จำคุก 13 ผู้ชุมนุม ก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง หลัง ‘ม็อบ 3 นิ้ว’ ป่วนศาล-ดูหมิ่นผู้พิพากษา
ศาลจำคุก 13 ผู้ชุมนุม ‘ม็อบรีเด็ม’ มวลชนกลุ่มหัวรุนแรงแนวร่วมเยาวชนปลดแอก ชุมนุมก่อความวุ่นวายหน้าศาลอาญา-ดูหมิ่นผู้พิพากษากดดันปล่อยเพนกวินยกฟ้อง 2 คน รอลงอาญาหมดทุกคน
(28 มี.ค.66) ที่ห้องพิจารณา 916 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบREDEM หมายเลขดำอ.1423/2564 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ฟ้องนายร่อซีกิน นิยมเดชา, นายชาติชาย แกดำ (จำเลยที่15) กับพวกรวม 15 คน เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง
โดยอัยการระบุฟ้องความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 2 พ.ค.2564 เวลากลางวัน ได้มีการร่วมชุมนุมกลุ่มREDEM จากการเชิญชวนของผู้ใช้เฟซบุ๊กกลุ่มเยาวชนปลดแอก -(Free YOUTH) ให้มาชุมนุมที่ศาลอาญา ประมาณ 300-500 คนโดยนำรถยนต์ติดตั้งขยายเสียง โจมตี เรียกร้องให้ศาลมีคำสั่งให้ประกันตัวนายพริษฐ์ หรือเพกวิน ชิวารักษ์ กับพวกรวม 7 คน ฐานดูหมิ่นสถาบันฯ โดยพวกจำเลยได้กล่าวโจมตี การทำงาน ดูหมิ่นศาล หรือผู้พิพากษา ย้ายแท่นแบริเออร์บริเวณเกาะกลางถนนเพื่อเปิดจุดกลับรถหน้าศาลอาญา แล้วชุมนุมจนเต็มพื้นที่ถนน ใช้ไข่ไก่ มะเขือเทศ ของเหลวสีแดง สาดใส่ป้ายป้ายสำนักงานศาลยุติธรรม และป้ายศาลอาญา เสียหาย เปรอะเปื้อน
นอกจากนี้จำเลยที่ 1-2 กับพวกรวม 50 คน ได้เดินข้ามถนน ไปบริเวณปากซอย รัชดาภิเษก 32 ต่อสู้ขัดขวางเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน(คฝ.) ใช้หนังสติ๊ก ลูกแก้ว อุปกรณ์โลหะ ประทัดยักษ์ ขว้างเข้าใส่ รวมทั้งผู้ชุมนุม ใช้ท่อนไม้ หิน ขวดโซดา ขวดแก้วใสน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีเศษผ้า ขว้างปาใส่รถเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ขับติดตามมา 4 คันได้รับความเสียหาย เป็นเงิน 983,200 บาท และรถยนต์นั่งส่วนบุคคลอีก 4 คันได้รับความเสียหาย จึงขอให้ลงโทษพวกจำเลยตามความผิดด้วย
คดีนี้พวกจำเลยปฏิเสธ และได้ประกันตัว ศาลอาญาพิจารณาพยานหลักฐานแล้ว ในส่วนของจำเลยที่ 1,2 พยานโจทก์ที่นำสืบมามีความสงสัยตามสมควร จึงให้ ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลยที่ 1,2 ในส่วนของจำเลย 3-15 พยานหลักฐานรับฟังได้ว่า การกระทำของจำเลย 3-15 กับพวกเป็นความผิดตามฟ้อง ยกเว้นความผิดฐานไม่ขออนุญาตใช้เครื่องขยายเสียง และฐานไม่ขออนุญาตจัดการชุมนุม เพราะ ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า จำเลย 3-15 เป็นผู้จัดกิจกรรมการชุมนุม ส่วนที่จำเลยที่ 3-15 นำสืบอ้างว่า เป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ นั้น แม้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญได้รับรองเสรีภาพในการชุมนุมไว้ก็ตาม แต่ต้องไม่กระทบสิทธิหรือเป็นการละเมิดต่อบุคคล เมื่อข้อเท็จจริง ฟังได้ว่า ในระหว่างการชุมนุมของจำเลยที่ 3-15 กับพวก มีการใช้กำลังประทุษร้าย และเป็นการก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ด่าทอ ดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษาในการพิจารณาหรือพิพากษาคดีอันเป็นการละเมิดสิทธิของผู้อื่นจึงมิใช่เป็นการชุมนุมโดยสงบตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
