‘ธนาธร’ ชี้ ‘รัฐสวัสดิการ’ คือทางรอดพ้นความเหลื่อมล้ำ ชู หั่นงบกองทัพช่วยหนุน ลั่น!! ‘ก้าวไกล’ เท่านั้นที่กล้าทำ
‘ธนาธร-พรรณิการ์’ ลุยช่วยก้าวไกลหาเสียงสุดสัปดาห์สองจังหวัด ภาคอีสาน ‘กาฬสินธุ์-ขอนแก่น’ ชี้ รัฐสวัสดิการไม่ใช่ทางเลือกแต่เป็นทางรอดเดียวสังคมไทยออกจากวิกฤติความเหลื่อมล้ำสุดขั้ว ย้ำประเทศมีเงินพอทำได้ แต่ต้องกล้าตัดงบกองทัพ-นโยบายเอื้อทุนใหญ่ ชูก้าวไกลพรรคเดียวเท่านั้นกล้าทำเรื่องยาก ชนคนส่วนน้อยเพื่อคนส่วนใหญ่ รับรอง เลือกแล้วคุ้มกว่าอนาคตใหม่แน่นอน
(18 มี.ค. 66) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล ร่วมกิจกรรมช่วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกลหาเสียงในช่วงสุดสัปดาห์
โดยเริ่มต้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ช่วยนายชวลิต กงเพชร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 จังหวัดกาฬสินธุ์ และนางสาวสุพัตรา วันตุ้ม ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 จังหวัดกาฬสินธุ์ ร่วมขบวนแห่ไปรอบเมืองกาฬสินธุ์ เปิดปราศรัยที่สวนสาธารณะกุดน้ำกิน ก่อนร่วมเดินแจกเอกสารแนะนำตัวผู้สมัครและนโยบาย และขึ้นปราศรัยร่วมกับว่าที่ผู้สมัครในทั้งสองเขตที่ตลาดโต้รุ่งกาฬสินธุ์ ส่วนวันรุ่งขึ้น ได้เดินสายต่อมายัง อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น ร่วมเดินหาเสียงกับนายวุฒิรักษ์ แพงตาแก้ว ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 จังหวัดขอนแก่น ที่ตลาดน้ำพอง ก่อนร่วมเปิดเวทีปราศรัยที่วัดโพธิ์ศรีโคกสูง ตำบลโคกสูง อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น
โดยเนื้อหาของการปราศรัยของนายธนาธรรอบนี้ เน้นย้ำถึงปัญหาสภาพทางเศรษฐกิจของประชาชนในปัจจุบัน ที่เป็นสาเหตุความจำเป็นของการมีรัฐสวัสดิการ โดยนายธนาธรระบุว่า ช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจของประเทศไทยมีแต่ห่างขึ้นทุกวัน สถานการณ์โควิดในรอบสามปีที่ผ่านมายิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง ประชาชนหมดสิ้นความหวัง ในสถานการณ์แบบนี้สังคมไทยต้องมีรัฐสวัสดิการรองรับคนที่พ่ายแพ้ไม่ให้ถูกบดขยี้จากสภาพสังคมปัจจุบัน
“ประเทศไทยวันนี้ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาสังคมสูงวัย เด็กเกิดใหม่ลดจำนวนลงเหลือปีละ 5 แสนคน คนไม่อยากมีลูกเพราะการมีลูกมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ยิ่งในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ยิ่งทำให้คนมีลูกน้อยลง จะแก้ปัญหานี้ได้ต้องมีรัฐสวัสดิการเท่านั้น เพื่อเป็นกลไกให้คนยืนอยู่ในสังคมได้อย่างมั่นคง ไขว่คว้าหาความฝันในชีวิต เลือกเส้นทางชีวิตเดินได้” นายธนาธร กล่าว
นายธนาธรยังกล่าวต่อไปว่า แต่ทั้งหมดจะเป็นไปไม่ได้ถ้าไม่มีเจตจำนงทางการเมืองที่แน่วแน่ ในการหางบประมาณมาสร้างรัฐสวัสดิการ เช่น การปฏิรูปกองทัพ ลดงบประมาณกองทัพที่ไม่เกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ ทุกวันนี้กองทัพเข้ามาทำเรื่องที่ไม่ใช่หน้าที่มากมาย ทั้งหวย มวย ม้า สนามกอล์ฟ รีสอร์ต หากเราสามารถยกเลิกธุรกิจกองทัพได้ ประเทศเราจะมีเงินประมาณคืนกลับมาได้ถึง 5 หมื่นล้านบาทต่อปี
รวมทั้งเก็บภาษีคนรวยมาดูแลคนจน เช่น ภาษีนิติบุคคลที่เรียกเก็บจากบริษัทขนาดใหญ่ ยกเลิกสิทธิ BOI ที่ให้กับบริษัทขนาดใหญ่ระดับร้อยล้านพันล้านขึ้นไป ถ้าทำสำเร็จจะได้อีก 8 พันล้านบาทต่อปี รวมถึงการเก็บภาษีความมั่งคั่ง จากคนรวยที่มีทรัพย์สินเกิน 300 ล้านบาท จะทำให้เรามีรายได้เพิ่มขึ้นอีก 6 หมื่นล้านบาทต่อปี
