Friday, 6 June 2025
พรรคไทยภักดี

‘หมอวรงค์’ จวกยับ!! กรณีพักโทษ ‘คดีโกง’ ชี้!! เป็นการร่วมมือกัน ทำลายประเทศชาติ

(7 ธ.ค. 67) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กว่า …

‘ระวัง!! ประชาชนไม่เชื่อมั่น’

เป็นที่ฮือฮาของสังคม หลังจากรัฐบาลแพทองธารเข้ามาบริหารประเทศ เกิดปรากฏการณ์นักโทษชั้น 14 ที่เชื่อได้ว่าไม่ยอมติดคุกสักวัน จากคดีทุจริต 3 คดี

ถัดมาล่าสุด ผู้ต้องหาคดีรับจำนำข้าว ที่ถูกศาลตัดสินจำคุก 48 ปี บางราย 36 ปี บางรายนอกจากถูกจำคุกคดีจำนำข้าว 48 ปี ยังมีคดีบ้านเอื้ออาทร อีก 50 ปี ล้วนได้ออกจากเรือนจำ

นับรวมการติดคุกเฉลี่ยแล้ว 7 ปี

เราต้องยอมรับว่า คดีทุจริตที่เกิดจากนักการเมือง ต้องถือว่าเป็นคดีร้ายแรง พอๆกับคดีค้ายาเสพติด หรือแม้แต่คดีฆ่าข่มขืน เพราะการทุจริตเป็นการทำลายโอกาสของประชาชน มีผลกระทบต่อการพัฒนาการอยู่ดีกินดีของประชาชน

การที่กรมราชทัณฑ์จะมาอ้างว่า เนื่องจากผู้ต้องขังเข้าเกณฑ์ที่ต้องพักโทษ แต่เพราะคดีทุจริตเป็นคดีร้ายแรงที่ทำลายชาติ ท่านจะใช้มาตรฐานคดีปกติมาเป็นเกณฑ์ไม่ได้ ท่านควรต้องมีเกณฑ์ต่างหาก เพื่อให้เกิดความเกรงกลัวต่อการทำผิด

ท่านเห็นไหมว่า นักโทษคดีทุจริต ที่พวกท่านให้การพักโทษกรณีพิเศษ วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง คนพวกนี้สำนึกผิดหรือไม่ นอกจากไม่สำนึกผิด คนคนนี้กำลังจะสร้างปัญหาเดิมๆของประเทศ และดูแนวโน้มแล้ว ปัญหาเหล่านี้จะหนักกว่าเดิม ท่านเคยประเมินหรือไม่

พวกท่านทราบไหมว่า กว่ากระบวนการตรวจสอบการทุจริตของนักการเมือง จะรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานได้ ต้องทุ่มเทการทำงาน มากขนาดไหน กว่าจะผ่านป.ป.ช. ผ่านอัยการและไปต่อสู้ในชั้นศาลฎีกา เตรียมข้อมูลหลักฐานต่าง ๆ นำพยานมาเบิกความ

ทุกฝ่ายต้องทำงานด้วยความยากลำบาก ทั้งต้องอาศัยความตั้งใจ ความทุ่มเท เพื่อเก็บกวาดประเทศให้สะอาด และศาลฎีกาฯใช้เวลาหลายปีในการรวบรวมพยานหลักฐาน จนมีคำพิพากษาออกมา แต่สุดท้ายมาจบแบบไม่รับผิดชอบของราชทัณฑ์ ที่สำคัญคนที่ได้รับการพักโทษก็ไม่สำนึก

เพราะกระบวนการยุติธรรมท้ายน้ำของประเทศ เป็นแบบนี้ การที่หวังจะเก็บกวาดประเทศไทยให้สะอาด นับวันจะยิ่งหนักกว่าเดิม สิ่งที่เห็นรัฐบาลชุดนี้ ดำเนินการเรื่องจัดการทุจริตจึงไม่ต้องหวัง ก็เหลือแต่องค์กรตรวจสอบ ที่ควรจะทำงานด้วยความรวดเร็ว

ระวังนะประชาชน นอกจากไม่เชื่อมั่นนักการเมือง จะไม่เชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรมรวมทั้งราชทัณฑ์ ไม่เชื่อมั่นระบบตรวจสอบขององค์กรอิสระ อาจจะลามไปสู่ การไม่เชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยที่เป็นอยู่ ไม่ต้องโทษใคร แต่ต้องโทษทั้งนักการเมือง องค์กรอิสระ ข้าราชการที่มีส่วนร่วมมือกันทำลายประเทศ

‘หมอวรงค์’ เปิด 9 ปม!! เคลือบแคลง ‘นักโทษชั้น 14’ น่าสงสัย ‘การส่งตัว - ห้องพัก - วิธีรักษา’ ชี้!! แค่ข้ออ้าง

(3 พ.ค. 68)  นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ 'ข้อสงสัยนักโทษชั้น14' ระบุว่า ช่วงนี้จะเห็นข่าว พวกนักวิชาการ นักกฎหมายที่ปกป้องนักโทษชั้น14 พยายามออกมาสื่อสารกับประชาชนว่า การที่นักโทษไปป่วยอยู่ชั้น 14 นานถึง 6 เดือนนั้น ถือว่าถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพ ซึ่งถือว่าถูกคุมขังแล้ว

แต่ประเด็นที่ประชาชนสงสัย ประชาชนเขาสงสัยว่า ถ้าป่วยทำไมไม่รักษาตัวที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ เพราะโรงพยาบาลราชทัณฑ์มีศักยภาพ ไม่แพ้รพ.จังหวัดทั่วประเทศ ขีดความสามารถ มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งมี CT scan ที่ทันสมัยมาก

ถ้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ไม่สามารถรักษาตัวนักโทษรายนี้ได้ แสดงว่าน่าจะป่วยวิกฤติ จึงต้องส่งตัวไปโรงพยาบาลตำรวจ สิ่งที่ประชาชนสงสัย มีการช่วยเหลือเพื่อให้นักโทษ ไปนอนเล่นสบายๆ ที่ชั้น14 รพ.ตำรวจหรือไม่ โดยใช้ข้ออ้างเจ็บป่วยหนัก เพราะ

1.ทำไมแพทย์เวรคืนนั้น ที่เป็นอายุรแพทย์ ถือว่าเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญรักษาโรค ความดัน หัวใจขาดเลือด ไม่ไปดูแล แต่ปล่อยให้พยาบาลเวรโทรไปปรึกษา และปล่อยให้พยาบาลเวรเป็นผู้ดูแล และเป็นผู้ส่งนักโทษต่อร.พ.ตำรวจ จึงเกิดข้อสงสัยว่าวางแผนกันไว้ก่อนหรือไม่ เพื่อไม่ให้ใครเข้ามาเกี่ยวข้องมาก

2.จริงหรือที่โรคเหล่านี้ที่อ้าง ทั้งหัวใจขาดเลือด ความดันสูง ปอดเรื้อรัง สันหลังเสื่อม ซึ่งเป็นโรคเรื้อรัง และมีประวัติการรักษามาแล้วจากต่างประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องธรรมดามาก สำหรับผู้สูงอายุ โรงพยาบาลราชทัณฑ์จะรักษาไม่ได้ และต้องส่งต่อโรงพยาบาลตำรวจ เพราะเกรงอันตรายต่อชีวิต

3.การส่งต่อแบบฉุกเฉินว่า เกรงอันตรายต่อชีวิต ด้วยหลักทางการแพทย์นั้น ต้องใช้รถ ambulance ส่งต่อไปรพ.ตำรวจ แต่ตามข่าวทำไมใช้รถของราชทัณฑ์

4.ด้วยหลักทางการแพทย์ การส่งต่อแบบฉุกเฉินเวลาดึก และเกรงว่าเกิดอันตรายต่อชีวิต ทำไมไม่ส่งนักโทษผ่าน ER ก่อน ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ไม่ได้ป่วยวิกฤติจริง

5.ด้วยหลักทางการแพทย์ การป่วยที่จะเป็นอันตรายต่อชีวิต โดยเฉพาะโรคหัวใจ หลังจากส่งมาถึงรพ.ตำรวจ ทำไมไม่ให้รักษาตัวที่ICU หรือ CCU แต่ให้ไปนอนที่ชั้น14 ซึ่งประชาชนรับรู้ว่านี่คือห้อง VVIP ซึ่งไม่ใช่สถานที่รักษาผู้ป่วยวิกฤติ

6.จากรายชื่อแพทย์ที่อ้างว่า เป็นแพทย์เจ้าของไข้ แพทย์ที่ทำการรักษา ที่ทางป.ป.ช.เรียกสอบ ล้วนเป็นทีมแพทย์ทางด้านศัลยกรรมเช่น ศัลยกรรมประสาท ศัลยกรรมกระดูกและข้อ ทำไมไม่ให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจเป็นผู้ดูแลหลัก

7.ด้วยหลักทางการแพทย์ ถ้าผู้ป่วยมีอาการวิกฤติ การผ่าตัดเอ็น ด้วยการใช้กล้องที่หัวไหล่ จะไม่ทำกันในผู้ป่วยวิกฤติ รวมทั้งการทำMRI

ที่ต้องถามต่อ หลังผ่าตัดทำไมจึงนำนักโทษไปพักที่ห้อง หลังผ่าตัดศัลยกรรมประสาท ไม่ไปพักที่ห้องหลังผ่าตัด ศัลยกรรมกระดูก เอ็นและข้อ (orthopedics) หรือเกรงว่าคนอื่นจะเห็นว่า ไม่ได้ป่วยวิกฤติ

8.โรคอะไรที่ต้องรักษานานถึง180 วัน อาการไม่ดีขึ้น ไม่สามารถย้ายตัวกลับมา รักษาต่อที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้ แต่ครบ 180 ได้พักโทษอาการหายทันที หลักทางการแพทย์มีด้วยหรือ โรคประหลาดแบบนี้

9.นี่ยังไม่นับรวมข้อสงสัย ที่ป่วยวิกฤตินอนติดเตียง 180 วัน ทำไมแขนขาไม่ลีบลง เพราะผู้สูงอายุ เกิน70 ปี นอนติดเตียง1ถึง 2สัปดาห์ ล้วนสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ แขนขาจะลีบลง

จึงเกิดข้อสงสัยว่า แอบไปเดินเล่นที่อื่นหรือไม่ แขนขาจึงไม่ลีบ และที่แปลกใจมาก อาการป่วยวิกฤติ อันตรายต่อชีวิต ไม่มีข่าวว่า ครอบครัวไปนอนเฝ้าเลย

ความจริงยังมีอีกหลายประเด็นมาก ที่ควรไต่สวน เพื่อเอาความจริงออกมาให้ประชาชนทราบ ยกเว้นถ้าได้คำตอบว่า ไม่ได้ป่วยวิกฤติ แต่มีการช่วยเหลือ เพื่อจะได้ไม่ต้องอยู่เรือนจำ ถ้าผลออกมาแบบนี้ ก็อธิบายข้อสงสัยได้หมด ซึ่งเท่ากับว่ายังไม่ได้ติดคุก ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาล นี่ยังไม่นับรวมการขอศาลตามป.วิอาญามาตรา 246


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top