรทมเป็นพระแท่นไม้แบนๆ เรียบๆ ไม่มีความหรูหรา ธรรมดาตามพระวินัยเลยครับ”

‘สมเด็จพระสังฆราช’ มอบกัปปิยภัณฑ์ 100,000 บาท สนับสนุนทำโรงทาน ช่วยเหลือน้ำท่วมในเชียงราย

เมื่อวานนี้ (22 ส.ค.67) จากเพจเฟซบุ๊ก ‘สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ’ โพสต์ข้อความระบุว่า… 

โดยพระดำริ เจ้าประคุณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ประธานคณะกรรมการฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ ของมหาเถรสมาคม มอบกัปปิยภัณฑ์ 100,000 บาท สนับสนุนการทำโรงทาน เพื่อช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ผู้ประสบอุทกภัย ในพื้นที่ จังหวัดเชียงราย อ.เทิง วัดพระนาคแก้ว ตำบลเวียง อ.เวียงแก่น วัดปอกลาง ตำบลปอ อ.ขุนตาล วัดป่าตาลใต้ ตำบลป่าตาล อ.พญาเม็งราย วัดบุญวาลย์ ตำบลแม่เปา และในพื้นที่ใกล้เคียง
 

'สมเด็จพระสังฆราช' ประทานพระโอวาทแก่ 'พระเถระผู้ใหญ่' โปรดเอื้อเฟื้อต่อพระวินัย ช่วยกันปกป้องดูแลพระศาสนาสืบไป

(10 ก.ย. 67) สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เปิดเผยว่าวันจันทร์ ที่ 9 กันยายน 2567 เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จลงพระวิหาร วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ประทานพระวโรกาสให้พระสังฆาธิการเฝ้ารับประทานสำเนาพระบรมราชโองการและพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช ตามที่ได้มีพระบรมราชโองการโปรดแต่งตั้ง และตามที่มีพระบัญชาโปรดแต่งตั้ง ดังนี้...

1. พระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยา เป็นกรรมการมหาเถรสมาคม
2. พระพรหมสิทธิ วัดสระเกศ เป็นกรรมการมหาเถรสมาคมและเจ้าอาวาสวัดสระเกศ
3. พระพรหมเสนาบดี เจ้าอาวาสวัดปทุมคงคา เป็นที่ปรึกษามหาเถรสมาคม
4. พระพรหมวัชรเมธี เจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม เป็นที่ปรึกษามหาเถรสมาคม
5. พระธรรมโพธิมงคล เป็นเจ้าอาวาสวัดนิมมานรดี
6. พระธรรมวชิรปัญญาภรณ์ เป็นเจ้าอาวาสวัดเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนนทบุรี

การนี้ โปรดประทานพระดำริว่าให้เอื้อเฟื้อต่อพระวินัย โดยเมื่อได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสแล้ว หากมีกรณีที่ต้องเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่แรมคืนในอีกพระอาราม พึงดำเนินการภายหลังปวารณาออกพรรษาแล้ว

โอกาสนี้ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระโอวาท ความตอนหนึ่งว่า...

"ในนามคณะสงฆ์ ขอถวายมุทิตา ในโอกาสที่สมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ มีพระบรมราชโองการโปรดให้ท่าน ดำรงตำแหน่งกรรมการมหาเถรสมาคม และในโอกาสที่ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษามหาเถรสมาคม และเป็นเจ้าอาวาสพระอารามหลวง ซึ่งการทั้งนี้ อนุวัตสนองพระราชดำริของพระองค์ ผู้ทรงเป็นอัครพุทธศาสนูปถัมภก จึงขอให้ทุกท่าน ตั้งกัลยาณจิต ถวายพระพร ให้ทรงเจริญพระชนมสุขสิริสวัสดิ์ทุกประการ

"ท่านทั้งหลายเป็นพระเถระผู้ใหญ่ เป็นหลักเป็นประธาน มีประสบการณ์สูง ในการบริหารการคณะสงฆ์ และการปกครองดูแลพระอารามกันมาแล้วทุกรูป เมื่อท่านได้รับตำแหน่งที่สมควรได้รับ สมควรได้ดำรงอยู่เช่นนี้แล้ว ก็ขออาราธนา เหมือนดังที่เคยอาราธนามาแล้วทุกครั้ง และได้เคยกล่าวย้ำอยู่เสมอ ๆ ว่าขอได้ช่วยกันปกป้องดูแลพระศาสนาของเรา ช่วยกันบริหารงานคณะสงฆ์ของเรา ไม่ว่าจะด้วยการอบรมสั่งสอน การจัดการศึกษา เผยแผ่ และปกครอง ให้พุทธบริษัททุกหมู่เหล่า ปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติสมควร ปฏิบัติถูกต้อง ตามหลักธรรมคำสั่งสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้สอดคล้องต้องด้วยจารีตแบบแผน ที่บูรพาจารย์ของพวกเรา ได้สู้อุตสาหะสร้างสรรค์และพัฒนามาโดยลำดับ อย่างสุขุมคัมภีรภาพ ตามหลักการในพระไตรปิฎก อรรถกถา ฎีกา และคัมภีร์อันอ้างอิงได้ โดยไม่ถืออัตโนมัติเป็นใหญ่ โดยไม่เห็นแก่ลาภสักการะ และไม่ตกอยู่ใต้อำนาจอคติ ไม่ว่าด้วยประการใด ๆ

"เมื่อท่านเป็นผู้ใหญ่ที่ยุติธรรมสม่ำเสมอ แม้ชีวิตอาจจะเผชิญโลกธรรมบ้าง ตามธรรมดาปกติวิสัย แต่ในที่สุดแล้ว มลทินโทษทั้งปวง ก็คงไม่อาจติดต้องพ้องพานท่านอยู่ตลอดไปได้ ถ้าทุกท่านมั่นในธรรมเป็นเครื่องยุติ มุ่งครองตนบนวิถีที่ปราศจากอคติเป็นแนวทาง ทั้งต่อการดำรงฐานะภาวะของตัวท่านเอง ทั้งต่อการจัดการหมู่คณะ ตลอดจนการพระศาสนาในภาพรวม ความยุติธรรมนั้น ย่อมจักช่วยเชิดชูประโยชน์ตน และประโยชน์ส่วนรวม ให้รุ่งเรืองสว่างไสวอยู่ ดุจดั่งดวงจันทร์ดิถีเพ็ญ อันผ่านพ้นจากมลทินของเมฆหมอก ที่บดบังได้เพียงชั่วครู่ชั่วยามฉะนั้น"

‘สมเด็จพระสังฆราช’ ประทานพระคติธรรม ‘วันเยาวชนแห่งชาติ’ ขอให้เยาวชนไทย หมั่นเจริญสมาธิ จดจ่อต่อคุณค่าของความดีงาม

(20 ก.ย. 67) สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระคติธรรม เนื่องในวันเยาวชนแห่งชาติ ๒๐ กันยายน ๒๕๖๗ ความว่า…

“สังคมโลกทุกวันนี้ผันแปรไปอย่างรวดเร็ว ตัวชี้วัดความสำเร็จเชิงวัตถุเริ่มหลากหลายไกลห่างเกินจะบรรลุได้ เป็นภาวะที่สวนทางกับความสงบ เรียบง่าย และสามัญธรรมดา ทำให้มนุษย์ในยุคใหม่ มีใจหวั่นไหวคลอนแคลนง่ายไปตามโลกธรรมทั้ง ๔ คู่ กล่าวคือ มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ สรรเสริญ นินทา สุข ทุกข์ เผลอหลงยึดมั่นถือมั่นในโลกธรรมเหล่านั้นว่าเป็นของตน พอจับยึดโลกธรรมฝ่ายไม่น่าพอใจ ก็เร่าร้อนนอนทุกข์ อาจดิ้นรนไขว่คว้าแม้โดยทุจริตเพื่อให้โลกธรรมนั้น ๆ พ้นไป พอจับยึดโลกธรรมฝ่ายน่าพอใจ ก็ยึดติดหลงใหล อาจดิ้นรนไขว่คว้าแม้โดยทุจริตเพื่อให้โลกธรรมนั้น ๆ ยังอยู่หรือเข้ามาบังเกิดแก่ตน ภาวะเช่นนี้ทำให้สุขภาวะของผู้คนในโลกปัจจุบัน โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนค่อย ๆ เสื่อมถอยลงทุกขณะ…

“สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงอบรมสั่งสอนให้มนุษย์แสวงหาความสุขที่เรียบง่ายอันเกิดจากความสงบ ด้วยกาย ด้วยวาจา และด้วยใจ มุ่งสร้างสรรค์สุขให้บังเกิดได้ง่าย ๆ ด้วยการนำจิตตนเองไปจดจ่อต่อสิ่งดีงาม จึงขอฝากข้อคิดให้เด็กและเยาวชน หันมาสนใจอบรมเจริญสมาธิ ทำใจให้สงบ ฝึกระงับจิต ข่มความคิด ให้ทุเลาความฟุ้งซ่าน ปล่อยวางความหวือหวา วางเฉยต่อความรวดเร็วปุบปับฉับไวของกระแสข่าวสาร สมัยนิยม ความหลงใหล ความรักใคร่ และความชิงชัง ผ่อนพักจากความเครียดต่าง ๆ ที่รุมเร้า แล้วหันไปจดจ่อต่อคุณค่าของความดีงาม เช่น การศึกษาเล่าเรียน การทำงานอดิเรกที่เป็นประโยชน์ การอุทิศตนช่วยเหลือผู้อื่น การทำบุญกุศล การช่วยงานอาสาสมัคร ฯลฯ เพื่อให้เกิดสุขภาวะทางใจ อันจะเกื้อกูลให้เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่เข้มแข็งในอนาคต…

“ขออนุโมทนาความดีที่เด็ก เยาวชน และผู้ทำประโยชน์ต่อเด็กและเยาวชนได้บำเพ็ญด้วยดีตลอดมา ขอคุณพระศรีรัตนตรัยและกุศลธรรมจริยาที่ท่านทั้งหลายได้สั่งสมไว้ ดลบันดาลให้ท่านมีสรรพกำลังพรั่งพร้อม ในอันที่จะบำเพ็ญกรณียกิจเพื่อประโยชน์สุขของสังคมประเทศชาติสืบไป เทอญ”

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม 2567 : สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระคติธรรมและพรปีใหม่ 2568 “สทฺธา สาธุ ปติฏฺฐิตา ศรัทธาตั้งมั่นแล้ว ยังประโยชน์ให้สำเร็จ”

สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระคติธรรมและพรปีใหม่ 2568 “สทฺธา สาธุ ปติฏฺฐิตา ศรัทธาตั้งมั่นแล้ว ยังประโยชน์ให้สำเร็จ”

เนื่องในอภิลักขิตสมัยขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2568 เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก โปรดประทานพระรูปและลายพระหัตถ์เชิญพุทธศาสนสุภาษิต เป็นพระคติธรรมสำหรับความสุขปีใหม่ พุทธศักราช 2568 

“สทฺธา สาธุ ปติฏฺฐิตา ศรัทธาตั้งมั่นแล้ว ยังประโยชน์ให้สำเร็จ”

พร้อมด้วยข้อความประทานพรว่า เนื่องในอภิลักขิตสมัยขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2568 ขอท่านจงตั้งมั่นในศรัทธาอันประกอบด้วยปัญญา เพื่อความเจริญสำเร็จทุกประการ เทอญ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top