Monday, 28 April 2025
มูลนิธิกระจกเงา

เด็กวัย 15 ปี คิด QR CODE ติดเสื้อผู้ป่วยอัลไซเมอร์ ต่อยอดริสแบนด์ ‘หาย(ไม่)ห่วง’ พาคนหายกลับบ้าน

เด็กวัย 15 ปี สุดเจ๋ง คิดไอเดียป้ายคิวอาร์โค้ดข้อมูลติดต่อญาติ รีดติดเสื้อผู้ป่วยหลงลืม ต่อยอดจากริสแบนด์ “หาย (ไม่) ห่วง” หวังช่วยมูลนิธิกระจกเงา พาคนพลัดหลงกลับบ้าน ลดปัญหาคนหาย

เมื่อวันที่ 26 พ.ค.2565 เพจเฟซบุ๊ก มูลนิธิกระจกเงา เผยแพร่ข้อความ ระบุว่า "นายธนดล วังวิจิตร" หรือ น้องกวิน อายุ 15 ปี คิดไอเดียสุดเจ๋ง หลังเห็นโครงการริสแบนด์ “หาย(ไม่)ห่วง” ที่ให้ผู้ป่วยหลงลืมสวมใส่ริสแบนด์ เมื่อพลัดหลง พลเมืองดีหรือผู้ช่วยเหลือจะได้ติดต่อญาติได้ง่าย จึงคิดต่อยอดสร้าง “ป้ายคิวอาร์โค้ด” สำหรับรีดติดที่เสื้อผ้า

นายธนดล ระบุว่า “เคยพลัดหลงกับครอบครัว พอมองหาพ่อแม่ไม่เจอ จึงรีบไปขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่แถวนั้น โชคดีที่พ่อแม่พรินต์ชื่อ-เบอร์โทรใส่ติดตัวไว้ตอนออกนอกบ้านเสมอ จึงใช้ข้อมูลติดต่อนั้นจนได้รับความช่วยเหลือ”

ทุกครั้งที่เห็นประกาศคนหาย จะรู้สึกเศร้า และคิดว่าเป็นเรื่องที่ทุกคนไม่ควรมองผ่าน หรือทำเป็นไม่สนใจ เมื่อเห็นมูลนิธิกระจกเงา ทำริสแบนด์ให้ผู้สูงอายุที่เสี่ยงเดินพลัดหลง จึงคิดว่าหากนำคิวอาร์โค้ดมาติดที่เสื้อหรือกางเกงผู้ป่วยด้วย โอกาสจะถูกถอดทิ้งน้อยกว่าริสแบนด์ จึงเล่าไอเดียนี้ให้พ่อฟัง

'EA' ร่วมกับ 'มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์' สนับสนุนเครื่องออกซิเจน มอบให้ 'มูลนิธิกระจกเงา' ต่อลมหายใจผู้ป่วยในชุมชน

(10 ก.พ.66) กลุ่มบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ สนับสนุนเครื่องผลิตออกซิเจนจำนวน 100 เครื่อง ประกอบไปด้วย เครื่องขนาด 5 ลิตร จำนวน 50 เครื่อง และเครื่องขนาด 10 ลิตร จำนวน 50 เครื่อง 

25 พฤษภาคม ของทุกปี เป็น ‘วันเด็กหายสากล’ International Missing Children’s Day

รู้หรือไม่ว่า ประเทศไทยในหนึ่งวัน มีเด็กหายไม่น้อยกว่า 3 คน โดยที่ 2 ใน 3 ของเด็กที่หายไป มีอายุน้อยกว่า 15 ปี ซึ่งนับว่าเป็นตัวเลขที่น่าตกใจเป็นอย่างมาก และอายุเฉลี่ยของเด็กที่หายไป หรือถูกลักพาตัวออกจากบ้านคือ 4 ขวบ โดยข้อมูลนี้อ้างอิงจาก สถิติศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา 

ทั้งนี้ แน่นอนว่าเด็กหายจากบ้านนั้น จะต้องเจอกับความเสี่ยงหลายอย่าง ทั้งการคุกคาม หาประโยชน์ทางเพศกับเด็ก ถูกล่อลวง รวมไปถึงกระทำความรุนแรง ซึ่งภัยดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นปัญหากับผู้คนทั่วโลก จึงมีการกำหนดให้วันที่ 25 พฤษภาคม ของทุกปีเป็น วันเด็กหายสากล (International Missing Children’s Day) เพื่อหวังให้สังคมตระหนักถึงสวัสดิภาพ และความปลอดภัยของเด็กทุกคน

‘โครงการจ้างวานข้า’ โอกาสสร้างงาน-รายได้ของ ‘คนไร้บ้าน’ ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างชีวิตใหม่ด้วยอาชีพที่สุจริต

(3 ก.ย. 66) ถ้าใครติดตามมูลนิธิกระจกเงาจะเห็นโครงการ ‘จ้างวานข้า’ ที่พยายามสร้างแนวร่วมเติมเต็มการแก้ปัญหาคนไร้บ้าน คนจนเมือง ที่นอกเหนือจากการนำอาหารมาแจกหรือมอบความช่วยเหลือเป็นครั้งคราว แต่เน้นสร้างงาน สร้างรายได้ให้คนเหล่านี้ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตสำหรับตัวเองและครอบครัว สร้างคุณค่าและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่สามารถรับผิดชอบดูแลตัวเองด้วยการมีอาชีพ

โครงการจ้างวานข้าเกิดขึ้น เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตให้คนไร้บ้านดีขึ้น ไปไกลถึงปรับเปลี่ยนจากคนไร้บ้านเป็นคนมีบ้านมีที่อยู่ที่มั่นคงขึ้น เริ่มต้นหลังจากโควิด ที่ส่งผลให้จำนวนคนไร้บ้านเพิ่มขึ้น  มีปัญหาคนที่ออกมาเป็นคนไร้บ้านหน้าใหม่ ด้วยแนวความคิดว่า การสร้างงานเป็นเครื่องมือที่ดี

เบญจมาศ พางาม เจ้าหน้าโครงการจ้างวานข้า มูลนิธิกระจกเงา กล่าวถึงที่มาและทิศทางในการผลักดันแก้ปัญหาคนไร้บ้านให้เกิดความยั่งยืนว่า มูลนิธิอยากแก้ปัญหานี้จึงเปิดพื้นที่ให้คนไร้บ้านและคนจนเมือง รวมถึงผู้สูงอายุที่อยู่คนเดียวอยู่ห้องเช่าราคาถูก ซึ่งพร้อมหลุดออกมาใช้ชีวิตในพื้นที่สาธารณะแบบคนไร้บ้าน เพราะอยู่ด้วยเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเดือนละ 600 บาท ไม่มีรายได้พอ โดยโครงการ ‘จ้างวานข้า’ จะทำให้พวกเขามีรายได้ เริ่มแรกปี 63 หาสมาชิกเข้าโครงการจากจุดแจกอาหารฟรีสภาสังคมสงเคราะห์ ใครกำลังหางานให้มาสมัครลงทะเบียนกับมูลนิธิฯ จากแรกเริ่มมี 20 คน เราทำงานต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน มีสมาชิกอยู่ที่ 150 คน สัดส่วนร้อยละ 80 เป็นผู้สูงอายุ ที่เหลือเป็นคนไร้บ้านอายุ 40-50 ปี

งานที่มูลนิธิฯ ให้ทำมีหลายรูปแบบ เป็นกลุ่มคนไร้บ้านที่ทำงานร่วมกับสำนักงานเขต 16 เขต ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ไปรับงานทำความสะอาดเมือง เช็ดล้างสะพานลอย ตัดแต่งกิ่งไม้ ไม้ดอกไม้ประดับในพื้นที่สาธารณะ งานคัดแยกขยะ ร่วมกับพนักงานรักษาความสะอาด พนักงานกวาดถนน กทม.ส่งมอบความสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อยให้กับพื้นที่ต่างๆ ทั่วกรุง บางคนมีศักยภาพ เคยเป็นช่างไม้ ช่างไฟฟ้า ช่างคอมพิวเตอร์ หรือเคยทำงานเป็นแม่บ้านสามารถพัฒนาฝีมือต่อได้  เรานำเข้ามาทำงานในมูลนิธิฯ เพื่อให้ได้ใช้ทักษะนั้น

ส่วนอีกรูปแบบจะเป็นการทำความสะอาดในบ้าน กลุ่มจ้างวานข้ารับเคลียร์ของในบ้าน ในตึกแถวที่เจ้าของบ้านไม่ต้องการแล้ว ของที่ไม่ใช้มูลนิธินำไปส่งต่อหรือเป็นขยะเชื้อเพลิง ไม่ได้ทิ้งกองขยะข้างทาง ทั้งยังเกิดการต่อยอดเป็นโครงการ ‘ชรารีไซเคิล’ กลุ่มคนไร้บ้านสูงวัยจะทำการคัดแยกขยะพลาสติก อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ชำรุด เพื่อนำมาสู่กระบวนการรีไซเคิล งานคัดแยกขยะเหมาะกับผู้สูงอายุ ไม่ต้องใช้แรงเยอะเท่ากับงานจ้างวานข้า ไม่ต้องทำงานในพื้นที่สาธารณะ แต่ก็สามารถหารายได้ มีเงินสะสม เลี้ยงดูตัวเอง

“คนไร้บ้าน ผู้สูงอายุจะได้รับรายได้ ค่าจ้างเป็นวัน ถ้าทำงานในพื้นที่สาธารณะ ตั้งแต่เวลา  8.00-12.00 น. คนละ 400 บาท ถ้าทำงานกับทางมูลนิธิฯ ตั้งแต่เวลา  9.00-16.00 น. คนละ 500 บาท ส่วนแม่บ้านทำความสะอาดมีเงื่อนไขต้องจ้างงาน 3 ชั่วโมงขึ้นไป ชั่วโมงละ 250 บาทต่อคน เราส่งเสริมให้พวกเขามีงานทำอย่างต่อเนื่อง อยากให้มีรายได้ดูแลตัวเอง และหลายคนต้องดูแลสมาชิกในครอบครัวด้วย” เบญจมาศ กล่าว

จากแพลตฟอร์ม ‘จ้างวานข้า’ มีภาคเอกชนที่เห็นประโยชน์ของโครงการสร้างงาน สร้างโอกาส เกิดความร่วมมือระหว่าง Q-CHANG (คิวช่าง) กับมูลนิธิกระจกเงา ด้วยการว่าจ้างกลุ่มช่างที่เป็นคนไร้บ้านที่พอมีทักษะอาชีพช่าง หรือว่า ‘ช้าการช่าง’ ในโครงการจ้างวานข้าของมูลนิธิฯ มาทาสีศูนย์ฝึกอบรม Q-CHANG ACADEMY รวมถึงเปิดโอกาสให้ช่างของทางมูลนิธิเข้ามาอบรมในศูนย์ฯ ฟรี เพื่อ Reskill ให้แก่กลุ่มช่างสูงอายุ คนไร้บ้าน คนยากจน และนำความรู้ที่ได้ไปต่อยอดอาชีพช่างเพื่อชีวิตทุกวันช่างง่าย” ช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคมในการช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของช่างให้ดียิ่งขึ้น ทั้งยังได้นำกลุ่มช่างสูงอายุ คนไร้บ้าน กลับคืนสู่ตลาดแรงงานเพื่อสร้างรายได้ เป็นตัวอย่างการคอลแลบที่ดี จนคว้ารางวัลความเป็นเลิศทางความคิดสร้างสรรค์ (Creative Excellence Awards หรือ CE Awards) ประจำปี 2566 จากสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ สาขา Creative Business Awards ประเภท Cross-Sector Collaboration Awards

เบญจมาศ บอกถึงโมเดล ‘ช้าการช่าง’ เป็นกลุ่มช่างสูงอายุคนไร้บ้านรับงานทาสีอย่างเดียวในเบื้องต้น เป็นพื้นที่รวบรวมแหล่งจ้างงานสำหรับคนสูงวัยให้สามารถมีรายได้เพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน อนาคตต่อไปอาจขยับขยายในงานช่างประเภทอื่นๆ เช่น งานปูน งานซ่อมแซม งานตกแต่ง ก่อกระเบื้อง ปูกระเบื้อง ไปจนถึงช่างไฟฟ้า ช่างประปา ช่างล้างแอร์ แต่ไม่ได้รับงานใหญ่ เป็นงานตามบ้าน เพราะกลุ่มผู้เปราะบางผู้สูงอายุมีเงื่อนไขกว่าที่มากกว่าคนทั่วไป ช้า การช่าง มาจากแนวคิด ประกอบด้วย ช้า สื่อถึง ผู้สูงอายุ ถ้างานร้อน งานเร่ง อาจไม่ตอบโจทย์ แต่ถ้าซ่อมแซมทาสีปกติ จ้างแรงงานช้าการช่างได้เลย คนไร้บ้านต้องการการสนับสนุนจากสังคม

“เรายังมีโปรแกรมจากคนไร้บ้านสู่มีบ้าน มูลนิธิฯ จะหาห้องเช่า ช่วยสนับสนุนค่าเช่าเดือนแรก ค่ามัดจำให้ จากนั้นคนไร้บ้านต้องรับผิดชอบดูแลค่าเช่าเอง ปัจจุบันมีคนเปลี่ยนผ่านแล้ว 60 คน   พวกเขาได้มีห้องอยู่ ไม่ต้องนอนข้างถนนเหมือนแต่ก่อน มีความปลอดภัยในชีวิตมากขึ้น” เบญจมาศ กล่าว

อนาคตเธอระบุว่า อยากเห็นการเติบโตของทุกโครงการทั้งจ้างวานข้า, ชรารีไซเคิล, ช้าการช่าง ที่ขยายขึ้น สามารถรองรับผู้เข้าร่วมโครงการมากขึ้น อยากให้คนไทยสนับสนุนเกื้อกูลการจ้างงานคนไร้บ้าน เพื่อให้กลุ่มจ้างวานข้าได้งานทำ ได้พัฒนาตัวเอง และมีรายได้ เพื่อใช้ชีวิตที่มีความสุขมากขึ้น เราจะสร้างความตระหนักให้สังคมเล็งเห็นความสำคัญของกลุ่มผู้ไร้บ้าน นำกลุ่มผู้ไร้บ้านให้กลับเข้ามาอยู่ในการคุ้มครองของมูลนิธิฯ

อดีตชายไร้บ้านเปิดใจผ่านเพจจ้างวานข้า ข้อความว่า “คุณรู้ไหม ผมโชคดีมากนะที่ได้ห้องเช่า ช่วงนี้พายุเข้าพอดี ไม่งั้นต้องไปหลบหาที่นอนแบบชื้นๆ นอนเบียดกับคนอื่น โคตรลำบากเลย” เป็นหนึ่งในคนไร้บ้านที่ได้ห้องเช่า ได้ชีวิตใหม่

สนใจให้การสนับสนุนจ้างวานข้าได้ที่โครงการผู้ป่วยข้างถนน โดยมูลนิธิกระจกเงา เลขที่บัญชี 202-2-58289-4 ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือแจ้งพื้นที่ให้กลุ่มจ้างวานข้า ไปทำความสะอาด ได้ที่ Facebook มูลนิธิกระจกเงา หรือ จ้างวานข้า

‘มิสแกรนด์’ รุกแจกอาหาร-ถุงยังชีพให้คนไร้บ้าน ร่วมกับ ‘ชัชชาติ’ พร้อมมอบเงินให้ ‘มูลนิธิกระจกเงา’ เพื่อสนับสนุนโครงการจ้างวานข้า

(8 ก.ย.66) เข้าสู่การประกวดและการเก็บตัวของ มิสแกรนด์กรุงเทพฯ ​และ​ มิสแกรนด์​สระบุรี​ 2024​ อย่างเป็นทางการแล้ว​ ‘มอร์ฟีน รัชรินทร์ อุดเมืองคํา’​ แม่ทัพและผู้อำนวยการประกวดมิสแกรนด์​กรุงเทพฯ​ - สระบุรี​ 2024​ ขอพาสาวๆ​ มิสแกรนด์​กรุงเทพ​ฯ​ มาเข้าร่วมกิจกรรม​ดีๆ​ ที่กองประกวดจับมือร่วมกับ​กรุงเทพมหานคร​ โดย​ ท่าน​ผู้ว่าราชการ​กรุงเทพ​มหานคร​ ท่านชัชชาติ​ สิทธิ​พันธุ์​ รวมถึงมูลนิธิ​กระจกเงา​ ร่วมแจกอาหาร​ และถุงยังชีพให้กับคนไร้บ้านบริเวณ​ใต้​สะพาน​พระ​ปิ่นเกล้า​

โดย​ มอร์ฟีน​ รัชรินทร์​ ในฐานะผู้อำนวยการ​กองประกวด​เผยว่า​ ได้รับรู้​และเล็งเห็น​หนึ่งในปัญหา​ของเมืองหลวงที่รอรอยการแก้ไขอย่างยั่งยืนคือ​ ปัญหา​คนไร้บ้าน​ ที่มีเป็นจำนวนมาก​ในกรุงเทพฯ​ และอยากจะเป็นอีกหนึ่งกำลังจะช่วยเป็นกระบอกเสียงเพื่อหาทางแก้ไขปัญหา​นี้ให้ลดน้อยลง​

ด้าน ผู้ว่าชัชชาติ​ ได้เผยว่าการที่​กอง​ประกวด​มิส​แกรนด์​กรุงเทพ​ฯ​ ได้มาร่วมมือกับทางกรุงเทพมหานคร​ ในครั้งนี้เป็นเรื่องที่ดีเพราะการประกวดครั้งนี้นอกจากแข่งขันเรื่องความงามด้านจิตใจก็สำคัญและยิ่งการได้เป็นส่วนหนึ่งในการดูแลสังคมให้น่าอยู่​ยิ่งขึ้นยิ่งเป็นเรื่องที่ดีและขอบคุณ​ทางกองประกวด​มิส​แกรนด์​กรุงเทพ​ฯ ​2024​ ที่มาร่วมแรงร่วมใจกันทำกิจกรรมในวันนี้

นอกจากนี้ผู้อำนวยการกองประกวดมิสแกรนด์กรุงเทพฯ-สระบุรี ​2024​ นำเงินจำนวนหนึ่งจากการขายบัตรเข้าชมรอบ Final ของมิสแกรนด์กรุงเทพฯ​ 2024 ที่กำลังจะเกิดขึ้น​ เป็นเงินจำนวน​ 100,000 บาท​ มอบให้ มูลนิธิกระจกเงา เพื่อสนับสนุนโครงการ ‘จ้างวานข้า’

โครงการที่สนับสนุน และเปิดพื้นที่ ให้เกิดการจ้างงาน ในกลุ่มคนไร้บ้าน และคนจนในเมืองหลวงที่มีวิถีชีวิต​คล้ายคนไร้บ้าน​ให้ได้มีงานทำทั้งช่วยเหลือมูลนิธิกระจกเงา​การจ้างงานขององค์กรเอกชน​ที่ต้องการกำลังคนมาช่วยงานในรูปแบบต่างๆ​ เส้นทางกองประกวดเรียนเห็นว่า เป็นโครงการที่ดีและช่วยส่งเสริมในการแก้ไขปัญหาให้กับคนไร้บ้านได้อย่างยั่งยืน

‘พล.ต.ท.ไตรรงค์-มูลนิธิพระราหู’ มอบเงินหนุน ‘กระจกเงา’ ผ่านโครงการ ‘สดชื่นสถาน’ จำนวน 100,000 บาท

(23 ม.ค. 67) ณ กองบินตำรวจ กรุงเทพฯ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ.ตร.พร้อมด้วย พ.ต.อ. ทิวา โสภาเจริญ รอง ผบก.ศฝร.บช.น., พ.ต.อ.นครพัฒน์ พรหมพันธุ์ ที่ปรึกษา ผบช.สพฐ.ผู้แทนมูลนิธิพระราหู ได้ร่วมมอบเงินสนับสนุน โครงการ ‘สดชื่นสถาน’ ให้แก่มูลนิธิกระจกเงา จำนวน 100,000 บาท โดยมี ตัวแทนจากมูลนิธิฯ มารับเงินสนับสนุน 

อนึ่ง โครงการ ‘สดชื่นสถาน’ เป็นโครงการของมูลนิธิกระจกเงา ที่ตั้งขึ้นเพื่อพัฒนาระบบสวัสดิการพื้นฐานของคนไร้บ้าน และกลุ่มคนเปราะบางที่ต้องการความช่วยเหลือ โดยเป็นพื้นที่ที่ให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้ใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดา อาทิ เช่น การอาบน้ำ ซักผ้า ที่เป็นเรื่องปกติของคนทั่วไป แต่ทำได้ยากสำหรับคนไร้บ้านและกลุ่มเปราะบางนั้น ให้กลายเป็นเรื่องธรรมดา 

ดังนั้น โครงการดังกล่าวจึงมีความจำเป็นต้องใช้เงินทุนในการจัดหา เครื่องกรองน้ำ เครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้า จัดสร้างห้องสุขาชาย-หญิง และห้องอาบน้ำชาย-หญิง เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการต่อไป

‘ทหารพราน’ จากยะลา มาเป็นอาสาล้างบ้านที่ ‘แม่สาย’ เผย!! ทำด้วยความภูมิใจ ไม่ได้ต้องการอะไรตอบแทน

(2 พ.ย. 67) มูลนิธิกระจกเงา ได้โพสต์เรื่องราวดีๆ ของทหารพรานจากยะลา ซึ่งเป็นจิตอาสา ขึ้นเหนือ ไปทำกิจกรรม ‘ล้างบ้าน’ ที่แม่สาย โดยมีใจความว่า ...

วันที่ผมตัดสินใจ นั่งรถไฟชั้น 3 จากยะลาเข้ากรุงเทพ เพื่อไปกิจกรรมล้างบ้านที่แม่สาย คนรอบตัวถามผมว่า ‘ไปแล้วจะได้อะไร เป็นอาสาแล้วได้เงินหรือเปล่า’ ผมแค่รู้สึกว่าผมภูมิใจที่ตัวเองสามารถทำหน้าที่นี้ได้ ไม่ต้องการอะไรตอบแทน

ปกติผมเป็นทหารพรานอยู่จังหวัดยะลา บ้านเกิดอยู่นราธิวาส ปลายปีก่อนนราธิวาสก็น้ำท่วมหนัก ตอนนั้นผมไปเป็นอาสาช่วยชาวบ้าน ได้ทำงานร่วมกับคนต่างถิ่นเยอะมาก หลายคนเดินทางมาไกล เพื่อช่วยคนในพื้นที่สามจังหวัด พอเห็นข่าวน้ำท่วมแม่สายรอบนี้ ผมเข้าใจดี ว่าน้ำท่วมมันไม่ได้พังแค่บ้าน เศรษฐกิจอะไรก็พังหมด มันสาหัสขนาดผ่านมาเดือนกว่าแล้ว ในพื้นที่เหมือนโดนสงคราม ยังเป็นโคลนเป็นฝุ่นอยู่ ผมเลยตั้งใจไว้ว่ายังไงก็ต้องเอาแรงไปช่วยตรงนั้นให้ได้

แต่จากยะลาไปแม่สาย มันก็ลำบากเรื่องการเดินทาง สนามบินอยู่ไกล ไม่มีรถไฟต่อตรง ต้องนั่งหลายต่อ ส่วนตัวผมเองไม่ได้มีทุนมาก มีแค่แรงที่ช่วยได้ พอเห็นมูลนิธิกระจกเงาประกาศรับสมัครอาสาบินฟรี ผมก็สมัครเลยแบบไม่ลังเล

ถึงแม่สายวันแรก ผมได้ไปขุดโคลนแถวเกาะทรายซอย 8 ทั้งหน้าบ้าน ในบ้านเป็นโคลนหมดเลย ผมตะลึงนะ แบบ โห้! โคลนในบ้านสูง 60 เซน มองไม่ออกเลยว่าตรงไหนเป็นพื้นที่ต่ำหรือสูง ถ้าสิ่งนี้เกิดขึ้นกับบ้านผม ผมคงพูดไม่ออก แล้วยิ่งบ้านนี้เป็นคนแก่อยู่คนเดียว ถ้าต้องจัดการโคลนคนเดียวหมดนี้ เขาคงทำไม่ไหว

ขุดโคลนบ้านหลังแรกเสร็จ ผมเหนื่อยมาก แต่ก็ภูมิใจมากนะ ตลอดเวลาที่เข้าไปช่วย เห็นเจ้าของบ้านพยายามซัพพอร์ต ขาดเหลืออุปกรณ์อะไรเขาก็ไปหามาให้ ได้อยู่จนถึงวันที่ส่งมอบบ้านให้เขา เขาไม่ต้องมาขอบคุณผมก็ได้ แค่บ้านสะอาด เจ้าของบ้านดีใจที่ได้กลับเข้าบ้าน แค่นี้ผมก็รู้สึกมีคุณค่ากับตัวเองแล้ว

มาอาสารอบนี้ ผมสนุกกับชีวิตตัวเองมาก ได้เจอคน เจอพื้นที่ใหม่ ได้ทำงานร่วมกับคนที่ไม่ได้รู้จักกัน ไม่ได้นัดกัน อยู่ดีๆ กลายมาเป็นทีมเดียวกัน เพื่อนอาสาบางคนรับราชการ เป็นเจ้าของบริษัท เป็นผู้พันทหารอากาศ แต่เขาก็ยังหาเวลามาทำอาสาสมัคร นี่คือเปิดโลก เปิดประสบการณ์ให้ผมเลย

อยากบอกทุกคนว่า หากคุณคิดอยากช่วยก็มาเถอะ ไม่มีทรัพย์สินเงินทอง ก็เอากำลังมาช่วยได้ ตอนทำอาจจะเหนื่อย แต่เหนื่อยแค่แปปเดียว นอนพักเดี๋ยวก็หายแล้ว

อัฟฟาน วาแม (ปัง) อายุ 32 ปี 
อาสาล้างบ้าน รุ่นบินลัดฟ้า
เดินทางจากใต้สุดเมืองยะลา 
มาช่วยชาวบ้านที่แม่สาย เหนือสุดแดนสยาม

ขอขอบคุณ Fly AirAsia
สนับสนุนเที่ยวบินเพื่อภารกิจอาสาล้างบ้าน
ตั้งแต่ 15 - 31 ตุลาคม 2567

วันนี้เป็นวันสุดท้าย 
ที่อาสาจากกิจกรรมบินลัดฟ้าปฏิบัติภารกิจ
ขอขอบคุณอาสาล้างบ้านทุกคน
จากทั่วประเทศ ทุกวิธีการเดินทาง
ที่สละทั้งร่างกายและเวลา
มาช่วยชาวบ้านผู้ประสบภัยอุทกภัย

ศูนย์อาสาล้างบ้านกระจกเงา อ.แม่สาย จ.เชียงราย 
ล้างบ้านไปทั้งหมด 230 หลังคาเรือน
และหลังจากนี้ เราจะเข้าสู่หน้างานซ่อมสร้างบ้าน เพื่อซ่อมแซมชาวบ้านที่พังเสียหายจากน้ำท่วม ให้พร้อมเข้าอยู่

สนับสนุนงานภัยพิบัติของมูลนิธิกระจกเงา
ได้ที่ กองทุนภัยพิบัติ (Special Force) 
โดยมูลนิธิกระจกเงา
เลขที่บัญชี 202-258298-3 ธ.ไทยพาณิชย์

หรือ สนับสนุนเข้ากองทุนมูลนิธิกระจกเงา
ได้ที่ เทใจดอทคอม
https://taejai.com/th/project/mirror_fund_ot
(สามารถลดหย่อนภาษีได้)


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top