Tuesday, 22 April 2025
ปิดสวิตช์3ป

'ก้าวไกล' เล่นใหญ่!! 'กาก้าวไกล' ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม ด้าน 'พิธา' กร้าว!! ขอเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

(28 ม.ค. 66) ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปีพรรคก้าวไกล ได้มีการเปิดแคมเปญ 'กาก้าวไกล ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม' โดยมีตัวแทนพรรคก้าวไกลแสดงวิสัยทัศน์ 4 คน คือ พริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการรณรงค์สื่อสารนโยบายพรรคก้าวไกล, รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรค, ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพ เขตบางขุนเทียน และพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค

เวทีเริ่มต้นที่พริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการรณรงค์สื่อสารนโยบายพรรคก้าวไกล ขึ้นพูดเปิดในการแสดงวิสัยทัศน์และเปิดสโลแกนการเลือกตั้งของพรรคก้าวไกล 'กาก้าวไกล ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม' โดยพริษฐ์กล่าวว่า ถ้าเราดูข่าวที่รวบรวมปัญหาประเทศย้อนหลังไป 20 30 40 50 ปีที่แล้ว จะพบว่าปัญหาที่กำลังเผชิญกันอยู่ในปัจจุบัน เป็นปัญหาเดิมๆ ที่เราเผชิญมาหลายสิบปี แต่ถ้าเราต้องการประเทศไทยที่ไม่เหมือนเดิม พรรคก้าวไกลเท่านั้นคือคำตอบ

“ผมเชื่อว่าเมื่อเราบอกว่าก้าวไกลต้องการสร้างประเทศไทยที่ไม่เหมือนเดิม สำหรับคนบางกลุ่มฟังดูผิวเผินเหมือนเป็นสิ่งที่น่ากลัว แต่ผมอยากชวนทุกคนคิดในมุมกลับ ว่าสิ่งที่น่ากลัวกว่าคือประเทศไทยแบบเดิมๆ ต่างหาก ที่ต้องคอยถาม ผบ.ทบ. ว่าจะมีการรัฐประหารไหม กระบวนการยุติธรรมและกฎหมายแบบเดิม ที่เปิดช่องให้จับคนไปขังคุกได้เป็นสิบๆ ปี เพียงเพราะเห็นต่างทางการเมือง เศรษฐกิจแบบเดิม ที่ 10% ของคนครอบครอง 50% ของทรัพย์สิน และ 60% ของที่ดิน และสวัสดิการ-การศึกษาแบบเดิม ที่เด็กต้องมาขอรับบริจาคหรือแข่งกันร้องเพลงเพื่อได้เรียนต่อ หากไม่อยากวนอยู่กับปัญหาเดิมๆ เหล่านี้ ก็ต้องเลือกคนที่จะเข้ามาสร้างการเปลี่ยนแปลง กาพรรคก้าวไกล เพื่อประเทศไทยที่ไม่เหมือนเดิม เป็นประเทศที่การเมืองดี ปากท้องดี และ มีอนาคต”

ต่อมา รังสิมันต์ โรม ปราศรัยเปิดกลุ่มนโยบาย “การเมืองดี” โดยระบุว่าประเทศไทยที่การเมืองแบบเดิม ไม่เคยมีอะไรเป็นของประชาชน อำนาจไม่ใช่ของประชาชน ระบบราชการไม่ใช่ของระชาชน และชาติไม่ใช่ประชาชน แต่การเมืองดี ที่ก้าวไกลจะทำให้เกิดขึ้น คือการเมืองที่ทำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน พร้อมชูนโบายครบเซ็ต ยกเลิกเกณฑ์ทหาร-ปฏิรูปกองทัพ-ตำรวจ-ราชการ-ดันเพดานเสรีภาพ แก้ ม.112-116-พ.ร.บ.คอมฯ โดยรังสิมันต์ย้ำว่า ถ้าไม่แก้ปัญหาการเมืองก่อน ก็แก้ปัญหาปากท้องให้แก่ประชาชนไม่ได้

“ห่างไปจากที่นี่ไม่เกิน 200 เมตร มีคนสองคนกำลังอดอาหารเพื่อเรียกร้องความปกติของสังคม ไม่ใช่เพื่อตัวเองแต่เพื่อทุกคน แต่สิ่งที่น่าเศร้าคือประเทศนี้มอบความปกติให้กับพวกเขาไม่ได้ และเอาพวกเขาไปขังเพียงเพราะการแสดงความคิดเห็น พูด ตั้งคำถาม ประเทศนี้จะเดินหน้าต่อได้อย่างไรถ้ากระบวนการยุติธรรมยังเป็นเช่นนี้ ถ้าผู้พิพากษาไม่มีหัวใจเป็นของประชาชน และถ้ายังกฎหมายที่ปิดปากอยู่แบบนี้” รังสิมันต์กล่าวทิ้งท้าย

สำหรับนโยบายปากท้องดี ณัฐชาเสนอนโยบายด้านเศรษฐกิจของพรรคก้าวไกลหลายเรื่อง ซึ่งนโยบายเด่น เช่น ปรับขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำเป็น 450 บาททันที และให้มีการขึ้นค่าแรงตามเงินเฟ้อทุกปี ต่อด้วยนโยบายอุดหนุนงบประมาณ 10,000 ล้านบาท ให้ประชาชนในทุกเขตเมืองในประเทศไทยมีรถเมล์ไฟฟ้า นอกจากนี้ณัฐชายังย้ำถึงนโยบายรัฐสวัสดิการถ้วนหน้าที่จัดสรรให้ประชาชนโดยไม่ต้องมีการลงทะเบียนแย่งชิงกันอีกต่อไป เด็กเล็กได้ 1,200 บาท ผู้สูงวัยได้ 3,000 บาทต่อเดือน และยังมีนโยบายเร่งออกโฉนด 10 ล้านไร่ ยึดที่สปก.จากนายทุนและเปลี่ยนเป็น สปก. ให้เกษตรกร

“พอกันทีกับนโยบายปากท้องแบบเดิมๆ คือบีบให้จนแล้วแจก กดให้โง่แล้วปกครอง ปล่อยให้ป่วยแล้วรักษา ใช้ภาษีที่รีดมาสร้างบุญคุณ เราต้องการนโยบายปากท้องแบบใหม่ และด้วยนโยบายปากท้องของพรรคก้าวไกล ประเทศไทยจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป” ณัฐชากล่าว

ปิดท้ายที่พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แสดงวิสัยทัศน์คนสุดท้ายในการประชุมใหญ่สามัญพรรคก้าวไกล ในหัวข้อ “มีอนาคต” โดยพิธากล่าวว่าประเทศไทยไม่ได้ต้องการผู้บริหารที่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าซ้ำซากไปวันๆ แต่ต้องเป็นคนที่สามารถเปลี่ยนปัญหาของประเทศเป็นโอกาสของอนาคต เปลี่ยนปัญหาของประเทศเป็นงาน อุตสาหกรรมใหม่ๆ หรือ “สร้างงาน ซ่อมประเทศ” เช่นการทำน้ำประปาดื่มได้ ที่ต้องใช้สมาร์ทมิเตอร์ 20 ล้านตัว ให้ 20 ล้านครัวเรือน เราสามารถสร้างระบบประปาที่มีคุณภาพ ซ่อมปัญหาเก่าแก่เรื้อรังของไทย พร้อมสร้างงานคุณภาพ ก่อเกิดอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องตั้งแต่การผลิตเคสมิเตอร์ที่ทำจากพลาสติก ไปจนถึงการ์ดจอ แบตเตอรี่ลิเธียม แผงวงจร และชิป หรือการจัดทำระบบดูแลผู้สูงวัย ที่ต้องจ้างงานผู้ดูแลผู้ป่วยอีกกว่า 300,000 ตำแหน่ง 

อย่างไรก็ตาม การจะสร้างงาน ซ่อมประเทศ การทำให้การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต ทั้งหมดจะเกิดขึ้นได้ต้องปิดสวิตช์ 3 ป. เอามรดกของระบอบเผด็จการอำนาจนิยมออกไป เพื่อเปิดไฟแห่งความหวังให้ประเทศ สร้างรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ พร้อมตอบสนองต่อความเดือดร้อนของประชาชน 

พิธายังประกาศความพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นแกนนำตั้งรัฐบาลที่ล้างมรดกคณะรัฐประหารและระบบอำนาจนิยม ปิดสวิตช์ 3 ป. เปิดแสงสว่างให้ประเทศไทย

“ถ้าประเทศไทยยังอยู่ภายใต้ 3ป. การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต จะกลายเป็น การเมืองเดิม ปากท้องเดิม อนาคตเดิม ประเทศไทยจะไปไกลกว่านี้ได้อย่างไร ถ้าการบริหารประเทศยังอยู่ในมือคนไม่กี่คน อำนาจยังคงรวมศูนย์อยู่ที่กรุงเทพ ทรัพยากรยังกระจุกอยู่ที่คนกลุ่มเดียว นี่คืออดีตที่เราต้องแก้ไขให้ได้ เพื่อที่จะไปสู่อนาคต ดังนั้น เป้าของสังคมไทยในการเลือกตั้งครั้งนี้ คือ ปิดสวิตช์ 3 ป. เพื่อเอาการเมืองกลับสู่สภาวะปกติของระบอบประชาธิปไตยให้เร็วที่สุด ผมพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเพื่อปิดสวิตช์ 3 ป. เปิดแสงสว่างให้ประเทศ ผมขอเขิญประชาชนทุกคน พรรคการเมืองทุกพรรค มาร่วมกันกับผม สร้างประเทศไทยที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป” พิธากล่าว

'พิธา' อ้อน!! ปชช. เลือกก้าวไกล ปิดสวิตช์ 3ป มั่นใจ!! ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม

(4 มี.ค. 66) ‘พิธา’ ปราศรัยขอนแก่น ขอประชาชนเลือกก้าวไกลยกจังหวัด ชี้ การรวมตัวอนาคตใหม่-ก้าวไกล สะท้อนการเมืองคือความเป็นไปได้ ชูนโยบายปากท้อง ‘ตัดตอน แต้มต่อ ตั้งตัว’ เปลี่ยนแรงงานภาคอีสานเป็นเถ้าแก่ ยันรอบนี้ไม่มีงูเห่าแน่นอน

เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2566 ที่ขอนแก่น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวปราศรัยบนเวทีหาเสียง ท่ามกลางประชาชนที่รอฟังอย่างคึกคัก ความตอนหนึ่งว่า การที่เราทุกคนมารวมตัวกันวันนี้ พิสูจน์แล้วว่าการเมืองคือ เรื่องของความเป็นไปได้

4 ปีก่อน หลายคนตั้งคำถามว่าการทำการเมืองแบบอนาคตใหม่ ที่ไม่มีหัวคะแนน ที่คนธรรมดามาลง ส.ส. จะทำให้เราได้ ส.ส.สักกี่คน แต่สุดท้ายผลลัพธ์ก็เป็นอย่างที่เห็น หรือการทำงานในสภาฯ ทั้งอภิปรายกระดุม 5 เม็ด หรือเรื่องตั๋วช้าง ที่ได้รับการยอมรับ พวกเราทำได้ เราพิสูจน์ว่าเขาพูดผิด ในการเลือกตั้ง 2562 ที่ขอนแก่น พรรคอนาคตใหม่ได้เกือบ 200,000 คะแนน เขต 1 ขอนแก่น ได้คะแนนมากกว่า 40% เจาะไข่แดงได้สำเร็จ

“เขากระทืบเราให้จมดิน แต่ไม่รู้เลยว่าเราคือเมล็ดพันธุ์ ยิ่งเหยียบยิ่งโต เขาเด็ดดอกไม้ได้ แต่หยุดฤดูใบไม้ผลิไม่ได้” นายพิธากล่าว

นายพิธากล่าวต่อว่า 2 เดือนก่อนหน้านี้ หลายคนบอกว่าเป็นไปไม่ได้ ที่แกนนำอดีตพรรคอนาคตใหม่ จะมาช่วยพรรคก้าวไกลหาเสียง แต่พวกเราคือมิตรแท้ ผูกเสี่ยวกันไว้หมดแล้ว วันนี้เหลืออีกเพียงประมาณ 60 วันก่อนเลือกตั้ง อยากชวนให้ประชาชนเปลี่ยน 3ป เป็น 3P 'พิธา-ปิยบุตร-พรรณิการ์' เลือกตั้งทั้งที อย่าแค่เปลี่ยนรัฐบาล แต่ต้องเปลี่ยนประเทศ กาก้าวไกล ให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม

ไม่เหมือนเดิม คือ การเมืองดี เลือกก้าวไกลให้ถล่มทลาย ส่งลุงกลับบ้านเลี้ยงหลาน ปิดสวิตช์ 3ป ตนเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อไร ทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญใหม่ภายใน 100 วันแรกทันที

ปากท้องดี คือ เปลี่ยนให้ขอนแก่นไม่เหมือนเดิม ตลอดเวลาที่ผ่านมาวิสัยทัศน์ของตนสำหรับภาคอีสานไม่เคยเปลี่ยน และนับวันยิ่งชัดขึ้นเรื่อย ๆ สรุปเป็น 3 คำนี้ คือ ‘ตัดตอน แต้มต่อ ตั้งตัว’

‘ตัดตอน’ คือ ตัดตอนทุนผูกขาด เราต้องเปลี่ยนแรงงานเป็นผู้ประกอบการ เป็นเถ้าแก่อีสานให้ได้ นโยบายก้าวไกล ขึ้นค่าแรงทันที 450 บาท ผลักดันกฎหมายสุราก้าวหน้า สร้างงานซ่อมประเทศไปด้วยกัน

‘แต้มต่อ’ คือ หวย SME ให้แต้มต่อแก่ร้านรายย่อย เปลี่ยนใบเสร็จเป็นหวย ใครช่วยซื้อสินค้าจากรายย่อย ลุ้นได้เงินล้าน

‘ตั้งตัว’ คือกองทุนตั้งตัว ให้เงินทุน SME ตั้งตัวรายละ 1 แสนบาท โดยไม่ต้องใช้หลักประกัน 2 แสนรายต่อปี

มีอนาคต คือ คนขอนแก่นต้องกำหนดอนาคตตัวเองได้ ซึ่งจะมีอนาคตได้ ต้องกระจายอำนาจ ปลดล็อกท้องถิ่น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top