Friday, 17 May 2024
พรรคเพื่อไทย

การเมืองท้องถิ่นโค้งสุดท้าย…ศึกหาเสียงเลือกตั้งนายกอบจ.ร้อยเอ็ดใส่กันยับ ทั้งบนดิน ใต้ดิน

วิชามาร วิชาแพะงัดออกมาสู้กันเดือด ล่าสุดเศกสิทธิ์ ไวนิยมพงศ์ ลูกหม้อพรรคเพื่อไทย เบอร์2 โดนพิษใบปลิวว่อนสนามเลือกตั้งนั่งไม่ติดลุกชี้แจ้ง

วันนี้ (19 กันยายน 2565) เมื่อ 6 ชั่วโมงที่ผ่านมาภายหลังจากที่มีใบปลิวว่อนสนามเลือกตั้ง ซึ่งข้อความในใบปลิวนั้นระบุว่า”ศึกเลือกตั้ง อบจ.ร้อยเอ็ด 25 กันยายน 2565 เศกสิทธิ์เป็นหนี้อบจ.17 ล้าน แต่กลับมาสมัครเป็นนายกอบจ.? พรรคเพื่อไทยหาคนที่ดีที่สุดได้แค่นี้เหรอ??? คนร้อยเอ็ดต้องทำอย่างไร??? #กลุ่มพิทักษ์ประชาชน วันนี้เมื่อ 6 ชั่วโมงที่ผ่านมาเจ้าตัวออกมาชี้แจงผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัว ความว่า…

ตลอดชีวิตทางการเมืองผม​ 30 ​ปี​ ผมไม่เคยที่จะร้องเรียนใคร​ ไม่ว่าจะเป็นคู่แข่ง​ หรือคนที่ไปช่วยฝ่ายตรงข้ามหาเสียง​ และไม่เคยใช้วิธีสกปรก​ ในการทำลายคู่แข่งขัน​ เพราะคิดเสมอว่าถ้าใช้วิธีสกปรกแสดงว่าใจเราก็สกปรก​พร้อมไปทำในเรื่องสกปรก​ ผมจะไม่ทำอย่างเด็ดขาด​ และเชื่อว่าพี่น้องประชาชนมีเหตุผล​ในการตัดสินใจเสมอ

ช่วงนี้มีคนไปโปรยใบปลิว​ คงหวังจะทำลายชื่อเสียงผม​ เรื่องนี้ผมได้อธิบาย​มาแล้ว​ ผมเชื่อว่าคนที่เคยฟังเข้าใจถึงเหตุผล​การรับสภาพหนี้ในการรักษาความรู้สึกของนักกีฬา​ที่ไปสร้างชื่อเสียงให้จังหวัดและปกป้องเจ้าหน้าที่ที่ไม่ให้ถูกฟ้องละเมิดจากการที่​ สตง.บอกว่าต้องมีคนรับผิดชอบ​ และ​ #ยังยืนยันว่าถ้าได้ตัดสินใจใหม่ก็ยังจะตัดสินใจรับสภาพหนี้นี้เหมือนเดิม​ แม้ #ถ้าไม่รับสภาพหนี้ก้อนนี้ผมก็ไม่มีความผิดอะไร และตอนนี้​ก็ได้ชำระไปแล้ว​ 5,100,000 บาท​ ส่วนที่เหลือก็จะชำระตามงวดที่​ สตง.กำหนด​ และหนี้ก่อนนี้ก็ได้แจ้งบัญชีทรัพย์สิน​กับทางปปช.ไว้แล้ว​ และ​#ตั้งใจว่าถ้าได้รับเลือกตั้งอาจจะหาทางชำระทั้งหมดก่อนเพื่อไม่ให้เกิดข้อครหาในการทำงาน

เรื่องนี้ผ่านการถูกตรวจสอบจาก​ #สตง.มาแล้วว่า​ ทุกอย่างดำเนินการตามโครงการที่ขอรับการอุดหนุน​ #ไม่มีการทุจริตแต่อย่างใด

‘ส.ก.เพื่อไทย’ คิกออฟ ‘กองทุนพัฒนาชุมชน 2 แสนบาท’ พร้อมเดินหน้าสร้างอาชีพให้เด็ก-เยาวชนช่วงปิดเทอม

‘ส.ก.เพื่อไทย’ ดันนโยบายหาเสียงทำได้จริง คิกออฟ ‘กองทุนพัฒนาชุมชน 200,000 บาท’ เริ่ม 1 ต.ค.นี้ เดินหน้าสร้างอาชีพเด็ก-เยาวชนช่วงปิดเทอม หวังเชื่อม ‘1 ครอบครัว 1 Soft power’ เพิ่มรายได้ให้คนกรุงฯ 

นายวิรัตน์ มีนชัยนันท์ ส.ก.เขตมีนบุรี พรรคเพื่อไทย และประธานสภากรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ในวันที่ 1 ตุลาคม 2565  นโยบาย ‘กองทุนพัฒนาชุมชน 200,000 บาท’ จะมีผลบังคับใช้ โดยแต่ละเขตที่ได้ลงทะเบียนชุมชนกับกทม. และผ่านเกณฑ์การคัดเลือก รวมประมาณ 2,000 ชุมชน จากทั้งหมด 4,000 ชุมชน สามารถนำงบประมาณ 200,000 บาทไปพัฒนาพื้นที่ผ่านเขตของตนเองได้ โดยในการอนุมัติการใช้งบประมาณจะมีคณะกรรมการที่ได้รับการเลือกตั้งภายในชุมชนมาร่วมตัดสินใจใช้งบประมาณแบบมีส่วนร่วม 

นอกจากนี้ในช่วงปิดภาคเรียนในช่วงเดือนตุลาคมนี้ สภาฯ กทม. ได้หารือร่วมกับผู้บริหาร กทม. และสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว สำนักพัฒนาสังคม เตรียมจัดกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ให้กับเด็กและเยาวชนได้ทำกิจกรรมพิเศษ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้นอกห้องเรียน เพิ่มทักษะ ศักยภาพที่ซ่อนอยู่ และเพิ่มพูนประสบการณ์ให้มากขึ้นเพื่อการต่อยอดสร้างรายได้ให้กับตนเองและครอบครัว เช่น กีฬา นาฏศิลป์ จับร้อง งานฝีมือ การขายสินค้าออนไลน์ โดยจะจัดกิจกรรมที่ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง เป็นที่แรก สามารถรองรับเด็กและเยาวชนได้ถึง 1,000 คน และในอนาคตจะหาพื้นที่ที่เหมาะสมเพิ่มเติม เช่น ศูนย์สร้างสุขทุกวัน โรงเรียนฝึกอาชีพของ กทม. และจะร่วมกันผลักดันให้โรงเรียนในสังกัด กทม. รวม 437 แห่ง ได้รับบทบาทเป็นโรงเรียนฝึกอาชีพ โดยฝึกอาชีพที่จำเป็นสำหรับอนาคตให้แก่เด็กๆ นอกเวลาเรียนปกติ นำร่องเขตละ 1 โรงเรียน และให้เริ่มดำเนินการให้เห็นชัดเจนในช่วงต้นปีงบประมาณที่จะถึงนี้

'คนเพื่อไทย' อบรม 'แรมโบ้' อย่าอวยรัฐประหาร พร้อมยก 10 ข้อ ชี้!! รัฐประหารทำประเทศไร้โอกาส

นายณพลเดช มณีลังกา คณะทำงานศูนย์ข้อมูลสารสนเทศเพื่อการสื่อสารการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวหลังจากที่นายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ออกมาอวยการรัฐประหาร ว่า 16 ปีการรัฐประหารประเทศไทย ทำประเทศขาดและไร้โอกาสดังนี้

1.) ประชาธิปไตยที่วางรากฐานมาจากรัฐธรรมนูญปี 2540 หรือรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน จะเป็นรัฐธรรมนูญของประชาชนจากการร่างและการเลือกของประชาชน เป็นของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน ไม่มีการแจกกล้วยในสภา

2.) ประเทศชาติบ้านเมืองสิ้นความสง่าในสายตานานาชาติ ถ้ามาจากการยึดอำนาจ โดยคณะหนึ่งคณะใดไม่เป็นประชาธิปไตย มีการกล่าวหาและตั้งข้อหาการดำเนินคดีกับผู้ถูกยึดอำนาจในสถานการณ์ไม่ปกติจากการยึดอำนาจที่ไม่ชอบธรรม ไม่สามารถตรวจสอบทรัพย์สินที่งอกเงยของผู้ยึดอำนาจและองคาพยพ

3.) ระบบการศึกษา เทคโนโลยี การเกษตร อุตสาหกรรมของประเทศชาติและอนาคตของชาติหยุดชะงัก เพราะมีผู้นำที่ไร้ประสิทธิภาพและไร้ความสามารถ อับอายไปทั่วโลก ยึดอำนาจขึ้นมาเป็นใหญ่

4.) คนยากจนมากขึ้นทบทวีคูณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้าครองอำนาจรวม 8 ปี พิสูจน์ชัดแล้วว่าไม่สามารถแก้ปัญหาความยากจนได้ ตรงกันข้ามคนจนกลับเพิ่มมากขึ้น และความเหลื่อมล้ำทางสังคมยิ่งถ่างกว้างมากกว่าเดิมอีก ดูจากจำนวนผู้ลงทะเบียนบัตรประชารัฐหรือบัตรคนจน จาก 8 ล้านคนมาถึงปัจจุบัน 12 ล้านคน

5.) รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ทำคนไทยมองไม่เห็นอนาคตตนเอง หาทำเงินเพื่อประคองชีวิต การทุจริตคอร์รัปชันตรวจสอบไม่ได้ ค่าแรงที่หาเสียงเอาไว้ 400-425 บาท ทำไม่ได้ นักศึกษาเรียนจบตกงานมีผู้ว่างงานจำนวน 5.5 แสนคน เพราะไม่มีเส้นสายฝากเข้ารับราชการทางพิเศษ

6.) ถ้าไม่มีการรัฐประหารรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางการบินของสุวรรณภูมิที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ที่จะเป็นศูนย์กลางของอาเซียน ไม่มีภาพทหารมายึดครองอำนาจให้ประเทศขาดความเชื่อมั่นจากทั่วโลกแบบทุกวันนี้

‘คุณากร’ ถามรัฐบาลเหตุใดภูมิใจบัตรคนจนเพิ่ม ทั้งที่คนจนพุ่ง คนตกงานเพียบ หนี้สาธารณะเกิน 10 ล้านล้านอีก100ปี ก็ใช้หนี้ไม่หมด รวยกระจุก จนกระจาย เหลื่อมล้ำติดอันดับต้น ๆ ของโลก

นายคุณากร ปรีชาชนะชัย ส.ส.สุรินทร์ และรองเลขาธิการ พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า จากกรณีที่รัฐบาลออกมายืนยันว่าโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพียงเพื่อแจกเงิน แต่เป็นโครงการที่มุ่งจัดสรรสวัสดิการให้กับประชาชนนั้น  แต่พบว่าในการลงทะเบียนบัตรคนจนรอบใหม่ ตั้งแต่วันที่ 5 - 21 กันยายน 2565 มีประชาชนลงทะเบียนแล้วทั้งสิ้น 16,243,908 ราย เพิ่มขึ้นจากที่เปิดใช้บัตรคนจนครั้งแรกในปี 2559 จนถึงผู้ถือบัตรคนจนเดิมอยู่ที่ 13.3 ล้านคน นั่นหมายความว่า ภายในปีเดียวคนจนเพิ่มขึ้นกว่า 3 ล้านคนแล้ว  แบบนี้หรือที่รัฐบาลบอกว่าเป็นความสำเร็จของโครงการบัตรคนจน ที่ลดความเหลื่อมล้ำได้

ทั้งนี้มองว่า การออกมาให้ข้อมูลของรัฐบาล เป็นการให้ข้อมูลที่ไม่เข้าใจบริบทของสังคม และไม่สามารถมีโครงการดีๆเพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนได้ การแจกเงินอย่างเดียวไม่เกิดประโยชน์ ไม่สามารถลดความเหลื่อมล้ำได้จริง เพราะบทวิเคราะห์ของธนาคารเกียรตินาคินภัทร ระบุว่า ความเหลื่อมล้ำ ของไทยมีแนวโน้มปรับขึ้นสูงเรื่อยๆ เศรษฐกิจไทยโตแบบไม่ทั่วถึง เกิดภาวะ ‘รวยกระจุก จนกระจาย’ สินทรัพย์ของคนทั้งประเทศมากกว่า 77% ไปกระจุกตัวอยู่กับกลุ่มนายทุนเจ้าสัว ทำให้ไทยกลายเป็นประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำด้านความมั่งคั่งมากที่สุดในโลก

'เพื่อไทย' แซะ เงินค้างชาวนา 3 ปี ยังไม่จ่าย เงินกลาโหม 1.3 พันล้าน จ่ายทันที

(23 ก.ย. 65) นายปิยวัฒน์ พันธ์สายเชื้อ ส.ส. ยโสธร พรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงงบลับกลาโหมว่า ล่าสุดเพิ่งอนุมัติงบลับให้กระทรวงกลาโหมอีก 1,300 ล้านบาท แต่เกษตรกรชาวนารอมา 3 ปีกลับไร้วี่แวว จึงมีข้อสงสัยว่ารัฐบาลนี้เป็นของกองทัพ มากกว่ารัฐบาลของประชาชน 

นายปิยวัฒน์ กล่าวอีกว่า จากกรณีพายุโพดุลที่ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมเมื่อปี 2562 ในจังหวัดยโสธร ทำให้น้ำท่วมนาข้าวหลายพันไร่ ปศุสัตว์ล้มตาย ปลาในกระชังเสียหายทั้งหมด จนเกษตรกรหลายสิบครอบครัวต้องสิ้นเนื้อประดาตัว แต่ผ่านไป 3 ปีแล้ว ชาวนายังไม่ได้รับเงินเยียวยาจากเหตุการณ์ครั้งนั้น

ภายหลังเกิดพายุโพดุล ปี 2562 หน่วยงานภาครัฐได้วางแนวทางชดเชยความเสียหายให้เกษตรกร โดยในส่วนปศุสัตว์ได้หาพันธุ์สัตว์มาชดเชย อาชีพประมงได้พันธุ์ปลามาเลี้ยง แต่ชาวนาจำนวน 20,000 ครัวเรือน ที่รอมาตรการเยียวยาจากภาครัฐ วันนี้กลับไม่มีความคืบหน้า ทั้งที่มีมติคณะรัฐมนตรีให้ชดเชยความเสียหายให้เกษตรกร แต่เมื่อสอบถามไปที่กรมการข้าว กลับได้รับคำตอบว่ายังไม่มีความช่วยเหลือและยังไม่มีพันธุ์ข้าวใด ๆ มาแจกเยียวยา ทั้งที่มูลค่าความเสียหายรวมกันแค่ประมาณ 400 ล้านบาทเท่านั้น

'เพื่อไทย' แซะ!! รัฐยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน หลัง 30 ก.ย. 'ล่าช้า-ไม่ทันสมัย-ไม่เป็นสากล'

(24 ก.ย.65) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ เห็นชอบยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วหลังสถานการณ์โควิด-19 ในไทยแผ่วลงตามลำดับและปิดฉากการทำงานของ ศบค.ในวันที่ 30 ก.ย. ว่า ชุดความคิดจะเลิกอะไรต้องเลิกหลังเกษียณ 30 กันยายน และจะเริ่มอะไรก็ต้องเริ่มในวันที่ 1 ตุลาคม ตามปีงบประมาณใหม่ ไม่ทันสมัย ไม่เป็นสากล เป็นมาตรการที่ล่าช้าไม่ทันการณ์ ไม่สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์

"ประชาชนคนไทยเรียกร้องให้มีการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ผ่อนคลาย แต่รัฐบาลไม่ยกเลิก มีความพยายามใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในทางการเมืองเพื่อจํากัดสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน เพื่อปราบม็อบนักศึกษา ม็อบเกษตรกร ม็อบ ชาวบ้านที่เดือดร้อนจากโครงการต่างๆของรัฐ"

‘นพดล ปัทมะ’ ถามกกต.ข้อกำหนด 180 วัน ลักลั่นเป็นธรรมหรือไม่ ระหว่างส.ส.กับรัฐมนตรี ชี้โจทย์ใหญ่การลือกตั้งต้องสุจริต แนะควรแก้ไขกฎหมายให้ปฏิบัติตามได้ สอดคล้องกับสามัญสำนึก-หลักนิติธรรม

วันที่ 25 ก.ย.65 นายนพดล ปัทมะ รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการออกระเบียบของ กกต. ที่กำหนดว่านับแต่ 24 ก.ย. 65 ไปถึงการเลือกตั้ง ผู้สมัครและพรรคต้องรวมนับค่าใช้จ่ายต่างๆเป็นค่าใช้จ่ายเลือกตั้ง และมีข้อห้ามอื่นๆเรื่องแจกของและวิธีการหาเสียง ว่า กกต.ต้องทำตามที่กฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. กำหนด บทบัญญัติเรื่องระยะเวลา 180 วันก่อนครบอายุสภาผู้แทนฯ แต่ก่อนไม่เคยมี และที่แปลกคือถ้าในการเลือกตั้งภายหลังการยุบสภา จะต้องใช้บทบัญญัติอื่นที่ระยะเวลาในการคำนวณค่าใช้จ่ายและห้ามกระทำบางเรื่องจะสั้นกว่ามาก  ตนฟังว่านักการเมืองและพรรคการเมืองแม้อยากทำให้ถูกต้องแต่ก็กังวลว่าอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ ซึ่ง กกต.ก็ได้ชี้แจง แต่ยังมีข้อกังวลต่ออีกว่าถ้านักการเมืองทั่วไปทำไม่ได้ แต่คนมีตำแหน่งทางฝ่ายบริหารเช่น รัฐมนตรีทำได้หรือไม่ อาจรู้สึกว่าลักลั่นกัน มีปัญหาเรื่องความเท่าเทียมเป็นธรรมในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองก่อนเข้าสู่การเลือกตั้งหรือไม่ นอกจากนั้นมีคำถามว่าข้อห้ามทำกิจกรรมที่ค่อนข้างนานกระทบต่อการดูแลช่วยเหลือประชาชนถ้ามีกรณีภัยพิบัติต่างๆหรือไม่

'ส.ส.เพื่อไทย' จี้ รบ.-ส่วนกลาง ช่วยปชช. ด่วน!! โอดกฎเหล็ก กกต. ทำให้ช่วยชาวบ้านได้ยากขึ้น

เมื่อวันที่ (30 กันยายน 2565) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ได้ทำคลิปรวบรวมปัญหาของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากพายุโนรู และสถานการณ์น้ำท่วมในแต่ละพื้นที่เพื่อจี้ให้รัฐบาลดำเนินการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาในจังหวัดอุบลราชธานีโดยด่วน เนื่องจาก ส.ส.ซึ่งเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชน ถูกกฎเหล็กของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ห้ามไม่ให้ลงไปดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนในสถานการณ์ดังกล่าว 

โดยนายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ส.ส.อุลราชาธานี เขต 7 พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้ที่ตำบลท่าเมือง น้ำเข้าท่วมพื้นที่หมดแล้ว และน้ำกำลังเพิ่มระดับมาท่วมถึงพื้นที่ถนนแล้ว โดยนายอำเภอท่าเมืองระบุว่า พี่น้องเกษตรกรได้รับความเดือดร้อนจำนวนกว่า 1,000 ครัวเรือน ต้องขนย้ายวัว และสัตว์ไปไว้ที่สูง พื้นที่การเกษตรถูกน้ำท่วมไป 3,500 กว่าไร่แล้ว ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบเกี่ยวกับอาหารสัตว์ที่ขาดแคลนเนื่องจากพื้นที่นาน้ำท่วม ไม่สามารถหาอาหารสัตว์ได้ จึงขอให้กรมปศุสัตว์เร่งเข้ามาดำเนินการให้ความช่วยเหลือในส่วนนี้ 

ขณะที่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมก็ขอให้รัฐบาลเร่งเข้ามาดำเนินการให้ความช่วยเหลือในเรื่องถุงยังชีพก่อน อยากถามรัฐบาลว่า สถานการณ์น้ำท่วมในวันนี้ ได้มีการเตือนกันก่อนล่วงหน้าว่าน้ำจะท่วม ทุกหน่วยงานต้องออกมาดูแล ช่วยเหลือพี่น้องประชาชน วันนี้พี่น้องประชาชนเดือดร้อน รัฐบาลทำอะไรอยู่ ขณะเดียวกัน ท่านยังให้ กกต. ประกาศว่าห้ามผู้แทนราษฎรลงไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลสามารถดำเนินการแจกของช่วยชาวบ้านได้ แต่ฝ่ายค้านทำอะไรไม่ได้เลย เหมือนกับมัดมือชก ดังนั้น อยากให้รัฐบาลพิจารณากติกาที่ กกต. กำหนด โดยยึดโยงกับความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เพราะอุทกภัยไม่ได้เกิดทุกปี หรือไม่รัฐบาลต้องเร่งออกมาช่วยเหลือพี่น้องประชาชน เพราะพวกท่านห้ามผู้แทนทำอะไรเลย 

ด้าน นายวรสิทธิ์ กัลป์ตินันท์ ส.ส.อุบลราชธานี เขต 1 พรรคเพื่อไทย ได้อัดคลิปพาเยี่ยมพี่น้องประชาชนในศูนย์อพยพซึ่งมีกว่า 142 ครัวเรือน มาจากชุมชนวัดบูรพา ชุมชนสาธารณะ 11 ไร่ ชุมชนบ่อบำบัดน้ำเสีย ชุมนุมวัดโรมัน ชุมชุนพนม 1 พนม 2 และบุ่งกระกาแซว โดยนายวรสิทธิ์ ระบุว่า ตั้งแต่พายุโนรูเข้ามา น้ำขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ขึ้นมาถึง 90 เซ็นติเมตรแล้ว ประชาชนจังหวัดอุบลราชธานีเดือดร้อนมาก แต่รัฐบาลไม่มีความจริงใจในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ปล่อยภาระทุกอย่างให้เป็นของท้องถิ่น วันนี้ท้องถิ่นต้องเป็นผู้ดูแลพี่น้องประชาชนเอง ในขณะที่น้ำท่วมเป็นวงกว้าง อย่างเขตเทศบาลนครอุบลฯ แม้พื้นที่ที่ไม่ได้อยู่ใกล้ริมน้ำก็ท่วม วันนี้เทศบาลนครอุบลฯ ยังมีงบประมาณในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอยู่ แต่ท้องถิ่นใกล้เคียงไม่มีงบประมาณที่จะดูแลให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้เลย อยากขอให้รัฐบาลจริงใจในการแก้ปัญหา ไม่ใช่เอารัฐมนตรี หรือตัวแทนของรัฐบาลเข้ามาดูชั่วคราว แต่ไม่มีมาตรการอะไรช่วยเหลือประชาชนเลย 

วันนี้ท้องถิ่นต้องรับปัญหาทุกอย่าง รัฐบาลต้องเร่งเยียวยาประชาชนทุกครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงคนที่ไม่สามารถออกไปทำงานได้ด้วย วันนี้ผู้แทนฯ ติดข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ตนในฐานะผู้แทนฯ ที่ไม่เคยปล่อยให้พี่น้องประชาชนทุกข์ยาก เราช่วยเหลือพี่น้องประชาชนทุกครั้งที่มีเหตุลักษณะนี้ แต่วันนี้กลับมีกฎหมายไม่ให้ตนช่วยประชาชนเลย ตนจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือประชาชนโดยด่วน โดยการตั้งศูนย์ช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ช่วยคือต้องช่วยจริง ๆ ไม่ใช่แค่ส่งตัวแทนของรัฐบาลลงมาดูเฉย ๆ และหลังจากน้ำท่วมแล้วอยากให้รัฐบาลจัดงบประมาณลงมาเยียวยาประชาชนเป็นการด่วน วันนี้บ้านเรือนประชาชนเสียหาย เครื่องใช้ไฟฟ้า รถ เสียหาย ขณะที่ประชาชนหาเช้ากินค่ำก็ไม่สามารถออกไปทำงานได้อีก นอกจากนี้ ขอให้รัฐบาลจัดทำแผนฟื้นฟูสาธารณูปโภค และการคมนาคมหลังน้ำลดเป็นการด่วนด้วย

ด้าน นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี เขต 10 พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้ไปลงพื้นที่พบชาวบ้านที่มีความเดือดร้อน เราอยากจะช่วยเขาบ้างตามกำลัง แต่ก็ไม่สามารถทำได้ ในขณะที่ชาวบ้านก็ไม่เข้าใจ หาว่าเราไม่ดูแล การไปพบชาวบ้านทุกครั้งเราจึงต้องอธิบายให้ฟัง แต่ชาวบ้านก็รู้สึกว่า เป็น ส.ส.ยังไง ไม่ช่วยเหลือประชาชน นี่คือความลำบากของคนเป็นผู้แทน ยุคกฎเหล็ก 180 วัน ของกฎหมายเลือกตั้ง ที่เมื่อมีเหตุอุทกภัย ภัยพิบัติ ส.ส.พื้นที่ได้แต่มองตากันปริบ ๆ เพราะกฎหมายกำหนดเหมือนมัดมือ ส.ส.ไว้ แต่ฝ่ายบริหารหรือรัฐบาลทำได้ นี่คือความเหลื่อมล้ำ ทั้งนี้ เปิดสภาฯ ตนจะปรึกษาทางพรรคเพื่อไทย และทุกพรรคการเมือง ขอเสนอแก้กฎหมายมาตรานี้ทันที 

นายเอกชัย ทรงอํานาจเจริญ ส.ส.อุบลราชธานี เขต 4 พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ปกติเมื่อเกิดน้ำท่วมในพื้นที่จะช่วยเหลือกัน แต่ปีนี้การช่วยเหลือลำบากมาก เพราะเป็นปีที่จะมีการเลือกตั้ง ทำให้ติดปัญหาเรืองการประสานงานให้ความช่วยเหลือ สิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการคือ นำการช่วยเหลือจากส่วนกลางลงมาโดยเร็ว เพราะพื้นที่เกษตรที่ได้รับผลกระทบจะส่งผลถึงปัญหารายได้ของประชาชนด้วย และหากน้ำท่วมอยู่นานประชาชนจะประสบปัญหาเรื่องอาหารการกินในศูนย์ผู้ประสบภัย รัฐบาลต้องเร่งเข้ามาช่วยเหลือประชาชนในส่วนนี้ เพราะผู้แทนราษฎรติดปัญหาจากข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ไม่สามารถให้ความช่วยเหลือประชาชนในข้อนี้ได้

'ธีรรัตน์' พ้อ!! ต่อไปเผด็จการคงฉีกรัฐธรรมนูญไปเรื่อยๆ ไม่ให้มีการสืบต่ออำนาจในตำแหน่งนายกฯ เป็นสำคัญ

ภายหลังมติคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ 'บิ๊กตู่' ได้ไปต่อ ก็เป็นธรรมเนียมที่ขั้วการเมืองฝ่ายตรงข้ามรัฐจะพาเหรดกันออกมาให้ทรรศนะที่แตกต่างกันไป

(1 ต.ค. 65) ด้านนางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรคเพื่อไทย ก็เป็นหนึ่งในนั้น โดยได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า...

การที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเช่นนี้ ต่อไปเผด็จการคงฉีกรัฐธรรมนูญไปเรื่อยๆ และนับหนึ่งใหม่ 

หลักการ คือ ไม่ให้มีการสืบต่ออำนาจในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นสำคัญ!!!

เคสที่ทุกคนจับตามอง คำวินิจฉัยยังออกมาแบบนี้…

ค้านหลักกฎหมาย ค้านความรู้สึกประชาชน ค้านสภาพความเป็นจริง


ที่มา: https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid02oy3tsp1YEYngxEXdt3N5S5i9hoUvjfsjyP5jeBZjGtacmnJpory2fuAuKvap8WRZl&id=100002347821176

‘นพดล ปัทมะ’ เผยหลังเลือกตั้งครั้งหน้า เพื่อไทยพร้อมเสนอแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 272 ชี้ ถึงเวลาคืนอำนาจให้ประชาชน ลั่นโหวตเลือกนายกฯต้องเป็นส.ส.ที่มีจากการเลือกตั้งเท่านั้น

นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ และรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เป็นที่ชัดเจนว่านายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันสามารถเป็นนายกฯต่อไปได้จนถึงปี 2568 โดยส่วนตัวมองข้ามไปสู่การเลือกตั้งในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า อย่างช้าไม่เกินพฤษภาคม 2566 อำนาจก็จะกลับมาอยู่ในมือของประชาชนผ่านการกาบัตรเลือกตั้ง

ประเด็นคือประเทศไทยควรกำหนดกติการการเข้าสู่อำนาจของนายกรัฐมนตรี ในการเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างไร ตนก้าวข้ามตัวบุคคล และก้าวเข้าสู่การมีระบบ มีกติกาที่เป็นประชาธิปไตย เป็นธรรมกับทุกพรรคการเมือง และกับทุกแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และสำคัญที่สุดคือการเคารพประชาชน 66 ล้านคนว่าเสียงของประชาชนมีความหมาย และมีส่วนกำหนดผู้จะไปเป็นฝ่ายบริหาร ตนเห็นว่าบทบัญญัติใดในรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นธรรม ไม่เป็นประชาธิปไตยควรได้รับการแก้ไข โดยควรแก้ไขมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญให้เฉพาะส.ส. ที่มาจากการเลือกตั้งเท่านั้นมีอำนาจโหวตนายกรัฐมนตรี


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top