Tuesday, 22 April 2025
มีลูก

ส่อแววสิ้นชาติ!! ‘ญี่ปุ่น’ อัดฉีดงบรณรงค์ครอบครัวปั๊มลูกเพิ่ม หวั่น!! ถ้าไม่เร่งแก้ปัญหานี้โดยเร็ว สิ้นชาติแน่นอน

(6 มี.ค. 66) รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังตื่นตระหนกกับปัญหาเด็กเกิดน้อย ประชากรหดตัว หวั่นอนาคตเศรษฐกิจพินาศ จนถึงขั้นสิ้นชาติ

ด้าน โมริ มาซาโกะ หนึ่งในทีมที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีคิชิดะ ฟูมิโอะ ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อญี่ปุ่น หลังพบว่า ในปีที่ผ่านมามีทารกแรกเกิดในญี่ปุ่นน้อยที่สุดเป็นประวติการณ์ว่า นอกเหนือจากปัญหาทางเศรษฐกิจถดถอยจากปัญหาประชากรลดน้อยลงแล้ว ความหวาดกลัวในอนาคตจะเกาะกินใจเด็กญี่ปุ่นรุ่นใหม่ เมื่อต้องเผชิญความจริงที่ว่า ญี่ปุ่นมีสิทธิ์ที่จะสูญสิ้นชาติได้

โดย โมริ มาซาโกะ ชี้ว่า ในปี 2022 ที่ผ่านมา มียอดตัวเลขผู้เสียชีวิตในญี่ปุ่น 1.58 ล้านคน ซึ่งสูงกว่ายอดเด็กแรกเกิดที่ราว ๆ 8 แสนคนถึง 2 เท่า และอัตราการเด็กเกิดใหม่ในญี่ปุ่นมีตัวเลขดิ่งลงอย่างรวดเร็ว จนตอนนี้ประชากรเหลืออยู่เพียง 124.6 ล้านคน ลดลงจากปีที่ญี่ปุ่นมีประชากรมากที่สุดในปี 2008 ที่ 128 ล้านคน และในจำนวนประชากรญี่ปุ่นในปัจจุบัน มีกลุ่มผู้สูงอายุ ตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไปเพิ่มขึ้นถึง 29%

สิ่งที่น่าวิตกอย่างมากคือ การที่เด็กรุ่นใหม่เกิดน้อยมาก จะทำให้ญี่ปุ่นสูญเสียศักยภาพในการขับเคลื่อนประเทศในมิติต่าง ๆ ความแข็งแกร่งด้านอุตสาหกรรม และ เศรษฐกิจจะถดถอยลงเรื่อย ๆ ส่งผลต่อความมั่นคงของชาติ ลองคิดดูว่า เมื่อขาดแคลนกลุ่มเยาวชน คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ เราจะหาใครมาทำหน้าที่ปกป้องประเทศจากภัยคุกคามของชาติอื่นในอนาคตได้

ด้วยเหตุนี้ นายกรัฐมนตรีคิชิดะ ฟูมิโอะ เตรียมที่จะอัดฉีดงบประมาณเพื่อจูงใจให้ครอบครัวชาวญี่ปุ่นมีลูกมากขึ้น ด้วยการเพิ่มเงินโบนัสพิเศษให้กับครอบครัวที่มีเด็กเกิดใหม่จากเดิม 4.2 แสนเยน ต่อคน เป็น 5 แสนเยนในปีนี้ และอาจมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างระบบการทำงานในญี่ปุ่นให้เอื้อต่อคุณแม่ชาวญี่ปุ่น สามารถทำงานไปด้วย ดูแลลูกไปด้วยได้ง่ายขึ้น

 

คู่รัก ‘หญิง-หญิง’ ชาวเกาหลีใต้ให้กำเนิดลูกสาว ตอกย้ำ!! คู่รักเพศเดียวกันก็มีลูกได้

คู่รักหญิงเพศเดียวกันของเกาหลีใต้ ประกาศให้สังคมรับรู้ว่า “กำลังตั้งครรภ์” โดยถือเป็นคู่แรกของประเทศ ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ

หลังจากเป็นกระแสที่ถูกจับตามองในประเด็นของคู่รักเพศเดียวกันไปก่อนหน้านี้ ล่าสุด ‘คยูจิน’ (31) และ ‘เซยอน’ (34) คู่รักเพศเดียวกันชาวเกาหลีใต้คู่แรก ซึ่งประกาศให้สังคมรับรู้ว่ากำลังตั้งครรภ์และจะคลอดอีกไม่นานนี้ ก็เผยข่าวดี!!

สำหรับ ‘คยูจิน’ และ ‘เซยอน’ นั้น ทั้งคู่ได้จดทะเบียนสมรสในเดือนพฤษภาคม 2019 ที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และแต่งงานกันที่เกาหลีในเดือนพฤศจิกายนของปีเดียวกัน

จากนั้น ในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว คยูจิน ก็ตั้งท้องจากการผสมเทียมด้วยสเปิร์มบริจาคจากโรงพยาบาลรักษาผู้มีบุตรยากในเบลเยียม

ล่าสุดคู่รัก ‘หญิง-หญิง’ คู่แรกของเกาหลีได้คลอดลูกสาวแล้ว โดยพวกเธอตั้งชื่อสาวน้อยคนนี้ว่า ‘รานี’ มีน้ำหนักตัว 3.2 กก. เมื่อเวลา 04.30 น. ของวันที่ 30 ส.ค. 66 ที่ผ่านมา

อย่างที่เราทราบกันดีว่า สังคมในประเทศเกาหลีใต้นั้น ยังคงปิดรับสำหรับเรื่องเพศที่หลากหลาย ดังนั้นนี่จึงเป็นปรากฏการณ์ที่น่าจับตามอง ภายหลังที่พวกเธอทั้งสองกล้าออกสื่อ เพื่อบอกให้รู้ว่าคู่รักเพศเดียวกันก็มีลูกได้

‘รัฐบาล’ ส่งเสริมการมีลูก ลุยอัปเกรด ‘ระบบการแพทย์-กม.’ จูงใจคนให้มีลูก เชิดชูเกียรติ-เสียสละเพื่อประเทศชาติ

(15 พ.ย. 66) น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นำคณะผู้บริหาร ตรวจเยี่ยมการดำเนินภารกิจของกรมอนามัย ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญ ในการดำเนินงานส่งเสริมให้ประชาชนมีสุขภาพดี พร้อมมอบนโยบายให้กับผู้บริหารและบุคลากรเพื่อให้สามารถขับเคลื่อนการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำการดำเนินการ ‘ยกระดับ 30 บาทอัปเกรด’ ให้พัฒนาอย่างก้าวกระโดด พร้อมรับมือกับความท้าทายจากสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอน ภายใต้นโยบายของกระทรวงสาธารณสุข ทั้ง 13 ประเด็น โดยเฉพาะนโยบายการส่งเสริมการมีบุตร ต้องเร่งรัดขับเคลื่อนการดำเนินการให้เห็นผลลัพธ์เป็นรูปธรรม และผลักดันให้บรรจุเป็นวาระแห่งชาติ ร่วมบูรณาการกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ในการกำหนดมาตรการส่งเสริมการมีบุตร ทั้งเรื่องคลินิกส่งเสริมการมีบุตร หน่วยคัดกรองโรคหายาก และการแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงบริการรักษาภาวะมีบุตรยาก ด้วยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ให้มีโอกาสมีลูกได้ รวมถึงบูรณาการขับเคลื่อนภายใต้ประเด็นเศรษฐกิจสุขภาพ การส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม ให้เกิดการพัฒนาเมืองต้นแบบชุมชนสุขภาพดี (Healthy City Models) และขับเคลื่อนนโยบายประเด็นอื่น ๆ ด้วย

“นายสันติ มีความตั้งใจที่จะแก้ปัญหาอัตราการเกิดน้อยของประชากรน้อยลง ซึ่งกรมอนามัยเป็นผู้ที่สนับสนุน วางแผนในด้านต่าง ๆ ที่จะส่งเสริมการมีบุตรและอยากให้บรรจุเป็นวาระแห่งชาติ และมีสิ่งจูงใจให้สุภาพสตรีมีบุตร เพื่อให้พวกเขารู้สึกว่าการมีบุตรนั้นมีเกียรติ เสียสละ เพราะต้องยอมรับว่า สุภาพสตรีที่มีบุตรนั้นร่างกายจะทรุดโทรมค่อนข้างมาก กระทรวงสาธารณสุข มีหน้าที่ดูแลเรื่องเหล่านี้ ถ้าไม่นำร่องการให้เกียรติ ยกย่อง เพื่อให้เขารู้ว่าการมีบุตรเป็นสิ่งที่ช่วยประเทศชาติ” น.ส.เกณิกา กล่าว

‘นายกฯ’ ชี้!! อัตราการเกิดคนไทยลดลงต่อเนื่อง เป็นการบ้านสำคัญรัฐบาล ต้องสร้างอนาคตที่ดีแก่ลูกหลาน ผู้หญิงต้องมีชีวิตบาลานซ์ ‘ทำงานได้-มีลูกได้’

(21 ธ.ค. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า…

“เห็นข้อมูลชุดนี้แล้วน่าตกใจนะครับ แม้ว่าปัญหาอัตราการเกิดของประเทศไทยที่ลดลงอย่างต่อเนื่องจะไม่ใช่เรื่องใหม่

จากบทความนี้ของ The​ Nation https://www.nationthailand.com/thailand/general/40023947 ก็จะเห็นว่าอัตราการเกิดปีที่ผ่านมาของไทยต่ำที่สุดในรอบ 71 ปี

ประเด็นนี้ละเอียดอ่อน!!

ผมในฐานะนายกฯ และรัฐบาล ตระหนักในเรื่องสิทธิเหนือร่างกายและอำนาจของผู้หญิง ที่พึงมีสิทธิ์เต็มที่ในการตัดสินใจที่จะมีลูกหรือไม่มีลูก

ขณะเดียวกันในฐานะนายกฯ ผมคิดว่าผมมีหน้าที่ในการทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่อยู่แล้วมีความสุข เศรษฐกิจดี มีความปลอดภัย ถ้าคนจะมีลูกก็มั่นใจว่า ลูกหลานของเขาจะได้รับการศึกษาที่ดี มีงานทำ ไม่มีเรื่องยาเสพติด ผู้หญิงมี Work Life Balance ทำงานได้ มีลูกได้

เรื่องใหญ่ครับ และเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องเอาไปทำการบ้าน”

สาวจีนโดนเจ้าหน้าที่โทรจี้ ถามเมื่อไหร่จะมีลูกเพิ่ม!!

(30 ต.ค. 67) สาวจีนรายหนึ่ง แชร์ประสบการณ์ถูกเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นจีนโทรศัพท์จี้ถามถึงแผนการมีลูก ตามนโยบายสนับสนุนการมีบุตรเพื่อเพิ่มอัตราเด็กเกิดใหม่ของรัฐบาลจีน ผ่านโซเชียล ปรากฏว่ามีหญิงสาวที่เจอประสบการณ์เดียวกันเพียบ 

สาวจีน ผู้ใช้ชื่อบัญชี 'Guo Guo' ในแพลตฟอร์ม Xiaohongshu ได้เล่าว่าเธอได้รับโทรศัพท์แปลกๆ จากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นรัฐ ที่โทรเข้ามาถามเรื่องการวางแผนครอบครัว และตอนนี้ได้ตั้งครรภ์อยู่หรือไม่ แม้เธอจะเป็นคุณแม่ที่มีลูกอยู่แล้ว 2 คน แต่เจ้าหน้าที่ยังรุกถามต่อว่า แล้ววางแผนจะมีลูกคนที่ 3 เมื่อไหร่ 

สาวจีนเริ่มรู้สึกอึดอัดใจกับคำถามที่ละลาบละล้วงในเรื่องส่วนตัวเกินงาม แต่ยังตอบปลายสายอย่างสุภาพว่า ตอนนี้เธอมีภาระมากพอแล้ว และไม่ว่างที่จะมีลูกคนที่ 3 อีก แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ยอมแพ้ที่จะหว่านล้อมให้เธอมีลูกเพิ่ม ถ้าแม่สามีช่วยเลี้ยงไม่ได้ ลองถามแม่ของเธอให้ช่วยเลี้ยงก็ได้

หลังจากหญิงสาวแชร์เรื่องราวลงในโซเชียลจีน ปรากฏว่าโพสต์ของเธอมียอดวิวสูงถึง 11,000 วิว กับความเห็นของชาวเน็ตจีนอีกหลายพัน แถมบางคนยังยืนยันว่าเคยได้รับโทรศัพท์สอบถามแผนการตั้งครรภ์จากเจ้าหน้าที่รัฐเช่นเดียวกัน

และกลายเป็นประเด็นถกเถียงถึงเรื่องสิทธิส่วนบุคคล และความชอบธรรมทางกฎหมายของการสอบถามข้อมูลส่วนตัวของเจ้าหน้าที่รัฐ หลายคนแสดงความเห็นว่า นึกไม่ออกว่าการโทรมาจี้ถามราวกับสอบสวนจะส่งเสริมให้แต่ละครอบครัวมีบุตรเพิ่มขึ้นที่ตรงไหน และบางคนยังเห็นว่า เป็นการโทรที่แปลกยิ่งกว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์เสียอีก

แต่ทว่า นี่ไม่ใช่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่เป็นส่วนหนึ่งในแคมเปญรณรงค์เรื่องการมีบุตรอย่างเข้มข้นของรัฐบาลจีนจริง ๆ

โดย Caixin Global สื่อจีน รายงานว่ามีการมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นระดับรากหญ้า เก็บรวบรวมข้อมูลสถิติการแต่งงาน และการคลอดบุตรของชาวบ้าน ส่งเข้าสู่ฐานข้อมูลของรัฐบาลกลาง เพื่อวิเคราะห์หาสาเหตุว่าทำไมหลายครอบครัวจึงลังเลที่จะมีบุตร 

ซึ่งการสำรวจครั้งนี้ เจาะกลุ่มสตรีที่อยู่ในช่วงวัยที่มีความสามารถในการตั้งครรภ์อายุตั้งแต่ 15 - 49 ปี ในหัวเมืองใหญ่ 150 เมืองทั่วประเทศ เพื่อทำความเข้าใจถึงปัญหา และปัจจัยที่จำเป็นในการตั้งครรภ์และเลี้ยงดูบุตรของครอบครัวจีน ที่จะนำไปสู่การปรับปรุงสวัสดิการ และนโยบายส่งเสริมการมีบุตรของรัฐบาลในอนาคต 

เนื่องจากปัจจุบัน จีนกำลังเผชิญปัญหาอัตราเด็กเกิดใหม่น้อยลงมาก จากข้อมูลของสำนักสถิติแห่งชาติพบว่าในปี 2023 จีนมีเด็กแรกเกิดที่ 9 ล้านคน ซึ่งเป็นจำนวนที่ลดลงกว่าครึ่ง จากเมื่อปี 2014 ที่จีนมีเด็กแรกเกิดถึง 17 ล้านคน

แต่ความกระตือรือร้นที่หาเหตุ-ปัจจัย ที่จะกระตุ้นการมีบุตรของรัฐบาลจีนเป็นเรื่องดี จะผิดก็แต่เรื่องวิธีการเข้าถึงแหล่งข้อมูล ที่ดูจะขาดจิตวิทยาและความนุ่มนวลไปหน่อย ที่อาจทำให้หญิงสาวบางคนจากเดิมที่คิดจะมี กลายเป็นคิดหนักได้เหมือนกัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top