Wednesday, 21 May 2025
บอสพอล

ชายมาเก๊า วัย 70 ปี ผู้เสียหายกรณี ‘ดิไอคอน’ แจ้งความตำรวจ ปคบ. จ่ายไป!! 2.5 แสน ได้กาแฟมาแค่ 20 ซอง แม่ข่ายบอก ของขาดตลาด

(20 ต.ค. 67) ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายอิทธิเดช ธเนศวัฒนะ ตัวแทนผู้เสียหายชาวต่างชาติพา มิสเตอร์เค (สงวนนามสกุล) อายุ 70 ปี ผู้เสียหายชาวมาเก๊า เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน บก.ปคบ. กรณีร่วมลงทุนกับบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป

นายอิทธิเดช เปิดเผยว่า ผู้เสียหายรายนี้คือผู้ที่ได้รับผลกระทบที่ไปร่วมลงทุนในกลุ่มธุรกิจดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด โดยลงทุนเปิดบิลดีลเลอร์ 2 บิล เป็นจำนวนเงินทั้งหมดประมาณ 250,000 บาท โดยผู้เสียหายรายนี้ได้รับการชักชวนจากผู้เสียหายชาวไทยที่อาศัยอยู่ในฮ่องกง เชิญชวนว่าธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่ได้กำไร

จึงตกลงตัดสินใจร่วมลงทุนและมีโอกาสได้เดินทางมาอบรมการขายออนไลน์ที่ส่วนกลาง ในประเทศไทย ช่วงปลายปี 2566 และได้มีโอกาสเจอกับ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล และได้เจอกับบอสที่เป็นดารา ซึ่งปกติแล้วผู้เสียหายก็รู้จักอยู่บ้างผ่านทางโทรทัศน์

โดยผู้เสียหายรายนี้บอกกับตนว่า หลังจากลงทุนเปิดบิลกับดิไอคอนกรุ๊ปแล้วได้สินค้าไม่ครบ อาทิ กาแฟ ที่ปกติแล้วจะได้ประมาณ 100 ซอง แต่กลับได้เพียง 20 ซอง ซึ่งได้ทักท้วงไปกับแม่ข่ายที่ดูแลผู้ลงทุนแถบทวีปเอเชีย กลับได้คำตอบว่าสินค้าขาดตลาด

จนมาพบข่าวที่ปรากฏขึ้น ก็รู้สึกตกใจจึงได้ประสานกับเพื่อนคนไทยในฮ่องกงเพื่อที่จะเดินทางจากมาเก๊ามาแจ้งความที่ประเทศไทยในวันนี้

นายอิทธิเดช กล่าวอีกว่า ขณะที่ผู้เสียหายตัดสินใจลงทุนกับธุรกิจไอคอนกรุ๊ป ก็มีคนพยายามพูดหว่านล้อมให้หาสมาชิกเพิ่ม แต่ตัวผู้เสียหายรายนี้เองเน้นขายสินค้า เพราะชาวต่างชาติ ทั้งฮ่องกงและมาเก๊ารวมถึงประเทศในแถบเอเชียต้องการอยากจะลองสินค้าของประเทศไทย

ทั้งนี้ในวันพุธที่ 23 ต.ค. นี้ ตนเตรียมที่จะประสานพาผู้เสียหายจากต่างประเทศเดินทางทยอยเข้าแจ้งความเพิ่มอีก ซึ่งมีทั้งผู้เสียหายชาวไทยและชาวต่างชาติ

‘หนุ่ม กรรชัย’ เทียบนาฬิกาหรู ‘บอสพอล’ ไม่ตรงรูปบนโซเชียล เหล่านักเล่นนาฬิกา ยัน!! เป็นเสียงเดียวกัน มันคือของปลอม

(23 ต.ค. 67) จากกรณีเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำหมายค้นเข้าตรวจค้นและยึดอายัดทรัพย์สินของ นายวรัตน์พล วรัทน์วรกุล หรือ บอสพอล ที่ถูกนำมาซุกซ่อนในห้องเช่า ภายในซอยรามอินทรา 9 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม.

โดยเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดทรัพย์สินเป็นนาฬิกาหรู 19 เรือน หนึ่งในนั้นคือนาฬิกาหรู Richard Mille RM 53-01 และ Richard Mille RM 35-02 ซึ่งทั้ง 2 เรือนนี้ มีมูลค่ารวมกันกว่า 33 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีพระเครื่อง และสร้อยคอทองคำ รองเท้า รวมทั้งกระเป๋าแบรนด์เนมอีกหลายรายการ รวมมูลค่าประมาณ 40 ล้านบาท ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด ‘หนุ่ม กรรชัย’ กล่าวในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ เกี่ยวกับกรณี ดีเอสไอ เข้าทำการตรวจค้นแล้วเจอนาฬิกาหรูของบอสพอล โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่า ริชาร์ด มิลล์, โรเล็กซ์ , ปาเต๊ะ, โอเดอะมาร์ส ปิเกต์ หรือ AP, โอเมก้า และอีกมากมาย

คือนาฬิกาพวกนี้ ‘ดีเอสไอ’ ไปจับและโชว์ภาพออกมา เหล่านักเล่นนาฬิกาพูดเป็นเสียงเดียวเลยว่า ‘เก๊ยันกล่อง’ เขาบอกเลยว่าเก๊ยันกล่อง เขาพูดอันนี้เลย ก็คือน่าจะทุกเรือน กล่องพวกนี้ปาเต๊ะเขาไม่น่าจะมีนะ

หนุ่ม กรรชัย กล่าวต่อว่า อย่างเรือนที่ 2 ทางเจ้าหน้าที่บอกว่า เป็น RM3502 เรือนที่เม็ดมะยมสีแดง ๆ จริงเรือนนี้คือ 01 แล้วก็น่าจะไม่แท้ด้วย ส่วนขวามือสุดคือ 5301 อันนี้ก็ไม่น่าจะแท้ด้วย คือคนที่เล่นนาฬิกาเขาจะรู้เลย รวมถึงเรือนอื่น ๆ ด้วย

แต่ทีนี้มันแปลกตรงไหนรู้ไหม อย่างเรือนข้างล่างก็คือ นาฬิกาเพอร์นอต อันนี้ก็น่าจะเก๊ จริง ๆ แล้วดีเอสไอต้องเอาเจ้าหน้าที่ของทางปาเต๊ะเอง ของทาง AP หรือจะเป็นโอเมก้า หรือริชาร์ด มิลล์ เอาเข้ามาตรวจสอบด้วย

ไม่งั้นเดี๋ยวมันจะเป็นประเด็นเหมือนที่ผ่าน ๆ มา เมื่อก่อนก็มีข่าวศุลกากรไปจับมาเหมือนกัน เสร็จแล้วปล่อยออกจำหน่ายเป็นนาฬิกาเก๊ อันนี้มีประเด็น

นอกจากนี้ หนุ่ม กรรชัย ยังยกตัวอย่างโดยมีการยกภาพของบอสพอลที่ใส่นาฬิกาก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่จับกุมและเข้าไปอยู่ในเรือนจำอีกด้วย ซึ่งไม่พบอยู่ในกล่องที่เจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจยึดไว้ได้

ทนายความบอสพอล เผย เตรียมแจ้งความฉ้อโกง แม่ข่าย 2,000 คน สัปดาห์หน้าประกันตัวระดับบอส

(25 ต.ค. 67) นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล ผู้ต้องหาในคดีดิไอคอน ภายหลังเข้าเยี่ยม ‘บอสพอล’ ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ว่า ได้รับออเดอร์เพิ่มเติมจากบอสพอล อีก 1 ออเดอร์ คือให้แจ้งความกับกลุ่มแม่ข่าย 2,000 คน ซึ่งทำตีเนียนเป็นผู้เสียหายในข้อหาฉ้อโกงประชาชน เนื่องจากมีขบวนการแจ้งความเท็จ

สิ่งเหล่านี้เรียกว่าเป็นการแจ้งความแบบแพตเทิร์น มีการพยายามบอกว่าดิไอคอน ไปหลอกลวงให้ทางตัวแทนสั่งซื้อสินค้ากับทางดีลเลอร์ จนขายไม่ได้ แล้วแม่ข่ายสัญญาว่าจะช่วยขาย ซึ่งยืนยันว่าไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะบริษัทเป็นบริษัทขายส่งสินค้า เราขายให้ตัวแทน แล้วตัวแทนต้องขายต่อ หากขายไม่ได้ ก็รับความเสี่ยงกันไป แต่ปรากฏว่ามีการเข้าไปแจ้งความเพื่อบิดประเด็นให้เข้าข่ายฉ้อโกง ด้วยการเกณฑ์ผู้เสียหายจำนวนมาก เข้าไปแจ้งความดำเนินคดี

ทั้งนี้ ยืนยันว่าสิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่การโยนความผิดให้กับแม่ข่าย แต่เป็นข้อเท็จจริง ดังนั้นภายในสัปดาห์หน้า ตนจะทำหนังสือถึงตำรวจสอบสวนกลาง ให้ดำเนินคดีกับคนที่มาแจ้งความ และอ้างว่าเป็นผู้เสียหาย แต่เป็นผู้เสียผลประโยชน์ คาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 2,000 คน จากที่แจ้งความทั้งหมด 8,000 กว่าคน แต่ความจริงแล้วเท่าที่เข้าข่ายคาดว่าประมาณ 6,000 คน

“เท่าที่ตรวจสอบและจะแจ้งความแบบชัวร์ๆ เลย คือ 2,000 คน ส่วนตัวมองว่าเป็นยอดที่เยอะเช่นเดียวกัน แต่ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นพวกที่ขายของไม่ได้ แล้วมาตีเนียนเป็นผู้เสียหายด้วย ซึ่งตนจะให้ตำรวจดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงประชาชน เหมือนที่กลุ่มบอสพอลเจอ”  ทนายความ ยังบอกว่า บอสพอล ได้ฝากตนมาบอกกับนักข่าวว่า “พอลจะไม่ปล่อยมือใคร”

เมื่อถามว่า หมายความว่าจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังใช่หรือไม่ ทนายตอบเสียงดังฟังชัดว่า “ใช่ครับ เพราะเราไม่ได้กระทำความผิด แต่โดนดำเนินคดี ส่วนคนที่เป็นคนทำตัวจริง ไปหลอกลวงให้เขาซื้อสินค้ามา เดี๋ยวช่วยขาย , ไม่ต้องขายนะ ให้ไปหาคนเพิ่ม กลุ่มคนเหล่านี้มีเยอะ เพราะฉะนั้นเราจะไม่ปล่อยมือใคร เราโดนดำเนินคดี พวกคุณก็ต้องเป็นผู้ต้องหาเหมือนกันกับเรา ตอนนี้มันต้องแฟร์กันแล้ว”

ขณะเดียวกัน ทนายความ ยังกล่าวว่า หลังจากเข้าเยี่ยมบอสพอล และได้คุยกันกับกลุ่มทนายความของ 15 บอส ยกเว้นกลุ่มบอสดาราที่ยังไม่ได้คุย ทุกคนบอกว่าจะยื่นประกันภายในสัปดาห์หน้า หากพ้นการฝากขังในผัดแรก เพราะบอสพอล อยากออกมาชี้แจงกับประชาชน และกับทุกๆ รายการ ถึงโครงสร้างของบริษัท ว่ามีรูปแบบเป็นเช่นใด ส่วนที่ก่อนหน้านี้ยังไม่ยื่นประกัน เนื่องจากเกรงว่า จะถูกคัดค้านหวั่นไปยุ่งเหยิงกับพยาน หลักฐาน ส่วนจะได้ประกันหรือไม่นั้นให้เป็นดุลยพินิจของศาล

กองปราบ ยื่นขอหมายจับ!! ‘เจ๊พัช กฤษอนงค์’ ข้อหา 'กรรโชกทรัพย์ - ตัวกลางเรียกรับสินบน'

(16 พ.ย. 67) พนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป. ได้เข้าสอบปากคำ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ ‘บอสพอล’ กับ น.ส.ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร หรือ บอสปัน ในเรือนจำ

เพื่อซักถามรายละเอียดทางคดีเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีที่ถูก น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ หรือ เจ๊พัช ประธานอำนวยการศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่าย-ออนไลน์ เรียกเงินเพื่อแลกกับการไม่เปิดโปงธุรกิจดิไอคอน ก่อนนำมาประมวลเรื่องราวควบคู่พยานหลักฐาน

ก่อนที่ช่วงเช้าที่ผ่านมา พ.ต.อ.มิ่งมนตรี ศิริพงษ์ ผกก.กลุ่มงานสอบสวน บก.ป. จะนำหลักฐานและคำให้การของพยานในคดีทั้งหมด เข้ายื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อขออนุมัติการออกหมายจับน.ส.กฤษอนงค์ หรือ เจ๊พัช

ในความผิดฐาน ‘กรรโชกทรัพย์’ และ ‘เป็นตัวกลางเรียกรับสินบน’ จากกรณีแอบอ้างเรียกเงินจากกลุ่มผู้ต้องหาเครือข่ายดิไอคอน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา

สอบเครียด ‘เจ๊พัช’ นานกว่า 5 ชม. ให้การปฏิเสธ ตำรวจสอบสวนกลาง เตรียมนำตัวฝากขัง!! พรุ่งนี้

(17 พ.ย. 67) ที่กองปราบปราม พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยว่า เปิดเผยถึงการจับกุมตัว น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ หรือเจ๊พัช ว่า เจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำนานกว่า 5ชั่วโมง ซึ่ง น.ส.กฤษอนงค์ ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและไม่ให้การใด ๆ กับพนักงานสอบสวน โดยอ้างว่าจะขอให้การเป็นเอกสารในภายหลัง

วันนี้ ยังไม่มีการดำเนินการนำตัว น.ส.กฤษอนงค์ มาสอบปากคำเพิ่มเติมแต่อย่างใด เนื่องจากไม่มีประเด็นสอบอะไรเพิ่มเติม ซึ่งหลังจากนี้เตรียมจะนำตัว น.ส.กฤษอนงค์ ส่งฝากผัดแรกที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางในวันพรุ่งนี้ (18 พฤศจิกายน) โดยพนักงานสอบสวนจะคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานและข่มขู่พยาน

พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวอีกว่า สำหรับข้อหาที่แจ้งดำเนินคดีกับ น.ส.กฤษอนงค์ มี 2 ข้อหา ได้แก่ ข้อหากรรโชกทรัพย์ และข้อหาเป็นตัวกลางเรียกทรัพย์สินบน (เรียก รับหรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่น เป็นการตอบแทนในการที่จะจูงใจหรือได้จูงใจเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัดหรือสมาชิกสภาเทศบาลโดยวิธีอันทุจริตหรือผิดกฎหมายหรือโดยอิทธิพลของตนให้กระทำการ หรือไม่กระทำการในหน้าที่อันเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่บุคคลใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143) เนื่องจากพฤติการณ์ทางคดีที่เสนอขอหมายจับต่อศาล นอกจากจะพบว่ามีการข่มขู่เพื่อกรรโชกทรัพย์จากกลุ่มบอส The Icon Group จำนวน 750,000 บาทเมื่อกลางปีที่ผ่านมาแล้ว ยังพบถ้อยคำที่กล่าวอ้างว่าจะมีการจ่ายเงินให้กับหน่วยงานรัฐหน่วยงานหนึ่งด้วยในลักษณะของตัวกลาง เมื่อได้แจ้งข้อหาเกี่ยวกับการทุจริตจึงทำให้คดีดังกล่าวอยู่ในเขตอำนาจของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง

รอง ผบช.ก.กล่าวต่อว่า ในส่วนคดีอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ น.ส.กฤษอนงค์ รวมไปถึงคดีที่พัวพันกับฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ เกี่ยวเนื่องกับการเรียกรับผลประโยชน์ 20 ล้านบาทกับกลุ่ม The icon Group นั้น มีรายงานข่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จะเรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวน เพื่อหารือเกี่ยวกับคดีดังกล่าว แต่ยังไม่มีกำหนดเวลาที่แน่ชัด

ส่วนมื้อเช้าของวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบได้สั่งอาหารเมนูเด็ดข้าวคลุกกระเพราไก่ แถมแตงกวา ไม่มีไข่ดาว และน้ำเปล่า 1 ขวด มาให้เจ๊พัช หรือ น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ ผู้ต้องหาในคดีกรรโชกทรัพย์และเป็นตัวกลางเรียกทรัพย์สินบน กรณีตบทรัพย์บรรดาบอสดิไอคอน ซึ่งถูกคุมขังอยู่ที่ห้องควบคุมตัวชั้น 1 ตึกกองปราบ ให้ได้รับประทาน

ด้านสิบเวรห้องควบคุมตัวชั้น 1 ตึกกองปราบ เผยว่าพนักงานสอบสวนนำเจ๊พัชเข้าสอบปากคำถึง 5 ทุ่มก่อนนำตัวมาควบคุมที่ห้องควบคุมตัวชั้น 1 ตึกกองปราบ และตรวจสอบความเรียบร้อยที่ห้องควบคุม พบว่าเจ๊พัชยังนอนหลับสบายตามปกติ เนื่องจากมีอาการอ่อนเพลีย

‘ฟิล์ม รัฐภูมิ’ โพสต์!! ในวันเกิด ขอบคุณ ‘ทุกคนที่เชื่อมั่น’ ลั่น!! ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว จะผ่านปัญหาไปให้ได้

(17 พ.ย. 67) จากกรณีที่พิธีกรดัง หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย ได้เปิดประเด็นคลิปเสียงของ นักร้องหนุ่ม ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ว่ามีการเรียกเงินกว่า 20 ล้าน แลกกับการพาบอสพอล ดิ ไอคอน กรุ๊ป ไปออกรายการโหนกระแส ก่อนฟิล์มจะออกมาชี้แจงเรื่องราวว่าเป็นการรับงานพีอาร์เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีประเด็นโยงว่าเป็นดาราชายหลอกลงทุนน้ำมันทิพย์ เสียหายนับร้อยล้านไปแล้วนั้น

ล่าสุด ‘ฟิล์ม รัฐภูมิ’ ได้โพสต์ภาพใส่บาตรที่ระบุว่าเป็นวันเกิดของตัวเอง พร้อมเผยความในใจถึงแฟนๆ ว่า

วันนี้วันเกิด ผมขอบคุณทุกกำลังใจ ที่มอบให้ผม ผมรักทุกคนนะครับ ขอให้ทุกคนมีแต่ความสุขเหมือนกันนะครับ ขอโทษที่ปีนี้เราไม่ได้มากอดมาจับมือกันนะครับ และขอบคุณที่ทุกคนเชื่อมั่นในตัวผม ขอบคุณที่มองผมจากที่ทุกคนรู้จักผม ไม่ได้ใช้อารมณ์มาตัดสิน อดทนนะครับ น้ำตาของทุกคนมีค่าสำหรับผม อดทน และอย่าร้องกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมจะผ่านมันไปเหมือนทุกครั้งที่ผมเจอปัญหา เพราะความถูกต้องและความจริง มีหนึ่งเดียว และมันจะกลับมาปกป้องผมทุกครั้ง คิดถึงFFทุกคนนะครับ อยากร้องเพลงกับทุกคนแล้ว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top