Tuesday, 22 April 2025
พล.ต.ท.ประจวบ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชน ร่วมเปิด “โครงการสุภาพบุรุษจราจร ประชาชนสัญจรปลอดภัย” ต่อเนื่องปีที่ 2 มุ่งหวังให้ประชาชนมีความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนเพิ่มขึ้น

วันนี้ (5 กรกฎาคม 2567) เวลา 10.00 น. พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการประจำสำนักงาน ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร , คุณพรรณี ปิติกุลตัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด พร้อมด้วยภาคเครือข่ายความปลอดภัยทางถนน ประกอบด้วย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมควบคุมโรค สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กรุงเทพมหานคร ศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศปวถ.) คณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.)  สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ  สำนักงาน สสส. บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด  บริษัท โตโยต้าประเทศไทยฯ และภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน ร่วมพิธีเปิดโครงการ “สุภาพบุรุษจราจร ประชาชนสัญจรปลอดภัย (ปีที่ 2) พ.ศ.2567” ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

สำหรับ “โครงการสุภาพบุรุษจราจร ประชาชนสัญจรปลอดภัย” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 เป็นความร่วมมือระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กับบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด โดยได้สนับสนุนเงินรางวัลรวมเป็นจำนวนเงิน 4,000,000 บาท เป็นโครงการต่อเนื่องปีที่ 2 ระยะเวลาดำเนินโครงการ 8 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ถึงธันวาคม 2567 โดยให้สถานีตำรวจในสังกัดทั่วประเทศทั้ง 1,484 สถานี พัฒนาให้ข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่จราจรทุกนาย ปฏิบัติหน้าที่โดยยึดหลัก 5S อันได้แก่ SMILE (ยิ้มแย้มแจ่มใส) , SMART (มีบุคลิกภาพที่ดี) , SALUTE (ปฏิบัติต่อประชาชนด้วยความสุภาพ) , SERVICE MIND (ปฏิบัติหน้าที่ด้วยจิตใจบริการ) และ STANDARD (ยกระดับการปฏิบัติให้มีมาตรฐานเดียวกัน)

พร้อมทั้งให้หน่วยงานระดับกองบัญชาการ และกองบังคับการ ควบคุมกำกับดูแลให้จำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุลดลงได้มากกว่าร้อยละ 5 หรือ 10 คนขึ้นไป เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี มีการตั้งด่านตรวจ จุดตรวจกวดขันวินัยจราจร เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 5  จากค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี และผลการการบังคับใช้กฎหมาย (หมวก/เมา/เร็ว : ไม่สวมหมวกนิรภัย/เมาแล้วขับ/ขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด) เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 จากค่าเฉลี่ย 3 ปีย้อนหลัง รวมทั้งมีการตรวจสอบติดตามประเมินผล เพื่อพิจารณาคัดเลือก “สุภาพบุรุษจราจร”ประเภทบุคคล กองบังคับการละ 2 นาย แบ่งเป็น ระดับชั้นสัญญาบัตร 1 นาย และชั้นประทวน 1 นาย รวมจำนวนทั้งสิ้น 190 นาย และคัดเลือก “สุภาพบุรุษจราจรประเภทหน่วยงาน” ในสังกัดแต่ละกองบัญชาการที่ชนะเลิศ 1 หน่วยงาน  รองชนะเลิศ 2 หน่วยงาน รวมทุกกองบัญชาการจำนวนทั้งสิ้น 32 หน่วยงาน โดยมอบรางวัล 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 (เดือนพฤษภาคม ถึงสิงหาคม 2567) มอบรางวัลเดือนกันยายน 2567 และครั้งที่ 2 (เดือน กันยายน ถึงธันวาคม 2567) มอบรางวัลเดือนมกราคม 2568

พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวว่า โครงการ “สุภาพบุรุษจราจร ประชาชนสัญจรปลอดภัย” สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับภาคีเครือข่าย จัดทำเพื่อพัฒนาศักยภาพการทำงาน และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับตำรวจจราจร สร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชน หน่วยงานภาคีเครือข่าย และตำรวจ เพื่อประสานขับเคลื่อนนโยบายลดอัตราการเสียชีวิตและบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนนของประชาชน โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ ให้ประชาชนมีความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนเพิ่มขึ้น

จากนั้น พล.ต.ท.ประจวบฯ เป็นประธานการประชุมบริหารงานจราจรและคณะทำงานขับเคลื่อนงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โครงการสุภาพบุรุษจราจร ประชาชนสัญจรปลอดภัย พ.ศ.2567 กำชับทุกหน่วยติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของการเกิดสาธารณภัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเปนน้ำทวมฉับพลัน น้ำล้นตลิ่ง น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม ให้เตรียมความพร้อมและตรวจสอบกำลังพล ยุทโธปกรณ์ ยานพาหนะ อุปกรณ์ต่าง ๆ ให้มีความพร้อม และเพิ่มความเข้มงวดในการรักษาความสงบเรียบร้อยดูแลความปลอดภัยทรัพย์สินของประชาชน จัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกด้านการจราจร เมื่อเกิดเหตุสาธารณภัยขึ้นในพื้นที่รับผิดชอบ ให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นลงไปควบคุม กำกับ ดูแล ผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด การใช้กริยาวาจากับประชาชน ต้องมีความสุภาพเรียบร้อย พร้อมเน้นย้ำในการใช้ยานพาหนะทุกครั้ง ให้ปฏิบัติตามกฎจราจรโดยเคร่งครัด ระมัดระวังมิให้เกิดอุบัติเหตุ และขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรทุกนาย หมั่นตรวจเช็คสุขภาพร่างกาย สุขภาพจิตใจให้แข็งแรงสมบูรณ์พร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ตลอดเวลา

“พล.ต.ท.ประจวบ ฯ” กำชับตำรวจทางหลวงและตำรวจจราจรทั่วประเทศ เตรียมพร้อมดูแลประชาชนห้วงหยุดยาว ย้ำผู้ใช้รถใช้ถนนเคารพกฎจราจร ง่วงไม่ขับ เมาไม่ขับ

วันนี้ (26 กรกฎาคม 2567) พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานขับเคลื่อนงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (หน.คจร.ตร.) ได้สั่งการกำชับให้ตำรวจจราจรทั่วประเทศเตรียมความพร้อม ดูแลอำนวยความสะดวกด้านการจราจรแก่พี่น้องประชาชนที่ใช้เส้นทางการจราจร ในห้วงหยุดยาวระหว่างวันที่ 27 – 29 กรกฎาคม 2567 ซึ่งคาดว่ามีประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนา และเดินทางท่องเที่ยวตามจังหวัดต่าง ๆ จำนวนมาก อาจทำให้เกิดการจราจรติดขัด อุบัติเหตุ หรือเหตุด่วนที่ต้องการความช่วยเหลือ ให้พร้อมดูแลประชาชนโดยทั่วไป รวมถึงบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด เพื่อเป็นการป้องกันและลดอุบัติเหตุ ตามนโยบายและข้อสั่งการของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.

มาตรการด้านการอำนวยความสะดวกการจราจร มอบหมายให้กองบังคับการตำรวจทางหลวงเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการจัดการจราจรบนถนนทางหลวงสายหลัก และให้พิจารณาเปิดช่องทางเดินพิเศษ (Reversible Lane) ในเส้นทางที่มีความจำเป็น , ให้ทุกสถานีตำรวจทั่วประเทศจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจ และอาสาจราจร อำนวยความสะดวกการจราจรสำหรับถนนสายรอง ในจุดที่มีการจราจรหนาแน่น โดยต้องปรากฏกายให้เด่นชัด รวมถึงการจัดระเบียบการจอดรถ โดยเฉพาะสถานที่สำคัญทางศาสนา และสถานที่ท่องเที่ยว , ให้ทุกหน่วยสำรวจและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรับปรุงเครื่องหมายป้ายจราจร ไฟฟ้าส่องสว่างให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ กรณีที่มีการก่อสร้าง ซ่อมแซมผิวถนน ให้ประสานหน่วยงานที่รับผิดชอบเร่งดำเนินการคืนพื้นผิวการจราจรให้มากที่สุด และให้จัดทำข้อมูลประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงเส้นทางที่มีการก่อสร้าง ซ่อมแซม เส้นทางที่มีการจราจรหนาแน่น แสดงป้ายแนะนำเส้นทางเลี่ยง ป้ายเตือนจุดเสี่ยงอุบัติเหตุให้ประชาชนเห็นชัดเจน และให้กองบังคับการตำรวจทางหลวงประชาสัมพันธ์เส้นทางเลี่ยงสำหรับการเดินทางในถนนทางหลวงสายหลัก รวมทั้งให้ทุกหน่วยเตรียมความพร้อมด้านวัสดุอุปกรณ์ในการอำนวยการจราจรและการป้องกันอุบัติเหตุ เช่น รถยกหรืออุปกรณ์ในการเคลื่อนย้ายรถกรณีที่มีรถเสียหรือเกิดอุบัติเหตุ ทั้งของราชการและเอกชน เพื่อให้พ้นการกีดขวางการจราจรได้ทันที

สำหรับมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน กำชับให้ทุกสถานีตำรวจเพิ่มความเข้มในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อลดอุบัติเหตุทางถนนตามมาตรการ 10 ข้อหาหลัก โดยพิจารณาตั้งจุดตรวจกวดขันวินัยจราจร จุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ ในบริเวณที่มีปัจจัยเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุหรือมีการฝ่าฝืนกฎหมาย ในกรณีเกิดอุบัติเหตุจราจร ให้พนักงานสอบสวนทำการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ และตรวจการมีสารเสพติดในร่างกายผู้ขับขี่ทุกราย ดำเนินคดีให้ครบทุกข้อหา และต้องตรวจสอบประวัติการกระทำความผิดเพื่อดำเนินการตามมาตรการเมาแล้วขับซ้ำสอง หากพบว่าผู้ขับรถในขณะเมาสุรามีอายุต่ำกว่า 20 ปี จะต้องสอบสวนขยายผลดำเนินคดีกับผู้ขายสุรา ตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ 2551 และกรณีผู้ขับรถในขณะเมาสุรามีอายุต่ำกว่า 18 ปี ให้สอบสวนขยายผลดำเนินคดีกับบุคคลที่ชักจูง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร หรือบุคคลที่จำหน่ายหรือให้สุราแก่เด็ก ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ 2546 มาตรา 26 โดยให้สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน และดำเนินคดีไปในคราวเดียวกันกับความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

นอกจากนี้ พล.ต.ท.ประจวบ ฯ กำชับกองบัญชาการตำรวจนครบาลเตรียมความพร้อมในการอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนที่จะเดินทางเข้ามาร่วมพิธีต่าง ๆ ในงานพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ในกรุงเทพมหานครด้วย

ด้าน พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าฝ่ายเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร คจร.ตร. กล่าวว่า คจร.ตร.ได้กำชับตำรวจจราจรทั่วประเทศ ดูแลและอำนวยความสะดวกด้านการจราจรในห้วงวันหยุดยาว วันที่ 27 – 29 กรกฎาคมนี้ อย่างเต็มที่ พร้อมขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนปฏิบัติตามกฎจราจร และคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการเดินทาง ขับขี่ด้วยความระมัดระวัง เคารพกฎจราจร มีน้ำใจกับเพื่อนร่วมทาง ง่วงไม่ขับ เมาไม่ขับ เตรียมความพร้อมทั้งยานพาหนะ สภาพร่างกาย ก่อนออกเดินทาง เพื่อความปลอดภัยของตนเอง ครอบครัว ผู้โดยสาร และเพื่อนร่วมทาง เดินทางท่องเที่ยวและกลับภูมิลำเนาโดยสวัสดิภาพ ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนหากเกิดอุบัติเหตุ หรือเหตุฉุกเฉินต้องการความช่วยเหลือ ประชาชนสามารถสอบถาม แจ้งขอความช่วยเหลือ และแจ้งเหตุขัดข้องด้านการจราจร ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ที่

• โทร. 191 จราจรทุก สน./สภ. ทั่วประเทศ
• โทร. 1197  สายด่วนตำรวจจราจรในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล
• โทร. 1193 ตำรวจทางหลวงทั่วประเทศ
• โทร. 1599 สายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

“พล.ต.ท.ประจวบ”พร้อมกัลยาณมิตรร่วมกันอนุโมทนาบุญทอดผ้าป่ามหากุศล วัดป่าดาราภิรมย์ ได้เงินเกือบ 10 ล้านบาท นำมอบสมทบทุนศูนย์ผู้สูงอายุ รพ.พยาบาลดารารัศมี

วันที่ 5 สิงหาคม 2567 พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้่ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า เมื่อวันเสาร์ที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่วัดป่าดาราภิรมย์ พระอารามหลวง จังหวัดเชียงใหม่ได้ร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป้ามหากุศล โดยมีพระเทพวชิราธิบดี เจ้าอาวาสวัดป่าดาราภิรมย์ พระอารามหลวง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ มีตนและผู้ช่วยศาสตราจารย์ พรพิมล วงศ์สุข ประธานฝ่ายฆราวาส  มี พล.ต.ต.หญิง พิมพรรณ ทรัพย์ขำ นายแพทย์(สบ 7) โรงพยาบาลตำรวจ เป็นประธานดำเนินการ

การร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป้ามหากุศล ในครั้งนี้เพื่อหารายได้สมทบทุนศูนย์ผู้สูงอายุโรงพยาบาลดารารัศมี สังกัดโรงพยาบาลตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อตั้งและให้บริการมากกว่า
44 ปี เนื่องมาจากพระราชประสงค์ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ที่จะดูแลข้าราชการตำรวจตระเวนชายแดนในพื้นที่ภาคเหนือ โดยขอบเขตการให้บริการในครั้งแรก มุ่งเน้นบริการในลักษณะศูนย์ส่งกลับ โรงพยาบาลได้พัฒนาการให้บริการอย่างต่อเนื่อง และในปี พ.ศ.2563 โรงพยาบาลได้รับงบประมาณจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 

ดังนั้นเพื่อสนับสนุนการก่อสร้าง อาคาร ขนาด 6 ชั้น เพื่อยกระดับบริการจากโรงพยาบาลขนาด 30 เตียง สู่ศูนย์ผู้สูงอายุโรงพยาบาลดารารัศมี บัดนี้ อาคารศูนย์ผู้สูงอายุโรงพยาบาลดารารัศมีได้ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว และจะเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ ในปี พ.ศ.2568 แต่ยังขาดครุภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์เป็นจำนวนมาก มูลนิธิเพื่อโรงพยาบาลดารารัศมีร่วมกับวัดปาดาราภิรมย์ จึงดำเนินการจัดกิจกรรมทอดผ้าป้ามหากุศล เพื่อนำรายได้จัดซื้อครุภัณฑ์และอุปกรณ์ ทางการแพทย์ เพื่อให้บริการแก่ข้าราชการตำรวจ ครอบครัวและประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ สมดังเจตนาที่ตั้งไว้

ขอเชิญร่วมสร้างมหากุศลอันยิ่งใหญ่ ซึ่งการร่วมบุญทอดผ้าป่าในครั้งนี้ ขออนุโมทนาบุญกับกัลยาณมิตรทุกท่านที่ร่วมกันทำบุญทอดผ้าป่ามหากุศล ณ วัดป่าดาราภิรมย์ อ.แม่ริม จว.เชียงใหม่ เพื่อสนับสนุนเครื่องมือแพทย์ให้กับผู้สูงวัยของโรงพยาบาลดารารัศมี ยอดรวม 9,792,564 บาท ขอขอบพระคุณทุกท่าน และขออนุโมทนาบุญให้ทุกท่านมีสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์แข็งแรง ปรารถนาสิ่งใดสมใจทุกประการครับ ”รรท.รอง ผบ.ตร.กล่าว“

“พล.ต.ท.ประจวบฯ” ยกระดับงานความมั่นคงและกิจการพิเศษ บช.น. พร้อมตรวจเยี่ยมกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน

วันนี้ (19 สิงหาคม 2567) พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร.) มอบนโยบายพร้อมขับเคลื่อนและกำชับการปฏิบัติงาน ความมั่นคงและกิจการพิเศษ แก่หน่วยกองบัญชาการตำรวจนครบล (บช.น.) ณ กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน (บก.อคฝ.) ตรวจเยี่ยมและมอบของบำรุงขวัญแก่กำลังพล กก.อารักขา 1 และ 2, กก.ควบคุมฝูงชน 1 และ 2, กองร้อยน้ำหวาน, ชุดตอบโต้, ชุดช่างสนาม และชุดพยาบาลสนาม พร้อมเยี่ยมชมและตรวจความพร้อมของยานพาหนะและยุทโธปกรณ์ที่ใช้ในการปฏิบัติภารกิจของ บก.อคฝ. โดยมี ผู้แทน บช.น., บก.อคฝ., รอง ผบก.ที่รับผิดชอบงาน มค และ กศ, ผบ.ร้อย คฝ. ในสังกัด บช.น. พร้อมข้าราชการตำรวจ บก.อคฝ. ร่วมให้การต้อนรับและรับฟังนโยบาย เพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้นำนโยบายรัฐบาลมาสู่การปฏิบัติ ที่มุ่งให้ความสำคัญในการเทิดทูนและพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ ตลอดจนรักษาความมั่นคง ความสงบเรียบร้อย และแก้ไขปัญหาภัยคุกคามด้านความมั่นคงในทุกรูปแบบ ควบคู่ไปกับการส่งเสริมและกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้บรรลุผลสำเร็จอย่างสูงสุด โดยมุ่งหวังให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อน รักษาความมั่นคงของประเทศ และสร้างความสงบเรียบร้อยแก่สังคมอย่างมีประสิทธิภาพ

พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวว่า งานความมั่นคงและกิจการพิเศษ มีความสำคัญยิ่งกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องรับผิดชอบและถือปฏิบัติให้เรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะภารกิจการถวายความปลอดภัยจะเกิดความผิดพลาดไม่ได้ บช.น.ถือเป็นหน่วยงานที่สำคัญยิ่ง เนื่องจากเป็นหน่วยที่รับผิดชอบพื้นที่กรุงเทพมหานคร อันเป็นเมืองหลวง และมีที่ตั้งของสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น เขตพระราชฐาน สถานที่ราชการ สถานที่สำคัญ ตลอดจนเป็นพื้นที่ที่มีบุคคคลสำคัญพำนัก พักอาศัยอยู่จำนวนมาก และเป็นจังหวัดที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศ ถือเป็นพื้นที่ทางยุทธศาสตร์ของประเทศ การปฏิบัติภารกิจในงานความมั่นคงและกิจการพิเศษของ บช.น. จึงถือเป็นสิ่งที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ความสำคัญ

ในโอกาสนี้ พล.ต.ท.ประจวบฯ ได้มอบนโยบายด้านงานถวายความปลอดภัย โดยต้องถือหลัก "ปลอดภัยสูงสุด สมพระเกียรติ เป็นไปตามพระประสงค์ และส่งผลกระทบต่อประชาชนให้น้อยที่สุด" ต้องติดตามสถานการณ์ด้านการข่าวอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะกลุ่มบุคคลที่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการสร้างความเสียหายให้กับสถาบัน และส่งมอบข่าวให้กับหน่วยที่มีหน้าที่ ดำเนินการบังคับใช้กฎหมาย ตลอดจนปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ แผน ในการปฏิบัติภารกิจถวายความปลอดภัย ทั้งในส่วนของเขตพระราชฐานที่ประทับ หรือในการเสด็จพระราชดำเนิน และต้องมีการประชุมหารือกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งในและนอกสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่เสมอ รวมทั้งให้มีการซักซ้อมและทบทวนการปฏิบัติตามแผน กำลังพลต้องมีความพร้อมทั้งสภาพร่างกาย จิตใจ การแต่งกาย บุคลิกภาพ และทัศนคติที่ดีต่อสถาบัน ตลอดจนอุปกรณ์และยานพาหนะต้องมีสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งานและเพียงพอกับภารกิจ

ในส่วนด้านงานความมั่นคงและกิจการพิเศษ เช่น งานรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ และสถานที่สำคัญ งานจราจร งานบรรเทาสาธารณภัย งานดูแลการชุมนุมสาธารณะ งานกำกับดูแลนักท่องเที่ยว งานอาชญากรรมข้ามชาติ งานต่อต้านการก่อการร้าย งานตรวจคนเข้าเมือง ต้องศึกษาทำความเข้าใจเนื้องานในความรับผิดชอบ มีการสำรวจข้อมูลพื้นฐานของพื้นที่ (IPB) จัดเก็บสารบบบุคคลกลุ่มเสี่ยง และปรับปรุงฐานข้อมูลให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ ในส่วนของคนไทยต้องทราบข้อมูลทั้งในส่วนบุคคลท้องถิ่นและผู้ย้ายถิ่น ส่วนคนต่างชาติ หากเป็นกรณีนักท่องเที่ยวต้องมีการประสานงานกับผู้ให้บริการที่พักและสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ส่วนคนต่างชาติที่เข้ามาทำงานก็ต้องมีการประสานงานกับเจ้าของแรงงานนั้นและกระทรวงแรงงาน มีการวิเคราะห์ภัยคุกคามและแสวงหาข้อมูลด้านการข่าว และต้องพร้อมปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายในทุกสถานการณ์

นอกจากนี้ พล.ต.ท.ประจวบฯ ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย ที่ได้ร่วมกันปฏิบัติภารกิจด้านงานความมั่นคงและกิจการพิเศษ อย่างเสียสละและเต็มกำลังความสามารถมาโดยตลอด ขอเป็นกำลังใจและพร้อมให้การสนับสนุนการปฏิบัติอย่างเต็มที่ และมีความมุ่งหวังว่าการระดมสรรพกำลังของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและทุกภาคส่วน ในการรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อย จะประสบผลสำเร็จ ตอบสนองนโยบายรัฐบาล ประชาชนและสังคมมีความสงบเรียบร้อย มั่นคงอย่างยั่งยืนสืบไป

“พล.ต.ท.ประจวบฯ” ตรวจเยี่ยมพร้อมมอบสิ่งของบำรุงขวัญตำรวจในพื้นที่ประสบอุทกภัย จ.น่าน กำชับดูแลพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ

เมื่อวานนี้ (24 สิงหาคม 2567) เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มอบหมายให้ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร. เดินทางไปตรวจเยี่ยม พร้อมมอบสิ่งของบำรุงขวัญและเงินช่วยเหลือให้กับข้าราชการตำรวจในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย ณ ลานอเนกประสงค์ ตำรวจภูธรจังหวัดน่าน (ภ.จว.น่าน) โดยมี พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 , พล.ต.ต.ดเรศ กัลยา ผบก.ภ.จว.น่าน , พ.ต.อ.ภูวนาท ดวงดี รอง ผบก.ภ.จว.น่าน ให้การต้อนรับ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.จว.น่าน , สภ.เมืองน่าน และ ร้อย ตชด.324 จำนวน 60 นาย รับการตรวจเยี่ยมและรับมอบสิ่งของบำรุงขวัญ

พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวว่า ตามนโยบาย ผบ.ตร.ที่ได้สั่งการด่วนที่สุดให้ตำรวจทุกหน่วยช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทุกภัย ทำให้มีฝนตกต่อเนื่อง เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ และให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นดูแลเอาใจใส่บำรุงขวัญ และช่วยเหลือผู้ใต้บังคับบัญชาที่ได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าว วันนี้จึงได้มาตรวจเยี่ยมพร้อมมอบเงินและสิ่งของบำรุงขวัญให้กับข้าราชการตำรวจหน่วยต่างๆ ในพื้นที่ พร้อมให้ทุกหน่วยเร่งสำรวจความเสียหายของสถานที่เพื่อของบประมาณดำเนินการซ่อมแซมจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และได้กำชับการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจในเรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยของประชาชน การจัดระบบการจราจรในพื้นที่ที่ประสบภัยและพื้นที่ใกล้เคียง ตลอดจนสนับสนุนกำลังเจ้าหน้าที่ เครื่องมือ อุปกรณ์ และยานพาหนะ เพื่อป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย โดยขอให้ดูแลพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เปิดสายด่วนให้ความช่วยเหลือประชาชน ทั้งหมายเลขสายด่วน 191 , 1599 , สายด่วนกองบังคับการตำรวจจราจร 1197 และสายด่วนตำรวจทางหลวง 1193 ตลอด 24 ชั่วโมง

รรท.รอง ผบ.ตร. เปิดอบรมยกระดับการปราบปรามการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต พร้อมแสวงหาความร่วมมือทุกภาคส่วน ร่วมขับเคลื่อนอย่างมีประสิทธิภาพ

(9 ก.ย. 67) พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร.(มค) เปิดเผยว่า ตามนโยบายรัฐบาล ที่ตระหนัก และให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาการกระทำผิดเกี่ยวกับเด็ก สตรี ครอบครัว การป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์  และภาคประมง ซึ่งได้มีการกำหนดไว้ให้เป็นวาระแห่งชาติ โดยมุ่งหวังให้ ตร.มีส่วนสำคัญในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้นำนโยบายรัฐบาล มาสู่การปฏิบัติ โดยได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร.(มค)/ผอ.ศพดส.ตร.
ขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้บรรลุผลสำเร็จเป็นรูปธรรมโดยเร็ว

ต.ท.ประจวบฯ เปิดโครงการสัมมนาพัฒนาศักยภาพในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ปราบปรามการล่วงละเมิดทางเพศ  ต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 9 - 11 ก.ย.67 ณ โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ กรุงเทพฯ  โดยมีผู้เข้ารับการอบรมเป็น รอง ผบก.สส. และ รอง สว. - ผบ.หมู่ ผู้รับผิดชอบงานล่วงละเมิด  ทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต ทุก บก./ภ.จว. ในสังกัด บช.น. และ ภ.1 - 9 รวม 180 คน

พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวว่า การแสวงหาประโยชน์ทางเพศจากเด็กในโลกออนไลน์ เป็นปัญหาระดับโลกที่มีวิวัฒนาการอย่างรวดเร็ว และต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยต้องมีการเพิ่มพูนความรู้และพัฒนาศักยภาพของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการป้องกันปราบปรามการแสวงหาประโยชน์ทางเพศจากเด็กในโลกออนไลน์ ปัจจุบันรูปแบบของการแสวงหาประโยชน์ทางเพศจากเด็กในโลกออนไลน์ ได้แก่ สื่อแสดงการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก การตระเตรียมเด็กออนไลน์เพื่อวัตถุประสงค์ทางเพศ       การส่งข้อความหรือรูปภาพยั่วยุทางเพศ การแบล็คเมล์ทางเพศออนไลน์ การถ่ายทอดสดการละเมิดทางเพศต่อเด็ก และการกลั่นแกล้งรังแกกันในโลกออนไลน์ ซึ่งการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กในโลกออนไลน์ เป็นตัวชี้วัดหนึ่งในการจัดทำรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ (TIP Report) ของสหรัฐอเมริกา โดยในปี 2024 ประเทศไทยถูกจัดอันดับให้อยู่ใน Tier 2 ต่อเนื่องเป็นปีที่สาม    ดังนั้น การสัมมนาในวันนี้จึงมีความสำคัญ และเป็นการมุ่งพัฒนาศักยภาพในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการ เพื่อให้การป้องกันปราบปรามการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กในโลกออนไลน์ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ยึดหลักเด็กเป็นศูนย์กลาง วิเคราะห์เป้าหมายและข้อมูลเบาะแส รับแจ้งเหตุและการบริหารจัดการเคสอย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มความรู้ความเชี่ยวขาญและทักษะในการสืบสวนพยานหลักฐานทางดิจิทัล นำความรู้ในการสืบสวนทางเทคโนโลยีไปประยุกต์ใช้กับการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม มีความรู้เท่าทันกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ปัจจุบัน

จากนั้น พล.ต.ท.ประจวบฯ ได้ประชุมหารือแนวทางแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ร่วมกับ พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย รอง จตร./หน.ชป.TICAC, นางเตือนใจ คงสมบัติ ผู้ตรวจราชการ พม., นายรัชพล มณีเหล็ก ผอ.กองต่อต้านการค้ามนุษย์, นายวิจิตา รชตะนันทิกุล อดีตที่ปรึกษาวิชาการ พม. และ NGOs ได้แก่ ผู้แทนมูลนิธิไอเจเอ็ม, คลินิก กม.แรงงาน HRDF แม่สอด, ศูนย์พิทักษ์เด็กพัทยา มูลนิธิ A21, โครงการ ASEAN - ACT ประจำประเทศไทย, ไซเบอร์ วินร๊อก อินเตอร์เนชั่นแนล, องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) ประจำประเทศไทย และ มูลนิธิ Spring เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นการปราบปรามการค้ามนุษย์และอาชญากรรมที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการแสวงหาความร่วมมือต่างๆ ในการปฏิบัติงาน

สำหรับความผิดฐานค้ามนุษย์ในรูปแบบต่างๆ ได้กำหนดให้มีการระดมกวาดล้างจับกุมในระหว่างวันที่ 15 - 30 ก.ย.67 ส่วนความผิดเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเตอร์เน็ต ได้ส่งการระดมกวาดล้างจับกุม ในระหว่างวันที่ 20 ส.ค. - 30 ก.ย.67 ด้วยการป้องกันปราบปรามที่เข้มข้น ได้มุ่งเน้นผลการปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรม

พล.ต.ท.ประจวบฯ รรท.รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศพดส.ตร. กล่าวทิ้งท้ายว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความมุ่งหวังว่าการระดมสรรพกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจและทุกภาคส่วน ในการเร่งรัดปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับเด็ก สตรี ครอบครัว  การป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมงจะประสบผลสำเร็จ ตอบสนองนโยบายรัฐบาล เสริมสร้างความเสมอภาค  เท่าเทียม และรักษาไว้ซึ่งศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ภายใต้กรอบของกฎหมาย ประชาชนและสังคมมีความสงบเรียบร้อยสืบไป

‘พล.ต.ท.ประจวบฯ’ ชื่นชมตำรวจทางหลวงมอเตอร์เวย์เขาดิน ช่วยชีวิตหญิงพร้อมลูกสาววัย 9 ขวบ ได้อย่างปลอดภัยทั้งแม่และเด็ก

(23 ก.ย. 67) พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร.) ในฐานะผู้อำนวยการคณะทำงานขับเคลื่อนงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชื่นชมตำรวจทางหลวงในกรณีให้ความช่วยเหลือหญิงสาวที่ขับรถมาพร้อมลูกสาววัย 9 ขวบ ตัดสินใจจะจบชีวิตตัวเองบริเวณสะพาน บนถนนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 แขวงทับยาว เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้วิจารณญาณ ไหวพริบและการเจรจาจนสามารถ เกลี้ยกล่อมได้สำเร็จ ปลอดภัยทั้ง 2 คน จึงได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าฝ่ายเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร คณะทำงานขับเคลื่อนงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แสดงความชื่นชมและขอบคุณไปยัง ส.ทล.1กก.8 ทางหลวง (มอเตอร์เวย์เขาดิน) ต่อการปฏิบัติหน้าที่อย่างดีเยี่ยมและมีประสิทธิภาพ

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 20.30 น. ร.ต.อ.บดี ดวนพล รอง สว.(สอบสวน) ส.ทล.1 กก.8 ทางหลวง (มอเตอร์เวย์เขาดิน) ได้รับแจ้งเหตุหญิงพยายามกระโดดสะพาน บริเวณ ถนนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 หลักกิโลเมตรที่ 21 แขวงทับยาว เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร โดย พ.ต.ท.หญิง นรรศมณญ์ เจริญยิ่ง สว.(สอบสวน) ส.ทล.1 กก.8 บก.ทล. ขณะนั้นอยู่ในห้วงเวลาพักเวร กำลังทำสำนวนการสอบสวนในความรับผิดชอบอยู่ในกองกำกับการ ได้ยินการแจ้งเหตุจากวิทยุ จึงได้เดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วย ส.ต.ท.นิติ ศรีบุญเรือง ผบ.หมู่ ส.ทล.1 กก.8 บก.ทล. และเข้าช่วยเหลือนำตัวมายังสถานีตำรวจทางหลวงมอเตอร์เวย์เขาดิน 

ต่อมา ทราบว่าหญิงคนดังกล่าวคือ น.ส.ขวัญฤทัย ฯ อายุ 32 ปี ได้ขับรถยนต์มาจากสวนสาธารณะสวนหลวงเพื่อเดินทางกลับบ้าน พร้อมด้วยลูกสาววัย 9 ขวบ โดยระหว่างทางได้เกิดความเครียดสะสมจากปัญหาในชีวิตหลายประการ จึงตัดสินใจที่จะจบชีวิตของตนเองพร้อมลูกสาว โดยการขับรถพุ่งชนราวสะพานเพื่อให้ตกลงไป แต่เมื่อรถชนราวสะพานแล้วกลับไม่ตกลงไปอย่างที่คาดการณ์ไว้ น.ส.ขวัญฤทัย ฯ จึงได้ลงจากรถเพื่อกระโดดลงจากสะพานดังกล่าว แต่ลูกสาวได้ห้ามไว้และเรียกให้คนที่ขับรถผ่านมาช่วยเหลือ ต่อมาได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงมอเตอร์เวย์เขาดิน เจ้าหน้าที่กู้ภัย และพลเมืองดี เข้าเกลี้ยกล่อมให้หญิงดังกล่าวสงบสติอารมณ์จนสำเร็จ หลังจากนั้นได้แจ้งไปยังนักสังคมสงเคราะห์เพื่อให้ช่วยเหลือและนำ น.ส.ขวัญฤทัย ฯ ส่งยังโรงพยาบาลสิรินธร เพื่อเข้ารับการตรวจรักษาและประเมินสภาพทางจิต และได้ส่งตัวเด็กหญิงวัย 9 ขวบ ไปยังบ้านพักเด็กและครอบครัวกรุงเทพมหานคร เพื่อรับการสงเคราะห์ตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ท.ประจวบ ฯ กล่าวว่า จากกรณีเหตุการณ์ดังกล่าว ต้องขอขอบคุณและชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ส.ทล.1กก.8 ทางหลวง (มอเตอร์เวย์เขาดิน) ทุกนาย ที่ได้รับแจ้งเหตุดังกล่าวแล้วออกไปให้การช่วยเหลือด้วยความรวดเร็ว ตลอดจนพลเมืองดีทุกคนที่ไม่นิ่งดูดายในการรีบให้ความช่วยเหลือผู้ที่ประสบปัญหา ซึ่งการปฏิบัติหน้าที่อย่างรวดเร็วของตำรวจทางหลวงในเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในการดูแลพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง มีจิตวิญญาณของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ นับว่าเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับตำรวจทั่วประเทศ โดยเฉพาะ  “สารวัตรมีน” พ.ต.ท.หญิง นรรศมณญ์ เจริญยิ่ง สว.(สอบสวน) ส.ทล.1 กก.8 บก.ทล. ซึ่งไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่เวรสอบสวนในวันดังกล่าว แต่นั่งทำสำนวนการสอบสวนในความรับผิดชอบของตนอยู่ในห้องทำงานของสถานีตำรวจ  เมื่อได้ยินวิทยุดังกล่าวแล้วรีบออกไปช่วยเหลือในทันทีทันใด

ทั้งนี้ พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร./หัวหน้าคณะทำงานฝ่ายเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร คณะทำงานขับเคลื่อนงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอประชาสัมพันธ์ว่า หากพี่น้องประชาชนพบเห็นหรือประสบเหตุ สามารถแจ้ง ขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง ทางช่องทาง
- โทร. 191 จราจรทุก สน./สภ. ทั่วประเทศ 
- โทร. 1197 สายด่วนตำรวจจราจร ในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล 
- โทร. 1193 ตำรวจทางหลวงทั่วประเทศ 
- โทร. 1599 สายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

'พล.ต.ท.ประจวบฯ' ชื่นชมสองตำรวจ สภ.เมืองราชบุรี บุกชาร์จตัวช่วยเหลือหญิงสาวคิดสั้นหวังกระโดนสะพานข้ามแม่น้ำจบชีวิต ปฏิบัติหน้าที่สมความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์

เมื่อวานนี้ (28 ก.ย. 67) พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานขับเคลื่อนงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรหน่วยต่าง ๆ ทั่วประเทศ ให้อำนวยความสะดวกและช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างเต็มกำลัง ตามมาตรฐานสุภาพบุรุษจราจร สำหรับตำรวจจราจรที่ปฏิบัติหน้าที่จนเป็นที่ชื่นชมของประชาชนในวงกว้างจนเป็นที่ประจักษ์ ขอให้ผู้บังคับบัญชาชื่นชมให้กำลังใจ เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ตำรวจนายอื่น และเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยดีต่อไป

วันนี้ (28 กันยายน 2567) พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าฝ่ายเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร คณะทำงานขับเคลื่อนงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พล.ต.ท.ประจวบ ฯ ได้ชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองราชบุรี 2 ราย ได้แก่ ร.ต.ต.วิเชียร มณีวิหค รอง สว.(จร.) สภ.เมืองราชบุรี และ ร.ต.ต.สุพจน์ อุดมสุข รอง สว.(ป.) สภ.เมืองราชบุรี ที่รีบเดินทางไปช่วยเหลือหญิงสาวคิดสั้น หวังจบชีวิตหนีปัญหา บริเวณสะพานรถไฟจุฬาลงกรณ์ อ.เมือง จ.ราชบุรี ได้สำเร็จและปลอดภัย

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 13.30 น. ศูนย์วิทยุ 191 ได้รับแจ้งเหตุจากพลเมืองดีว่า พบหญิงสาวนั่งร้องไห้อยู่บนขอบสะพานรถไฟจุฬาลงกรณ์ อ.เมือง จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำแม่กลอง เกรงว่าจะกระโดดน้ำหวังฆ่าตัวตาย จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ หลังรับแจ้งเหตุ ร.ต.ต.วิเชียร มณีวิหค รอง สว.(จร.) สภ.เมือง และ ร.ต.ต.สุพจน์ อุดมสุข รอง สว.(ป) สภ.เมืองราชบุรี  จึงรีบเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิปฐมบรมราชานุสรณ์ ราชบุรี และเจ้าหน้าที่มูลนิธิประชานุกูล ราชบุรี ที่เกิดเหตุพบรถจักรยานยนต์ของหญิงสาวดังกล่าวจอดอยู่บริเวณทางขึ้นสะพาน และพบหญิงสาวนั่งอยู่บนขอบสะพานรถไฟ อยู่ในอาการร้องไห้เศร้าโศกเสียใจ เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองนายจึงใช้ยุทธวิธีการเจรจาเกลี้ยกล่อมพูดจาหว่านล้อม ให้หญิงสาวคนดังกล่าวสงบสติอารมณ์ และเข้าชาร์จตัวช่วยเหลือได้สำเร็จ นำตัวมาอยู่ในที่ปลอดภัย พร้อมพูดปลอบใจจนหญิงสาวกลับมามีสติ และยอมให้ทางเจ้าหน้าที่นำตัวไปโรงพยาบาลเพื่อดูอาการ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะพาหญิงสาวกลับไปส่งที่บ้านใน อ.จอมบึง 

จากการสอบถามทราบว่าหญิงสาวคนดังกล่าว กล่าวว่า ตนป่วยเป็นโรคซึมเศร้าและมีโรคประจำตัวหลายโรค ซึ่งที่ผ่านมาทำงานหนักเพื่อหาเงินมารักษาตัวแต่ก็ยังไม่พอ จนต้องทำให้ครอบครัวช่วยหาเงินมารักษา ทำให้คิดมากว่าเป็นภาระของครอบครัว จึงตัดสินใจจบชีวิตตนเอง ซึ่งระหว่างกำลังจะโดดลงแม่น้ำ ได้โทรศัพท์ไปสั่งลาญาติ แต่ทางตำรวจมาช่วยเหลือไว้ได้ทัน

พล.ต.ท.ประจวบ ฯ กล่าวว่า จากกรณีเหตุการณ์ดังกล่าว ต้องขอขอบคุณและชื่นชม ร.ต.ต.วิเชียรฯ และ ร.ต.ต.สุพจน์ฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองราชบุรี ที่ได้รับแจ้งเหตุดังกล่าวแล้วออกไปให้การช่วยเหลือด้วยความรวดเร็ว ตลอดจนเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ และพลเมืองดีทุกคนที่ไม่นิ่งดูดายในการรีบให้ความช่วยเหลือผู้ที่ประสบปัญหา ซึ่งการปฏิบัติหน้าที่อย่างรวดเร็วของตำรวจในเหตุการณ์ดังกล่าวจนสามารถช่วยเหลือประชาชนได้สำเร็จ ถือเป็นแบบอย่างที่ดีในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลพี่น้องประชาชนสมความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ 

ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบเห็นหรือประสบเหตุ สามารถแจ้ง ขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง ทางช่องทาง
- โทร. 191 จราจรทุก สน./สภ. ทั่วประเทศ 
- โทร. 1197 สายด่วนตำรวจจราจร ในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล 
- โทร. 1193 ตำรวจทางหลวงทั่วประเทศ 
- โทร. 1599 สายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

พล.ต.ท.ประจวบฯ ชื่นชมตำรวจ สภ.ท่าบ่อ สังเกตเห็นรถตู้รับ-ส่งนักเรียนมีควันขึ้นจากใต้ท้องรถ รีบพาเด็กๆ ลงจากรถ ป้องกันการเกิดเหตุอันตรายซ้ำ

เมื่อวันที่ (14 ต.ค. 67 ) พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร.) ในฐานะผู้อำนวยการคณะทำงานขับเคลื่อนงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชื่นชมตำรวจ สภ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ตาไวสังเกตเห็นรถตู้รับส่งนักเรียนมีควันออกมาจากใต้ท้องรถตู้ที่จอดเสียอยู่ จึงรีบแจ้งคนขับให้ทราบ และเร่งนำนักเรียนออกจากรถตู้ทันที ก่อนที่จะมีรถยนต์พลเมืองดีช่วยนำนักเรียนส่งโรงเรียนปลอดภัยทุกคน นับว่าเป็นการถอดบทเรียนจากการสูญเสียที่เคยเกิดขึ้น ใช้ไหวพริบนำเด็กลงอย่างรวดเร็ว การป้องกันย่อมดีกว่าการแก้ไขเสมอ

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 07.40 น. ขณะ ด.ต.สมคิด กองลุน ผบ.หมู่ (ป.) สภ.ท่าบ่อ (ปฏิบัติงานจราจร) และ ส.ต.ต.รัชชานนท์ ทาะเวท ผบ.หมู่ (ป.) สภ.ท่าบ่อ (ปฏิบัติงานจราจร) กำลังปฏิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวกการจราจรอยู่บริเวณสี่แยกไฟแดงประตูเมืองท่าบ่อ เขตเทศบาลเมืองท่าบ่อ จ.หนองคาย ด.ต.สมคิดฯ ได้สังเกตเห็นรถตู้รับส่งนักเรียนสีขาวจอดติดไฟแดง แต่เมื่อไฟเขียวแล้วกลับไม่เคลื่อนที่ จึงเดินไปตรวจสอบ พบว่ารถตู้ดังกล่าวเสียและมีควันพุ่งออกมาจากใต้รถ โดยในรถมีเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาของโรงเรียนเทศบาลเมืองท่าบ่อ อยู่จำนวน 6 คน ด.ต.สมคิดฯ รีบแจ้งคนขับถึงควันที่พุ่งออกมา พร้อมเปิดประตูนำเด็กนักเรียนทั้งหมดลงจากรถทันทีเพื่อความปลอดภัย หลังจากนั้นได้มีพลเมืองดีนำเด็กนักเรียนทั้งหมดส่งโรงเรียนได้อย่างปลอดภัย ส่วนรถตู้ตรวจสอบพบว่าหม้อน้ำแห้งทำให้เกิดความร้อนและมีควันพวยพุ่งออกมา ด.ต.สมคิดฯ และ ส.ต.ต.รัชชานนท์ฯ จึงได้ช่วยเข็นรถชิดข้างทางก่อนประสานช่างมาซ่อมต่อไป

เหตุการณ์ดังกล่าวได้รับการชื่นชมมากมายจากชาวบ้านที่พบเห็นเหตุการณ์ และจากผู้คนในสื่อสังคมออนไลน์ ต่างชื่นชมในไหวพริบของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ให้เด็กลงจากรถทันทีที่เห็นควัน เพราะหวั่นจะเกิดอุบัติเหตุเฉกเช่นเดียวกับรถบัสทัศนศึกษา รวมถึงขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่คอยดูแลบุตรหลานของประชาชนให้ปลอดภัยอยู่เสมอ

พล.ต.ท.ประจวบ ฯ กล่าวว่า จากกรณีเหตุการณ์ดังกล่าว ต้องขอขอบคุณและชื่นชม ด.ต.สมคิดฯ และ ส.ต.ต.รัชชานนท์ ที่มีสติ มีไหวพริบ แก้ไขปัญหาและป้องกันเหตุได้อย่างรวดเร็ว ตลอดจนพลเมืองที่อาสานำนักเรียนไปส่งโรงเรียน ซึ่งการปฏิบัติหน้าที่อย่างรวดเร็วของ ด.ต.สมคิดฯ และ ส.ต.ต.รัชชานนท์ ในเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในการดูแลพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง มีจิตวิญญาณของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ นับว่าเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับตำรวจทั่วประเทศ

ทั้งนี้ พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร./หัวหน้าคณะทำงานฝ่ายเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร คณะทำงานขับเคลื่อนงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้แนะนำให้ผู้ขับขี่ตรวจเช็คยานพาหนะของตนเสมอ โดยสาเหตุหลักของการเกิดรถไฟไหม้มักมาจากระบบเชื้อเพลิงรั่ว ระบบไฟฟ้าลัดวงจร เครื่องยนต์ร้อนเกินไป หรือสิ่งของในรถเกิดลุกไหม้ การป้องกันดีกว่าการแก้ไขเสมอ ในกรณีที่มีควันออกมา ให้ดับเครื่องยนต์เพื่อลดโอกาสเพลิงไหม้ แต่หากเกิดเหตสุดวิสัย รถเกิดไฟไหม้ ให้ทิ้งสัมภาระ และออกจากรถทันที โดยอยู่ห่างจากรถอย่างน้อย 30 เมตร และโทรเรียกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อขอความช่วยเหลือ หากพี่น้องประชาชนพบเห็นหรือประสบเหตุ สามารถแจ้งขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง ทางช่องทาง

- โทร. 191 จราจรทุก สน./สภ. ทั่วประเทศ
- โทร. 1197 สายด่วนตำรวจจราจร ในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล
- โทร. 1193 ตำรวจทางหลวงทั่วประเทศ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top