Monday, 29 April 2024
พลังงานบริสุทธิ์

ทดลองวิ่ง ‘หัวรถจักรไฟฟ้าจาก EA’ สู่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ แบตเตอรี่ 4.1 MWh - วิ่งฉิวกว่า 300 กม. - ชาร์จเร็วเพียง 1 ชม.

ถือเป็นก้าวสำคัญที่ยิ่งใหญ่ที่ระบบขนส่งทางรางของไทยจะได้ขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาด ไร้มลพิษ พร้อมมีความมั่นคงทางด้านพลังงาน ภายใต้บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA และ CRRC Dalian ผู้ผลิตรถไฟรายใหญ่จากประเทศจีน ได้ร่วมกันพัฒนา ‘หัวรถจักรไฟฟ้า’ (EV) หรือ ‘MINE Locomotive’ 

บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ ได้รับโอกาสจากทางกระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และภาควิชาการ ร่วมผลักดันนโยบาย EV on Train โดยได้ทดสอบระบบสับเปลี่ยนขบวน (Shunting) ณ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ไปเมื่อต้นปี 2566 ที่ผ่านมา 

ความพิเศษของหัวรถจักรไฟฟ้า (EV) หรือ ‘MINE Locomotive’ พร้อมตู้แบตเตอรี่แยก (Power Car) เพื่อเพิ่มระยะทางการวิ่ง รวมแบตเตอรี่ขนาด 4.1 MWh สามารถชาร์จเต็มภายใน 1 ชั่วโมง ออกแบบตามมาตรฐานการรถไฟไทยเพื่อการใช้งานหลากหลาย ทั้งการสับเปลี่ยนขบวน (Shunting) เข้าชานชาลาสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ เพื่อลดมลพิษในอาคารผู้โดยสารและสามารถลากขบวนสินค้า (Cargo train) จาก ICD ลาดกระบังถึงแหลมฉบัง และขบวนโดยสาร (Passenger Train) ในเขตเมืองและระหว่างจังหวัด ด้วยความเร็วสูงสุด (Max Operating Speed) 120 km/h พร้อม Regenerative Braking ที่สามารถชาร์จไฟฟ้าเข้าแบตเตอรี่จากการเบรก โดยจากการทดสอบประเมินว่าสามารถวิ่งได้ระยะกว่า 300 กิโลเมตร ตามแต่การใช้งาน ซึ่งจะประหยัดต้นทุนพลังงานได้ถึงร้อยละ 40 เมื่อเทียบกับการใช้น้ำมันดีเซล สามารถพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว ลงทุนต่ำกว่าระบบไฟฟ้าเหนือหัวกว่าครึ่งและสามารถขยายได้ทั้งประเทศ

นอกจากนี้ EA ได้ออกแบบพัฒนานวัตกรรมระบบชาร์จ Ultra Fast Charge ในเวลา 1 ชม. ในระยะแรก และ Battery Swapping Station เพื่อการสลับเปลี่ยนแบตเตอรี่ในเวลาไม่เกิน 10 นาที ลดเวลาการรอชาร์จ และนำมาขยายผลใช้งานในระบบขนส่งได้จริง สามารถขยายผล ยกระดับการขนส่งโดยสารเมืองรอง สามารถรองรับการใช้งานทุกระดับ และนำไปพัฒนาระบบ Light Rail Transit (LRT) สำหรับขนส่งตัวเมือง

“นับเป็นโอกาสสำคัญในการพลิกโฉมประวัติศาสตร์การคมนาคมทางราง ที่จะขับเคลื่อนประเทศให้เข้าสู่สังคมปลอดคาร์บอนได้เร็วยิ่งขึ้น และช่วยเพิ่มความมั่นคงทางด้านพลังงานและการคมนาคมของประเทศ” 

ทั้งนี้ทาง EA เล็งเห็นว่า Electritication ที่เป็นเทรนด์โลกในการเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานฟอสซิลไปสู่ไฟฟ้า นับเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของประเทศไทยที่เอื้อให้เกิดนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เป็นของคนไทยที่ทัดเทียมกับนานาชาติได้อย่างก้าวกระโดด 

แน่นอนว่าหัวรถจักรไฟฟ้า (MINE Locomotive) จะกลายเป็นนวัตกรรมสำคัญที่จะช่วยสร้างอุตสาหกรรมและมูลค่าให้กับประเทศไทยบนพื้นฐานความยั่งยืน เพราะเป็นเทคโนโลยี Zero Emission ไม่ก่อให้เกิด PM2.5 และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยลด Carbon footprint ที่เป็นพันธกิจของประเทศไทยในเวทีโลก นับเป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งสำคัญนับตั้งแต่ศตวรรษที่ 19-20

นอกจากหัวรถจักรไฟฟ้า (MINE Locomotive) แล้ว EA ยังมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ ‘Green Product’ ยกระดับการขนส่งด้วยยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ได้แก่ รถโดยสารไฟฟ้า (MINE Bus) รถบรรทุกไฟฟ้า (MINE Truck) หัวรถลากไฟฟ้า(MINE Tractor) รถกระบะไฟฟ้า (MINE MT30) เรือโดยสารไฟฟ้า (MINE Smart Ferry) เพื่อตอบโจทย์การคมนาคมด้าน ‘รถ-เรือ-ราง’ และจะกลายเป็นนวัตกรรมสำคัญที่จะช่วยสร้างอุตสาหกรรมให้กับประเทศไทยบนพื้นฐานความยั่งยืนให้เดินหน้าพร้อมสร้างความสมดุล ในการพัฒนาสังคมและการรักษาสิ่งแวดล้อม ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของภาคธุรกิจที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมใหม่แห่งอนาคต (New S-curves) เพื่อพัฒนาประเทศสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ตามนโยบายภาครัฐที่มุ่งส่งเสริมโมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน (BCG Economy)

ก็หวังว่าคนไทยจะได้ใช้บริการ ‘รถ-เรือ-ราง’ ไร้มลพิษแบบครอบคลุมทั้งระบบในเร็ววัน

‘EA’ จัดโชว์นวัตกรรมฝีมือคนไทย ในงาน 4th iTIC FORUM 2023 ชู ‘รถโดยสารไฟฟ้า-เรือไฟฟ้า’ หนุนการขนส่งสาธารณะแบบไร้มลพิษ

เมื่อไม่นานมานี้ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ผู้นำพลังงานสะอาด หนุนมูลนิธิศูนย์ข้อมูลจราจรอัจฉริยะไทย (iTIC) ร่วมจัดแสดงผลงานและให้การต้อนรับ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในงาน ‘4th iTIC FORUM 2023: Power of Connectivity and Smart Mobility’ พร้อมเปิดประสบการณ์ใหม่การเดินทางสาธารณะด้วยไทยสมายล์บัส และ ไทยสมายล์โบ้ท ที่ช่วยขับเคลื่อนและสร้างการเปลี่ยนแปลงด้านคมนาคม ด้วยฝีมือคนไทย บริการด้วยใจ ห่วงใยสิ่งแวดล้อม 

นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) และนายนินนาท ไชยธีรภิญโญ ประธานมูลนิธิศูนย์ข้อมูลจราจรอัจฉริยะไทย ร่วมให้การต้อนรับ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในโอกาสเยี่ยมชมการจัดแสดงผลงานของนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ระบบชาร์จ แบบ ‘EV Smart Building ภายใต้แนวคิด EA’s Electric Public Transportation: Solutions for Smart Cities’ ในงาน ‘4th iTIC FORUM 2023: Power of Connectivity and Smart Mobility’ ซึ่งงานดังกล่าวได้จัดขึ้นเพื่อเผยแพร่ความรู้ด้านการเชื่อมต่อการเดินทางและขนส่งอัจฉริยะ (Connectivity and Smart Mobility) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตลอดจนยกระดับการพัฒนาระบบขนส่งและจราจรอัจฉริยะในประเทศไทย พร้อมระดมพลังความร่วมมือและขับเคลื่อนข้อมูลในการแก้ปัญหาการจราจรและลดอุบัติเหตุได้อย่างตรงจุด

นอกจากนี้ นายสมโภชน์ อาหุนัย ยังได้ร่วมบรรยายพิเศษ ภายใต้แนวคิด ศักยภาพของเอกชนไทยในการขับเคลื่อนสมาร์ทโลจิสติกส์ รถ-เรือ-ราง ‘The Potential of Thai Private Sector in Driving Smart Logistics’ ที่จะมีส่วนในการส่งเสริมระบบขนส่งของไทยให้มีความทันสมัย สะดวกสบาย ด้วยยานยนต์ไฟฟ้ายกระดับขนส่งไทยไร้มลภาวะ 

นอกจากนี้ EA ร่วมกับ ไทย สมายล์ กรุ๊ป ต้อนรับคณะจากมูลนิธิศูนย์ข้อมูลจราจรอัจฉริยะไทย (iTIC) เปิดประสบการณ์ (Technical Tour) การเดินทางด้วยรอยยิ้มใส่ใจสิ่งแวดล้อม ไปกับบริการขนส่งสาธารณะ รถโดยสารไฟฟ้า MINE Bus และ เรือโดยสารไฟฟ้า MINE Smart Ferry โดยปัจจุบัน รถโดยสารไฟฟ้า MINE Bus ให้บริการแล้วกว่า 2,200 คัน ในพื้นที่ 123 เส้นทาง ทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล และเรือโดยสารไฟฟ้า MINE Smart Ferry ที่ให้บริการผู้โดยสารตั้งแต่ ท่าเรือสาทร - ท่าเรือสะพานพระนั่งเกล้า มีเรือไฟฟ้าให้บริการทั้งหมด 35 ลำ สร้างมิติใหม่แห่งการขนส่งด้วยนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าโดยฝีมือคนไทย โดยล่องแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อชมวิววัดวาอารามและฟังบรรยายที่มาของรถ-เรือโดยสารไฟฟ้า ยกระดับการขนส่งมวลชนด้วยยานยนต์ไฟฟ้าไร้มลพิษครบวงจร ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และลดปัญหาฝุ่น PM2.5 ของประเทศ

‘EA’ ได้รับการจัดอันดับหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ระดับ AA ปี 66 ตอกย้ำ!! ความใส่ใจ-รับผิดชอบสิ่งแวดล้อม-ดำเนินธุรกิจสู่ความยั่งยืน

เมื่อไม่นานมานี้ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ได้รับการจัดอันดับ ‘หุ้นยั่งยืน ระดับ AA’ ประจำปี 2566 (SET ESG Ratings : AA) จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สะท้อนให้เห็นถึงนโยบายและการให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจสู่ความยั่งยืน ด้านสิ่งแวดล้อม ความรับผิดชอบต่อสังคม การบริหารงานตามหลักบรรษัทภิบาล (Environmental, Social, Governance: ESG) การเปิดเผยกระบวนการดำเนินธุรกิจและมีแนวทางการบริหารจัดการที่ชัดเจน เพื่อให้เห็นถึงความสามารถในการสร้างโอกาสทางธุรกิจและเกิดประโยชน์กับผู้ถือหุ้นและทุกภาคส่วนของสังคม ซึ่งในปีนี้ EA ได้รับการคัดเลือกต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 นับตั้งแต่ปี 2560

นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำนวัตกรรมด้านพลังงานสะอาด กล่าวว่า “EA มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้านนวัตกรรมพลังงานสะอาด ควบคู่ไปกับการรับผิดชอบสังคมและสิ่งแวดล้อม ที่เป็น ‘Green Product’ เพื่อประโยชน์ต่อสังคมที่ยั่งยืน โดยครอบคลุมในทุกมิติด้านพลังงานสะอาด ทั้งธุรกิจพลังงานทดแทน ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ธุรกิจผลิตแบตเตอรี่และยานยนต์ไฟฟ้า ยกระดับนวัตกรรมฝีมือคนไทยสู่ระดับนานาชาติ 

นอกจากนี้ EA มุ่งมั่นสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าที่ครบวงจร เดินหน้าพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์อย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมระบบขนส่งทั้งรถหัวลากไฟฟ้า รถบรรทุกไฟฟ้า ระบบขนส่งมวลชน ได้แก่โดยสารไฟฟ้า เรือโดยสารไฟฟ้า ยกระดับการเดินทางระบบขนส่งมวลชนสาธารณะของไทยที่มีความสะดวก ทันสมัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม”

‘EA’ รับรางวัล ‘Sustainability Disclosure Recognition 2023’ สะท้อนความมุ่งมั่นพัฒนาองค์กรสู่ความยั่งยืน ตามกรอบ ESG

(3 ม.ค. 67) บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ หรือ EA ได้รับรางวัลเกียรติคุณ ‘Sustainability Disclosure Recognition 2023’ หรือ ‘การเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืน ประจำปี 2566’ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 จัดโดยสถาบันไทยพัฒน์ โดยมี นายวรณัฐ เพียรธรรม ผู้อำนวยการสถาบันไทยพัฒน์ มอบรางวัลให้กับ นายวิทยา เชียงอุทัย ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร ผู้แทนองค์กรเข้ารับรางวัล ตอกย้ำการพัฒนาองค์กรสู่ความยั่งยืน

นายวิทยา เชียงอุทัย ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ เปิดเผยว่า EA ผู้นำด้านนวัตกรรมพลังงานสะอาด มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ที่ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม ชุมชนและสังคม ด้วยการกำกับดูแลกิจการที่ดี มากว่า 15 ปี

โดย EA เป็นผู้ริเริ่มและยกระดับธุรกิจพลังงานสะอาดด้วยผลงานนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ครอบคลุมธุรกิจพลังงานทดแทน, ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน, ธุรกิจแบตเตอรี่ ลิเธียม ไอออน, ยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ และสถานีชาร์จ EA Anywhere บนพื้นฐานการดำเนินธุรกิจตามหลักของธรรมาภิบาลที่เข้มแข็ง พร้อมที่จะเปิดเผยข้อมูลด้าน ESG สู่สาธารณะอย่างครบถ้วนและโปร่งใส เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน คู่ค้า และผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน

การได้รับรางวัล Sustainability Disclosure Recognition 2023 ต่อเนื่อง 4 ปีซ้อน ถือเป็นความภาคภูมิใจ ที่สะท้อนผลสำเร็จในความมุ่งมั่นการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืนตามกรอบ ESG และเจตจำนงขององค์กรที่จะร่วมสร้างและแบ่งปันความสำเร็จ ภายใต้แนวคิด ‘นวัตกรรมสังคมองค์กร’ หรือ Corporate Social Innovation (CSI) ที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)

อนึ่ง สำหรับในปี 2566 มีองค์กรที่ได้รับการเชิดชูเกียรติรวมทั้งสิ้น 132 รางวัล แบ่งออกเป็น 3 ประเภทรางวัล ได้แก่ รางวัลเกียรติคุณ (Award) 54 แห่ง ประกาศเกียรติคุณ (Recognition) 50 แห่ง และกิตติกรรมประกาศ (Acknowledgement) 28 แห่ง 

เปิดใจ ‘สมโภชน์ อาหุนัย’ หลังประกาศชิงเก้าอี้ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

เปิดใจ ‘สมโภชน์ อาหุนัย’ ประกาศชิงเก้าอี้ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ย้ำชัด “ประเทศรอไม่ได้” ขออาสาทำงานเพื่อทุกกลุ่มอุตสาหกรรมทั่วประเทศของไทย หวังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืน

การเลือกตั้งกรรมการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) วาระปี 2567-2569 กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 25 มี.ค.2567 โดยกรรมการ ส.อ.ท.ที่ได้รับการเลือกตั้งดังกล่าว รวมกับกรรมการที่ได้รับการเลือกจากกลุ่มอุตสาหกรรม 46 กลุ่ม และสภาอุตสาหกรรมจังหวัด 76 จังหวัด จะมาทำหน้าที่ลงคะแนนเลือกตั้งประธาน ส.อ.ท.วาระปี 2567-2569 อีกครั้ง

การเลือกตั้งในครั้งนี้ เป็นที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง เมื่อ นายสมโภชน์ อาหุนัย รองประธาน ส.อ.ท.และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) ได้เสนอตัวชิงเก้าอี้ด้วย ซึ่งปัจจุบันนายเกรียงไกร เธียรนุกูล เป็นประธาน ส.อ.ท.วาระ 2565-2567 ดำรงตำแหน่งในวาระที่ 1 ยังคงเสนอตัวเป็นประธาน ส.อ.ท.อีก 1 สมัย 

ทั้งนี้ นายสมโภชน์ ได้เปิดวิสัยทัศน์ และเปิดใจในการประกาศชิงเก้าอี้ประธาน ส.อ.ท.คนที่ 17 เอาไว้อย่างน่าสนใจ โดยระบุว่า การเสนอตัวชิงตำแหน่งในครั้งนี้ เป็นอุดมการณ์ที่มีมาตั้งนานแล้วคืออยากสร้างประโยชน์ให้สังคมและประเทศชาติ ต้องการรับใช้ชาติในฐานะภาคเอกชน โดยจะนำความรู้ ความสามารถและประสบการณ์การทำงานมาช่วยประเทศชาติในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา ทั้งในฐานะสมาชิกและรองประธาน ส.อ.ท. ได้ทำงานด้วยจิตอาสาโดยไม่ได้หวังผลตอบแทนหรือรับประโยชน์ใด ๆ ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญที่อยากจะเห็นการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น จึงขอเสนอตัวเข้ารับการคัดเลือกเป็นประธาน ส.อ.ท. เพื่อช่วยผลักดันให้อุตสาหกรรมและเศรษฐกิจไทยเติบโต อีกทั้งสามารถยืนอยู่บนเวทีโลกได้อย่างแข็งแกร่ง

ทั้งนี้ หากได้รับเลือกเป็นประธาน ส.อ.ท. คนใหม่ นายสมโภชน์ ย้ำว่า ในอนาคตจะเห็น ส.อ.ท. ทำงานเชิงรุกด้วยยุทธศาสตร์ 4 ประการคือ 1.ทำงานเชิงรุกในการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจของประเทศให้สอดประสานระหว่างภาครัฐกับเอกชน 2.สร้างพลังและเพิ่มขีดความสามารถของสมาชิกสภาอุตสาหกรรมทั่วประเทศ 3.ประสานภาครัฐให้ช่วยส่งเสริมสนับสนุนเอสเอ็มอี ผู้ประกอบการรายย่อย-รายใหม่ในการผลิตสินค้าที่มีมูลค่า และ 4.นำเอาความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ที่มีมาบูรณาการในเชิงรุกและเชิงรับทุกมิติ

“ผมเคยเป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจนกระทั่งปัจจุบันทำหน้าที่บริหารธุรกิจในกลุ่มพลังงานบริสุทธิ์ ต้องการนำเสนอไอเดียที่มีเพื่อให้เกิด Impact มากกว่าที่ทำอยู่ในปัจจุบัน เพราะเชื่อว่า ส.อ.ท. คือแกนหลักของประเทศ มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจให้เติบโตขึ้น ในสถานการณ์ปัจจุบันเราไม่ควรอยู่ในสภาพตั้งรับควรอยู่ในเชิงรุก เนื่องจากโลกทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงเร็วมาก แต่ละอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบแตกต่างกันออกไป มีทั้งที่ต้องการรับการส่งเสริมสนับสนุนหรือเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหา รวมถึงทำหน้าที่เป็นตัวแทนเชื่อมกับภาครัฐอย่างเป็นรูปธรรมให้บรรลุผลสำเร็จและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์กับผู้ประกอบการแล้วยังตอบสนองภาครัฐให้บรรลุตามแผนยุทธศาสตร์ที่ตั้งไว้”

ส่วนเหตุผลที่มีหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดจึงไม่รอรับไม้ต่อจากนายเกรียงไกร ที่จะนั่งในตำแหน่งนี้อีก 2 ปี ในวาระที่ 2 นายสมโภชน์ ได้ชี้แจงว่า โดยส่วนตัวมองว่าประเทศไทยรอไม่ได้ ภาระหนี้ครัวเรือน การลงทุนไม่เข้า ถ้ารออีก 2 ปี เปรียบเหมือนคนที่เป็นมะเร็งขั้นที่ 1 ก็อาจจะรอได้แต่ถ้าเป็นขั้นที่ 4 หากรอก็อาจจะแก้ไม่ได้แล้ว แม้ว่าในขณะนี้เศรษฐกิจไทยอาจจะยังไม่ถึงขั้นวิกฤต แต่ก็ถือว่าอยู่ในขั้นป่วย

นายสมโภชน์ ชี้ให้เห็นว่า ขณะนี้ บางอุตสาหกรรมเดิมแข่งขันไม่ได้ มีบางอุตสาหกรรมที่เป็นดาวรุ่ง จึงจะเป็นสะพานเชื่อมหลายอุตสาหกรรมมารวมกันใครเดือดร้อนต้องช่วยกัน เพื่อให้เป็นรูปธรรม เพิ่มขีดความสามารถอุตสาหกรรมกับประเทศ สร้างมูลค่าเพิ่มในอุตสาหกรรม คนไหนเดือดร้อนก็ช่วย คนไหนแข็งแรงก็ทำให้ดีขึ้นเพื่อให้ฝนตกทั่วฟ้า จึงต้องการเดินไปข้างหน้าด้วยนโยบายและมียุทธศาสตร์ที่ชัดเจน พร้อมผสานความเป็นปึกแผ่นเพื่อมองไปข้างหน้าด้วยกัน พร้อมทั้งทำงานกับทางรัฐบาลอย่างแนบแน่นเป็นทีมไทยแลนด์อย่างแท้จริง โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

สำหรับประเด็นที่อาจจะมีคนมองว่า การลงสมัครเลือกตั้งเกิดจากความขัดแย้งนั้น นายสมโภชน์ ยืนยันว่า ไม่ได้มีความขัดแย้งแต่อย่างใด เพียงแต่ตนต้องการใช้โอกาสนี้เสนอไอเดียที่สร้างสรรค์ เพราะประเทศวันนี้รอไม่ได้ ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าเศรษฐกิจไม่ดี จึงอยากเสนอตัวมาช่วยทำงาน โดยจะไม่ทำให้เกิดความแตกแยกทุกคนเป็นพี่น้องกันหมด และพร้อมจะซัปพอร์ตสมาชิกทุกคนทั้งที่เลือกและไม่เลือก ขณะเดียวกันก็ยังเคารพคุณเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน ส.อ.ท. เหมือนเดิม

นายสมโภชน์ กล่าวอีกว่า หากได้รับเลือกตั้งเป็นประธาน ส.อ.ท. พร้อมจะเป็นแกนกลางในการประสานการทำงานระหว่างอุตสาหกรรมจังหวัด และกลุ่มอุตสาหกรรม เพื่อตกผนึกแนวคิดในการทำงาน และนำเสนอแผนยุทธศาสตร์ในอนาคตต่อภาครัฐ อุตสาหกรรมแต่ละประเภทจะต้องเตรียมแผนทรานส์ฟอร์มธุรกิจเพื่อรองรับการแข่งขันในเวทีโลกทุกมิติ อาทิ การปรับปรุงกฎหมายหรือกฎระเบียบเพื่อให้ทันกติการะดับสากล ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน (BCG & ESG) และการมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ซึ่งเป็นเทรนด์ของโลกในปัจจุบัน

“หากผมได้รับการเลือกตั้ง สิ่งแรกที่จะทำก็คือการเซ็ตซีโร่ จะไม่มีการแบ่งกลุ่ม แต่จะชักชวนสมาชิกที่มีความรู้ความสามารถมาช่วยกันทำงาน เพื่อเพื่อนสมาชิกและพร้อมให้สมาชิกตรวจสอบการทำงานในทุกด้าน แต่ถ้าไม่ได้รับเลือก ก็ยังพร้อมที่จะทำงานเพื่อสมาชิกต่อไป ยิ่งไอเดียที่ผมได้เสนอไปมีคนนำไปสานต่อก็จะยินดีมาก เพราะชัยชนะสำหรับผมคือการที่แนวคิดของผมได้รับการยอมรับและถูกนำเอาไปทำ โดยที่ผมอาจจะไม่ต้องทำเองก็ได้ แต่สิ่งเหล่านี้ก็เกิดขึ้นเกิดได้โดยที่ผมก็ไม่ต้องเหนื่อยด้วย หากเพื่อนสมาชิกเห็นว่าใครเหมาะสมกว่าที่พร้อมจะทำงานตรงนี้ ถึงจะไม่ใช่ผมแต่ผมก็พร้อมที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมในการสนับสนุนการทำงานเช่นเดิม”

นายสมโภชน์ ยังกล่าวด้วยว่า หากได้เข้ามารับตำแหน่งก็จะฟังจากสมาชิกก่อนและจัดลำดับความสำคัญของปัญหาว่าประเด็นใดเป็นประเด็นเร่งด่วนที่จะต้องการให้มีการแก้ไข ก่อนที่จะสรุปเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อขับเคลื่อนนำเสนอสู่ภาครัฐต่อไป โดยไม่เน้นเฉพาะเรื่องพลังงานเท่านั้น เพราะตอนนี้ไทยต้องเจอทั้งปัญหาเรื่องการลงทุนโดยตรงไม่เข้าประเทศและประเทศไทยติดกับดักรายได้ปานกลางมาเป็นระยะเวลายาวนาน 6 ปีที่ผ่านมา 

ในส่วนของนโยบายด้านพลังงาน ซึ่งเป็นหนึ่งในปัญหาเร่งด่วน ที่จะช่วยสร้างความสามารถในการแข่งขันให้ภาคอุตสาหกรรม ที่ผ่านมาเราติดกับดักการสร้างโรงไฟฟ้าจำนวนมากจนมีกำลังไฟสำรองเกินความจำเป็น ทำให้ไม่สามารถที่จะไปลดต้นทุนที่เป็น Fixed cost ได้ ทำให้ผู้ใช้ไฟฟ้าต้องแบกภาระค่าไฟเพิ่มขึ้น

แนวทางที่จะแก้ไขไม่ใช่เพียงการไปลดค่าไฟ เพราะนั่นก็จะไปกระทบกับผู้ผลิตไฟฟ้า แต่วิธีการเดียวก็คือการทำให้คนใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ซึ่งจะทำอย่างไรในเมื่ออุตสาหกรรมก็เท่าเดิมประชาชนก็ใช้เท่าเดิม คำตอบก็คือเราต้องหาคนใช้ไฟฟ้าใหม่ ลูกค้าใหม่ก็คือรถยนต์ไฟฟ้าหรือ EV

“การที่เราเพิ่มจำนวนผู้ใช้รถ EV จะทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าใหม่ๆเพิ่มขึ้น และเรามีกำลังไฟฟ้าสำรองเพียงพอที่จะทำให้เราสามารถพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดและก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ ๆ ได้ทำให้มีราคาถูกลงและอุตสาหกรรมก็ไม่มีใครเสียหาย แน่นอนว่าแนวคิดนี้ เป็นหนึ่งในแนวทางในการแก้ปัญหาค่าไฟแพง แต่ยังมีอีกหลายปัญหาที่รอการแก้ไข ที่ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อให้เกิดการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรมและนำพาเศรษฐกิจของประเทศเติบโตอย่างยั่งยืน”

อย่างไรก็ตาม นายสมโภชน์ ยังบอกด้วยว่า คนอื่นๆที่มีวิสัยทัศน์และความสามารถก็สมัครตำแหน่งประธานสภาอุตสาหกรรมได้เช่นกัน เพื่อนำเสนอสิ่งดี ๆ ให้แก่ภาพรวมของอุตสาหกรรม และผู้ที่ได้รับเลือกเป็นประธานฯ ควรที่จะนำข้อเสนอไปขับเคลื่อนต่อให้เป็นรูปธรรม ที่สำคัญต้องสร้างความโปร่งใสในการทำงาน เป็นเวทีกลางที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน และกระจายอำนาจให้แต่ละกลุ่มมาช่วยกันทำงาน

สำหรับประวัติ ‘สมโภชน์ อาหุนัย’ จบการศึกษาปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตรบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ปริญญาโท บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต University of Pittsburgh สหรัฐอเมริกา, วิศวกรรมศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (วิศวกรรมพลังงานทดแทนสิ่งแวดล้อม) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ราชมงคลอีสาน

ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นรองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน), กรรมการบริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน), กรรมการบริษัท ทีเอสท์ โปรดักส์ จำกัด, กรรมการบริษัท อีเทอนิตี้ โฮลดิง จำกัด, คณะกรรมการบริหารศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ และคณะอนุกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ ด้านพัฒนาองค์กร

จากข้อมูลนิตยสาร ฟอบส์ ฉบับประเทศไทย พ.ศ. 2566 นายสมโภชน์ติดอยู่ในรายชื่อมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทยอันดับที่ 9 มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 1.04 แสนล้านบาท (3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)

ผลงาน ‘Bio PCM’ จาก ‘EBI’ บริษัทในกลุ่มพลังงานบริสุทธิ์ คว้า ‘BUSINESS+ PRODUCT INNOVATION AWARDS 2024’

(26 มี.ค. 67) นายจีรพันธ์ ปัญญาตนันท์ Executive Vice President สายงานปฏิบัติการธุรกิจไบโอดีเซล บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เป็นผู้แทนบริษัทฯ รับรางวัล BUSINESS+ PRODUCT INNOVATION AWARDS 2024 ในสาขาผลิตภัณฑ์ กลุ่มยานยนต์และพลังงานทดแทน จากผลงาน EA Bio PCM โดยได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ นุรักษ์ มาประณีต องคมนตรีและประธานในพิธี  ณ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ

นายจีรพันธ์ กล่าวว่า อีเอ ไบโอ อินโนเวชั่น หรือ EBI เป็นบริษัทย่อยของ EA สร้างสรรค์ Bio PCM (Bio Based Phase Change Material) ซึ่งผลิตภัณฑ์สารเปลี่ยนสถานะ นวัตกรรมที่ได้รับคัดเลือกเป็นสุดยอดสินค้าและบริการแห่งปี ในกลุ่มยานยนต์และพลังงานทดแทน โดย EA Bio PCM ได้จดสิทธิบัตรเป็นรายแรกของโลก ผลิตภัณฑ์เน้นการใช้อนุพันธ์ปาล์มน้ำมัน วัตถุดิบจากในประเทศ ผ่านเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถทดแทนผลิตภัณฑ์จากปิโตรเลียม ที่สำคัญ EBI ยังได้เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์โดยต่อยอดการลงทุนในธุรกิจผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์ม ไปสู่น้ำมันอากาศยานยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel หรือ SAF) โดยเป็นเชื้อเพลิงชีวภาพใช้สำหรับเครื่องบิน ซึ่งคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ใกล้เคียงกับน้ำมันเครื่องบินที่เป็นเชื้อเพลิงฟอสซิล และลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ปัจจุบัน EA Bio PCM มีการถูกนำไปใช้ในหลายกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าและบริการทั้งด้านสุขภาพ วัสดุประหยัดพลังงาน รวมทั้งกลุ่มผู้บริโภคที่มีความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม เช่น อาคารและการก่อสร้าง, เสื้อผ้า, บรรจุภัณฑ์, เป็นต้น โดยได้ส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีนเป็นหลัก พร้อมขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศในสหภาพยุโรป และ อเมริกา เพื่อใช้เป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมอุณหภูมิของวัสดุ และลดการใช้พลังงานไฟฟ้า เพิ่มมูลค่าการส่งออกสินค้าทำให้เกษตรกรปาล์มและแรงงานในพื้นที่ให้มีรายได้ดีขึ้น สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนสู่การพัฒนาชุมชนในทุกมิติ สนับสนุนตามนโยบายภาครัฐสู่ Bio Hub ของอาเซียน

“EBI มีความตั้งใจพัฒนานวัตกรรมสินค้า ให้ตรงกับความต้องการของตลาด รางวัล BUSINESS+ PRODUCT INNOVATION AWARDS 2024 จากผลงาน EA Bio PCM ถือเป็นความภาคภูมิใจให้พนักงานสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ อีกทั้งยังสามารถขยายไปในอุตสาหกรรม Cold Chain Logistic เพื่อลดการใช้พลังงานในระบบควบคุมอุณหภูมิของการขนส่งสินค้า ให้สามารถรักษาคุณภาพผลิตภัณฑ์ รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม อันเป็นการยกระดับมาตรฐานการขนส่ง สร้างความปลอดภัย มั่นใจในคุณภาพ” นายจีรพันธ์กล่าวทิ้งท้าย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top