Monday, 7 April 2025
มาดามเดียร์

‘มาดามเดียร์’ แนะรัฐต้องสร้างพื้นที่ปลอดภัยโอบรับคนรุ่นใหม่ พร้อมดันนโยบายกองทุนไอเดียหมื่นล้านเติมทุนตามฝันคนทุกวัย

(22 เม.ย.66) น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมเวทีเสวนา 'Lost & Found: ตามหาความฝันที่หล่นหายของคน Gen Z' กล่าวว่า เด็ก Gen Z หลายคนถูกบังคับให้เลือกบนทางเลือกที่จำกัดหรือแทบจะไม่มีทางเลือกเลย เด็กจบใหม่ไม่เป็นพนักงานประจำ ก็เป็นฟรีแลนซ์ แต่ก็มีไม่กี่คนมีทุนและได้เป็นเจ้าของกิจการ สำหรับคนที่ไม่มีทุนต้องแลกที่จะแยกออกมาอยู่คนเดียวในเมืองอยู่ในพื้นที่แคบเพื่อง่ายต่อการทำงาน ทำให้เกิดปัญหา Mental Health สังคมเริ่มป่วย ความรุนแรงเริ่มเกิดขึ้นกับคนที่อายุน้อยลงเรื่อยๆ ทั้งที่ไม่ควรเกิดขึ้น 

ทั้งหมดนี้เกิดจากความเลื่อมล้ำ พรรคประชาธิปัตย์ต้องการสร้างโอกาสที่เท่าเทียมกัน เพื่อให้เด็ก Gen Z สร้างฝันของตัวเองให้เป็นจริง โดยนโยบายทางการศึกษา ให้เรียนฟรีจนจบปริญญาตรีโดยเริ่มจากสาขาที่ขาดแคลนในตลาดก่อนและค่อยขยายไปสาขาอื่นๆ นโยบายธนาคารชุมชน-หมู่บ้าน กองทุนไอเดียหมื่นล้าน และกองทุนเอสเอ็มอี-สตาร์ตอัป เพื่อสานฝันให้คน Gen Z มีเงินทุนเพื่อประกอบธุรกิจทำตามความฝัน เติมต้นทุนในชีวิต และสุดท้ายคือนโยบายกระจายความเจริญออกไปสู่ภูมิภาค

น.ส.วทันยา ตั้งคำถามว่า คนทุกวัยมีเป้าหมายในชีวิต แต่บริบทสังคมอะไรที่จะทำให้เขาเข้าถึงเป้าหมาย และครอบครัว สังคม หรือรัฐบาลมีความเข้าใจที่จะส่งเสริมให้ถึงเป้าหมายหรือไม่? น.ส.วทันยา กล่าวว่า เราต้องสร้างตาข่ายที่รองรับให้คนรุ่นใหม่รู้สึกว่าถ้าเขาล้มเขายังอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ตั้งแต่รัฐสวัสดิการ ที่อยู่อาศัย หรือการดูแลของรัฐในช่วงเกษียณ นอกจากนี้รัฐต้องส่งเสริมให้ทุกคนมีโอกาสที่เท่าเทียมให้ยืนบนลำแข้งของตัวเองให้ได้ และสร้างพื้นที่ปลอดภัยที่โอบรับทุกคน สิทธิ เสรีภาพ ความรักความอบอุ่น ให้เขามีความเชื่อมั่นในตัวเองเพียงพอที่จะออกไปต่อสู้กับโลกภายนอก โดยเฉพาะความผันผวนของโลก ไม่ว่าจะเป็นสงคราม โลกร้อน โรคระบาด ฯลฯ 

‘มาดามเดียร์’ ช่วย ‘ศิลป์ชัย’ ผู้สมัคร ส.ส.หาเสียงที่นครศรีฯ ขอแรงหนุนจาก ปชช. กลับมาเทคะแนนให้ ‘ปชป.’ ยกจังหวัด

(27 เม.ย. 66) ที่ตลาดอำเภอสิชล น.ส.วทันยา บุนนาค หรือ ‘มาดามเดียร์’ ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พร้อมด้วย นายชัยชนะ เดชเดโช รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 5 (อำเภอจุฬาภรณ์ อำเภอร่อนพิบูลย์ และอำเภอลานสกา) หมายเลข 4 ลงพื้นที่ตลาดอำเภอสิชล ช่วยหาเสียงสนับสนุนให้นายศิลป์ชัย สุนทรมัฏฐ์ ผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 10 (อำเภอขนอม อำเภอสิชล และอำเภอท่าศาลา) หมายเลข 1 ซึ่งได้รับการต้อนรับจากประชาชนอย่างอบอุ่น และเข้ามาขอถ่ายรูปจำนวนมาก

‘มาดามเดียร์’ บุกตลาดวัดไทร ช่วยหาเสียงหนุน ‘วณิชชา ม่วงศิริ’ ขอโอกาสคนกรุงอีกครั้ง!! เลือก ‘ปชป.’ ทำงานจริง ไม่ทิ้งพื้นที่

(30 เม.ย.66) ที่ตลาดวัดไทร เขตจอมทอง กทม. น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เดินทักทายประชาชน พ่อค้าแม่ค้าในตลาดวัดไทร เขตจอมทอง เพื่อช่วยหาเสียงสนับสนุนให้กับ น.ส.วณิชชา ม่วงศิริ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตจอมทอง-บางบอน หมายเลข 9 พร้อมกันนี้ น.ส.วทันยา และ น.ส.วณิชชา ยังได้รับฟังเสียงสะท้อนปัญหาและความเดือดร้อนจากพี่น้องประชาชนที่เดินเข้ามาสะท้อนให้รับฟังตลอดเส้นทางที่เดินหาเสียง ทั้งนี้ น.ส.วทันยา และ น.ส.วณิชชา ได้เดินทางต่อไปยัง ชุมชนบางบอลวิลล่า เขตบางบอน เพื่อพบปะกับประชาชนด้วย

โดย น.ส.วทันยา กล่าวว่า การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 14 พ.ค.นี้ จะเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่ง เป็นวันที่เราจะได้เลือกอนาคตของตัวเอง เลือกอนาคตประเทศ ทั้งนี้เรื่องของการเมืองนั้นเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมากกว่าที่เราคิด หลายคนอาจจะสงสัยว่าเลือกตั้งไปแล้วจะเปลี่ยนแปลงได้จริงหรอ ซึ่งการเลือก ส.ส. ที่จะไปเป็นตัวแทนของเรานั้น เป็นเรื่องใกล้ตัวมากกว่าที่เราคิด เพราะหน้าที่หนึ่งของ ส.ส. คือ การไปเป็นปากเป็นเสียงให้ประชาชนในสภา นำปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ดังนั้นหากเรามี ส.ส. ที่ใส่ใจ ตั้งใจทำงาน ปัญหาของเราก็จะได้รับการแก้ไข อย่างวันนี้เราเจอฝุ่น pm2.5 ที่อันตรายเหมือนการตายผ่อนส่ง และที่ผ่านมาสภาฯได้มีการเสนอกฎหมายอากาศสะอาดเข้าไป แต่กลับไม่สามารถเข้าสู่วาระการประชุมได้ เพราะนักการเมืองที่คิดแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง เล่นเกมการเมือง อย่างที่เราเห็นข่าวในช่วงท้ายของอายุสภาฯ เกิดเหตุการณ์สภาล่มอยู่บ่อยครั้ง ทำให้กฎหมายอากาศสะอาดที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนไม่ได้เข้าสู่การพิจารณาของสภา

‘มาดามเดีย’ร์ ช่วย ‘หมอตุลกานต์’ ลุยหาเสียงเมืองตรัง ยัน!! ‘ปชป.’ มีเลือดใหม่ไหลเข้าตลอด ย้ำ!! ไม่เอาเสรีกัญชา

มาดามเดียร์ ลุยเมืองตรัง ช่วย ‘หมอตุลกานต์’ ดึงเสียงคนรุ่นใหม่ ลั่น ปชป.ยังอยู่คู่คนไทยอีกนาน ย้ำจุดยืนไม่หนุนกัญชาเสรี

เมื่อวันที่ (1 พ.ค. 66) ที่ จ.ตรัง น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) พร้อมด้วย นพ.ตุลกานต์ มักคุ้น ผู้สมัคร ส.ส. ตรัง เขต 1 หมายเลข 4 เดินพบปะประชาชน เพื่อแนะนำตัวและขอคะแนนสนับสนุน ภายในห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จ.ตรัง ซึ่งเป็นแหล่งรวมของเยาวชน คนรุ่นใหม่

ระหว่างการเดินมีประชาชนเข้ามาทักทาย มอบดอกไม้ให้กำลังใจ และขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึก พร้อมกับบอกว่าเป็นแฟนคลับพรรคประชาธิปัตย์ แม้ว่าบางคนที่เข้ามาทักทายไม่ได้เป็นคนตรังก็ตาม จากนั้นได้ขึ้นรถแห่ประชาสัมพันธ์ขอเสียงสนับสนุนรอบบริเวณเมืองตรัง ก่อนที่จะขึ้นปราศรัยพบปะกับประชาชน

นพ.ตุลกานต์ กล่าวว่า วันนี้ตนมาขอเสียงสนับสนุนจากพี่น้องประชาชน ขอโอกาสให้คนที่มีความรู้ ความสามารถ คนมีคุณภาพ ซื่อสัตย์สุจริต เข้าไปทำงานการเมือง เพื่อพัฒนาบ้านเรา พัฒนาประเทศชาติ เพราะประเทศชาติจะพัฒนาได้ การเมืองต้องสุจริต ขอย้ำว่า ขออย่าเลือกใครเพราะความกลัว โดยเฉพาะการกลัวว่ารับเงินเขามาแล้วจึงต้องเลือก แต่ให้เลือกคนที่ดี มีความจริงใจ ตั้งใจที่จะมาพัฒนาบ้านเรา

ด้านน.ส.วทันยา กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบันการเมืองที่มีความมั่นคง และจะยังคงอยู่คู่คนไทยต่อไปอีกยาวนาน ขออย่ากังวลกับข่าวที่บอกว่าพรรคประชาธิปัตย์มีแต่เลือดที่ไหลออก พรรคประชาธิปัตย์จะยังไหวหรือไม่ การที่ตนมายืนอยู่ตรงนี้เป็นเครื่องยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้มีเพียงเลือดที่ไหลออกเท่านั้น แต่พรรคประชาธิปัตย์ยังมีเลือดใหม่อย่างตน และ นพ.ตุลกานต์ ที่เปี่ยมด้วยคุณภาพ มีอุดมการณ์ไหลเข้ามาไม่ขาดสาย

น.ส.วทันยา กล่าวต่อว่า ใครที่สบประมาท ปรามาส ที่เขาให้ข่าวว่าร้ายพรรคประชาธิปัตย์ว่าแย่แล้ว อย่าไปเชื่อเขา เพราะการยืนอยู่ของตน และ นพ.ตุลกานต์วันนี้ นี่คือโอกาสที่จะบอกว่าพรรคประชาธิปัตย์ให้โอกาสคนรุ่นใหม่ได้มีโอกาสมาทำงาน มาเสนอตัวเป็นผู้แทนของประชาชน

“การปรับเปลี่ยนของเลือดที่ไหลออก แต่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพของเลือดใหม่ที่ไหลเข้า ที่เป็นเลือดใหม่ที่เป็น young blood ที่แท้จริง นั่นคือเครื่องตอกย้ำว่าประชาธิปัตย์จะยังคงเติบโตอย่างมั่นคงอยู่คู่คนไทยไปอีกนานแสนนาน”

น.ส.วทันยา ยังย้ำจุดยืนอีกว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่สนับสนุนนโยบายยาเสพติดโดยเฉพาะกัญชาเสรี เพราะเป็นสิ่งที่จะทำลายอนาคตของลูกหลาน และอนาคตของประเทศชาติ และพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคเดียวและพรรคแรกที่ประกาศชัดว่าไม่สนับสนุนให้มีกัญชาเสรี แต่หากเป็นกัญชาทางการแพทย์ยินดีสนับสนุน

น.ส.วทันยา กล่าวต่อว่า กัญชาเสรีไม่ได้ทำลายเพียงอนาคตของลูกหลาน แต่ยังส่งผลกระทบกับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศ กระทบกับรายได้ของประเทศ เนื่องจากมีหลายประเทศไม่สนับสนุน โดยเฉพาะประเทศจีน ตนเคยมีโอกาสคุยกับเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการค้าของจีน เขาแจ้งว่าหากประเทศไทยมีการเปิดกัญชาเสรี เขาจะห้ามนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาประเทศไทย หากเป็นเช่นนั้นประเทศไทยที่ต้องพึ่งพารายได้จากภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ก็จะต้องได้รับผลกระทบด้วย

‘มาดามเดียร์’ ลั่น!! ถึงเวลา ปชป. ประกาศจุดยืนฝ่ายค้าน ก่อนตั้ง ครม. ใหม่ ยัน!! ยึดหลักการอยู่ข้าง ปชช. ไม่แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน

เมื่อวานนี้ (24 ส.ค.66) น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม. พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ภาพและข้อความผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘เดียร์ วทันยา บุนนาค’ เพื่อเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์ประกาศจุดยืนเป็นฝ่ายค้านอย่างสมศักดิ์ศรีก่อนจัดตั้ง ครม. ชุดใหม่ ท่ามกลางกระแสวิจารณ์เรื่องผลโหวตนายกรัฐมนตรีที่ สส. พรรคประชาธิปัตย์มีทิศทางที่แตกต่างและไม่มีเอกภาพ โดยมีเนื้อหาดังนี้...

[ถึงเวลาที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องชัดเจน ประกาศจุดยืนฝ่ายค้านอย่างมีศักดิ์ศรีก่อนจัดตั้งครม.ชุดใหม่]

แม้ผลการโหวตเลือกนายกฯ คนที่ 30 ของสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์บางท่านในวันที่ 22 ส.ค. ที่ผ่านมาได้สร้างความเคลือบแคลงใจและไม่สบายใจให้แก่สมาชิกพรรคและสังคม แต่เดียร์ยังคงเชื่อมั่นว่าเป็นเพียงเพราะความเห็นต่างทางการเมืองที่เกิดขึ้นของ สส. ในพรรคประชาธิปัตย์ 

ดังนั้นเพื่อสร้างความกระจ่างให้แก่สมาชิกและประชาชนที่ติดตามการทำงานของพรรค จึงเห็นว่า สส. และคณะกรรมการบริหารซึ่งเป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาล ควรออกมา ‘ประกาศจุดยืนการเป็นฝ่ายค้านของพรรคประชาธิปัตย์’ ให้ชัดเจน โดยไม่จำเป็นต้องรอการจัดตั้ง ครม. ให้เสร็จสิ้น เพื่อแสดงออกถึงจุดยืนทางการเมืองของพรรคที่พร้อมทำงานในฐานะตัวแทนประชาชนโดยไม่ยึดการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนและเพื่อพวกพ้องเป็นที่ตั้ง

ทั้งนี้เดียร์ยังคงเชื่อมั่นว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองที่สมาชิกทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกัน สมาชิกสามารถมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ขับเคลื่อนการทำงานของพรรคอย่างแท้จริง อีกทางหนึ่งคือเครื่องบ่งชี้ว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองที่ขับเคลื่อนอยู่บนกลไกความเป็นประชาธิปไตย ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของพรรคการเมืองที่เป็นองค์กรสาธารณะ ต้องเปิดโอกาสให้ประชาชน ภาคสังคม และสมาชิกเข้ามามีส่วนร่วมในการทำงาน ไม่ปิดกั้นโอกาสทางความคิด

อย่างไรก็ตามภายใต้เสรีภาพในการทำงาน ที่ต้องการพลังความคิดที่หลากหลาย แต่องค์กรจะเดินไปได้อย่างเข้มแข็ง ย่อมต้องเดินเคียงคู่กับความเป็นเอกภาพของสมาชิกภายใน และนั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราต้องมี ‘กติกา’ ที่เรียกว่า ‘มติพรรค’ เพื่อให้สมาชิกสามารถทำงานร่วมกันได้ด้วยหลักการเคารพเสียงข้างมาก แต่ไม่ละเลยมองข้ามเสียงข้างน้อย สร้างให้พรรคเป็นพื้นที่ของคนทุกคน ดังนั้นไม่ว่ามติพรรคออกมาเป็นอย่างไรสมาชิกก็พร้อมน้อมรับผลลัพธ์ร่วมกันเพราะเกิดจากการตัดสินใจร่วมกัน

การกระทำใด ๆ ที่ไม่เป็นไปตามมติพรรค จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิสูจน์ได้ว่าเป็นการใช้เอกสิทธิ์โดยสุจริต ด้วยการยึดหลักยืนเคียงข้างประชาชน ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม

‘มาดามเดียร์’ เปิดตัวชิง ‘หัวหน้าพรรคปชป.’  กาง 3 แนวทางกู้ศรัทธาฟื้นความเชื่อมั่น

(29 พ.ย. 66) ที่ลานพระแม่ธรณีบีบมวยผม พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) น.ส.วทันยา บุนนาค หรือ มาดามเดียร์ ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม.พรรคประชาธิปัตย์ นั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างมายังพรรค ถือฤกษ์เวลา 09.29 น. นำพวงมาลัยไหว้สักการะพระแม่ธรณีมวยผม ก่อนแถลงเปิดตัวลงสมัครลงชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

โดย น.ส.วทันยา กล่าวว่า มาแถลงเพื่ออยากบอกถึงตั้งใจของตัวเองผ่านไปพี่ ๆ สื่อมวลชนผ่านไปยังสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ทุกคน ประชาชนที่ยังคงรักในพรรคประชาธิปัตย์ และประชาชนทั่วไปว่า ตนตั้งใจขอเสนอตัวเองเป็นหนึ่งทางเลือกในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในวันที่ 9 ธันวาคมนี้ ซึ่งการเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ตนยังเชื่อมั่นและเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นได้ชัดว่า พรรคประชาธิปัตย์มี ความเป็นประชาธิปไตย เสรีภาพ และการเป็นพรรคการเมืองที่ไม่มีเจ้าของอย่างแท้จริง เราจะเริ่มต้นด้วยการทำการเมืองใหม่ที่ซื่อตรงและจริงใจ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อฟื้นฟูอุดมการณ์พรรคประชาธิปัตย์ ให้กลับมาได้รับความไว้วางใจ ให้กลับมาเป็นความหวัง เพื่อยืนยันในพลังประชาธิปไตย และเพื่อเสนออนาคตให้กับทุกคนในวันข้างหน้า

เมื่อถามถึงคะแนนเสียงสนับสนุนและทีมงานนั้น น.ส.วทันยา กล่าวอีกว่า วันนี้ก่อนที่ตนจะมาแถลงข่าว ตนได้มีโอกาสไปกราบเรียนผู้ใหญ่ภายในพรรค และได้พูดคุยกับสมาชิกพรรคบางคน แต่วันนี้ตนยังไม่ได้มีข้อสรุปในเรื่องของทีมงาน เพราะจุดเริ่มต้นวันนี้เป็นการเสนอตัวของตนเพื่อเป็นตัวเลือกให้กับสมาชิกพรรค ซึ่งตนเชื่อว่าการจะฟื้นฟูพรรคนั้นจะต้องเลือกคนจากความสามารถเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่เลือกเพราะความสัมพันธ์ส่วนตัว หรือระบบอุปถัมภ์ เพราะตนต้องการให้ก้าวข้ามในเรื่องของเพศ และวัย และนี่เป็นสิ่งหนึ่งที่ตนอยากนำพรรคประชาธิปัตย์ไปข้างหน้า ด้วยการที่เราจะให้ความเป็นธรรมกับทุกคน และเชื่อมั่นว่าสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ทุกคนจะเปิดโอกาสพิจารณาให้กับบุคลากรที่เหมาะสม ทั้งนี้ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร ตนก็พร้อมน้อมรับ

ส่วนตำแหน่งเลขาธิการพรรคนั้น น.ส.วทันยา ระบุว่า ตนยังไม่ได้มีในใจ แต่คิดว่าต้องเป็นคนที่มีความเหมาะสม โดยต้องเริ่มต้นจากบุคลากรภายในพรรคก่อน ซึ่งตนพร้อมที่จะทำงานกับทุกคน ทุกฝ่ายในพรรค ไม่ได้เลือกตัวบุคคล โดยวันนี้ตนขอเสนอตัวเองก่อน แล้วจะค่อยไปพูดคุยในเรื่องทีมงานต่อไป รวมถึงคนที่จะมาเป็นเลขาธิการพรรคนั้นอาจจะมีในใจตนฝ่ายเดียวไม่ได้ แต่ต้องขึ้นอยู่กับบุคคลคนนั้นว่าพร้อมที่จะมาทำงานกับตนด้วยหรือไม่

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าเลขาธิการพรรคจะเป็นนายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช นั้น น.ส.วทันยา บอกว่า ตนต้องให้เกียรติกับนายชัยชนะ ว่าจะมีความคิดเห็นอย่างไรในการเข้ามาทำงานกับตนในฐานะเลขาธิการพรรค และเรื่องนี้ขอให้นายชัยชนะเป็นคนตอบคำถามนี้เอง ซึ่งที่ผ่านมาตนได้มีโอกาสพูดคุยกับนายชัยชนะ เพียงว่าตนตัดสินใจลงสมัครหัวหน้าพรรค เพราะตนคิดว่าวันนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ถ้าวันนี้ตนยังไม่กล้าตัดสินใจลงมาสู้ก็ไม่ต้องพูดถึงการเมืองในอนาคต ทั้งการเมืองท้องถิ่น และระดับชาติ

น.ส.วทันยา ยังกล่าวต่ออีกว่า ก่อนหน้านี้ตนได้กราบเรียนผู้ใหญ่ภายในพรรค ทั้ง นายชวน หลีกภัย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน โดยผู้ใหญ่ทุกคนได้อวยพรและให้คำแนะนำว่าทำให้ดีที่สุด ซึ่งที่ตนไปกราบเรียนก็ด้วยความตั้งใจ และเป็นการตัดสินใจด้วยตัวเอง ไม่มีการเจรจาใด ๆ รวมถึง นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการเลขาธิการพรรค ตนก็ได้กราบเรียนเป็นคนแรก ว่าตนตัดสินใจลงสมัคร อยากให้นายเฉลิมชัย ช่วยสนับสนุน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจ ตนพร้อมน้อมรับ

น.ส.วทันยา ยังได้แสดงถึงจุดยืนพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ขอทำหน้าที่ฝ่ายค้านให้ดีที่สุด โดยไม่ได้คิดจะไปหาผลประโยชน์กับทางรัฐบาล ส่วนการฟื้นฟูพรรคให้กลับมามีความเชื่อมั่นอีกครั้งนั้น ตนมี 3 แนวทาง คือ 

1.อุดมการณ์ทางการเมือง ซึ่งตั้งแต่วันก่อตั้งพรรคได้เขียนไว้ชัดเจน แต่ในช่วง 77 ปีที่ผ่านมาการเดินทางอาจจะทำให้เลือนลางไปบ้าง การฟื้นฟูจึงต้องทำอุดมการณ์ให้ชัดเจน 

2.ทำให้พรรคประชาธิปัตย์สมกับการเป็นพรรคการเมืองที่เป็นของประขาชนอย่างแท้จริง ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมให้มากที่สุด 

และ 3.การดำเนินการทางอุดมการณ์เศรษฐกิจ ที่สนับสนุนเสรีนิยม แต่ก็เชื่อเรื่องการทำงานภาครัฐที่ต้องมีระบบรัฐสวัสดิการ และจะต้องมีการกระจายอำนาจ

ศึก ปชป. 'มาดามเดียร์' & 'ชัยชนะ เดชเดโช' ตัวแปรล้มสูตรเต็ง 'นราพัฒน์-เดชอิศม์'

อ่านข่าวของ THE STATES TIMES วันที่ 2 ธ.ค.2566 ซึ่งย้อนเหตุการณ์ไปเมื่อ 15 ปีที่แล้ว 2 ธ.ค.2551 ที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบ 3 พรรคการเมือง คือ พลังประชาชน, มัชฌิมาธิปไตย และชาติไทย อันเนื่องจากปมทุจริตแล้วก็อยากจะขอต่อยอดสักเล็กน้อยว่า...

ทันทีที่มีการยุบ 3 พรรคการเมืองส่งผลให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯ จากพรรคพลังประชาชนหลุดจากเก้าอี้ ทำให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ชุมนุมกันหน้าอาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อขับไล่นายสมชายยุติการชุมนุมลงในวันรุ่งขึ้นคือ 3 ธ.ค.

หลังจากนั้นพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล กลุ่มเนวิน ชิดชอบ ประกาศ 'มันจบแล้วครับนาย' แยกทางกับทักษิณไปร่วมรัฐบาลกับประชาธิปัตย์ ได้เก้าอี้ รมว.มหาดไทยและคมนาคม ใหญ่คับประเทศ...

ส่วนฝ่ายมิตรฯ ทั้งแกนนำฯ แกนตาม 98 คนถูกดำเนินคดีข้อหาก่อการร้าย-กบฏ อั้งยี่ ซ่องโจรฯ วันที่ 18 ธ.ค.2566 นี้ศาลจะตัดสินคดีชุดแรก 31 คน  นำโดย 'สนธิ-จำลอง' และใครต่อใครหน้าเดิมๆ ทั้งที่ติดคุกคดีชุมนุมคดีอื่นมาแล้วและจ่อจะติดคุกติดตะรางกันอีกหลายคน...

แต่พื้นที่ที่เหลือ...จากนี้ 'เล็ก เลียบด่วน' จะขอไฮไลต์ศึกชิงเจ้าสำนักพระแม่ธรณี...หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คนที่ 9 ในวันที่ 9 ธ.ค. หลังจากล่มมาแล้วสองครั้งเมื่อเดือน ก.ค. และ ส.ค. สาเหตุหลักคือความขัดแย้งทำให้องค์ประชุมไม่ครบ...

ทำให้ที่ประชุมรักษาการกรรมการบริหารพรรควันก่อนจึงมีมติแก้ข้อบังคับให้ตั้ง สมาชิกองค์ประชุมสำรอง 150 คน จาก 5ภาคๆ ละ 30 คน...องค์ประชุมขาดเท่าไหร่ก็จะใช้องค์ประชุมสำรองเติมเข้าไป รับรองไม่ล่มแน่...

ส่วนกติกาการโหวตเลือกอื่นๆ ก็เหมือนเดิม ประการสำคัญคือใช้ระบบ 70:30 หมายถึงน้ำหนักโหวตของสส.25 คนจะคิดเป็น 70% โหวตเตอร์ที่เหลืออีก 200 กว่าคน น้ำหนัก 30% เทียบบัญญัติไตรยางศ์ดูแล้ว 1 โหวตของ สส.จะเท่ากับ 25โหวตของคนอื่นๆ...

ชัดเจนว่า...ใครคุมเสียง สส.มากกว่าก็ชนะ...ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า กลุ่มเฉลิมชัย ศรีอ่อน-เดชอิศม์ ขาวทอง คุมอยู่ 21 เสียง อีกฝั่งหนึ่ง 'ชวน-จุรินทร์' คุมอยู่ 4 เสียงเท่านั้น...

เช่นนั้นแล้ว...ทำไม 'มาดามเดียร์' วทันยา บุนนาค เธอจึงกล้าออกมาแข่งขันชิงชัย...แน่นอนข่าวยืนยันว่า 4 เสียงของผู้อาวุโส คือ ชวน หลีกภัย, บัญญัติ  บรรทัดฐาน, จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์, สรรเพชร์ บุญญามณี ต่างหนุนมาดามเดียร์...

แต่ที่มากกว่าที่นึก ลึกกว่าที่คิดก็คือ...ฝั่งนี้ได้ทาบทาม 'เดอะแทน' ชัยชนะ เดชเดโช ให้มาร่วมทัพ ถ้ามาดามเดียร์ชนะก็รับตำแหน่งเลขาธิการพรรคไปครอง...ซึ่งสูตรนี้ ทำให้ ชัยชนะ หวั่นไหวไม่น้อยทีเดียว...

'เดอะแทน' มีสส.ในมือที่นครศรีธรรมราช 6 คน หาเพิ่มอีก 2-3 คน ไปรวมกับ 4 เสียง ก็จะกลายเป็น 12-13 เสียงสูสีดู๋ดี๋กับฝั่งเฉลิมชัยที่ชูสูตร หัวหน้า-นราพัฒน์ แก้วทอง & เลขา-เดชอิศม์ ขาวทอง

อย่างไรก็ตาม...ด่านแรกของมาดามเดียร์ที่จะต้องฝ่าข้ามคือ ปัญหาคุณสมบัติที่เธอเป็นสมาชิกพรรคยังไม่ถึง 5 ปีลงสมัครไม่ได้ ยกเว้นขอให้ที่ประชุมยอมงดใช้ข้อบังคับ...ถ้าที่ประชุมไม่ยอมก็จบข่าว..ถ้ายอมเธอก็ได้สู้ แต่ถ้าจะให้ได้ลุ้นก็อยู่ที่ 'เดอะแทน' ยอมที่จะแหกก๊วน 'เฉลิมชัย-เดชอิศม์' ออกมาหรือไม่..

ส่วนสูตรที่ยุให้ 'เฉลิมชัย' กลับคำพูดมารับตำแหน่งเสียเองกอบกู้พรรค เขาบอกว่ายาก แต่ก็ห้ามกะพริบตา!!

‘มาดามเดียร์’ ปลื้ม!! ผลสำรวจนิด้าโพล ชี้!! เหมาะสมเป็นหัวหน้าพรรคคนต่อไป

‘มาดามเดียร์’ ร่วมเป็นกรรมการตัดสินประกวด ‘Policy Hackathon’ มหาวิทยาลัยขอนแก่น พร้อมพบตัวแทนสาขาพรรคฯ เน้นย้ำความตั้งใจลงชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพื่ออนาคตของพรรคและประเทศ ขอบคุณหลังผลนิด้าโพลประชาชนยกให้เหมาะสมเป็นหัวหน้าคนต่อไป

(3 ธ.ค. 66) ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมืองกรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางร่วมกิจกรรมเป็นกรรมการตัดสินกิจกรรม การประกวดนโยบาย Policy Hackathon ในงาน ‘มหกรรมสิงห์วิชาการ ครั้งที่ 9’ ซึ่งจัดโดยสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะมนุษศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

ในโอกาสนี้ น.ส.วทันยา ยังได้พบปะตัวแทนสาขาพรรคประชาธิปัตย์ประจำจังหวัด และสมาชิก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจากหลายจังหวัด เพื่ออธิบายถึงความตั้งใจในการประกาศตัวลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนที่ 9 และแนวทางในการทำงานเพื่อฟื้นฟูอุดมการณ์และความศรัทธาของพรรค ให้ได้รับการยอมรับและเป็นที่ไว้ใจให้กับประชาชนอีกครั้ง รวมถึงยังได้มีการแลกเปลี่ยนรับฟังถึงปัญหาและความต้องการจากตัวแทนสาขาพรรค เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรมต่อไป

โดยในการพูดคุยตัวแทนสาขาพรรค มีความเห็นพ้องร่วมกันว่าอยากให้ น.ส.วทันยา ได้รับการเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนที่ 9 เพราะเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ทั้งด้านธุรกิจและด้านการเมือง จึงเชื่อมั่นว่าจะสามารถฟื้นฟูและนำพาพรรคประชาธิปัตย์ให้กลับมาเป็นที่เชื่อมั่นของประชาชนได้อีกครั้ง

ขณะที่ น.ส.วทันยา ได้กล่าวย้ำถึงความตั้งใจที่เสนอตัวลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ตนมีความตั้งใจที่จะฟื้นฟูอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ให้กลับมาเป็นที่พึ่งของประชาชนให้ได้ และชวนทุกคนมาร่วมสร้างพรรคการเมืองให้เป็นพรรคของประชาชนอย่างแท้จริง ด้วยการเปิดพื้นที่ให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมในทุกมิติของพรรค

นอกจากนี้ น.ส.วทันยา ยังได้กล่าวถึงผลสำรวจของนิด้าโพล ที่ประชาชนส่วนใหญ่มองว่าตนมีความเหมาะสมที่จะเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ ว่า ขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพความตั้งใจของตน ที่ได้เสนอตัวต่อพี่น้องประชาชนและสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์

จับตา!! ศึกชิงหัวหน้าพรรคปชป. ดัน ‘เฉลิมชัย’ ชน ‘มาดามเดียร์’ การตัดสินใจที่น่าห่วง หาก ‘แรงยุ-แรงเชียร์’ เหนือเหตุและผล

“เสียง สส.ส่วนใหญ่ของเรายังผนึกกำลังกันแน่นเหมือนเดิม” เป็นคำยืนยันจาก ‘แทน-ชัยชนะ เดชเดโช’ สส.นครศรีฯ พรรคประชาธิปัตย์ อันเป็นการตอกย้ำว่า ขั้วของ ‘เฉลิมชัย ศรีอ่อน-เดชอิศม์ ขาวทอง’ ยังคงเดินหน้าสู้เพื่อยึดพรรคประชาธิปัตย์มาบริหาร

ภาพปรากฏชัดเมื่อ สส. 21 คนมาตั้งวงคุยกัน วิเคราะห์อนาคตกับการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคคนที่ 9 ในวันที่ 9 ธันวาคมนี้ อันเป็นการตั้งวงวิเคราะห์หลังจาก ‘มาดามเดียร์’ วทันยา บุนนาค หรือ วงษ์โอภาสี ตัดสินใจเปิดตัวลงชิงหัวหน้าพรรค พร้อมประกาศเจตนารมณ์ ‘ฟื้นฟูพรรค เรียกศรัทธาคืน’ ตามด้วยการออกคลิปส่งสัญญาณเจตนารมณ์ไปยังสมาชิกพรรคทั่วประเทศถึงความมุ่งมั่น

เอาเป็นว่ากระแสตอบรับดีเกินคาด ‘นิด้าโพล’ เป็นเครื่องยืนยันว่า มาดามเดียร์มาเต็งหนึ่ง แต่มีคะแนนไม่ตัดสินใจมากถึง 28% เลือกมาดามเดียร์ 27% ส่วน ‘นราพัฒน์’ และ ‘อภิสิทธิ์’ ยังตามหลังมาดามเดียร์

ไม่รู้ว่าคิดผิดหรือถูก กลุ่ม สส.สาย ‘เฉลิมชัย-เดชอิศม์’ ประเมินว่า นราพัฒน์ แก้วทอง ต้องแพ้ ‘มาดามเดียร์’ จึงลงมติเปลี่ยนม้ากลางศึก ส่งเทียบเชิญ ‘เฉลิมชัย’ มาลงชิงหัวหน้าพรรคเอง แต่เฉลิมชัยยังไม่ตัดสินใจ ขอเวลา 1-2 วัน ในการตัดสินใจ ส่วนตัว #นายหัวไทร อยากให้เฉลิมชัยตัดสินใจบนพื้นฐานของเหตุและผล ไม่ใช่เกิดจากแรงยุ แรงเชียร์ 

เหตุและผลที่ว่า คือภารกิจหนักในการนำพาพรรค ฟื้นฟูพรรค เรียกศรัทธาพรรคจากประชาชนกลับคืนมา อุดมการณ์ของพรรคต้องกลับมาพิจารณาทบทวน ตรงไหนสึกหรอ กร่อนไป จะเสริมเข้ามาอย่างไร เพื่อให้พรรคมีความเป็นพรรคที่ทันสมัย เขาผลักให้ไปอยู่ฝ่ายอนุรักษ์ก็ยอม ไม่ดันตัวเองไปอยู่ฝ่ายก้าวหน้า เสรีนิยมประชาธิปไตย ตามอุดมการณ์ของพรรค

เหตุอีกประการที่ไม่ควรลืม คือการที่เฉลิมชัย ประกาศกร้าวบนเวทีว่า “ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ได้ สส.น้อยกว่าเดิม จะเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต จะกลับไปประจวบคีรีขันธ์” ถ้าเฉลิมชัยกลับมารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เท่ากับ ‘เฉลิมชัย’ ตระบัดสัตย์ครั้งสำคัญ นักการเมืองจำนวนไม่น้อยเสียผู้เสียคนกับการตระบัดสัตย์ นักการเมืองต้องพูดจริงทำจริง ไม่ทิ้งประชาชน

เมื่อประกาศวางมือทางการเมืองแล้ว ก็ไม่ควรมาจุ้นจ้านอะไรอีก ควรผันตัวเองไปทำอย่างอื่น ไม่ควรอยู่แม้กระทั่งเบื้องหลัง รักษาการหัวหน้าพรรคก็ไม่ควรรับแล้ว ถ้ายังมีใจรักประเทศชาติ ประชาชน ก็ยังมีบทบาทอื่นรองรับได้ ทำงานได้ เช่น มูลนิธิ สมาคม หรืออะไรก็ได้ที่สามารถช่วยเหลือชาติและประชาชนได้ ซึ่งไม่เกี่ยวกับการเมือง หรือพรรคการเมือง

การเมืองไม่ใช่เรื่องของการแข่งขันเพื่อชัยชนะเพียงด้านเดียว การเมืองมีหลากหลายมิติ แต่นักการเมืองที่ก้าวเข้ามาคิดแค่ว่าทำอย่างไรให้ชนะ ทำอย่างไรในการช่วงชิง ‘อำนาจรัฐฯ’ มาอยู่ในมือ เข้าใจได้ว่า การแก้ไขปัญหาบางอย่างต้องใช้งบประมาณของรัฐฯ ต้องใช้อำนาจรัฐฯ ต้องใช้กลไกของรัฐฯ เป็นเครื่องมือ

แต่สถานการณ์ปัจจุบันของพรรคประชาธิปัตย์ เป็นการช่วงชิงอำนาจบริหารพรรค เพื่อนำพาพรรคไปเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เป้าหมายไม่ได้อยู่ที่ชาติ ประชาชน แต่เป้าหมายคือ ‘พวกพ้อง’ และ ‘ผลประโยชน์’ บรรดาโหวตเตอร์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นตัวจริงหรือตัวสำรอง ยังมีเวลาในการนั่งสมาธิ ให้เปิดปัญญา ตั้งสติ คิดให้รอบคอบ เดินเข้าสู่ห้องประชุมโดยไม่มีแรงจูงใจอื่น นอกจากสติที่คิดได้ ปัญญาที่มุ่งหวังดีต่อชาติบ้านเมือง

อุดมการณ์ประชาธิปัตย์จะยังไม่ตายหรอก ถ้าพลพรรคทั้งหลาย มีสติ มีปัญญา และมุ่งมั่นต่อชาติบ้านเมืองเป็นที่ตั้งตามเจตนารมณ์ของ ‘ควง อภัยวงศ์’ ผู้ก่อตั้งพรรค เมื่อ 77 ปีก่อน

‘มาดามเดียร์’ ขอโอกาสสมาชิก ปชป.นั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรค วอน!! ขอเลือกคนที่ความสามารถ ไม่ใช่เพราะระบบอุปถัมภ์

(8 ธ.ค. 66) ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม. พรรคปชป. ในฐานะผู้สมัครชิงหัวหน้าพรรคปชป. แถลงว่า จุดยืนที่ตั้งใจเสนอตัวเองเป็นทางเลือก เพราะเชื่อมั่นและศรัทธาในพรรคปชป. ทางเดียวที่จะทำให้พรรคกลับมาเป็นที่ไว้วางใจและเป็นที่พึ่งของประชาชน คือการทำจุดยืนและอุดมการณ์ให้กลับมาชัดเจน ดังนั้น พรรคต้องเสนอทางออก เพื่อเป็นทางเลือกให้ประชาชน ไม่ใช่เปลี่ยนแปลงเพื่อตัวเอง ตนตั้งใจและศรัทธาในวิถีอุดมการณ์ ไม่เปลี่ยนแปลงคำพูดใด ๆ ไม่เปลี่ยนจุดยืน แต่จะขอสู้ให้ถึงที่สุด

เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรที่ 21 สส. ปชป. มีมติสนับสนุนให้ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการหัวหน้าพรรค ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคคนต่อไป ทั้งที่นายเฉลิมชัยเคยประกาศว่าจะเลิกเล่นการเมือง น.ส.วทันยา กล่าวว่า ไม่รู้สึกอย่างไร ยิ่งมีจำนวนผู้สมัครมากเท่าใดสมาชิกจะมีโอกาสที่ดี 

เมื่อถามอีกว่า การเลือกตั้งหัวหน้าพรรคครั้งนี้ ยังมีความหวังหรือไม่ เพราะดูแล้วผลโหวตจะเทไปในทางนายเฉลิมชัย น.ส.วทันยา กล่าวว่า วันที่ตนตัดสินใจ เพราะศรัทธาวิถีของพรรคเช่นนี้ ดังนั้นจึงตัดสินใจลงมือทำ ไม่ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้น จะขอทำตามความฝันและสู้ถึงที่สุด

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า กรณีที่มีการระบุว่านายเฉลิมชัยดูแลสส.พรรคมาตลอด 4 ปี คิดเห็นอย่างไร น.ส.วทันยา กล่าวว่า คงต้องเป็นการตัดสินใจของสมาชิกพรรค ตนเคารพความเห็นที่แตกต่าง ไม่สามารถตอบแทนสมาชิกอื่น ๆ ได้ 

ส่วนหากผลการเลือกตั้งออกมาว่า ตนแพ้แล้ว ยังจะอยู่กับพรรค ปชป. ต่อหรือไม่ น.ส.วทันยา กล่าวว่า ขอกลับมาประเมินอีกครั้งว่าทิศทางจะยังเป็นเหมือนเดิมกับวันแรกที่ตนเดินเข้ามาสมัคร และเหมือนวันแรกที่เราศรัทธาหรือไม่ ตนศรัทธาพรรคในสิ่งที่เป็นอุดมการณ์ ประชาชนเป็นเจ้าของ สมาชิกทุกคนมีเสรีภาพทางความคิด ไม่มีเจ้าของมาชี้นิ้วสั่ง 

ถามย้ำว่าหากไม่เป็นไปตามที่หวังจะออกจากพรรคใช่หรือไม่ น.ส.วทันยา กล่าวว่า ยังไม่ได้ตัดสินใจ ต้องขอประเมินก่อน ไม่ได้เป็นความผิดใคร พรรคเป็นเรื่องของพรรค สมาชิกก็เป็นเรื่องของสมาชิก แต่แนวอุดมการณ์ของตนเป็นเรื่องของตน ถ้าเราไม่เหมาะสมกับองค์กรใด ก็เป็นเรื่องของตัวเองที่ต้องพิจารณา

ถามอีกว่าการสมัครหัวหน้าพรรคครั้งนี้ เป็นการเทหมดหน้าตักหรือไม่ น.ส.วทันยา กล่าวว่า ไม่คิดว่าเป็นการเทหมดหน้าตัก แต่มีความฝันในการเมืองแบบนี้ และเห็นว่าสิ่งที่พรรคต้องแพ้พ่ายในการเลือกตั้งที่ผ่านมา เพราะเราไม่มีจุดยืนทางการเมืองที่ชัดเจน ไม่สามารถเป็นที่พึ่งให้ประชาชนได้ ไม่ใช่เฉพาะปัญหาภายใน แต่เกิดจากการทำหน้าที่ของพรรคและนักการเมืองที่ต้องยึดโยงกับประชาชน ไม่ใช่ทำงานเฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง 

ถามด้วยว่าก่อนเลือกตั้งที่จะถึงนี้ อยากฝากบอกไปยังเพื่อนสมาชิกอย่างไร น.ส.วทันยา กล่าวว่า หลายคนบอกตนเป็นเลือดใหม่ประชาธิปัตย์ แต่วันนี้ในฐานะคนคนหนึ่งเชื่อวิถีอุดมการณ์ ฉะนั้น การให้โอกาสครั้งนี้ไม่ใช่ให้โอกาสตนได้เลือกตั้งหัวหน้าพรรคเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการให้โอกาสพรรคเติบโตเปลี่ยนแปลง 

ถามถึงความชัดเจนเรื่องกก.บห.ชุดใหม่ น.ส.วทันยา กล่าวว่า ยังไม่มี และที่ทราบกันอยู่แล้วคือมาด้วยตัวเอง หากวันนี้ต้องการฟื้นฟูต้องเลิกที่จะเลือกจากความสัมพันธ์ และจากระบบอุปถัมภ์ ต้องก้าวข้าม เลือกคนที่คุณสมบัติและความสามารถ หากเลือกเพราะความสัมพันธ์และระบบอุปถัมภ์จะนำไปสู่ปัญหาความขัดแย้งของคนในพรรค ท้ายที่สุดประชาชนและพรรคจะต้องสูญเสียบุคลากรที่มีความสามารถออกไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top