Tuesday, 22 April 2025
สงกรานต์2568

ททท. เผย ‘สงกรานต์ 2568’ นักท่องเที่ยวทะลุ 4.8 ล้านคน ปักหมุด ‘กรุงเทพฯ’ ครองใจตลอดกาล เมืองรอง ‘ชุมพร-เลย’ ฮอตไม่แพ้เมืองหลัก

(13 เม.ย. 68) เทศกาลสงกรานต์ปีนี้ยังคงเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขและการกลับมารวมตัวของครอบครัวคนไทยทั่วประเทศ โดยถือเป็น 'วันขึ้นปีใหม่ไทย' ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดประเพณีหนึ่ง 

โดยข้อมูลล่าสุดจาก ทราเวลโลก้า (Traveloka) เผยให้เห็นว่า กรุงเทพมหานครยังคงครองแชมป์จุดหมายปลายทางยอดนิยมตลอดกาล สำหรับนักเดินทางชาวไทยและต่างชาติ แสดงให้เห็นถึงบทบาทของเมืองหลวงในฐานะ ศูนย์กลางแห่งการเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์

ขณะเดียวกัน เทรนด์การท่องเที่ยวของชาวไทยเริ่มเปลี่ยนไป โดยเริ่มให้ความสนใจกับจุดหมายปลายทาง 'นอกกระแส' มากขึ้น เช่น ชุมพร นครพนม และเลย ซึ่งกำลังกลายเป็นดาวรุ่งในหมู่นักท่องเที่ยวที่มองหาประสบการณ์ท้องถิ่นแท้ ๆ

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดว่า สงกรานต์ปี 2568 จะมีรายได้จากการท่องเที่ยวรวมกว่า 26,564 ล้านบาท แบ่งเป็น 7,324 ล้านบาทจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ และ 19,240 ล้านบาทจากการท่องเที่ยวในประเทศ โดยตัวเลขนักท่องเที่ยวรวมกว่า 4.8 ล้านคน

Traveloka เปิดโผจุดหมายสงกรานต์ยอดนิยมในปีนี้ ได้แก่ 

1. กรุงเทพฯ เตรียมจัดงานสงกรานต์อย่างยิ่งใหญ่ อาทิ Siam Songkran Music Festival (11-14 เม.ย.) และ Water Festival มหาสงกรานต์ มหาสนุก (12-15 เม.ย.) ใน 12 พื้นที่ทั่วเมือง 
2.เชียงใหม่ ผสานวัฒนธรรมล้านนาเข้ากับกิจกรรมสุดมัน เช่น Water War Chiang Mai (13 เม.ย.) 
3. ชลบุรี งาน 'วันไหล' ระหว่างวันที่ 6–20 เม.ย. มอบประสบการณ์สงกรานต์ยาวนาน 
4. ภูเก็ต ร่วมสาดน้ำริมชายหาด พร้อมปาร์ตี้ค่ำคืนที่บางลา และกิจกรรมทำบุญที่เมืองเก่า 
5. หาดใหญ่ สงกรานต์สุดคึกคักที่เซ็นทรัลเฟสติวัลและลีการ์เด้นส์ พลาซ่า พร้อมคอนเสิร์ต ขบวนแห่ และกิจกรรมชุ่มฉ่ำ

ส่วนจุดหมายดาวรุ่งมาแรง ที่นักเดินทางรุ่นใหม่แห่ค้นหาความสงบและวัฒนธรรม อิงข้อมูลจากทราเวลโลก้าเผยว่า การค้นหาเมืองรองอย่าง ชุมพร เพิ่มขึ้น 95% นครพนม (+68%) สกลนคร (+53%) เลย (+46%) และน่าน (+40%)

นอกจากนี้ ตัวเลือกที่พักในช่วงสงกรานต์ก็หลากหลายมากขึ้น ทั้งโรงแรมระดับพรีเมียม รีสอร์ท โฮสเทล ไปจนถึงอพาร์ตเมนต์เช่าระยะยาว เพื่อตอบโจทย์นักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม

ซีซาร์ อินทรา ประธานบริษัททราเวลโลก้า กล่าวถึงพฤติกรรมการท่องเที่ยวว่า “นักท่องเที่ยวไทยในปัจจุบันมองหาประสบการณ์ที่ผสมผสานระหว่างประเพณีและการพักผ่อนที่ยืดหยุ่น พร้อมความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว”

สงกรานต์สุขใจแต่ต้องไม่เสียสุขภาพ อย่าลืมดูแลตัวเอง ‘เช็ก 5 โรคเสี่ยง’ ที่แฝงมากับความสนุกของเทศกาล

(14 เม.ย. 68) เทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงเวลาที่หลายคนรอคอยในการเล่นน้ำสนุกสนานและทำกิจกรรมกับครอบครัว แต่การเล่นน้ำในช่วงกลางแดดร้อนอาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคบางชนิดที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะในช่วงที่อุณหภูมิสูงและความชื้นสูง ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพได้หลายอย่าง ประกอบไปด้วย 

1. โรคลมแดด (Heatstroke) การเล่นน้ำท่ามกลางแสงแดดร้อนจัด อาจทำให้ร่างกายขาดน้ำและเกิดภาวะลมแดดได้ หากร่างกายไม่สามารถระบายความร้อนออกได้เพียงพอ อาจส่งผลให้มีอาการเวียนศีรษะ อ่อนแรง หน้ามืด หรือแม้กระทั่งหมดสติได้ ดังนั้นจึงควรดื่มน้ำให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงการเล่นน้ำในช่วงกลางวันที่มีแสงแดดจัดที่สุด

2. โรคผิวหนังจากแสงแดด การเล่นน้ำท่ามกลางแดดจัดอาจทำให้ผิวหนังเสียหายจากแสงแดด รังสี UV จากแสงแดดสามารถทำลายผิวหนังได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดผิวไหม้ แดง หรือผิวหนังแก่ก่อนวัย ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง และสวมหมวกหรือเสื้อแขนยาวเพื่อป้องกัน

3. โรคตาแดง (Conjunctivitis) การเล่นน้ำที่มีฝุ่นหรือสารเคมีอาจทำให้เกิดการระคายเคืองในตาได้ ซึ่งอาจนำไปสู่โรคตาแดง โดยเฉพาะเมื่อเล่นน้ำในพื้นที่ที่ไม่สะอาดหรือมีสารเคมีปนเปื้อน ควรระมัดระวังการสัมผัสน้ำและตา

4. โรคน้ำกัดเท้า หรือโรคเชื้อราที่เท้า ซึ่งการแช่เท้าในน้ำเป็นเวลานาน โดยเฉพาะเมื่อน้ำไม่สะอาด อาจทำให้ผิวหนังเท้าเกิดการติดเชื้อราได้ เชื้อราจะเจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่อับชื้น อาจทำให้เกิดอาการคัน ผิวลอก แดง หรือแตกระแหง หากไม่รักษาอย่างเหมาะสมอาจลุกลามและติดเชื้อแบคทีเรียได้ง่าย แนะนำให้สวมรองเท้าพลาสติกหรือรองเท้าแตะกันลื่นขณะเล่นน้ำ และรีบล้างเท้าให้สะอาดพร้อมเช็ดให้แห้งทันทีหลังเล่นน้ำ

5. อาการท้องเสียและอาหารเป็นพิษ น้ำที่ใช้ในการเล่นสงกรานต์บางครั้งอาจไม่สะอาด ซึ่งอาจทำให้เกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร อาจทำให้ท้องเสียและมีอาการคลื่นไส้อาเจียน ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำจากแหล่งที่ไม่แน่ใจว่าสะอาด และควรทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ๆ

สำหรับ คำแนะนำในการป้องกัน ควรดื่มน้ำให้เพียงพอและหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดนานเกินไป ทาครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกแดด ใช้หมวกหรือเสื้อแขนยาวเพื่อป้องกันแสงแดด เลือกเล่นน้ำในแหล่งน้ำที่สะอาดและปลอดภัย หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่ไม่สะอาดหรืออาจมีการปนเปื้อน

ศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่ง เตือนเข้ม เมาแล้วขับตรวจพบถูกจับซ้ำ ต้องรับโทษสูงขึ้น

เมื่อวันที่ (14 เม.ย.68) พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการศึกษา ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานฝ่ายเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร ศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตามที่ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สรุปการเกิดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 สะสม 3 วัน (11-13 เมษายน 2568) มียอดจับกุม เมาแล้วขับสูงถึง 11,801 ราย ซึ่งในจำนวนนี้มีผู้ที่ถูกตรวจพบว่าเป็นการกระทำผิดซ้ำ ภายใน 2 ปี นับแต่วันที่กระทำความผิดครั้งที่ผ่านมา มากถึง 63 ราย 

พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม “มาตรา 160 ตรี/1 ผู้ใดกระทำความผิดตามมาตรา 160 ตรี (เมาแล้วขับ) และได้กระทำความผิดซ้ำอีกภายใน 2 ปี นับแต่วันที่กระทำความผิดครั้งแรก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับตั้งแต่ 50,000 – 100,000 บาท และให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของผู้นั้นมีกำหนดไม่น้อยกว่าหนึ่งปี หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่“ ซึ่งผู้ที่กระทำผิดซ้ำนี้ จะถูกส่งตัวเพื่อไปฟ้องยังศาลจังหวัด และต้องถูกฝากขังตามอัตราโทษของศาลจังหวัด นอกจากนั้นกฎหมายยังกำหนดให้ศาลใช้ดุลพินิจลงโทษจำคุกและปรับโดยเสมอ โดยความผิดเมาแล้วขับในครั้งแรก อัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000 – 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรทุกนายเพิ่มความเข้มข้นในการปฏิบัติหน้าที่ในห้วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งมีประชาชนเดินทางไปร่วมงานในสถานที่ต่างๆ รวมถึงมีการดื่มสังสรรค์ เพื่อควบคุมและลดการเกิดอุบัติเหตุทางถนนที่มีสาเหตุมาจากการดื่มแอลกอฮอล์แล้วไปขับขี่ยานพาหนะ 

ทั้งนี้ ศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอแจ้งประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ขอให้รักษากฎหมายจราจร เพราะหากเกิดอุบัติเหตุจะสร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ดังนั้น จึงขอความร่วมมือประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนขับขี่ด้วยควยความระมัดระวัง มีน้ำใจต่อกัน เมาไม่ขับ เพื่อสร้างความปลอดภัยให้แก่ตัวท่านและผู้ที่ร่วมใช้ทางได้ฉลองเทศกาลสงกรานต์ได้อย่างมีความสุขและปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เคยถูกจับกุมในความผิดฐานเมาแล้วขับในห้วงระยะเวลา 2 ปี ที่ผ่านมา หากมีความจำเป็นที่จะต้องไปดื่มสังสรรค์นั้น ขอให้หลีกเลี่ยงการขับขี่ยานพาหนะ ขอให้ใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงต้องถูกดำเนินคดีที่ต้องถูกส่งฟ้องในอัตราโทษที่สูงขึ้นตามที่กฎหมายกำหนดไว้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top