‘กล้าธรรม’ ปักธงภาคใต้คว้าชัยสนามเมืองคอน สะท้อนภาพ ‘ประชาธิปัตย์’ คะแนนนิยมถดถอย
(28 เม.ย. 68) ‘บิ๊กโอ’ คว้าชัยสนามเมืองคอน สะท้อนอนาคตก้าวกระโดดของพรรคกล้าธรรม ความถดถอยของประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทย
ผลการนับคะแนนเลือกตั้งซ่อมเขต 8 นครศรีฯอย่างไม่เป็นทางการ แทนตำแหน่งว่าง หลังจาก “มุกดาวรรณ เลื่องสีนิล” จากพรรคภูมิใจไทย โดนใบแดง
ผลการนับคะแนนครบทั้ง 233 หน่วยเลือกตั้งแล้ว ปรากฏว่า
เบอร์ 1 28,422 (ไสว)
เบอร์ 2 4,189 (ชินวรณ์)
เบอร์ 3 6,759 (ณัฐกิตติ์)
เบอร์ 4 286 (พรรคพร้อม)
เบอร์ 5 39,039 (ก้องเกียรติ)
เบอร์ 6 192 (ทางเลือกใหม่)
ผลการนับคะแนนเบื้องต้น “บิ๊กโอ-ก้องเกียรติ เกตุสมบัติ” จากพรรคกล้าธรรมชนะขาดลอย กินขาดพรรคภูมิใจไทย ที่มีพิพัฒน์ รัชกิจประการ เป็นหัวเรือใหญ่ หลังจากก่อนหน้านี้ ในการเลือกตั้งปี 2566 ยึด 2 เขตเลือกตั้งของนครศรีฯมาได้ คือเขต 7 ษฐา ขาวขำ เอาชนะชินวรณ์ บุณยะเกียรติ จากประชาธิปัตย์ เขต 8 มุกดาวรรณ เลื่องสีนิล เอาชนะ ทั้งประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ และประชาชน ส่ง “มุกดาวรรณ” เข้าไปนั่งในสภา แต่มุกดาวรรณถูกร้องเรียนเรื่องซื้อเสียง และโดนใบแดง
พรรคภูมิใจไทย กล้าหาญเกินเหตุส่ง “ไสว เลื่องสีนิล” สามีมุกดาวรรณ ที่โดนใบแดงลงสมัครอีกครั้ง กฎหมายไม่ได้ครอบคลุมว่า ภรรยาโดนใบแดง หรือสามีโดนใบแดง ถ้ายังไม่จ่ายค่าเสียหาย ห้ามลงเลือกตั้ง
น้ำ วาริน ชิณวงศ์ นายกฯอบจ.นครศรีฯมองว่า ใบแดงเป็น “เหตุสุดวิสัย”
ภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาที่มาช่วยปราศรัยว่า ใบแดงของมุกดาวรรณ เป็นอุบัติเหตุทางการเมือง
แต่ประเด็นข้อเท็จจริง คือ มุกดาวรรณ ถูกร้องเรียนเรื่องซื้อเสียงเลือกตั้ง มีพยานหลักฐานจนศาลเชื่อ และพิพากษาให้ใบแดง จนนำมาสู่การเลือกตั้งใหม่
ผลการเลือกตั้งชัดเจนว่า คนนครฯเขต 8 ไม่เอาครอบครัวคนที่เคยมีประวัติซื้อเสียง ส่วนผลการเลือกตั้งจะนำมาสู่การร้องเรียน-ซื้อเสียงอีกหรือไม่ จะมีใบแดงรอบสองไหม ต้องติดตามกันต่อไป
แต่ชัยชนะของ บิ๊กโอ-ก้องเกียรติ เกตุสมบัติ ในการเลือกตั้งซ่อมเขต 8 นครศรีธรรมราช มีความหมายยิ่งสำหรับพรรคกล้าธรรม
พรรคกล้าธรรมที่มี สส.อยู่แล้ว 24 คน แต่พรรคกล้าธรรมไม่เคยผ่านสนามเลือกตั้งมาก่อน เป็นพรรคการเมืองที่เกิดใหม่ สส. 24 คน ส่วนใหญ่มาจากการถูกขับออกจากพรรคพลังประชารัฐ และมาสังกัดพรรคกล้าธรรม พร้อม รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่มานั่งเป็นประธานที่ปรึกษาพรรค
ชัยชนะของ บิ๊กโอ จึงเป็นชัยชนะแรกของพรรคกล้าธรรมในสนามเลือกตั้ง นับต่อแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป คือการนับ 1 ของการ เขย่ง-ก้าว-กระโดด ของพรรคกล้าธรรม ในการเดินหน้าขับเคลื่อนพรรคืเพื่อเดินไปสู่สนามเลือกตั้งปี 70 ธรรมนัสจะต้องเดินเต็มกำลังเพื่อเข้ามายึดครองพื้นที่ภาคใต้ ในสถานการณ์ที่พรรคการเมืองเจ้าสนามเดิมกำลังอ่อนแอแอ ไม่ว่าจะเป็นประชาธิปัตย์ หรือภูมิใจไทย และหรือพรรคประชาชาติ
พรรคประชาธิปัตย์อ่อนแออันเกิดจากสนิทเห็น ภายในพรรคเองที่สถานการณ์ตกอยู่ในสภาพที่ยากต่อการฟื้นฟู ไม่แตกต่างจากตึกสำนักงาน สตง.ถล่ม หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว เรื่องราวถูกขุดถูกรื้อขึ้นมาแฉเรื่องแล้วเรื่องเล่า สถานการณ์ของประชาธิปัตย์ก็ไม่แตกต่างกัน แกนนำพรรคขาดความน่าเชื่อถือ ถูกกระแนะกระแหนครั้งแล้วครั้งเล่า ยิ่งตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลที่มีทักษิณชักใยอยู่เบื้องหลังยิ่งไปกันใหญ่ 3-4 ผู้อาวุโสก็ยังเดินไปคนละทิศคนละทางกับมติพรรค
ส่วนพรรคภูมิใจไทยที่ค่อยๆเข้ามาแทรกซึมยึดพื้นที่ภาคใต้ และขยายฐานออกไปเรื่อย ๆ ดูเหมือนจะดีกับวลี “พูดแล้วทำ” แต่ก็มีคำถามว่า ทำอะไรบ้าง แถมยังมีปัญหาเรื่องที่ดินสนามกอล์ฟของ “อนุทิน ชาญวีระกูล” หัวหน้าพรรคที่รอการพิสูจน์ เรื่องที่ดินเขากระโดง ก็เป็นกลัดหนองอยู่ แถมยังมีปัญหาข้อขัดแย้งกับพรรคแกนนำรัฐ ทั้งเรื่องแก่รัฐธรรมนูญ เรื่องกาสิโน ที่ยังไม่รู้อนาคตว่าจะถูกปรับออกหรือ หรือจะถูกยึดกระทรวงสำคัญๆหรือไม่
พรรคประชาชาติ เมื่อ “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” ต้องล้างมือในอ่างทองคำ พรรคประชาชาติก็เดินไปยาก ต้องยอมรับความจริงว่า พรรคประชาชาติเกิดจาก “วันนอร์” คนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังให้ความเคารพนับถือ “วันนอร์” อยู่มาก เมื่อวันนอร์ถอยออกไป ถามว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง จะหอบหิ้วพรรคต่อไปได้แค่ไหน จึงน่าจะเปิดช่องให้พรรคกล้าธรรมเข้าโจมตีได้ง่ายขึ้น
กล่าวสำหรับภาคใต้เป้าหมายของพรรคกล้าธรรมจะจู่โจมเข้าโจมตีตั้งแต่ชุมพร ไล่ไปจนถึงสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ส่วนภาคอิสานต้องยอมรับความจริงว่า เป็นถิ่นของเพื่อไทย และภูมิใจไทย พรรคกล้าธรรมจึงมีเป้าหมายตีพื้นที่ภูมิใจไทยในภาคอิสาน ประเดิมด้วยการดึงตระกูล “ช่างเหลา” แห่งเมืองขอนแก่นเข้ามาอยู่ชานคาเดียวกันเป็นการประเดิม หลังภูมิใจไทยมีมติขับ “เอกราช ช่างเหลา” ออกจากพรรค
ภาคเหนือก็เป็นฐานของเพื่อไทย ก็ให้เขาสู้กันกับพรรคประชาชน แต่พรรคกล้าธรรมจะเลือกสู้ในบางสนามที่มีความหวัง เช่นเดียวกับภาคกลางก็จะเลือกแข่งในสนามที่สู้ได้
ส่วนกรุงเทพคงไม่ใช่เป้าหมายของพรรคกล้าธรรม คงปล่อยให้พรรคเพื่อไทยราวีกับพรรคประชาชน
แต่แน่นอนว่า ชัยชนะของบิ๊กโอ ได้สร้างความฮึกเหิมให้กับพรรคกล้าธรรมมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าชัยชนะนั้นจะได้มาด้วยวิธีการใดก็ตาม
ความพ่ายแพ้ของพรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาธิปัตย์ สะท้อนอนาคตชัดเจนว่าจะเดินไปสู่จุดไหน ให้พิจารณาคะแนนไม่เลือกใครด้วย
