Saturday, 19 April 2025
ระเบิด

รัสเซียเชื่อมือบงการสังหารนายพลฝ่ายนิวเคลียร์ เป็นฝรั่งผิวขาวพูดอังกฤษ มั่นใจลากตัวลงโทษให้ได้

(18 ธ.ค.67) กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียออกแถลงการณ์ ยืนยันว่าจะดำเนินการทุกวิถีทางนำตัวผู้เกี่ยวข้องในเหตุสังหารพลโท อิกอร์ คิริลอฟ หัวหน้าหน่วยป้องกันทางชีวภาพ, เคมี และรังสีของกองทัพรัสเซีย มาลงโทษให้ได้

คำแถลงจากมาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงต่างประเทศรัสเซียระบุว่า "เรามั่นใจว่าผู้ที่เป็นผู้จัดการและผู้ลงมือฆ่านายพลอิกอร์ คิริลอฟ จะต้องถูกจับกุมและนำตัวมาลงโทษ ไม่ว่าจะเป็นใครที่ไหนก็ตาม และเราขอประกาศไปยังผู้สนับสนุนระบอบเคียฟ, ผู้ที่เกลียดชังรัสเซียทุกรูปแบบว่า ในฐานะประเทศและประชาชน เราจะไม่ถูกข่มขู่ เรากำลังปกป้องความจริง"

ซาคาโรวา ยังกล่าวอีกว่า ผู้อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุเป็นชนชาติแองโกล-แซกซอน (ฝรั่งผิวขาวพูดภาษาอังกฤษ) เป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์หลักจากการโจมตีทางการก่อการร้ายในมอสโกครั้งนี้ โดยกล่าวว่า ระบอบเคียฟเพียงแค่ "เป็นเครื่องมือ" เท่านั้น โดยรัสเซียจะยกประเด็นการสังหารนี้ในการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในวันที่ 20 ธันวาคมนี้ด้วย

สำหรับพลโทคิริลอฟและผู้ช่วยของเขาถูกฆ่าตายจากการระเบิดในมอสโกเมื่อเช้าวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเจ้าหน้าที่จากบริการความมั่นคงของยูเครน (SBU) ยืนยันกับ The New York Times ว่ายูเครนเป็นผู้รับผิดชอบในการสังหารครั้งนี้

ขณะที่ทางหน่วยงานความมั่นคงแห่งรัฐรัสเซีย (FSB) ระบุเมื่อวันพุธว่าได้จับกุมชายผู้ต้องสงสัยเป็นชาวอุซเบกิสถานวัย 29 ปี ในข้อหาวางระเบิดและจุดระเบิดจากระยะไกล โดยผู้ต้องสงสัยคนดังกล่าวให้การซัดทอดว่า ผู้ว่าจ้างชาวยูเครนที่ให้ลงมือจุดระเบิดสัญญาว่าจะให้เงินรางวัล 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมให้สัญชาติเป็นพลเมืองสหภาพยุโรป

'เทสลา ไซเบอร์ทรัก' ระเบิด ดับ 1 ราย มัสก์เชื่ออาจเป็นเหตุก่อการร้าย

(2 ม.ค. 68) เกิดเหตุรถกระบะไฟฟ้า 'ไซเบอร์ทรัก' (Tesla Cybertruck) ระเบิดที่ลานจอดรถด้านนอกโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชันแนล โฮเทล (Trump International Hotel) เมืองลาสเวกัส รัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา เมื่อวันพุธที่ 1 มกราคม ตามเวลาท้องถิ่น ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอย่างน้อย 7 ราย ขณะที่สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (FBI) กำลังเร่งตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าว

ภาพจากกล้องวิดีโอแสดงให้เห็นว่า รถไซเบอร์ทรักคันดังกล่าวเกิดระเบิดและไฟลุกท่วมในขณะที่จอดอยู่ด้านนอกของโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชันแนล โฮเทล

นายเควิน แมคมาฮิลล์ นายอำเภอเขตคล้ากเคาตี เปิดเผยกับสถานีโทรทัศน์ KSNV ซึ่งเป็นสื่อท้องถิ่นว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 08:40 น. ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่รถคันดังกล่าวจอดอยู่บริเวณทางเข้าโรงแรม และเริ่มมีควันก่อนเกิดการระเบิดอย่างรุนแรง มีผู้เสียชีวิตภายในรถ 1 ราย

สำนักงานตำรวจลาสเวกัสได้โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์ม X ระบุว่า “เรากำลังสอบสวนเหตุการณ์ระเบิดรถไซเบอร์ทรักที่ทางเข้าอาคารทรัมป์ ทาวเวอร์ส ขณะนี้เพลิงถูกควบคุมแล้ว ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงพื้นที่ดังกล่าว”

ตำรวจยืนยันว่า มีผู้บาดเจ็บเล็กน้อย 7 ราย โดย 2 รายต้องถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษา ผู้พักอาศัยส่วนใหญ่ในโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชันแนล ได้รับการย้ายไปยังโรงแรมใกล้เคียงคือ รีสอร์ท เวิลด์ ลาสเวกัส

แหล่งข่าวจากเจ้าหน้าที่ที่ได้รับรายงานสรุปเหตุการณ์ เปิดเผยกับสำนักข่าว ABC News ว่า รถไซเบอร์ทรักคันนี้บรรทุกดอกไม้ไฟชนิดกระสุนปืนครก (fireworks-style mortars) ซึ่งฝ่ายสืบสวนกำลังหาสาเหตุว่าการระเบิดเป็นอุบัติเหตุหรือจงใจ

“การสืบสวนกำลังพุ่งเป้าไปที่ความเป็นไปได้ของการก่ออาชญากรรมและการก่อการร้าย จนกว่าจะพบแรงจูงใจที่ชัดเจน” รายงานระบุ

ด้านนายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลา โพสต์ข้อความผ่านแพลตฟอร์ม X ว่า “ทีมผู้บริหารระดับสูงของเทสลากำลังสอบสวนเรื่องนี้อย่างจริงจัง เรายืนยันว่าเหตุการณ์เกิดจากดอกไม้ไฟขนาดใหญ่หรือระเบิดที่อยู่ในรถไซเบอร์ทรักที่เช่ามา และไม่เกี่ยวข้องกับระบบของรถเอง”

เหตุการณ์ครั้งนี้สร้างความตื่นตระหนกแก่ผู้พักอาศัยในพื้นที่และผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าของเทสลา ซึ่งยังคงต้องติดตามผลการสืบสวนต่อไป

‘โดนัลด์ ทรัมป์’ อนุมัติส่ง!! ระเบิดหนัก 2,000 ปอนด์ ให้ ‘อิสราเอล’ หลัง ‘ไบเดน’ เคยสั่งระงับ!! เพราะกลัวสงคราม กระทบพลเรือน

(26 ม.ค. 68) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดให้กองทัพสหรัฐส่งระเบิดหนัก 2,000 ปอนด์ให้อิสราเอล ซึ่งเป็นการดำเนินการที่อดีตปธน.โจ ไบเดน เคยระงับไว้

หลายฝ่ายคาดว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเกิดขึ้น ขณะที่ไบเดนเคยระงับการจัดส่งระเบิดหนักดังกล่าว เนื่องจากกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อพลเรือน โดยเฉพาะประชาชนในเขตราฟาห์ในกาซา ระหว่างการทำสงครามของอิสราเอลในดินแดนปาเลสไตน์

“มีหลายสิ่งหลายอย่างที่สั่งการและจ่ายให้กับอิสราเอล แต่มีอย่างหนึ่งที่ไบเดนไม่ได้ทำ ตอนนี้อยู่ระหว่างดำเนินการแล้ว!” ทรัมป์โพสต์ผ่านทรูธโซเชียลโดยไม่ได้ระบุรายละเอียดใดเพิ่มเติม

ทรัมป์และไบเดนเป็นผู้สนับสนุนอิสราเอลอย่างเหนียวแน่น แม้รัฐบาลวอชิงตันตกอยู่ภายใต้การวิพากษ์วิจารณ์ จากนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยนเกี่ยวกับวิกฤติมนุษยธรรมในกาซาจากการโจมตีทางทหารของอิสราเอลต่อกลุ่มฮามาส ซึ่งเป็นกลุ่มก่อการร้ายในปาเลสไตน์ โดยผู้ประท้วงเรียกร้องให้สหรัฐห้ามขายอาวุธให้อิสราเอล แต่ไม่ประสบความสำเร็จ

ขณะนี้อิสราเอลและฮามาสอยู่ระหว่างดำเนินการภายใต้ข้อตกลงหยุดยิง โดยมีการแลกเปลี่ยนตัวประกันอิสราเอลกับนักโทษปาเลสไตน์ไปแล้วบางส่วน ซึ่งล่าสุดฮามาสได้ปล่อยตัวทหารหญิงอิสราเอล 4 คน แลกกับนักโทษปาเลสไตน์ 200 คน เมื่อวันเสาร์

ฮามาสจับตัวประกันอิสราเอลไว้ 250 ราย ในระหว่างบุกโจมตีอิสราเอลวันที่ 7 ต.ค. 2566 ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิตราว 1,200 ราย และจุดชนวนให้เกิดการนองเลือดครั้งล่าสุด ในความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ที่มีมายาวนานหลายทศวรรษ

ขณะที่การโจมตีทางทหารของอิสราเอลในกาซา คร่าชีวิตประชาชนไปมากกว่า 47,000 คน ตามข้อมูลกระทรวงสาธารณสุขกาซา นำไปสู่ข้อกล่าวหาว่าอิสราเอลฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และก่ออาชญากรรมสงคราม ซึ่งอิสราเอลปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว

‘กลุ่มก่อความไม่สงบ’ สร้างสถานการณ์!! ต้อนรับ ‘ทักษิณ’ ‘แยม ฐปณีย์’ หวิดโดนไปด้วย เผย!! เพิ่งออกมา แค่แป๊บเดียว

(23 ก.พ. 68) เจ้าหน้าที่สภ.เมืองนราธิวาส ได้รับแจ้งเกิดเหตุระเบิด บริเวณในพื้นที่ท่าอากาศยานนราธิวาส ต.โคกเคียน อ.เมืองนราธิวาส จ.นราธิวาส 

จากการตรวจสอบเบื่องต้นทราบว่า พบเป็นรถยนต์กระบะ ดีแม็ก สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน บฉ 6955 นราธิวาส ของ เจ้าหน้าที่หน่วยดับเพลิงประจำสนามบินนานาชาตินราธิวาส ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ 

ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างปิดกั้นจุดเกิดเหตุเพื่อทำพื้นที่ให้ปลอดภยก่อน นำกำลังเจ้าหน้าที่และหน่วยที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบอีกครั้ง 

ส่วนประเด็นและสาเหตุเจ้าหน้าที่เชื่อว่ากลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่สร้างสถานการณ์เพื่อต้อนรับดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ปรึกษาประธานสมาคมประชาชาติแห่งเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) จะเดินทางลงมาในพื้นที่ ท่าอากาศยานนราธิวาส ในเวลา 09.50 น. 

ซึ่งงานนี้ก็ได้มีคณะสื่อมวลชน เดินทางติดตาม ลงพื้นที่ไปทำข่าวกันหลายสำนัก รวมทั้ง ‘แยม ฐปณีย์ เอียดศรีไชย’ ผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าว ‘The Reporters TV’ 

งานนี้เรียกได้ว่า ‘เฉียดตาย’ เพราะระเบิดได้ดังสนั่นขึ้น หลังจากที่ แยม ฐปณีย์ นั้น ได้ออกมาจากจุดเกิดเหตุ ‘แค่แป๊บเดียว’ 

ล่าสุดอัพเดทแล้ว แยม ฐปณีย์ นั้น ‘ปลอดภัย’

ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และที่ปรึกษาประธานอาเซียน ให้สัมภาษณ์ ขณะลงพื้นที่ รร.สัมพันธ์วิทยา อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส

(23 ก.พ. 68) ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และที่ปรึกษาประธานอาเซียน ให้สัมภาษณ์ ที่ รร.สัมพันธ์วิทยา อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ถึงการลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในครั้งนี้ 
ว่า มีความตั้งใจที่อยากเห็นสันติสุขเกิดขึ้น

‘สว.สงขลา’ ฟันธง!! ระเบิดสนามบินที่นราธิวาส เป็นฝีมือของ ‘บีอาร์เอ็น’ ชี้!! ไม่ต้อนรับ การกลับมาแก้ปัญหาไฟใต้ ของ ‘อดีตนายกรัฐมนตรี’

(23 ก.พ. 68) นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกวุฒิสภา เปิดเผยถึงระเบิดแสวงเครื่อง ที่เกิดขึ้นในสนามบินจังหวัดนราธิวาส ก่อนที่ คณะของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคณะจะเดินทางมาถึงประมาณ 50 นาทีว่า ประเด็นที่ 1 เป็นการแสดงออกจาก ขบวนการแบ่งแยกดินบีอาร์เอ็น ที่แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจ และไม่ต้อนรับการ เดินทางลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ของ อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรี ที่ บีอาร์เอ็น กล่าวหาว่า เป็นผู้จุดชนวนของไฟใต้ ในครั้งที่เป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2547  และเป็นผู้ที่เรียก ขบวนการบีอาร์เอ็นว่าเป็นโจรกระจอก เป็นผู้ยุบ ศอ.บต. และ.พตท. 43  และก่อนหน้านี้ หลังจากที่นายทักษิณ ชินวัตร เดินทางไปพบกับ นายอันวาร์ อิบราฮิบ นายกรัฐมนตรีของประเทศมาเลเซีย เพื่อขอความร่วมมือในการ ปราบปราม ขบวนการบีอาร์เอ็น ที่มีฐานที่มั่นอยู่ใน รัฐกลันตัน และรัฐตรังตานู ประเทศมาเลเซีย โฆษกบีอาร์เอ็น ก็ออกมา ข่มขู่ว่าหากมีการให้รัฐบาลมาเลเซียเข้ามากดดันบีอาร์เอ็น สถานการการณ์ของจังหวัดชายแดนภาคใต้อาจจะรุนแรงมากขึ้น

“เป็นที่น่าสังเกตว่า การวางระเบิดคาร์บอมบ์ ครั้งนี้ บีอาร์เอ็น ต้องการเพียงการแสดงถึงสัญลักษณ์ให้รู้ว่า ไม่ต้องการให้ ทักษิณ ชินวัตร มาเป็นผู้กำกับการดับไฟใต้ คาร์บอมบ์ลูกดังกล่าว จึงเป็นเพียงระเบิดขนาดเล็ก ที่ไม่มี สะเก็ดระเบิด ไม่ต้องการทำลายล้างแต่ต้องการสื่อไปยัง ทักษิณ ชินวัตร และ รัฐลบาลเท่านั้น” นายไชยยงค์ ระบุ

นายไชยยงค์ ระบุว่า ประเด็นที่ 2 ระเบิดแสวงเครื่อง ที่เป็นคาร์บอมบ์ สามารถหลุดรอดจากการตรวจของเจ้าหน้าที่ แสดงให้เห็นความหย่อนยาน ความบกพร่อง ของท่าอาการยานและหน่วยงานความมั่นคง ที่มีหน้าที่ในการ รักษาความปลอดภัย ที่ปล่อยให้รถยนต์ของเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยาน ซึ่งแนวร่วมของบีอาร์เอ็น ได้นำระเบิดแสวงเครื่อง ไปติดตั้งไว้ในขณะที่รถยนต์คันนี้ จอดอยู่นอกพื้นที่ของท่าอากาศยาน ระเบิดที่แนวร่วม นำมาติดตั้งในรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยาย จึงเป็นระเบิดขนาดเล็กที่ต้องการให้เกิดเสียงดัง แต่ไม่ต้องการสร้างความเสียหายให้เจ้าหน้าที่ จึงมีเพียงเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากการ หูอื้อ แน่นหน้าอกเพียง 4 ราย

“ถ้าแนวร่วมบีอาร์เอ็น ติดตั้งระเบิดแสวงเครื่อง ที่มีน้ำหนัก 20 กิโลกรัม และมีการใส่สะเก็ดระเบิด อานุภาพการทำลายล้างก็จะทำให้รถยนต์ที่เป็นคาร์บอมบ์แหลกและต้องมีเจ้าหน้าที่บาดเจ็บล้มตายหลายคนและต้องมี เจ้าหน้าที่ทั้งท่าอากาศยานและกอ.รมน.ภาค 4 ต้องกลายเป็นเป้าหมายในความสูญเสียที่เกิดขึ้น การวางระเบิดเพื่อต้อนรับ ทักษิณ ชินวัตร และคณะในครั้งนี้จึงเป็นการส่งเสียงเตือนให้อดีตนายกรัฐมนตรี ถอยจากการเข้ามาวุ่นวายในจังหวัดชายแดนภาคใต้เท่านั้น” นายไชยยงค์ ระบุ

นายไชยยงค์ ระบุด้วยว่า ประเด็นที่ 3 การเดินทางลงพื้นที่ จ.นราธิวาส โดยมี หมุดหมายที่โรงเรียนสัมพันธ์วิทยา อ.เจาะไอร้อง เพราะในปี 2547 ที่ ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี มีการจับกุม มะแซ อุเซ็ง อดีต เลขาธิการ บีอาร์เอ็น เจ้าของแผน บันได 7 ขั้นได้ที่นี้ โดยยึดเอกสารได้ที่โรงเรียนแห่งนี้ พร้อมทั้งการออกหมายจับนายมะแซ อุเซ็ง ในข้อหา อั้งยี่ ซ่องโจร และแบ่งแยกดินแดน ดังนั้นโรงเรียนแห่งนี้จึงเป็นสัญลักษณ์ ที่เคยเป็นศูนย์รวมการ แบ่งแยกดินแดน การนัดหมาย พบปะกับผู้นำศาสนา ณ โรงเรียนสัมพันธ์วิทยาของทักษิณ ชินวัตร จึงมีนัยทางการเมืองของการดับไฟใต้ในครั้งนี้

นายไชยยงค์ ระบุว่า เช่นเดียวกับการเดินทางไปยังวัดประชุมชลธารา อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เนื่องจากวัดดังกล่าวเจ้าอาวาสซึ่งดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาของเจ้าคณะภาค 18 เป็น ที่เคารพของชาวไทยพุทธและมุสลิมในพื้นที่เป็น ศูนย์รวมของพี่น้องชาวไทยพุทธ การเดินทางมานมัสการเจ้าอาวาสวัดประชุมชลธารา พบพบปะชาวไทยพุทธ จึงเป็นการได้คะแนนเสียงและได้รับการต้อนรับจากประชาชนในพื้นที่ค่อนข้างมาก

ตำรวจสวีเดนสกัดแผนลอบวางระเบิดในเมืองมัลโม่ รวบชาย 2 เยาวชน 1 พร้อมระเบิดมือเต็มกระเป๋าเป้

(6 เม.ย. 68) สำนักข่าว Sweden Herald รายงานเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2568 ว่า ชาย 2 คนและวัยรุ่น 1 คนถูกควบคุมตัว จากปฏิบัติการของตำรวจในเมืองมัลโม่เมื่อเย็นวันศุกร์ หลังจากพบระเบิดมืออย่างน้อย 10 ลูกในกระเป๋าเป้สะพายหลังของหนึ่งในผู้ต้องสงสัยพกติดตัวมาด้วย ที่ย่านเวสเทิร์นฮาร์เบอร์ เมืองมัลโม่ ทางตอนใต้ของประเทศสวีเดน 

ส่งผลให้ย่านเวสตราฮัมเนน เมื่อเวลาประมาณ 18.30 น. ของเย็นวันศุกร์ มีการดำเนินการครั้งใหญ่และประกาศเตือนภัย (VMA) พื้นที่ถูกปิดกั้น ทั้งผู้อยู่อาศัยและธุรกิจต่าง ๆ ถูกอพยพ และหน่วยเก็บกู้ระเบิดแห่งชาติถูกเรียกตัวไปที่เกิดเหตุ จนถึงหลังเวลา 22.00 น. เล็กน้อย ความอันตรายก็สิ้นสุดลง

เจ้าหน้าที่ตำรวจสวีเดนเผย ผู้ต้องสงสัย 2 รายอายุ 25 และ 30 ปี ส่วนรายที่ 3 เป็นเด็กชายอายุต่ำกว่า 18 ปี ทั้งคู่ถูกตั้งข้อสงสัยว่ากระทำความผิดร้ายแรงตามกฎหมายเกี่ยวกับวัตถุไวไฟและวัตถุระเบิด ซึ่งเบื้องต้นสอบปากคำผู้ต้องสงสัยแล้ว แต่ตำรวจยังไม่สามารถเปิดเผยการสอบปากคำได้

“เรากำลังพูดคุยกับผู้คนและวิเคราะห์กล้องวงจรปิดในบริเวณดังกล่าว มีสถานที่อยู่หลายแห่งในที่เกิดเหตุ ดังนั้นเราจึงพยายามรวบรวมข้อมูล” ลินา ฟรีเบิร์ก โฆษกของตำรวจกล่าว

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ยึดระเบิดทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน และกำลังเร่งสอบสวนขยายผลว่า อาวุธดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อนำไปใช้ในเหตุการณ์ใด รวมถึงตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องกับขบวนการอาชญากรรมหรือกลุ่มก่อการร้ายหรือไม่

อย่างไรก็ตาม แม้ตำรวจไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับอัตลักษณ์ของผู้ต้องสงสัยทั้งสาม เนื่องจากอยู่ระหว่างกระบวนการสอบสวน แต่เบื้องต้นทั้งหมดถูกควบคุมตัวไว้ในข้อหาครอบครองวัตถุระเบิดโดยผิดกฎหมาย  และอาจเผชิญโทษร้ายแรงหากศาลตัดสินว่ามีความผิดจริง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top