Sunday, 8 June 2025
ลำปาง

ลำปาง-ตร.ลำปางแถลงผลจับกุมยาบ้า 5 แสนเม็ด ผตห. 3 คน จากจ.เชียงรายส่งปลายทางจ.ตาก

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 15 ก.พ. 2567 ที่ กก.ภ.จว.ลำปาง แถลงผลการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญ ผู้ต้องหา 3 คน รถยนต์ 2  คัน ของกลางยาบ้าประมาณ 500,000 เม็ด ในพื้นที่ อ.แม่พริก จ.ลำปาง โดยมี พล.ต.ต.ภูมิปัญญ์ญา  นวตระกูลพิสุทธิ์  ผบก.ภ.จว.ลำปาง เป็นประธานแถลง พร้อมด้วย พล.ต.อ.ชูวิทย์ กองแก้ว รอง ผบก.ภ.จว.ลำปาง พ.ต.อ.อนุพันธุ์ กันถารัตน์ ผกก.สภ.แม่พริก พ.อ. วิชาญ ศรีภัทรางกูร รอง ผอ.กรมน.จว.ลำปาง(ท),พ.อ.บรรจง คะวงศ์ดอน รองเสนาธิการ มทบ.32 นายกองตรีปิยะวุฒิ พิทักษ์บริบาล นอภ.แม่พริก หน่วยงาน ป.ป.ส.ภาค 5 และ ตร.ศูนย์พิสูตรหลักฐาน 5 ลำปาง ร่วมแถลง

ตามนโยบายรัฐบาลโดยนายเศรษฐา ทวีสิน  นายกรัฐมนตรี และรมว.การคลัง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม สั่งการให้หน่วยงานของรัฐที่ทำหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด บูรณาการแก้ไขปัญหายาเสพติด ในทุกมิติ ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.รับบัญชานำข้อสั่งการไปสู่การปฏิบัติ ตร.ภาค 5 โดย พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 พล.ต.ต.ภูมิปัญญ์ญา นวตระกูลพิสุทธิ์ ผบก.ภ.จว.ลำปาง ฝ่ายทหาร ฝ่ายปกครอง ป.ป.ส.ภาค 5 และ ตร. สภ.แม่พริก จ.ลำปาง บูรณาการกำลังร่วมกัน

ทั้งนี้เมื่อเวลา 07.30 น.วันที่ 13 ก.พ. 2567 ที่ผ่านมา ตำรวจด่านตรวจยาเสพติด สภ.แม่พริก จ.ลำปาง จับกุมผู้ต้องหาจำนวน 3 ราย คือ นายศตวรรษ นายอัครรงค์ และ นายวิทยา ชาว จ.ลำพูน ต่อเนื่องบนถนนพหลโยธินสายลำปาง-ตาก(ขาล่อง)บ้านนาตาโพ ต.วังจันทร์ อ.สามเงา จ.ตาก พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 3 กระสอบ รวมประมาณ 500,000 เม็ด โดยก่อนการจับกุม ตำรวจประจำด่านตรวจยาเสพติด สภ.แม่พริก ได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีกลุ่มผู้รับจ้างขนยาเสพติดจากพื้นที่ จ.เชียงราย เข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ ในช่วงเวลาประมาณใกล้รุ่งวันดังกล่าว โดยจะมีรถยนต์กระบะนำเส้นทาง ตำรวจชุดจับกุมจึงได้วางแผนจัดวางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดติดตาม ชุดตั้งจุดสกัดบนถนนสายรอง อ.แม่พริก - อ.เถิน จ.ลำปาง และชุดปฏิบัติหน้าที่ประจำด่านตรวจฯโดยเพิ่มความเข้มข้นและคัดกรองรถตามเป้าหมายตามที่ได้รับแจ้ง กระทั่งเวลาประมาณ 06.00 น.วันที่ 13 ก.พ.2567  ตำรวจชุดติดตามแจ้งว่ามีรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รีโว่ สีเทา หมายเลขทะเบียน บม 5362  ลำพูน ขับนำทางมาตามเส้นทางบนถนนพหลโยธินสายลำปาง-ตาก  มุ่งหน้ามายังด่านตรวจฯ จึงได้วางแผนปล่อยให้ผ่านด่านตรวจฯไปก่อน โดยมีตำรวจชุดหนึ่งติดตามไป ต่อมาได้มีรถยนต์กระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ สีดำ หมายเลขทะเบียน 3ขข-4173 กรุงเทพฯคันเป้าหมายแล่นมาถึงด่านตรวจฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ส่งสัญญาณให้หยุดตรวจ พบผู้ขับขี่มีพิรุธ จึงได้แจ้งให้คนขับลดกระจกด้านหลังลงเพื่อตรวจสอบภายในรถพบมีกระสอบฟางลักษณะคล้ายกับกระสอบบรรจุยาเสพติด จึงขอตรวจแต่ผู้ขับขี่ได้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวหลบหนีออกจากด่านตรวจฯอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกชุดจึงได้ขับรถยนต์ไล่ติดตามจนสามารถสกัดรถยนต์และจับกุมคนขับไว้ได้ดังกล่าว

ต่อมาได้ควบคุมผู้ขับขี่รถยนต์กระบะทราบชื่อนายศตวรรษ มาสอบสวนพร้อมนำรถยนต์กระบะเข้าเครื่องเอ๊กซเรย์ ที่ด่านตรวจยาเสพติด สภ.แม่พริก พบวัตถุที่อยู่ในกระสอบฟางปุ๋ยลายฟ้า-ขาว  ผลการตรวจสอบพบว่าเป็นยาบ้าห่อมัดด้วยกระดาษรัดด้วยเทปกาวสีครีม ภายในพบยาบ้าบรรจุในถุงพลาสติกสีชมพู ประทับ A และถุงน้ำเงินเข้มถุงละ 100 เม็ด เป็นยาบ้าชนิดสีชมพูและสีเขียว ประทับตรา Y1 จำนวนดังกล่าว ส่วนรถยนต์นำทางชุดติดตามสามารถสกัดรถได้ที่บริเวณถนนบนทางเข้าที่ทำการดับไฟป่าบ้านปากกอง ต.นาโป่ง อ.เถิน จ.ลำปาง พร้อมผู้ขับขี่และผู้โดยสารรวม 2 คน คือนายอัครรงค์ เป็นผู้ขับขี่ และนายวิทยา นั่งโดยสารมาด้วย จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คนพร้อมของกลางยาบ้า รถยนต์กระบะ นำตัวส่ง ร.ต.อ.วัชรกิตติ์ ขุนคลังมีวน สว.(สอบสวน) สภ.แม่พริก สอบสวนดำเนินคดีและเร่งสืบสวนขยายผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

พล.ต.ต.ภูมิปัญญ์ญา กล่าวว่า จากการสืบสวนขยายผลผู้ต้องหารับว่า รับยาบ้ามาจากเขต ต.แม่ยาว อ.เมืองเชียงราย โดยขับขี่รถยนต์เส้นทางผ่าน อ.แม่สรวย จ.เชียงราย อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ผ่าน อ.บ้านธิ ป่าซาง บ้านโฮ่งและ อ.ลี้ จ.ลำพูน เข้าสู่ถนนพหลโยธินสายลำปาง-ตาก บริเวณสี่แยกอำเภอเถิน ผ่านด่านตรวจยาเสพติด สภ.แม่พริก ส่งปลายทางที่ อ.บ้านตาก จ.ตาก จนกระทั่งถูกจับกุม ได้รับค่าจ้าง 2 ครั้ง จำนวน 10,000 บาทและ 100,000 บาท โดยโอนเข้าบัญชีของนายอัครรงค์ ส่วนผู้ว่าจ้างสั่งการณ์กำลังอยู่ระหว่างขยายผลเพื่อออกหมายจับ เครือข่ายนี้เป็นเครือข่ายของกลุ่มลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่แนวชายแดนเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ ตร.ลำปาง จะได้เร่งรัดสืบสวนขยายผลจับกุมเครือข่ายผู้ร่วมกระทำความผิดทุกระดับและยึดทรัพย์สินของผู้เกี่ยวข้องเพื่อทำลายเครือข่ายตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีและ ผบ.ตร.ต่อไป 

ภาวินันท์ บุตรหล้า รายงาน

ลำปาง-รมว.ทส.เปิดงานวันช้างไทย ประจำปี 2567

วันที่ 13 มีนาคม 2567 พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานเปิดงานวันช้างไทย ประจำปี 2567 โดยมีนายชัชวาลย์ ฉายะบุตร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง กล่าวต้อนรับ นายสุกิจ จันทร์ทอง ผู้อำนวยการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ กล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดงาน พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวงฯ หน่วยงานองค์กรภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน หัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัด อำเภอ และนักท่องเที่ยว เข้าร่วมชมพิธีเปิดงานเป็นจำนวนมาก ณ สถาบันคชบาลแห่งชาติฯ ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง

เนื่องด้วยคณะกรรมการประสานงานการอนุรักษ์ช้างไทย ร่วมกับคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้พิจารณาเลือกวันที่ 13 มีนาคม เป็น “วันช้างไทย” ซึ่งคณะกรรมการได้คัดเลือกสัตว์ประจำชาติ โดยมีมติให้ “ช้างเผือก” เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นไทย และคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบประกาศให้ วันที่ 13 มีนาคม เป็นวันช้างไทย และประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2541  

ในการนี้ สถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ (ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย) องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ จ.ลำปาง หน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงได้จัดงาน “วันช้างไทย ประจำปี 2567” ขึ้น ระหว่างวันที่ 11-13 มีนาคม 2567 โดยมีกิจกรรมที่เล็งเห็นถึงคุณค่าและความสำคัญของช้างไทย เช่น การบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในพื้นที่สถาบันฯ ฮ้องขวัญช้าง ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับช้างที่ล้มไปแล้ว ตักบาตรร่วมกับช้าง ฯลฯ ตลอดจนพิธีเปิดงาน “วันช้างไทย ประจำปี 2567” ในวันที่ 13 มีนาคม 2567 

โอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พลตำรวจเอกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ ประธานในพิธีได้มอบรางวัลการจัดประกวดซุ้มอาหารช้าง และรางวัลควาญช้างดีเด่น ประจำปี 2567 พร้อมทั้งร่วมเลี้ยงอาหารช้างบนสะโตกใหญ่ ร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการ ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่ให้การสนับสนุนการจัดงานวันช้างไทยในครั้งนี้ โดยมีช้างเข้าร่วมพิธีมากกว่า 100 เชือก

ลำปาง-นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนและตรวจเยี่ยมพื้นที่โครงการบริเวณริมแม่น้ำวัง (สะพานดำ)

วันที่ 19 มีนาคม 2567 เวลา 14.00 น.นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมคณะ  ลงพื้นที่จังหวัดลำปางเพื่อตรวจเยี่ยมพื้นที่โครงการบริเวณริมแม่น้ำวัง (สะพานดำ)โดยมีนายไพโรจน์ โล่ห์สุนทร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย นายกิตติกร โล่ห์สุนทร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง(นายสมศักดิ์ เทพสุทิน) นายธนาธร โล่ห์สุนทร ส.ส.ลำปาง เขต 2​ นายชัชวาลย์ ฉายะบุตร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง พร้อมด้วยนายชนาธิป เสมแย้ม นายพัชระ สิมะเสถียร รองผู้ว่าฯลำปาง พล.ต.พรชัย นพรัตน์ ผบ.มทบ.32 น.ส.ตวงรัตน์ โล่ห์สุนทร นายก อบจ.ลำปาง นายธนารัฐ สายเทพ นอภ.เมืองลำปาง หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และชาวลำปางร่วมให้การต้อนรับกว่า 1,000 คน โดยนายกรัฐมนตรี ได้เดินทักทายประชาชนอย่างเป็นกันเอง  

นายกรัฐมนตรี ได้รับฟังบรรยายสรุปทิศทางการพัฒนาจังหวัดลำปาง จากนายชัชวาลย์ ฉายะบุตร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง รับฟังข้อเสนอเรื่องการพัฒนาจังหวัดลำปาง ซึ่งเกินศักยภาพของจังหวัด โดยรับฟังสภาพปัญหาและความต้องการของประชาชนในพื้นที่ จากนั้นนายกิตติกร โล่ห์สุนทร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง , นางสาวตวงรัตน์ โล่ห์สุนทร นายก อบจ.ลำปาง รายงานข้อมูลโครงการ 2 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก พร้อมอาคารป้องกันตลิ่งพัง เลียบแม่น้ำวัง เชื่อมระหว่างตำบลปงแสนทอง - ตำบลสบตุ๋ย อำเภอเมืองลำปาง 2.โครงการปรับปรุงถนนสายทางดอนไชย-กิ่วฝิ่น ทางหลวงท้องถิ่น สายทาง ลป.ถ.1-0040 บ้านดอนไชย-ป่าเหมี้ยง อำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง เขตติดก่อบ้านแม่กำปอง จังหวัดเชียงใหม่ และรับฟังรายงานข้อมูลโครงการปรับปรุงและขยายความยาวทางวิ่งท่าอากาศยานลำปาง โดย นายพิษณุ พิจิตร รักษาราชการแทนผู้อำนวยการท่าอากาศยานลำปาง ภายหลังรับฟังบรรยายสรุปข้อมูล นายกรัฐมนตรีและคณะ ได้ตรวจเยี่ยมพื้นที่โครงการบริเวณริมแม่น้ำวัง

นายเศรษฐา กล่าวว่า การเดินทางมาตรวจราชการและเยี่ยมชาวลำปางในวันนี้ จะได้รับทราบโครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก พร้อมอาคารป้องกันตลิ่งพัง เลียบแม่น้ำวัง เพื่อปรับภูมิทัศน์ตามความเหมาะสม หลังจากรับฟังแล้วขออนุญาตสั่งการลงไป โครงการฯที่เสนอมาในครั้งนี้ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องการ ข้อคิดเห็นของพี่น้องประชาชน ได้พิจารณาสั่งการลงไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงผลสำเร็จในการแก้ไขปัญหาเป็นหลักและใช้งบประมาณอย่างเหมาะสม เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน การแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ขยะมูลฝอย ให้ลำปางเป็นเมืองน่าอยู่ และพร้อมยกระดับจากเมืองรองเป็นเมืองหลักเพราะเรามีครบหมดแล้วขนบธรรมเนียม ประเพณีอาหารอร่อย ขอฝากพี่น้องชาวลำปางทุกคนด้วย

‘ดร.หิมาลัย' เผยข่าวดี!! ‘พีระพันธุ์’ แก้ทุกข์ชาวแม่เมาะต่อเนื่อง ผ่านงบ 82 ลบ. ฟื้นสาธารณูปโภคในพื้นที่อพยพ 5 หมู่บ้าน สานต่อเยียวยา 63 ชาวบ้าน 72 ลบ.

‘ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ’ ย้ำชัด!! คณะทำงานกระทรวงพลังงาน ภายใต้การกำกับรองนายกฯ ‘พีระพันธุ์’ เดินหน้าแก้ปัญหาให้ชาวแม่เมาะอย่างต่อเนื่อง เร่งรัดจ่ายเงิน 72 ล้านบาท ให้ชาวบ้าน 63 ราย สำเร็จไปแล้วเมื่อเดือนมกราคม 67 ที่ผ่านมา หลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านที่เดือดร้อนผ่านสถานียุติธรรมรับเรื่องราวร้องทุกข์ของ ‘พรรครวมไทยสร้างชาติ’ ล่าสุดชาวบ้านได้เฮอีกครั้ง หลังครม.อนุมัติงบกว่า 82 ล้าน แก้ไขปัญหาราษฎร 5 หมู่บ้าน โรงไฟฟ้าแม่เมาะลำปาง เพิ่มเติม 

จากผลการดำเนินการแก้ปัญหา ลงพื้นที่ ช่วยเหลือชาวบ้านในอำเภอแม่เมาะ ที่ได้รับผลกระทบจากโรงไฟฟ้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยคณะทำงานของกระทรวงพลังงาน ภายใต้การกำกับ ของ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานนั้น เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ คณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค) ได้เป็นตัวแทน นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานมอบเช็คเงินสดร่วมกับท่านนายอำเภอแม่เมาะ พร้อมด้วยส่วนราชการ และผู้แทนจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ให้กับชาวบ้าน อำเภอแม่เมาะ จ.ลำปาง จำนวน 63 ราย ตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2562 รวมเป็นเงินทั้งสิ้นกว่า 72 ล้านบาท จาก กฟผ. 

โดยก่อนหน้านี้ ชาวบ้านในพื้นที่ได้ยื่นหนังสือถึงรัฐบาลในสมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อปี 2562 ต่อมาเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2562 ครม.มีมติให้ทาง กฟผ.แม่เมาะ จ่ายเงินให้กับชาวบ้าน รวม 63 ราย จำนวนเงิน 72,800,000 บาท กระทั่งระยะเวลาผ่านไปนานกว่า 5 ปี จนเมื่อเดือน ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา ทางชาวบ้านแม่เมาะหลวง จึงได้มีการทำหนังสือร้องเรียนกับสถานียุติธรรมจังหวัดลำปาง ของพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยผ่าน ดร.นงเยาว์ ปัจจามิตร (เดิม อาทิตยานนท์) อดีตผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดลำปาง เขต 3 โดยนำเรื่องดังกล่าวเสนอตามลำดับชั้นไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เพื่อเร่งรัดช่วยเหลือชาวบ้าน จากนั้นเวลาผ่านไปเพียงแค่สองเดือนกว่า จึงได้มีหนังสือคำสั่งให้ กฟผ.จ่ายเงินให้กับชาวบ้านจำนวนดังกล่าว

ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่า ทางคณะทำงานของกระทรวงพลังงาน ภายใต้การกำกับดูแล ของนายพีระพันธุ์ ได้เร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวแม่เมาะมาอย่างต่อเนื่อง และขับเคลื่อนจนกระทั่งชาวบ้านได้รับการเยียวยาเป็นผลสำเร็จ

และล่าสุด เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา ชาวแม่เมาะได้รับข่าวดีอีกครั้ง เมื่อประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบอนุมัติโครงการผ่านกระทรวงพลังงาน ได้แก่ โครงก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคในพื้นที่รองรับการอพยพราษฎร 5 หมู่บ้าน (เพิ่มเติม) จำนวน 7 รายการ ประกอบด้วยงานก่อสร้างโรงเรียนวัดหัวฝ่าย (เพิ่มเติม), การขยายเขตระบบไฟฟ้าเป็น 2 ข้างทาง, งานก่อสร้างฌาปนสถาน หมู่ที่ 7 สำหรับบ้านสวนป่าแม่เมาะ หมู่ที่ 7 ตำบลบ้านดง, งานปรับปรุงลานคอนกรีต โรงจอดรถ และสาธารณูปโภค ห้องน้ำ ปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณตลาดกลาง และอื่น ๆ, งานก่อสร้างโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) แห่งใหม่ (ทดแทนของเดิม) งานปรับปรุงภูมิทัศน์ งานจัดสร้างบ่อน้ำพุ และระบบไฟฟ้า, โรงจอดรถดับเพลิง 4 คัน พร้อมอาคารสำนักงาน (ทดแทนของเดิม) และ งานจัดหาปริมาณน้ำใช้เพิ่มเติม สำหรับพื้นที่รองรับการอพยพบ้านห้วยคิง

โดยใช้งบประมาณจำนวน 82.58 ล้านบาท จากวงเงินงบประมาณที่ได้รับอนุมัติในหลักการไว้แล้ว ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2556 (เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหาราษฎร 5 หมู่บ้าน ในพื้นที่อำเภอ แม่เมาะ จังหวัดลำปาง ร้องเรียนขออพยพ) จำนวน 2,970.50 ล้านบาท ประกอบด้วย... 

(1) ค่ารื้อย้าย/ค่าชดเชย อพยพราษฎร 5 หมู่บ้าน จำนวน 2,138.00 ล้านบาท 
และ (2) ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคในพื้นที่รองรับการอพยพราษฎร จำนวน 832.50 ล้านบาท 

โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) คาดว่าจะมีค่ารื้อย้าย/ค่าชดเชย เกิดขึ้นจริง จำนวน 1,719.04 ล้านบาท (ซึ่งครอบคลุมเพียงพอกับการจ่ายค่ารื้อย้าย/ค่าชดเชยที่จะเกิดขึ้นในอนาคตแล้ว) และมีงบประมาณคงเหลือ จำนวน 418.96 ล้านบาท

ด้าน ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ คณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้มีอีกหลายโครงการฯ ของ อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปางที่พร้อมดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อน ไม่เพียงเท่านั้น นายพีระพันธุ์ ยังได้ให้ความสำคัญกับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบทั่วประเทศ พร้อมทั้งได้หาแนวทางในการแก้ไขค่าไฟแพง เชื้อเพลิงแพง ได้มีการสั่งการรับเรื่องราว ตั้งสถานียุติธรรมเพื่อรับเรื่องราวร้องทุกข์ของ ‘พรรครวมไทยสร้างชาติ’ ทั่วประเทศ ซึ่งประชาชนสามารถยื่นหนังสือร้องทุกข์ ที่ได้รับผลกระทบในทุก ๆ ด้าน ตามตัวแทนของพรรคฯ ในแต่ละจังหวัดเพื่อเสนอต่อหน่วยงานรัฐมนตรี ที่กำกับดูแล ในแต่ละด้านต่อไป

‘ชาวบ้านดงไชย’ โอด!! ‘วัยรุ่นลำปาง’ มักใช้สวนสาธารณะเคลียร์ปัญหา นัดตบตีแทบทุกวัน-ใช้ปืนขู่-กลางคืนแว้นรถ วอน!! จนท.รุดตรวจสอบ

(14 มิ.ย.67) เป็นเรื่องขึ้นมาอีกจนได้ หลังมีคลิปของนักเรียนหญิง 2 สถาบันดังในลำปางนัดเคลียร์ปัญหากันภายในสวนสาธารณะภิรมย์ธาร ข้างเขื่อนยาง บ้านดงไชย เทศบาลนครลำปาง ซึ่งเป็นที่สาธารณะและมีประชาชนมาออกกำลังกายเกือบตลอดทั้งวันไปยันดึก เนื่องจากมีการติดไฟแสงสว่างทั้งคืน

เมื่อเคลียร์กันไม่ได้จึงใช้กำลังตบตี ถีบ เยาวชนหญิงที่มีเพื่อนมาด้วยน้อยกว่าแบบ 6 รุม 1 โดยมีเพื่อนคอยถ่ายคลิปไว้ ก่อนจะนำไปแชร์ต่อกันและกระจายเป็นวงกว้าง

จากการตรวจสอบพบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นเวลาประมาณ 18.00 น. ภาพจากกล้องวงจรปิดภายในสวนฯ บันทึกไว้ได้ จะเห็นว่ามีนักศึกษา และนักเรียน 2 กลุ่ม โดยกลุ่มที่สวมชุดนักศึกษาจะมีจำนวนมากกว่าคือประมาณ 10 กว่าคน ส่วนฝ่ายนักเรียนมีประมาณ 4 คน ได้มานัดเจอกันที่ทางเดินภายในสวนใกล้ห้องน้ำสาธารณะ

ทั้งหมดได้ยืนพูดคุยกันสักพักก่อนที่จะพากันหลบมุมกล้องเข้าไปด้านข้างห้องน้ำ ซึ่งมีต้นไทรบังอยู่ ไม่นาน..ก็มีนักเรียนหญิงวิ่งออกมา โดยมีกลุ่มนักศึกษาหญิงและเพื่อนวิ่งไล่ตามตบตีถีบล้มลุกคลุกคลานออกมาบริเวณทางเดินหน้าห้องน้ำ โดยมีเพื่อนชาย-หญิงคอยถ่ายคลิปไว้ จากนั้นอีกไม่นานฝ่ายนักศึกษาก็พากันแยกย้ายวิ่งออกจากสวนสาธารณะ เหลือฝ่ายนักเรียน 4 คนยืนอยู่ในที่เกิดเหตุ

จากการสอบถามกลุ่มเพื่อนที่ถูกทำร้ายร่างกาย ทราบว่าก่อนหน้านั้นทั้งคู่เคยเขม่นกันมาก่อน และมีการโพสต์แซะกันไปมา กระทั่งนัดเคลียร์กันที่จุดดังกล่าวแบบตัวต่อตัว แต่เมื่อเริ่มฝ่ายเพื่อนของนักศึกษาก็เข้ามารุมตบตีตามที่เห็นในภาพ แบบ 6 ต่อ 1 จนน้องนักเรียนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย และยังไม่พอหลังเกิดเหตุแล้วฝ่ายนักศึกษาได้มีการโพสต์แซะในเฟซบุ๊กส่วนตัวเหมือนเย้ยฝ่ายตรงข้าม โดยโพสต์เสื้อที่มีรอยเปื้อนคล้ายเลือดและเขียนข้อความว่า…“คนต่อไปคือมึงนะ สุดสวยด้วย”

ทั้งนี้ จากการสอบถามกลุ่มนักศึกษาที่รู้จักกับกลุ่มที่ก่อเหตุรุมทำร้ายร่างกายฝ่ายนักเรียน ทราบว่ามักจะก่อเหตุในลักษณะนี้และมีการถ่ายคลิปเก็บไว้และส่งไปให้เพื่อนดูจนมาครั้งนี้คลิปเกิดหลุดออกมา

ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่บ้านดงไชยและอยู่ใกล้สวนสาธารณะฯ วอนเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบเข้มงวดมากขึ้น เพราะทุกวันนี้ชาวบ้านเอือมระอากับเยาวชนทั้งชาย-หญิง ที่มักจะใช้โซนเหนือ และโซนใต้ของสวนสาธารณะเป็นที่เคลียร์ปัญหา นัดชกต่อยตบตีกันแทบทุกวัน บางรายใช้ปืนยิงขู่ กลางคืนก็แว้นรถ ซึ่งสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้ชาวบ้านมาก บางวันต้องแจ้งตำรวจ 2-3 รอบ ตำรวจก็มาบ้างไม่มาบ้าง และแค่ตักเตือนเพราะเป็นเยาวชน

ล่าสุดกลุ่มเยาวชนหญิงก็มาตบตีกัน ครั้งนี้อาจจะใช้แค่กำลัง หากอนาคตมีการใช้อาวุธเกิดขึ้นก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งจะเห็นว่าเยาวชนไม่กลัวอะไรเลยแม้ว่าสวนสาธารณะจะมีการปรับปรุงดีขึ้นกว่าเดิม เพิ่มไฟส่องสว่างตลอด 24 ชั่วโมงก็ยังไม่กลัวกันเลย

‘ผู้กองเบนซ์’ ยูทูบเบอร์ดัง ขับรถชนคุณตาวัย 70 ดับสลด เจ้าตัวเสียใจ!! พร้อมประกาศหยุดความเคลื่อนไหวในเพจ

(14 ก.ค.67) ตำรวจ สภ.เถิน จ.ลำปาง รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถชน มีผู้เสียชีวิต บริเวณหน้าวัดดอยน้อย ถนนซูเปอร์ไฮเวย์ ขาล่อง เขตบ้านดอนไชย ต.ล้อมแรด อ.เถิน จ.ลำปาง จึงประสานร้อยเวรสอบสวน แพทย์นิติเวช รพ.เถิน และกู้ภัยล้อมแรด กู้ภัยออมบุญเถิน ร่วมตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบรถเก๋ง สีดำ ชนกับรถจักรยานยนต์ ฮอนด้าดรีม สีดำ ล้มอยู่กลางถนน ใกล้กันพบร่างผู้เสียชีวิตเป็นชายอายุประมาณ 70 กว่าปี ชาวบ้านท่าผา ต.แม่ปะ อ.เถิน ไม่พบเอกสารหลักฐานในตัว เจ้าหน้าที่จึงร่วมชันสูตรเบื้องต้น ก่อนนำส่งที่ รพ.เถิน

ส่วนคนขับรถเก๋ง ทราบต่อมาว่าคือ ผู้กองเบนซ์ ยูทูบเบอร์ชื่อดัง หรือ ร.ต.อ.สี่ทิศ อ่ำถนอม อายุ 37 ปี หลังเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้ว ได้เดินทางไปยัง สภ.เถินทันที

เหตุการณ์นี้ ผู้เสียชีวิตขี่รถจักรยานยนต์ผ่านร่องกลางถนน เพื่อจะข้ามฝั่ง ขณะที่รถเก๋งขับมาทางตรง รถจักรยานยนต์ได้พุ่งออกจากร่องกลางถนนกะทันหัน เป็นเหตุให้รถชนกันดังกล่าว ซึ่งตำรวจได้สอบสวนอย่างละเอียดต่อไป

สำหรับผู้กองเบนซ์ ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเพจ Capt.Benz ด้วยว่า 

‘ผมประสบอุบัติเหตุรถยนต์นะครับ กำลังตกใจและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอหยุดความเคลื่อนไหวในเพจชั่วคราวครับ’

'ชามตราไก่ลำปาง' วิกฤต!! จีนทำขายเหมือนเป๊ะ ใบละ 5 บาท แถมส่งถึงที่ ด้านโรงงานเซรามิกในลำปางโอด เจอจีนตีด้วยออนไลน์ วูบร่วม 200 รง.

(13 ส.ค.67) จากกรณีมีสินค้าหลากหลายรูปแบบ ส่งตรงมาจากจีน เข้ามาตีตลาดสินค้าเกือบทุกชนิด ส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการที่เป็นชาวไทยโดยตรง และหนีไม่พ้นผู้ประกอบการเซรามิกลำปางที่โดนผลกระทบอย่างหนัก ทำให้ผู้ประกอบการเซรามิกขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีกว่า 300 โรงงาน ต้องหยุดไปแล้วกว่า 200 โรงงาน เพื่อรอดูท่าที และรอความหวังว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น

ล่าสุดวันนี้ นายปรีชา ศรีมาลา นายกสมาคมเครื่องปั้นดินเผาจังหวัดลำปาง เปิดใจว่า สถานการณ์ของผู้ประกอบการเซรามิกย่ำแย่ที่สุด อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แม้จะผ่านวิกฤตช่วงโควิด19 รวมไปถึงค่าแรง ค่าขนส่ง ค่าวัสดุอุปกรณ์ ต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นมาได้บ้าง ซึ่งที่ผ่านมาทางจังหวัด ท่านผู้ว่าฯ นายกอบจ.ลำปาง และภาคส่วนต่าง ๆ ต่างยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือประคับประคองกันมาได้

จนกระทั่ง 2-3 เดือนมานี้ พบว่าการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์จากประเทศจีนส่งถึงมือลูกค้าในราคาที่ถูกมาก เกิดจากจีนไม่สามารถขายสินค้าทางยุโรปได้ จึงเบนเข็มเข้ามาสู่ตลาดอาเซียน โดยเฉพาะประเทศไทยด้วย เป็นสินค้าที่นำมาระบาย เรียกว่าการ Dumping ราคา ส่งผลให้ผู้ประกอบการโรงงานเซรามิกขนาดกลางและขนาดเล็กได้รับผลกระทบโดยตรง และเริ่มชะลอตัวหยุดการผลิตไปก่อนเพราะทำไปก็ยิ่งขาดทุน รายจ่ายเพิ่มขึ้นแต่รายรับไม่มี

“ก่อนโควิดเรามีเซรามิก 328 โรงงาน จากการลงพื้นที่สำรวจช่วงปลายปี 66 ที่ผ่านมา พบผู้ประกอบการที่เหลือประกอบการจริงเพียง 89 โรงงาน ในส่วนที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ สาเหตุที่หายไป เพราะหยุดดำเนินกิจการไปบ้าง และหยุดเพื่อดูสถานการณ์ของตลาดว่าเมื่อไรจะดีขึ้น ทุกวันนี้ยังรอความหวังจากนโยบายของรัฐบาลว่าจะทำอย่างไรให้เศรษฐกิจฟื้นฟูขึ้น”

นายกสมาคมเครื่องปั้นฯ กล่าวว่า ดังนั้นผู้ประกอบการเซรามิกลำปางที่อ่อนแอมาตั้งแต่ช่วงโควิดแล้วจึงไปไม่ไหว ทั้งที่หน่วยราชการในจังหวัดให้การช่วยเหลือกันเต็มที่ แต่ยังไม่เพียงพอ ฉะนั้นรัฐบาลควรต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อปกป้องหัตถอุตสาหกรรมพื้นฐานของท้องถิ่น โดยเฉพาะเซรามิกลำปาง ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน มีแหล่งแร่ดินขาวผลิตเซรามิกชั้นดีที่บ้านปางค่า อ.แจ้ห่ม ไม่เช่นนั้นเซรามิกลำปางถึงขั้นสูญพันธุ์แน่นอน

“ตอนนี้เราโดนซ้ำเติมจากสินค้าภายนอก โดยเฉพาะสินค้าจีนที่เข้ามาตีตลาดไทย ถ้วยตราไก่ เป็นสินค้า GI ของ จ.ลำปาง ใช้แหล่งดินที่ จ.ลำปาง มีสัญลักษณ์รูปไก่ ต้นกล้วย ดอกโบตั๋น บ่งบอกถึงการเป็นอัตลักษณ์ของ จ.ลำปาง ต้นทุนผลิตอยู่ที่ 20 บาท บางรายก็ขายราคาทุน หรืออาจจะเพิ่มขึ้นนิดหน่อย แต่สินค้าจีนที่เป็นถ้วยชามคล้ายกันเข้ามาขายในออนไลน์ เพียง 5 บาท ไม่พอยังส่งถึงที่ด้วย และยังมีสินค้าหัตถอุตสาหกรรมหลายประเภทที่เป็นอัตลักษณ์ของจังหวัดที่โดนกระทบเหมือนกันหมด เหตุเพราะรัฐบาลปล่อยให้จีนเข้ามาโดยไม่มีการควบคุม อยากวิงวอนให้รัฐบาล เร่งแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วนไม่เช่นนั้นจะส่งผลกระทบเป็นแบบลูกโซ่ไปทั่ว”

'ประธานกิตติมศักดิ์สภาอุตฯ ลำปาง' เปิด 7 ข้อเท็จจริง 'ชามตราไก่ลำปาง' ยัน!! ด่ากราดจีน ผ่านปมชามละ 5 บาท เป็นเรื่องเอาแพะกับแกะมาผสมกัน

(14 ส.ค.67) จากกรณีการพบชามตราไก่ นำเข้าจากจีน ขายในประเทศไทย และพบผลกระทบอย่างหนัก ทำให้ผู้ประกอบการเซรามิกขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีกว่า 300 โรงงาน ต้องหยุดไปแล้วกว่า 200 โรงงาน เพื่อรอดูท่าที และรอความหวังว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น

ด้าน นายอธิภูมิ กำธรวรรินทร์ ประธานกิตติมศักดิ์สภาอุตสาหกรรมจังหวัดลำปาง โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า วันสองวันนี้มีประเด็นเรื่อง เซรามิกลำปาง ย่ำแย่ผลมาจากการทุ่มตลาดของจีนทำชามไก่เหมือนลำปางขายใบละ 5 บาท ผมคิดว่ารายละเอียดมีความคลาดเคลื่อนค่อนข้างมากทีเดียว ขอให้รายละเอียดเกี่ยวกับเซรามิกลำปางโดยเฉพาะชามไก่ลำปาง และปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ดังนี้

1. ลายไก่ลำปางเดิมไม่ใช่ของลำปาง แต่มีที่มาจากประเทศจีน ซึ่งชาวจีนที่มาตั้งรกรากในลำปางได้นำลายไก่จากจีนมาผลิตที่ลำปางด้วย เพราะลำปางมีแหล่งดินขาวที่สามารถผลิตเป็นเซรามิกได้ใกล้เคียงกับจีน

2. ไม่ว่าชามไก่ของจีนในสมัยก่อน หรือชามไก่ของลำปางในสมัยก่อน จะเขียนลายด้วยมือ แต่ในปัจจุบันการผลิตชามไก่ของจีนจะใช้รูปลอกเซรามิกแทนการเขียนลาย จึงมีความเหมือนของลวดลายไก่ทุกใบ แต่ชามไก่ของลำปางในปัจจุบันยังนิยมเขียนลายด้วยมือเหมือนเดิม ที่ทุกใบมีความแตกต่างกัน

3. ชามไก่จีนใบละ 5 บาท ผมคิดว่า เป็นเรื่องเอาแพะกับแกะมาผสมกัน แล้วมองว่าเหมือนกัน แต่ในข้อเท็จจริง ชามใบละ 5 บาทเป็นสินค้าที่มีตำหนิมาก เน้นขายถูกและไม่มีลวดลายอะไร หากมีตำหนิน้อยจะขายแพงขึ้นและการโฆษณาว่าเซรามิกใบละ 5 บาท เพื่อผลในการดึงดูดลูกค้าเข้าร้านมากกว่าจะขายใบละ 5 บาทอย่างจริงจัง

4. ผมอยู่กับเซรามิกลำปางมาเกือบ 30 ปี เห็นความเปลี่ยนแปลงมาตลอด และเห็นปัญหาของเซรามิกลำปางมาตลอด ความเป็นจริงของเซรามิกลำปางคือยิ่งขายยิ่งถูก ยิ่งผลิตคุณภาพยิ่งต่ำ ด้วยสองเหตุผลหลักคือ 4.1 วัตถุดิบต้นน้ำและต้นทุนผลิตเราสู้จีนไม่ได้ 4.2 ผู้ผลิตในลำปางแข่งขันกันเองทั้งแข่งขันด้านราคาและแข่งขัน ในการลดต้นทุนการผลิต ทั้งที่ต้นทุนการผลิตของไทยสูงมากอยู่แล้ว

5. อาจจะมีบางส่วนที่สินค้าจีนไม่ได้คุณภาพในเรื่องของสารพิษที่มีจากรูปลอกบนเคลือบอุณหภูมิต่ำ แต่ไม่ได้มีสารพิษทุกชิ้น ซึ่งเรื่องนี้ต้องตรวจสอบผลิตภัณฑ์

6. ตั้งแต่มกราคม - พฤษภาคม 2567 มีการนำเข้าเซรามิกจากจีนมากกว่า 3,000 ตันในราคาเฉลี่ย 8.96 บาทต่อกิโลกรัม (ดูตารางประกอบ) ปล.ราคาที่แจ้ง 8.96 บาทต่อกิโลกรัม เป็นราคาสำแดงขณะนำเข้า ซึ่งข้อเท็จจริงราคาต้องสูงกว่านี้

7. สิ่งที่มาตามถนนหรือจะสู้สิ่งที่ข้ามเขาลงห้วยมาจากป่า นั่นหมายความว่าข้อเท็จจริงมีการนำเข้าจากจีนมากกว่าที่แสดง แต่ไม่มีการลงบันทึกตามพิธีการศุลกากร ประเมินนำเข้ามามากกว่านี้ 2-3 เท่าของที่สำแดงตามตาราง นั่นแปลว่าเซรามิกจากจีนเข้ามาท่วมตลาดและเข้ามาแข่งขันกับผู้ประกอบการในประเทศอย่างหนัก

ทั้ง 7 ข้อเป็นข้อเท็จจริงในเบื้องต้นที่ทำให้เซรามิกที่ผลิตในประเทศสู้จีนไม่ได้ ไว้จะมาเพิ่มเติมรายละเอียดเจาะลึกให้อีกครั้งครับ

ปิดฉากงดงาม!! งานแสดงพันธุ์ไม้ 'งามล้ำค่า บุปผาราชินี สมเด็จพระพันปีหลวง' 9 วัน โกยยอดเข้าชม 55,498 คน กระตุ้นท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ลำปางคึกคัก

(22 ส.ค.67) นางสาวตวงรัตน์ โล่ห์สุนทร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง เปิดเผยถึงการจัดงานนิทรรศการแสดงดอกกล้วยไม้และพันธุ์ไม้สวยงาม ‘Lampang Orchid Festival 2024 :งามล้ำค่า บุปผาราชินี สมเด็จพระพันปีหลวง' เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาครบรอบ 92 พรรษา 12 สิงหาคม 2567 โดยระบุว่า...

การจัดงานในครั้งนี้ กล่าวได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ทั้งในแง่การแสดงออกถึงความจงรักภักดีและเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระพันปีหลวง รวมทั้งในแง่ของผู้เข้าร่วมชมงาน ซึ่งระบบตรวจนับคนเข้างาน AI ได้เก็บข้อมูลตลอด 9 วัน ตั้งแต่วันที่ 10-18 สิงหาคม 2567 พบว่ามียอดรวมทั้งสิ้นถึง 55,498 คน

ขณะเดียวกัน การจัดงานในครั้งนี้ ยังมีส่วนส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และการท่องเที่ยวเชิงเกษตรในจังหวัดลำปาง พร้อมกับสร้างการตระหนักถึงความสำคัญของกล้วยไม้ เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดลำปาง ตามแผนยุทธศาสตร์จังหวัดลำปาง รวมถึงส่งเสริมและอนุรักษ์กล้วยไม้โดยการประกวดกล้วยไม้ให้กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงกล้วยไม้และประชาชนทั่วไปที่มีความสนใจในการเลี้ยงกล้วยไม้ ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ในเรื่องของความสวยงามและความหลากหลายของกล้วยไม้พันธุ์ต่าง ๆ ในประเทศไทยอีกด้วย

สำหรับ ผลการประกวดกล้วยไม้ ประเภทเจริญทางข้างและเจริญทางยอด อันดับหนึ่งได้แก่ คุณชัยภัทร ศรีรักษา จากกลุ่มกล้วยไม้นครปฐม ส่วนการประกวด กล้วยไม้แคทลียาควีนสิริกิติ์ อันดับหนึ่ง ได้แก่ คุณสุพันสา ขำทอง จากสวนกัปตันออร์คิดส์

“การจัดงานในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกของจังหวัดลำปาง และเขตจังหวัดภาคเหนือ ที่มีการรวบรวมพันธุ์กล้วยไม้หายาก และพันธุ์ไม้นามพระราชทาน นำมาจัดแสดงให้กับประชาชนได้สัมผัสความงดงาม ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก และทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง จะพยายามจัดงานอย่างต่อเนื่องทุกปี เพราะถือว่าเป็นโครงการดี ๆ เรามีความตั้งใจจัดขึ้น ซึ่งสร้างประโยชน์หลากหลายด้าน ทั้งในด้านส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และการท่องเที่ยวเชิงเกษตร ที่สำคัญคือได้สร้างการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจสู่จังหวัดลำปางนั่นเอง”

สาวสั่งข้าวซอย ผงะ!! เจอ ‘หมูดิบ’ แม่ค้าแก้ปัญหา ด้วยการเติมน้ำร้อนให้

(15 ธ.ค. 67) กลายเป็นโพสต์ไวรัลวิจารณ์สนั่น เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กบัญชี คุกกี้ซ์ โพสต์แชร์ประสบการณ์ทานอาหารที่จำไม่รู้ลืม ลงใน กลุ่มพวกเราคือผู้บริโภค

แนบภาพอาหารขึ้นชื่อทางภาคเหนืออย่าง ข้าวซอย ทว่าอาหารจานดังกล่าวในภาพ กลับเห็นหมูสีชมพูสดชันเจน ลักษณะคือ หมูยังมีเนื้อบางส่วนที่ไม่สุก หรือ สุกไม่ทั่วกันทั้งชิ้น

โดยเธอเขียนข้อความเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ระบุว่า ‘ข้าวซอยหมู ณ ร้านข้าวซอยแห่งหนึ่งในลำปาง’

‘จะกินอะไรก็ดูกันดี ๆ ก่อนกินนะคะ นี่แจ้งทางร้านไปแล้ว ปรากฎเขาเทน้ำมาเพิ่ม น้ำปริ่มขอบเลย คงกะเพิ่มความร้อนให้มันสุก แต่มันก็ยังแดงค่ะ ทำไมไม่เอาไปลวกใหม่สุก ๆ มาให้นะ งง’

ทั้งนี้ การทานหมูดิบมีอันตรายต่อร่างกาย อาจเสี่ยงติดเชื้อโรคไข้หูดับได้ อาการอาจรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้

ทำให้โซเชียลต่างเข้ามาคอมเมนต์วิพากษ์วิจารณ์จวกร้านกันสนั่น ทั้งความประมาทในการประกอบอาหาร และวิธีการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกต้อง ไม่ถูกสุขอนามัย พร้อมเรียกร้องให้ทางร้านออกมาชี้แจง และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบเพื่อให้มีมาตรฐานความปลอดภัยที่เหมาะสม

มีความคิดเห็นส่วนหนึ่งจากโลกโซเชียล ยกตัวอย่างเช่น 

เป็นเราจ่ายตังแล้วเดินออกเลย หมูไม่สุกแบบนี่เสี่ยงเป็นไข้หูดับ

ข้าวซอยสูตรไหน สีแบบนี้ แล้วข้าวซอยหมูก็ไม่เคยเจอนะ เจอแต่ไก่กับเนื้อ ร้านทำไมมักง่ายแบบนี้

งานหยาบมาก

ข้าวซอยหมูหูดับ

หูจะดับเอานะคะ คืนเขาเถอะค่ะ

โหยอันตรายมาก!!! หมูนะไม่ใช่เนื้อจะเน้นสดๆมันไม่ใช่555

เราคนลำปางกินข้าวซอยมาก็หลายร้านแต่ไม่เคยเห็นแบบนี้เลยค่ะ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top