‘อินเดีย’ร่วมทุนกับ ‘รัสเซีย’ ตั้ง Indo-Russia Rifles Private Limited (IRRPL) โรงงานผลิตปืนเล็กยาวตระกูล AK ในเมือง Korwa เขต Amethi รัฐอุตตรประเทศ
(7 ก.ค.67) แรกเริ่มเดิมที กองทัพอินเดียได้ทำการผลิตปืนเล็กยาวบรรจุกระสุนเองแบบ L1A1 ซึ่งได้ลิขสิทธิ์ผลิตในประเทศในช่วงปลายทศวรรษปี 1950 ต่อมาช่วงกลางทศวรรษปี 1980 กองทัพอินเดียตัดสินใจพัฒนาปืนเล็กยาวขนาด 5.56×45 มม. (กระสุนมาตรฐาน NATO) เพื่อทดแทนปืนเล็กยาวที่ได้เลิกผลิตไปแล้ว โดยสถาบันวิจัยและพัฒนาอาวุธ (ARDE) เมือง Pune ได้ออกแบบปืนเล็กยาว INSAS ของอินเดียเอง และกองทัพอินเดียนำมาใช้ในปี 1990 และกลายเป็นปืนเล็กยาวจู่โจมมาตรฐานของทหารราบสังกัดกองทัพบกอินเดีย อย่างไรก็ตาม เพื่อยุติการใช้ปืนเล็กยาว Lee–Enfield แบบลูกเลื่อนที่ยังใช้งานในกองทัพอินเดียอยู่ให้เร็วที่สุด ในช่วงปี 1990–92 อินเดียจึงต้องจัดหาปืนเล็กยาวตระกูล AKM ขนาด 7.62×39 มม. จำนวน 100,000 กระบอกจากรัสเซีย ฮังการี โรมาเนีย และอิสราเอล
ในช่วงแรกปืนเล็กยาว INSAS สร้างขึ้นโดยใช้คุณสมบัติที่หยิบยืมมาจากปืนเล็กยาวหลายรุ่น ทั้งไม่ได้ออกแบบและผลิตขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะของกองกำลังรักษาความมั่นคงของอินเดีย แม้ว่า ปืนเล็กยาว INSAS จะรับใช้กองทัพอินเดียนานกว่า 30 ปี แต่ก็เริ่มล้าหลังเมื่อพิจารณาถึงความต้องการของสงครามสมัยใหม่ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ปืนเล็กยาว INSAS ต้องอยู่ภายใต้การตรวจสอบที่มากขึ้น ด้วยปัญหาหลายประการที่เกิดขึ้นจากการใช้งานของกองกำลังในแนวหน้าซึ่งกลายเป็นอุปสรรคขัดขวางการปฏิบัติการ ตัวอย่างเช่น แม็กกาซีนพลาสติกของปืนเล็กยาว INSAS แตกร้าวซ้ำแล้วซ้ำเล่าในสภาพอากาศที่หนาวเย็น และมีรายงานว่า ปืนเล็กยาว INSAS ร้อนมากจนเกินไปในระหว่างการสู้รบที่ยาวนาน จึงทำให้การทำงานของปืนเล็กยาว INSAS ผิดปกติ จนปืนเล็กยาวรุ่นนี้ไม่น่าเชื่อถือสำหรับปืนเล็กยาวมาตรฐานทั่วไป
สืบเนื่องมาจากความขัดข้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหล่านี้ ในเดือนเมษายน 2013 รัฐบาลอินเดียจึงต้องเปลี่ยนปืนเล็กยาว INSAS ของกองกำลังตำรวจติดอาวุธกลาง (CRPF) ด้วยปืนเล็กยาวรุ่น AKM เพื่อให้มั่นใจว่า CRPF จะประสบความสำเร็จมากขึ้นในการต่อสู้กับกลุ่ม Naxalites ดังนั้น จากความล้มเหลวเหล่านี้และความต้องการปืนเล็กยาวที่เปลี่ยนไปของกองกำลังติดอาวุธของอินเดีย จึงมีการประกาศในช่วงต้นปี 2017 ว่า ปืนเล็กยาว INSAS จะถูกปลดประจำการ และแทนที่ด้วยปืนเล็กยาวที่สามารถยิงกระสุนขนาด 7.62×51 มม. ของ NATO ได้
แต่ด้วยความสัมพันธ์อันใกล้ชิดและยาวนานระหว่างอินเดียและรัสเซีย โดยเฉพาะความสัมพันธ์ทางทหาร อินเดียและรัสเซียจึงร่วมทุนกันจัดตั้ง Indo-Russia Rifles Private Limited (IRRPL) โรงงานผลิตปืนเล็กยาวตระกูล AK ขึ้นในประเทศอินเดีย โดย IRRPL เป็นการร่วมทุนระหว่าง 4 บริษัท ณ ปี 2023 AWEIL (อินเดีย) ถือหุ้นที่ 42.5% Munitions India Limited (อินเดีย) ถือหุ้น 8% Kalashnikov Concern (รัสเซีย) ถือหุ้น 42% และ Rosoboronexport (รัสเซีย) ถือหุ้น 7.5% และได้รับอนุญาตสิทธิบัตรให้ผลิตปืนเล็กยาวจู่โจม AK-203 จำนวน 600,000 กระบอก ซึ่งใช้กระสุนขนาด 7.62×39 มม. สำหรับ AK-203 เป็นปืนเล็กยาวจู่โจมรุ่น 200 ซีรีส์ที่ได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัยและเป็นรุ่นหนึ่งของปืนเล็กยาวจู่โจม AK-Pattern ของรัสเซียในปัจจุบัน ซีรีส์ 200 นั้นอิงรายละเอียดทางเทคนิคจากปืนเล็กยาวตระกูล AK-100 และปืนเล็กยาวรุ่น AK-12 ซึ่งมีราคาแพงกว่า โดยปืนเล็กยาว AK-203 เป็นปืนเล็กยาวจู่โจมรุ่นใหม่ล่าสุดที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดจากปืนเล็กยาว AK-47 ของอดีตสหภาพโซเวียตหรือรัสเซียในปัจจุบัน
ในระหว่างงาน Defense Expo 2020 ที่เมืองลัคเนา พลตรี Sengar (อดีต CEO และกรรมการผู้จัดการ) ประกาศว่าโรงงาน IRRPL ในเมือง Amethi จะผลิต AK-203 ได้ 75,000 กระบอกต่อปีเป็นเวลา 10 ปี โดยผลิตปืนเล็กยาว AK-203 จำนวน 670,000 กระบอกสำหรับกองทัพอินเดีย การผลิตปืนเล็กยาว AK-203 เริ่มเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2023 ในเดือนพฤษภาคม 2024 ปืนเล็กยาวชุดแรกจำนวน 27,000 กระบอกได้รับการส่งมอบ ในขณะที่อีกชุดหนึ่งจำนวน 8,000 กระบอกจะได้รับการส่งมอบในเดือนกรกฎาคม 2024 รวม 35,000 กระบอก ปัจจุบัน พลตรี SK Sharma, SM (Bar), VSM จากกองทัพบกอินเดีย ทำหน้าที่เป็น CEO และกรรมการผู้จัดการ โดยมีผู้บริหารระดับสูงจากอินเดียและรัสเซีย ฝ่ายละ 8 คน
