Tuesday, 20 May 2025
พรรคพลังประชารัฐ

เปิดความหมาย โลโก้ใหม่ ‘พปชร.’ 3 แถบสี แสดงจุดยืน อนุรักษนิยมทันสมัย ‘แดง-น้ำเงิน-เขียว’ สื่อความสามัคคี พัฒนาชาติเจริญก้าวหน้า ไร้ความขัดแย้ง

(27 เม.ย. 68) ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค และนายอัคร ทองใจสด สส.เพชรบูรณ และรองโฆษกพรรค ร่วมแถลงข่าวหลังการประชุมใหญ่สามัญของพรรคว่า ในวันนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้มาทำหน้าที่เป็นประธานที่ประชุมโดยได้แก้ไขข้อบังคับพรรค 3 ข้อคือ

1.ให้ยกเลิกข้อ 4 ของข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ ก็คือเป็นเรื่องเกี่ยวกับเครื่องหมายพรรคการเมือง โดยให้แก้ไขโลโก้เดิมเป็นของใหม่ โดยมีคำว่า "พรรค" อยู่บนกึ่งกลางด้านในของเครื่องหมายพรรคการเมือง เหนือตัวอักษรคำว่า "พลังประชารัฐ" โดยมี คำว่า "พลัง" เป็นสีเขียว คำว่า "ประชา" เป็นสีน้ำเงิน คำว่า "รัฐ" เป็นสีแดง อยู่ภายในวงล้อพลวัต ที่มี 3 แถบสี เป็นสีแดง สีน้ำเงิน สีเขียว บนพื้นสีขาว โดยสีแดง หมายถึงความสามัคคีร่วมมือร่วมใจของประชาชน เพื่อพัฒนาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้ายั่งยืน ปราศจากความขัดแย้งในชาติ โดยจะสร้างพลังแห่งความเชื่อมั่น และความสุขของประชาชน ความเจริญรุ่งเรืองของประเทศ สีขาว หมายถึง ความดีงามอภิบาล และการจัดการบ้านเมืองที่ดี และสีน้ำเงิน หมายถึง จุดยืนและการเมืองเชิงอนุรักษนิยมที่เป็นศูนย์รวมแห่งความสามัคคีของคนในชาติปราศจากความขัดแย้ง ส่วนสีเขียว หมายความถึง ความทันสมัย และอนุรักษ์ทรัพยากร และปกป้องผลประโยชน์ชาติและของประชาชนเป็นสำคัญ 

2.เรื่องอุดมการณ์ของพรรค โดยแก้ไขประกาศจุดยืนทางการเมืองในการเป็นพรรคอนุรักษนิยมทันสมัยที่มีเจตจำนงแน่วแน่ และปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อนุรักษ์และสืบสานวัฒนธรรม ประเพณีจารีต และค่านิยมของชาติ เปลี่ยนแปลงแนวทางขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสังคมและสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีและการบริหารจัดการภาครัฐที่ทันสมัยมีความยืดหยุ่นกับบริบทการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า ประชาชนมีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี โดยยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนส่วนรวมเป็นสำคัญ 

3.แก้ไขเรื่องที่เป็นกรรมการสิ้นสุดลงเฉพาะตัว หากขาดการประชุมพรรค 3 ครั้งติดต่อกัน โดยไม่แจ้งหัวหน้าพรรคทราบ และคณะกรรมการพรรคการเมืองมีมติให้พ้นจาก 

จากนั้น ได้มีการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคเพิ่มเติมในตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค 2 คน ได้แก่ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล และนายสุรเดช ยะสวัสดิ์ พร้อมกันนี้ พล.อ.ประวิตร ได้มอบหมายให้นายสุรเดช เป็นผู้ดูแลภาคเหนือตอนบน และได้มอบหมายให้นายธีระชัย เป็นรองหัวหน้าพรรคฝ่ายเศรษฐกิจ ซึ่งถือเป็นคนแรกในตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคที่รับผิดชอบเรื่องนี้ เพื่อจะขับเคลื่อนภารกิจของพรรคพลังประชารัฐต่อไป

'โฆษก พปชร.' ทวงแรงถาม รัฐบาลกลัวอะไร กับ 'กัมพูชา' ร้องเพลงชาติบนปราสาทตาเมืองธม พร้อมแจงมติพรรค พร้อมเดินหน้าตรวจสอบด้านเศรษฐกิจรัฐ ชูนโยบาย พปชร. แก้ปัญหาปากท้องลงมือทำจริง ซัด รบ. แก้ปัญหา ศก.ประเทศติดอันดับรั้งท้ายภูมิภาค

เมื่อวันที่ (13 พ.ค.68) เวลา 14.00 น.ที่พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ในการประชุมกรรมการบริหารพรรค โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค เป็นประธาน ได้พิจารณา ออกคำสั่ง แต่งตั้งทีมเศรษฐกิจพรรคพลังประชารัฐ โดยให้นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐฝ่ายเศรษฐกิจ เป็นหัวหน้าทีม หม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ เกษมศรี  เป็นรองหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พร้อมด้วย นายอัคร ทองใจสด นางสาวพิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ นางสาวบุณณดา สุปิยะพันธุ์ และนายมนูญ พรหมลักษณ์ ร่วมคณะทีมเศรษฐกิจ ซึ่งนับ เป็นทีมเศรษฐกิจคนรุ่นใหม่ และเป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญด้านการเงินการธนาคาร เศรษฐกิจระดับมหภาคและจุลภาค รวมถึงการแก้หนี้ครัวเรือน อย่างเชี่ยวชาญและชัดเจน

ทั้งนี้ ทีมเศรษฐกิจทำหน้าที่ติดตามสถานการณ์การบริหารราชการ ด้านเศรษฐกิจ ของรัฐบาล ในการดูแล ความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ที่จะนำไปสู่การเสนอแนะ ที่เป็นประโยชน์ แก่สังคม รวมถึงการนำเสนอนโยบายสำคัญ ในการแก้ปัญหาต่างๆ ของประเทศ เพื่อแสดงศักยภาพ และความพร้อมของพรรค โดยการขับเคลื่อนของ ทีมเศรษฐกิจ ที่พร้อม ลงมือทำงานได้ทันที อาศัยอำนาจตามข้อบังคับพรรดพลังประชารัฐ พ.ศ.2561 ดังนี้

โดย 1.การติดตามวิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจทั้งในรัฐสภาและภายนอกและทั้งในประเทศและในต่างประเทศ เพื่อวางแนวทางที่จะแถลงแนวทางในแต่ละเรื่องให้แก่ประชาชนได้รับทราบ โดยบางเรื่องที่เกิดขึ้นในสมัยประชุมรัฐสภาก็จะพิจารณาทำการแถลงข่าวจุดยืนร่วมกับ สส. ของพรรค 2. ประสานให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องช่วยรวบรวมข่าวและคำวิจารณ์ในสื่อต่างๆ ในแต่ละวัน เพื่อทีมเศรษฐกิจ จะได้พิจารณาแถลงข่าวเพื่อตอบโต้หรือเสนอแนะได้ทันท่วงที 3. ปฏิบัติงานอื่นตามที่ได้รับมอบหมายจากหัวหน้าพรรค

ทั้งนี้ที่ประชุมยังได้มีการหารือถึงปัญหาเศรษฐกิจของพี่น้องประชาชนที่มีรายได้น้อย ที่ขณะนี้ได้รับความเดือดร้อนค่อนข้างมาก ซึ่งรัฐบาลขับเคลื่อนในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจไปอย่างเชื่องช้าและไม่ถูกทิศทาง ก่อให้เกิดผลเสียต่อภาพรวมของเศรษฐกิจ เห็นได้ชัดเจนจากสภาผู้ว่าการธนาคารโลก (World Bank) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดระดับทางเศรษฐกิจของประเทศไทย และเป็นที่น่าตกใจก็คือ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ลำดับทางเศรษฐกิจของประเทศไทยต่ำกว่าประเทศกัมพูชาและลาว โดยเราอยู่ในลำดับเกือบรั้งท้ายในแถบประเทศอาเซียน

“วันนี้พี่น้องประชาชนกำลังจะอดตาย แต่นายกรัฐมนตรียังปล่อยให้เพิ่มภาษีน้ำมัน สิ่งที่เป็นปัจจัยพื้นฐานในการแข่งขันทางด้านธุรกิจและการขนส่ง ในขณะที่ราคาน้ำมันลดลง แต่รัฐบาลกลับตัดแขนตัดขาประชาชนด้วยการเพิ่มภาษีน้ำมัน ทำให้ราคาแพงกว่าที่ประเทศเวียดนาม แล้วเราจะแข่งขันกับเขาได้อย่างไร“ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าว

“นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้พิจารณาถึงความคืบหน้าของกรณีที่นายทหารชั้นนายพล ได้นำชาวกัมพูชาจำนวนหนึ่ง ขึ้นมาร้องเพลงชาติกัมพูชา บริเวณปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ม และมีการบันทึกภาพและเสียง ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่ล่วงละเมิดอธิปไตยของไทยในดินแดนของไทย แต่รัฐบาลไม่ดำเนินการประท้วงผ่านกระทรวงการต่างประเทศ หรือดำเนินคดี หรือดำเนินการใดๆ แต่อย่างใด เป็นลายลักษณ์อักษร หรือให้เป็นพยานหลักฐานในการต่อสู้คดีที่อาจเกิดขึ้นในภายภาคหน้าหากทางประเทศกัมพูชาจะเรียกร้องพื้นที่นี้เป็นอาณาเขตของประเทศตนเอง พร้อมทั้งกล่าวว่า ไม่รู้ว่ากลัวอะไรทางกัมพูชา อีกทั้ง รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมยังมีคำสั่งให้ทหารไทยถอยออกจากพื้นที่ที่เป็นอธิปไตยของประเทศ ซึ่งในเรื่องนี้  ทางพรรคพลังประชารัฐ ได้เคยเรียกร้องให้ทางรัฐบาลดำเนินการประท้วง หรือท้วงติงเป็นลายลักษณ์อักษรไปยังรัฐบาลกัมพูชา ในการแถลงข่าว เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2568 จนถึงวันนี้ เป็นเวลาหลายเดือนแล้วยังไม่ได้รับคำตอบจากรัฐบาลแต่อย่างใด“

“ถ้าทหารและครอบครัวกลุ่มนั้นมาร้องเพลงชาติในห้องนอนของนายกฯ หรือในห้องนอนของท่าน รองนายกฯ ท่านจะยังนิ่งเฉย และสั่งให้คนในบ้านของท่านออกจากห้องนอน หรือออกจากบ้าน ไปอยู่ที่สนามหญ้าหน้าบ้านหรือไม่ ผมอยากรู้ว่า ท่านจะทำอย่างเดียวกับที่ท่านทำกับประเทศไทยหรือแผ่นดินไทยอันเป็นที่รักของเราหรือไม่ พรรคพลังประชารัฐต้องขอบคุณพี่น้องทหารหาญทุกท่านและพี่น้องประชาชนคนไทยที่รักชาติและแผ่นดิน วันนี้ประเทศไทยเป็นสุขได้เพราะบรรพบุรุษของไทยทุกคนช่วยกันรักและพิทักษ์ไว้ซึ่งแผ่นดินไทย เราจะไม่ยอมให้ประเทศเพื่อนบ้านเอาแผ่นดินของประเทศไทยไปแม้แต่นิ้วเดียว รัฐบาลไทยกลัวอะไรถึงขนาดนี้ กลัวว่า จะมีการเพิกถอนสัญชาติของญาติท่านบางคน หรือจะเอาญาติของท่านที่ไปแต่งงานกับคนใกล้ชิดท่านนายกฮุนเซน  เอามาคืนหรือ พรรคพลังประชารัฐจะไม่ยอมให้ ผู้หนึ่งผู้ใดนำผืนแผ่นดินไทยไปแลกผลประโยชน์ ส่วนตนและเครือญาติโดยเด็ดขาด” พล.ต.ท.ปิยะ กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top