Monday, 17 June 2024
ผิดกฎหมาย

สตม.จับกุมผู้ประสานงานขบวนการขนชาวบังกลาเทศ/เมียนมา ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย (เครือข่ายชาลิสา)

ตม.จว.ชุมพร, ร่วมกับ กก.ปอพ.บก.สส.สตม., สภ.บ้านมาบอำมฤต จว.ชุมพร จับกุม นายยุธพงษ์ฯ (นามสมมติ) อายุ 47 ปี สัญชาติไทย ตามหมายจับศาลจังหวัดชุมพร ที่ จ.86/2567 ลงวันที่ 4 มีนาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ช่วยเหลือ ซ่อนเร้น หรือช่วยเหลือด้วยประการใด ๆ แก่บุคคลต่างด้าวที่ตนรู้ว่าหลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตเพื่อให้พ้นการจับกุม นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านมาบอำมฤต จว.ชุมพร ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม บริเวณหน้าบ้านพักแห่งหนึ่งใน ต.บางใหญ่ อ.บางใหญ่ จว.นนทบุรี

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2567 ตม.จว.ชุมพร ร่วมกับเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจยานพาหนะ บ้านพละ อ.ปะทิว จว.ชุมพร จับกุมนายกรวิทย์ (นามสมมติ) ขณะขับรถยนต์ส่วนบุคคล (รถเก๋ง) บรรทุกคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง สัญชาติบังกลาเทศ 4 ราย จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่าชาวบังกลาเทศทั้งหมดได้ลักลอบเข้ามาทางชายแดนไทย-กัมพูชา พบพยานหลักฐานเป็นการติดต่อสั่งการว่าจ้างขนคนผ่านทางไลน์กับ น.ส.ชาลิสา หรือเจ๊นก (นามสมมติ) และพบหลักฐานการโอนเงินเป็นค่าน้ำมัน และค่าจ้างขนคนต่างด้าวฯ โดยก่อนเกิดเหตุกลุ่มของผู้ต้องหารับคนต่างด้าวฯ จากพื้นที่ อ.บางปะกง จว.ฉะเชิงเทรา เพื่อไปส่งที่ อ.บางกล่ำ จว.สงขลา ตกลงค่าจ้างคนละ 2,500 บาท ซึ่ง น.ส.ชาลิสา หรือเจ๊นก จะโอนค่าจ้างบางส่วนซึ่งเป็นค่าน้ำมันมาให้ก่อนออกเดินทาง และจะได้ค่าจ้างทั้งหมดเมื่อถึงปลายทาง จากการขยายผลพบว่าในวันเกิดเหตุกลุ่มผู้ต้องหาขนชาวบังกลาเทศมาทั้งสิ้น ๑๒ คน โดยใช้ขบวนรถเก๋ง ๓ คัน คันละ ๔ คน มีการเคลื่อนที่จาก จว.ฉะเชิงเทรา มายังถนนพระราม ๒ และเข้าถนเพชรเกษม โดยมีนายปรีชา (นามสมมติ) ขับรถนำทาง และนายยุธพงษ์ฯ ขับรถขนคนต่างด้าวฯ อีกคัน ซึ่งทั้งหมดมีการติดต่อกันผ่านแอปพลิเคชัน Zello ในระหว่างขนคนต่างด้าวฯ เพื่อหลบเลี่ยงด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ในเส้นทาง ชุดสืบสวน ตม.จว.ชุมพร จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานส่งพนักงานสอบสวนเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับ และต่อมาศาลจังหวัดชุมพรได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ที่ร่วมกระทำความผิดในฐานความผิดช่วยเหลือซ่อนเร้น หรือช่วยเหลือด้วยประการใดๆ แก่บุคคลต่างด้าวที่ตนรู้ว่าหลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตเพื่อให้พ้นการจับกุม ดังนี้ (1) น.ส.ชาลิสา หรือเจ๊นก ผู้ว่าจ้าง (2) นายปรีชาฯ ทำหน้าที่ขับรถนำ (3) นายยุธพงษ์ หรือต๋อย ทำหน้าที่ขับรถขน คนต่างด้าว และ กก.ปอพ.บก.สส.สตม. ได้จับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ได้ในเวลาต่อมา

จากข้อมูลของ บก.สส.สตม. ยังพบว่า นายกรวิทย์ฯ (นามสมติ)/ผู้ต้องหา เป็นหัวหน้าทีมขนคนในพื้นที่ ภาคกลางโดยจะติดต่อรับงานมาจาก น.ส.ชาลิสา หรือเจ๊นก และนายสมชายฯ (นามสมมติ) ซึ่งทั้งสองจะทำหน้าที่ประสานงานและจัดหารถเพื่อจัดส่งคนไปยังพื้นที่ภาคใต้ โดยพบว่า น.ส.ชาลิสา หรือเจ๊นก ยังมีความเกี่ยวข้องกับคดีลักลอบขนคนต่างด้าวฯ เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 สภ.รัตภูมิ จว.สงขลา ซึ่งจับกุมนายสำฤทธิ์ (นามสมมติ) และ นายยุธพงษ์ฯ พร้อมชาวบังกลาเทศหลบหนีเข้าเมือง 10 ราย ซึ่งนายยุธพงษ์ฯ ได้รับการติดต่อว่าจ้างมาจากนายกรวิทย์ฯ และ น.ส.ชาลิสา หรือเจ๊นก ให้ขนชาวบังกลาเทศจาก จว.ฉะเชิงเทรา ไปยัง จว.สงขลา โดยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.สงขลา ได้รวบรวมพยานหลักฐานและจัดทำรายงานการสืบสวนส่งพนักงานสอบสวนเพื่อยื่นต่อศาลออกหมายจับ จำนวน 3 ราย ได้แก่ นายบุญเชิด (นามสมมติ) ทำหน้าที่รถนำ, นายกรวิทย์ฯ ผู้ว่าจ้าง และ น.ส.ชาลิสา หรือเจ๊นก ผู้ว่าจ้าง ซึ่งทั้ง 3 รายอยู่ระหว่างรอออกหมายจับ นอกจากนี้ น.ส.ชาลิสา หรือเจ๊นก และนายกรวิทย์ฯ ยังมีความเชื่อมโยงในคดีช่วยเหลือ ซ่อนเร้นฯ อีก 3 คดี ดังนี้

1. คดีเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2567 สภ.พะวอ จว.ตาก จับกุม นายสุริยงค์ฯ และ น.ส.ฐิติกานต์กมล (นามสมมติ) ขณะลักลอบขนชาวเมียนมาหลบหนีเข้าเมือง 2 ราย จากการสืบสวนขยายผล พบว่าผู้ต้องหามีความเชื่อมโยงกับทีมรถขนคนของนายกรวิทย์ฯ
2. คดีเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2567 สภ.หนองปลิง จว.นครสวรรค์ จับกุมนายนิรันดร์ฯ (นามสมมติ) พร้อมชาวเมียนมาหลบหนีเข้าเมือง จำนวน 25 ราย โดยจากการสืบสวนขยายผลของ ตม.จว.นครสวรรค์ ร่วมกับ บก.สส.ภ.6สามารถออกหมายจับ 1.นายกรวิทย์ฯ (นามสมมติ) 2.นายสุริยงค์ (นามสมมติ) 3.นายอนุภัทรฯ (นามสมมติ) 4.นายวิโรจน์ฯ (นามสมมติ) ซึ่งนายกรวิทย์ฯ /ผู้ต้องหาตามหมายจับ มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายลักลอบขนชาวบังกลาเทศของ น.ส.ชาลิสา หรือเจ๊นก ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ถูกจับกุมได้ทั้งหมด
3. คดีเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 สภ.เมืองชุมพร จับกุมนายณัฐวัฒน์ฯ (นามสมมติ) ผู้ต้องหาตามหมายจับความผิดฐาน ช่วยเหลือซ่อนเร้นฯ จำนวน 2 คดีในพื้นที่ สภ.เสวียด จว.สุราษฎร์ธานี และ สภ.วัฒนานคร จว.สระแก้ว พร้อมคนต่างด้าวชาวไต้หวันหลบหนีเข้าเมือง เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.ชุมพร ได้รวบรวมพยานหลักฐานส่งพนักงานสอบสวนเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับ นายสมชายฯ (นามสมมติ) ต่อมา กก.สส.บก.ตม.3 ได้จับกุมนายสมชายฯ ในพื้นที่ สภ.บางศรีเมือง จว.นนทบุรี ซึ่งจากการสืบสวนพบว่านายสมชายฯ ทำหน้าที่ติดต่อประสานงานเรื่องรับส่งคนต่างด้าวกับ น.ส.ชาลิสา หรือเจ๊นก และนายกรวิทย์ฯ ร่วมกันมาแล้วหลายครั้ง

เมื่อวิเคราะห์แผนประทุษกรรมในเครือข่าย น.ส.ชาลิสา หรือเจ๊นก นั้น น.ส.ชาลิสา หรือเจ๊นก จะทำหน้าที่   เป็นนายหน้าประสานงานและจัดหารถขนคนเช่นเดียวกับนายสมชายฯ โดยมีนายกรวิทย์ฯ ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมรถขนคนต่างด้าว คอยจัดหาขบวนรถประกอบไปด้วย รถนำทางและรถขนคน โดยจะมีการจัดหารถขนคนทั้งจากพื้นที่ภาคกลาง ไปยังพื้นที่ภาคใต้ เมื่อคนต่างด้าวถึงพื้นที่ จว.สงขลา จะมีนายหน้าจังหวัดชายแดนใต้ จัดหารถขนคนมารับที่จุดพักคอย ซึ่งจะเป็นโรงแรมขนาดเล็กหรือพื้นที่รกร้างที่อยู่ริมถนนหลวง เพื่อนำไปยัง จว.นราธิวาส และลักลอบเดินทางไปยังประเทศมาเลเซีย ซึ่ง น.ส.ชาลิสา หรือเจ๊นก จะได้รับค่าจ้างขนคนต่างด้าวมาจากนายหน้าตามแนวชายแดน ฝั่งประเทศกัมพูชา ซึ่งใช้บัญชีร้านแลกเงินที่อยู่ตามแนวชายแดน เป็นจำนวน 4,000 บาท/คน ก่อนจะหักไว้ 500 บาท/คน และติดต่อว่าจ้างนายกรวิทย์ฯ ในราคา 3,500 บาท/คน ก่อนที่นายกรวิทย์ฯ จะจัดหารถขนคน และหักส่วนต่างไว้ 500 บาท/คน โดยในเส้นทาง ฉะเชิงเทรา-สงขลา รถขนคนจะได้รับค่าจ้าง 2,500 - 3,000 บาท/คน เมื่องานสำเร็จขบวนรถขนคนจะได้รับค่าจ้างเป็นเงินโอนจากบัญชีของนายกรวิทย์ฯ ซึ่งนายกรวิทย์ฯ จะได้รับค่าจ้างมาจากบัญชีของ น.ส.ชาลิสา หรือเจ๊นก

สรุปผลการปฏิบัติการจับกุมมีความเชื่อมโยง 5 คดี จับกุมผู้ต้องหาทั้งหมด 12 ราย เป็นการขยายผลออกหมายจับ 8 หมายจับ ผู้ต้องหา 8 ราย / จับกุมคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง 42 ราย / ตรวจยึดยานพาหนะ 6 รายการ (กระบะ 1 ตู้ทึบ 1 รั้วคอก 1 รถเก๋ง 3)

สตม. รวบหนุ่มแดนมังกรอยู่เกินวีซ่าแอบย่องรับงานดูแลนักท่องเที่ยวแบบ VIP พบประวัติตุ๋นเงินเหยื่อกว่าสิบล้านหนีซุกไทย

ตามนโยบายของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ สตม. สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย รวมทั้งให้ดำเนินการตรวจสอบ ชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือ กลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุ หรือโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1, พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ รอง ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงชัย ผกก.สส.บก.ตม.๓, พ.ต.อ.กาจภณ ปฐมัง ผกก.สส.บก.ตม.1, พ.ต.อ.ชูวงษ์ อุทัยสาง ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ปกฉัตร ชัยสุกวัฒน์ ผกก.ตม.จว.สมุทรสาคร, พ.ต.ท.วิรชา สนั่นศิลป์ รอง ผกก.สส.บก.ตม.3 ร่วมแถลงข่าว การจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้

สตม. รวบหนุ่มแดนมังกรอยู่เกินวีซ่าแอบย่องรับงานดูแลนักท่องเที่ยวแบบ VIP พบประวัติตุ๋นเงินเหยื่อกว่าสิบล้านหนีซุกไทย กก.สส.บก.ตม.1 จับกุมนายหมิง (นามสมมติ) อายุ 42 ปี สัญชาติจีน โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต, อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม บริเวณล็อบบี้โรงแรมแห่งหนึ่งในย่าน ถ.รัชดาภิเษก แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ

สืบเนื่องจากชุดสืบสวน กก.สส.บก.ตม.1 ได้รับการแจ้งเบาะแสว่ามีชายชาวต่างชาติลักษณะคล้ายคนจีน มีพฤติการณ์น่าสงสัยว่าจะทำงานและอยู่ในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย จึงได้ทำการสืบสวนจนพบว่าชายชาวต่างชาติคนดังกล่าวคือนายหมิง ซึ่งพักอาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมย่านรามคำแหง จากการเฝ้าติดตามพฤติกรรมพบว่านายหมิงมักจะเดินทางออกจากคอนโดมิเนียมไปรับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนและพาไปที่พัก และช่วยประสานงานกับสถานที่ต่าง ๆ ในลักษณะ private tour เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาติดต่อธุรกิจที่ต้องการความเป็นส่วนตัว และไม่ต้องการท่องเที่ยวในรูปแบบของบริษัทนำเที่ยว เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้พยานหลักฐานครบองค์ประกอบความผิด จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจสอบเอกสารนายหมิงขณะกำลังอำนวยความสะดวกให้ลูกค้า ในการเช็คอินโรงแรมหรูแห่งหนึ่งย่านรัชดาภิเษก จากการตรวจสอบพบว่าการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของนายหมิงได้สิ้นสุดไปแล้วตั้งแต่วันที่ ๓ ก.พ.๖๗ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและจับกุมดำเนินคดีดังกล่าว
จากการประสานงานกับหน่วยงานความมั่นคงของสาธารณรับประชาชนจีน รับแจ้งว่านายหมิง มีประวัติกระทำความผิดฐานฉ้อโกงวิสาหกิจ กล่าวคือเมื่อช่วง เดือน มกราคม 2566 นายหมิงได้แอบอ้างตนเป็นผู้จัดการฝ่ายขายประจำเขตของบริษัทไวน์แห่งหนึ่ง และได้ไปติดต่อเสนอขายไวน์หายากมูลค่าสูงให้กับผู้ค้าปลีกหลายราย โดยหลอกว่าจะให้ลดราคาสิทธิพิเศษ 10% ชักจูงให้โอนเงินค่าสินค้าไปยังบัญชีธนาคารของตนเองจำนวนสามครั้ง รวมเป็นเงินเกือบ 2 ล้านหยวน และนายหมิงก็มิได้จัดหาไวน์ให้จริง แต่กลับตัดการติดต่อกับผู้เสียหายทั้งหมด ต่อมาสำนักงาน
ความมั่นคงสาธารณะเมืองฉือเจียจวง มณฑลเหอเป่ย ได้ออกประกาศสืบจับ และเพิกถอนหนังสือเดินทางของนายหมิง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top