Saturday, 24 May 2025
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

‘ปานปรีย์’ ยื่นจดหมายถึงนายกฯ ขอลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ และทุกตำแหน่งที่ได้รับมอบหมาย

เมื่อวันที่ 28 เม.ย.67 นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รมว.ต่างประเทศ ร่อนหนังสือถึงนายกฯ ขอลาออกจาก รมว.ต่างประเทศ และทุกตำแหน่ง เพื่อเปิดทางให้ท่านอื่นมาทำหน้าที่แทน โดยเชื่อว่า การปรับออกจากรองนายกฯ ไม่เกี่ยวการไม่มีผลงานอย่างแน่นอน โดยในหนังสือดังกล่าว ระบุข้อความว่า…

“๒๘ เมษายน ๒๕๖๗

ขอลาออกจากตําแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

กราบเรียน นายกรัฐมนตรี

ตามที่มีการปรับคณะรัฐมนตรีบางตําแหน่ง และปรากฏว่าผมยังคงดํารงตําแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อยู่เพียงตําแหน่งเดียวนั้น

ผมมีความประสงค์จะขอลาออกจากตําแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และทุกตําแหน่งที่ได้รับมอบหมาย ตั้งแต่วันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๖๗ เพื่อเปิดทางให้ท่านอื่นเข้ามาดํารงตําแหน่งแทน

สาเหตุของการปรับผมออกจากรองนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ ผมเชื่อว่าไม่เกี่ยวกับผมไม่มีผลงานแน่นอน เพราะผมทุ่มเทการทํางานด้านต่างประเทศและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และตั้งใจทําหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เป็นที่ประจักษ์ มีนักลงทุนต่างชาติสนใจมาลงทุนมากขึ้น ตามที่รัฐบาลได้แถลงผลงานไปแล้ว จนสามารถตอบสนองต่อนโยบายการทูต เศรษฐกิจเชิงรุกอย่างเด่นชัด 

วันนี้ไทยหวนกลับมาขึ้นบนจอเรดาร์ของโลก มีมิตรประเทศเพิ่มขึ้น และมีนักลงทุนต่างชาติสนใจมาลงทุนในไทยมากขึ้น นอกจากนั้น การให้ความสําคัญกับคนไทยในต่างประเทศ ผมยังไปเจรจาด้วยตัวเอง เพื่อนําคนไทยผู้ถูกจับเป็นตัวประกันในอิสราเอลกลับไทยได้ถึง ๒๓ คน แรงงานไทย ๘,๐๐๐ คน และจากเล่าก์ก่ายในเมียนมาอีก ๑,๐๐๐ คน เปิดวีซ่าฟรีกับหลายประเทศ เพื่อคนไทยมีความสะดวกในการเดินทางมากขึ้น การให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวเมียนมา ฟื้นความสัมพันธ์กับอาเซียน สหภาพอียู อินเดีย และประเทศมหาอํานาจ ทั้งสหรัฐอเมริกาและจีน จนเกิดการเจรจาลดความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์โลกในประเทศไทยอีกด้วย

สุดท้ายนี้ ผมหวังว่าการปรับคณะรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ จะช่วยให้การบริหารราชการแผ่นดิน มีประสิทธิภาพมากขึ้น โปร่งใส และรักษาผลประโยชน์ของชาติต่อไป

ช่วงเวลาหนึ่ง ขอขอบพระคุณนายกรัฐมนตรี ที่ให้โอกาสผมได้ทํางานกับรัฐบาลนี้มา

จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง

(นายปานปรีย์ พหิทธานุกร)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ”

‘มาริษ เสงี่ยมพงษ์’ โชว์วิสัยทัศน์กลางที่ประชุมสหประชาชาติ ไทยพร้อมเดินหน้าสู่คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ

(1 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2567 นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้กล่าวถ้อยแถลงในการอภิปรายทั่วไปของการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญ ครั้งที่ 79 (UNGA79) ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก

นายมาริษได้ย้ำความมุ่งมั่นของไทยในการดำเนินนโยบายรัฐบาลแบบมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยยึดแนวนโยบายเศรษฐกิจเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน พร้อมกล่าวถึงความสำคัญของการปฏิรูปสหประชาชาติเพื่อรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ในโลกอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะการสร้างเสริมความเข้มแข็งของกระบวนการเพื่อสันติภาพและความมั่นคง ให้สามารถแก้ไขสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในภูมิภาคทั่วโลก 

ทั้งยังยกตัวอย่างสถานการณ์ในเมียนมาที่ไทยให้ความสำคัญในฐานะประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิด ถึงการส่งเสริมให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการสร้างสันติภาพในเมียนมาที่ควรเกิดขึ้นจากภายในเมียนมาเอง ขณะที่ไทยพร้อมสนับสนุนความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้นายมาริษยังได้กล่าวถึงความสำคัญของการดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) โดยไทยพร้อมสร้างสะพานเชื่อมเพื่อส่งเสริมความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างโลกเหนือกับโลกใต้ ผ่านความหวังที่จะเข้าเป็นสมาชิก OECD และ BRICS ซึ่งสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในโลก อาทิ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทุกภาคส่วนและทุกประเทศทั่วโลก เพื่อลดผลกระทบต่อสิทธิมนุษยชนและความมั่นคงมนุษย์ 

ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีฯ ได้ย้ำความมุ่งมั่นของไทยที่จะปกป้องและส่งเสริมสิทธิมนุษยชนสำหรับทุกคน ผ่านการผลักดันความยุติธรรมและความเท่าเทียมในสังคม โดยกล่าวถึงการสมัครเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (HRC) วาระปี ค.ศ. 2025-2027 ของไทย

นายมาริษเน้นถึงการสร้างอนาคตร่วมกันของโลก โดยให้ทุกคนจะได้รับการปกป้องและมีความเจริญรุ่งเรือง ผ่านความมุ่งมั่นทางการเมืองเพื่อรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ของโลกไปด้วยกัน ก่อนจะแสดงความพร้อมของไทยในการเป็นสะพานเชื่อม ส่งเสริมการเจรจาและความเชื่อใจระหว่างประเทศ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top