Sunday, 20 April 2025
ร้านทำผม

‘ตอลิบาน’ สั่งปิด ‘ร้านเสริมสวย-ทำผม’ ทุกแห่งในอัฟกานิสถาน ชี้!! เป็นเหตุเพิ่มภาระแก่ครอบครัวยากจน-ขัดต่อหลักศาสนา

(27 ก.ค. 66) คาบูล (เอเอฟพี/รอยเตอร์) ร้านเสริมสวยและร้านทำผมจำนวนมากทั่วอัฟกานิสถานปิดเป็นการถาวรตั้งแต่เมื่อวันอังคาร ตามคำสั่งของรัฐบาลตอลิบานที่ประกาศเมื่อเดือนมิถุนายน

เจ้าของร้านเสริมสวยและร้านทำผมหลายแห่งในกรุงคาบูล เริ่มเก็บข้าวของแกะแผ่นโฆษณาที่ติดบริเวณด้านหน้าร้านออก เพื่อเตรียมปิดกิจการเป็นการถาวร เช่นเดียวกับร้านเสริมสวยทั่วประเทศที่จำเป็นต้องเลิกกิจการ หลังจากกระทรวงส่งเสริมศีลธรรมและป้องกันสิ่งชั่วร้ายของอัฟกานิสถาน มีคำสั่งเมื่อปลายเดือนมิถุนายนให้ร้านเสริมสวยทุกแห่งทั่วประเทศปิดร้านภายในวันที่ 25 กรกฎาคม ให้เหตุผลว่าเงินที่ใช้จ่ายไปกับการเสริมสวยเป็นภาระให้แก่ครอบครัวยากจน และการเสริมสวยบางอย่างขัดต่อหลักศาสนา กระทรวงระบุว่า การแต่งหน้ามากเกินไปเป็นอุปสรรคต่อการชำระล้างก่อนละหมาด และได้ห้ามการต่อขนตาและการทอผมด้วย

ร้านเสริมสวยผุดขึ้นทั่วกรุงคาบูลและหลายเมืองในอัฟกานิสถานตลอดช่วง 20 ปี ที่กองกำลังนานาชาตินำโดยสหรัฐฯ เข้ายึดครองอัฟกานิสถาน โดยเป็นทั้งสถานที่พบปะสังสรรค์และแหล่งทำมาหากินของบรรดาผู้หญิง หอการค้าและอุตสาหกรรมสตรีอัฟกานิสถานประเมินว่า คำสั่งปิดร้านเสริมสวย 12,000 แห่งเป็นการถาวรจะทำให้ผู้หญิงกว่า 60,000 คนสูญเสียรายได้ สัปดาห์ที่แล้ว ทางการได้ยิงปืนขึ้นฟ้าและใช้สายดับเพลิงฉีดสลายกลุ่มผู้หฯิงจำนวนหนึ่งที่ชุมนุมประท้วงคำสั่งปิดร้านเสริมสวย

บรรดาเจ้าของกิจการร้านเสริมสวยและร้านทำผม บอกว่าปลงกับชีวิต เคยผ่านเรื่องราวแบบนี้มาแล้วสมัยตอลิบานเรืองอำนาจเมื่อกว่า 20 ปีก่อน ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นอีกครั้ง อีกคนบอกว่าขอเรียกร้องให้ตอลิบานเปิดพื้นที่ให้ผู้หญิงได้ทำมาหากินบ้าง เพราะผู้หญิงก็เป็นส่วนหนึ่งของสังคมอัฟกันเหมือนกับผู้ชาย

ทั้งนี้ นับตั้งแต่ยึดอำนาจและตั้งตนขึ้นเป็นรัฐบาลในเดือนสิงหาคม 2021 รัฐบาลตอลิบานได้สั่งห้ามเด็กหญิงและสตรีไปโรงเรียนและมหาวิทยาลัย ห้ามไปสวนสาธารณะ สวนสนุก สถานออกกำลังกาย และสั่งให้ต้องปกปิดร่างกายเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ รวมถึงต้องมีผู้ชายที่เป็นคนในครอบครัวอยู่ด้วยหากต้องเดินทางไกล

สืบ ตม.1 แท็กทีม สน.คลองตัน บุกตรวจร้านทำผมชื่อดังถนนสุขุมวิท รวบผีน้อยเกาหลี 4 ราย ถือวีซ่าท่องเที่ยวแอบตัดผมฉ่ำ

(15 ม.ค. 68) พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดยกระดับการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม โดยเฉพาะความผิดที่เกี่ยวกับคนเข้าเมือง ซึ่งเป็นความรับผิดชอบหลักของ สตม. โดยสั่งการและกำชับให้เพิ่มความเข้มในการตรวจสอบบังคับใช้กฎหมาย  โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่รับผิดชอบงานสืบสวนเน้นลงพื้นที่ X-RAY ตรวจสอบป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดอย่างต่อเนื่อง บก.ตม.1 โดย พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ระพีพัฒน์ อุตสาหะ รอง ผบก.ตม.1 รับผิดชอบงานตรวจคนเข้าเมืองในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้รับการประสานงานจาก สน.คลองตัน โดย พ.ต.อ.วชิรากรณ์ วงศ์บุญ ผกก.สน.คลองตัน เกี่ยวกับเบาะแสของร้านทำผมชื่อดังแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิทตอนกลางจึงสั่งการให้ พ.ต.ท.สุริยะ พ่วงสมบัติ รอง ผกก.สืบสวน พร้อมชุดปฏิบัตินำโดย พ.ต.ท.ทวีทรัพย์ ชัยภูมิ สว.กก.สืบสวน บก.ตม.1, พ.ต.ท.ธงไทย ไพเราะ สว.กก.สืบสวน บก.ตม.1 ร่วมกับ พ.ต.ท.ธนากร งามเย็น รอง ผกก.ป.สน.คลองตันพร้อมกำลังนับสิบนายลงพื้นที่ตรวจสอบ ในวันที่ 14 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา 

สำหรับพฤติการณ์ในการจับกุม เจ้าหน้าที่เดินทางไปถึงบริเวณสถานประกอบการตามที่ได้รับเบาะแส ในเวลาประมาณ 15.30 น. เมื่อขึ้นไปชั้น 2 จะมีห้องสำหรับทำผม และเปิดประตูเข้าไป  เจ้าหน้าที่ตำรวจพบทั้งลูกค้าคนไทยและต่างชาติกำลังรับบริการตัดแต่งและจัดทรงผมเป็นจำนวนมาก ลูกค้าบางส่วนยังเข้าคิวรอรับบริการอยู่ โดยมีช่างตัดแต่งทรงผมทั้งที่เป็นชาวไทยและที่มีลักษณะรูปพรรณคล้ายชาวต่างชาติเอเชียตะวันออกอีกหลายราย เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แสดงตนเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ และเจ้าพนักงานตาม พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ฯ ขอตรวจสอบเอกสารประจำตัวและใบอนุญาตทำงานของช่างทำผมที่กำลังทำหน้าที่อยู่ทั้งหมด ผลการตรวจสอบจึงพบว่า ช่างทำผมมีสัญชาติเกาหลี 4 คน เป็นชาย 2 และหญิง 2 ดังนามสมมติต่อไปนี้ MR.LEE สัญชาติเกาหลีใต้ อายุ 25 ปี, MR.KIM สัญชาติเกาหลีใต้ อายุ 30 ปี, MS.JIYOEN สัญชาติเกาหลีใต้ อายุ 25 ปี, MS.JI HYE สัญชาติเกาหลีใต้ อายุ 24 ปี และยังพบหญิงสัญชาติเมียนมา 1 คน คือ MS.THIN THIN สัญชาติเมียนมา อายุ 33 ปี โดยชาวเกาหลีใต้ทั้ง 4 รายเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทยด้วยการผ่อนผันการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยว 90 วันซึ่งจะไม่สามารถทำงานได้ ส่วนชาวเมียนมาอีก 1 รายนั้นมีใบอนุญาตทำงานแต่ขณะเจ้าหน้าที่ตรวจสอบกำลังทำผมให้กับลูกค้าซึ่งอาชีพการทำผม ตัดผม เสริมสวย เป็นหนึ่งในงานต้องห้ามทำโดยเด็ดขาด ตามประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง กำหนดงานที่ห้ามคนต่างด้าวทำ เช่นเดียวกับ งานเร่ขายสินค้า และงานนวดไทย เป็นต้น เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาผู้ต้องหาชาวเกาหลีใต้ทั้งหมดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน”  และแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาชาวเมียนมาในข้อหา เป็นบุคคลต่างด้าวได้รับอนุญาตให้ทำงาน ทำงานนอกเหนือสิทธิ์ที่จะกระทำได้ ควบคุมตัวส่ง พงส.สน.คลองตัน ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ผู้สื่อข่าวกล่าวสอบถาม พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1 ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า การประกอบอาชีพสงวนที่ต้องห้ามเด็ดขาดตามกฎหมายว่าด้วยการทำงานของคนต่างด้าว หากถูกจับกุม นอกจากจะมีโทษปรับตามกฎหมายคือตั้งแต่ 5,000-50,000 บาทแล้ว จะมีผลไปถึงการถูกบันทึกรายชื่อเป็นบุคคลต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง และผลักดันออกไปนอกราชอาณาจักรนอกจากนี้ยังขอฝากประชาสัมพันธ์พี่น้องประชาชนผ่านผู้สื่อข่าวว่า สตม. เป็นองค์กรบังคับใช้กฎหมายที่มาตรฐานสากลในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามคนต่างด้าวที่เข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย และทำความผิดอื่นๆ ทั้งนี้หากท่านใดพบเห็นเบาะแส การกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารพระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่   อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ จักขอบพระคุณยิ่ง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top