Sunday, 20 April 2025
น้ำท่วมภาคเหนือ

เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา พระราชทานถุงยังชีพ ทร. ส่งเรือผลักดันน้ำ รถ AAV และมนุษย์กบ ให้การช่วยเหลือ ปชช.จากอุทกภัย จ.เชียงราย

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา พระราชทานถุงยังชีพ แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย  ด้านกองทัพเรือ จัดกำลัง พร้อมเรือผลักดันน้ำ และยานรบสะเทินน้ำสะเทินบก (รถ AAV)  และมนุษย์กบ ให้การช่วยเหลือประชาชน จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

พลเรือตรี วีรุดม ม่วงจีน โฆษกกองทัพเรือเปิดเผยว่า ตามที่ได้เกิดสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัด เชียงราย ส่งผลให้มีน้ำท่วมบ้านเรือนประชาชนและพื้นที่การเกษตร ในหลายพื้นที่

การนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา องค์ประธานมูลนิธิอนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงห่วงใยต่อราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย ในพื้นที่ต่าง ๆ จึงทรงโปรดให้กองทัพเรือ อัญเชิญถุงยังชีพพระราชทานมูลนิธิอนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา พร้อมถุงยังชีพจาก กองทัพเรือ และหน่วยงานพันธมิตรของกองทัพเรือ ประกอบด้วย การรถไฟฟ้ามหานคร และธนาคารไทยพาณิชย์ รวมจำนวน 1,100 ชุด  มอบให้กับพี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัย ในพื้นที่ จังหวัดเชียงราย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และให้สามารถกลับมาดำรงชีวิตได้ด้วยความปกติสุขในเร็ววัน 

โดยจะมีการมอบถุงยังชีพเพิ่มเติมในโอกาสต่อไป อีกจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้แล้วยังจะได้มีการจัดรถครัวสนามลงพื้นที่ เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนและเยียวยา ในเบื้องต้น

โฆษกกองทัพเรือ กล่าวต่ออีกว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กองทัพเรือ โดยพลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ ได้สั่งการให้  หน่วยเฉพาะกิจเรือผลักดันน้ำกองทัพเรือ จัดกำลังพลและยุทโธปกรณ์  ให้การสนับสนุนทางจังหวัดเชียงราย ในการจัดเรือผลักดันน้ำ จำนวน 20 ลำ พร้อมกำลังพล อุปกรณ์ และยุทโธปกรณ์ ลงไปติดตั้งในพื้นที่อำเภอที่แม่น้ำอิงไหลผ่าน ประกอบด้วย อำเภอป่าแดด อำเภอเทิง อำเภอขุนตาล อำเภอพญาเม็งราย และอำเภอเชียง จังหวัดเชียงราย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำที่ท่วมขังในพื้นที่ ลงสู่แม่น้ำโขงจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย  พร้อมทั้งให้ กองเรือยุทธการ จัดชุดปฏิบัติการจาก หน่วยสงครามพิเศษทางเรือ (หรือมนุษย์กบ) และหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน จัดยานรบสะเทินน้ำสะเทินบก (AAV) ให้การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ ทั้งการลำเลียงประชาชน และทรัพย์สิน ออกจากพื้นที่ประสบภัยและพื้นที่เสี่ยง

โดยใน ช่วงบ่ายเมื่อวานนี้ (11 กันยายน 2567 ) กำลังพลชุดแรกจาก จากหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ ประกอบด้วย ชุดควบคุมและสนับสนุนและชุดปฏิบัติการพิเศษ พร้อมเรือยางท้องแข็งและเรือยางยุทธวิธี ได้ถูกลำเลียงโดยเครื่องบินลำเลียงแบบ C - 130 ของกองทัพอากาศ ออกเดินทางจากสนามบินอู่ตะเภา ไปยัง จังหวัดเชียงราย แล้ว นอกจากนั้น ยังได้สั่งการให้หน่วยต่างๆ ดำเนินการตามสั่งการดังนี้

- ให้ ฐานทัพเรือกรุงเทพและกรมการขนส่งทหารเรือ จัดหน่วยเคลื่อนที่ ทั้งรถบรรทุก เรือท้องแบนที่มีอยู่ทั้งหมด ขึ้นไปช่วยเหลือ โดยให้ออกเดินทางภายในวันนี้ (11 ก.ย.67)

- ให้ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง เป็นผู้รับผิดชอบ การปฏิบัติในพื้นที่ จังหวัด เชียงรายทั้งหมด
- ให้หน่วยต่างๆ ของกองทัพเรือ รวมถึงหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ จัดชุดปฏิบัติการพิเศษ (หน่วยซีล) ให้การสนับสนุนตามที่ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ ร้องขอ
- ให้ฐานทัพเรือกรุงเทพ จัดถุงยังชีพ สำหรับ แจกจ่ายให้กับประชาชน ผู้ได้รับผลกระทบให้ได้มากที่สุด 

นอกจากนั้น ผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ ยังได้สั่งการให้ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยพื้นที่ต่าง ๆ ของกองทัพเรือ รวมทั้งหน่วยต่าง ๆ ของกองทัพเรือ เตรียมความพร้อมในการปฏิบัติเชิงรุกทั้งด้านองค์บุคคล องค์วัตถุ และองค์ยุทธวิธี ให้มีความพร้อม ในการช่วยเหลือประชาชนได้ทันที โดยบูรณาการและประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งให้มีการสำรวจความเดือดร้อนและความต้องการของประชาชน พร้อมทั้งติดตามการแจ้งเตือนภัยจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า กองทัพเรือ ยังคงเตรียมความพร้อม ทั้งกำลังพล และยุทโธปกรณ์ ที่จะให้การสนับสนุนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถแจ้งขอความช่วยเหลือผ่านสายด่วนศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ 1696 ตลอด 24 ชั่วโมง

‘ไอซ์ รักชนก’ เปิดศึกน้ำลายแซะปมน้ำท่วม 'นายกฯ แพทองธาร' ชีวิตคงไม่เคยเจอความลำบาก เลยไม่เข้าใจความรู้สึกคนอื่น

(12 ก.ย. 67) นางสาวรักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กว่า…

“อยากรู้ว่าคนเชียงใหม่เชียงรายที่กำลังประสบภัยน้ำท่วมจนออกจากพื้นไม่ได้ ทั้งความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งอาหารและน้ำไปไม่ถึงในตอนนี้ กดดูสตอรี่บนอินสตาแกรม (ไอจี) ของนายกฯ อิ๊งค์แล้วรู้สึกยังไงบ้าง อยากให้อธิบายความรู้สึก เพราะส่วนตัวเราเชื่อว่าเค้าไม่รู้จริงๆ ว่าประชาชนรู้สึกยังไง ชีวิตคงไม่เคยเจอความลำบาก มันเลยไม่เข้าใจความรู้สึกของคนที่ต้องอยู่ในสถานการณ์แบบนี้”

“เอาจริงๆ ไม่ต้องให้พ่อมาคอยสอนตลอดก็ได้ แค่คิดให้เยอะกว่านี้หน่อย ก็คงไม่มีอารมณ์จะไม่มานั่งรีโพสต์สตอรี่อวยตัวเองในช่วงเวลาแบบนี้หรอก ใจคอคนเรานะ ประชาชนรอความช่วยเหลืออยู่เป็นแสนเป็นล้าน”

อาลัย!! ‘ผู้ใหญ่บ้านฯ’ ช่วยลูกบ้านเหตุดินถล่มที่แม่อาย ผลักน้องผู้หญิงรอด ส่วนตัวเองถูกพัดไหลไปกับโคลน

(12 ก.ย. 67) จากเหตุการณ์ดินสไลด์ที่บ้านดอยแหลม หมู่ที่ 13 ต.ดอยแหลม อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ มีประชาชนเสียชีวิต จำนวน 6 ราย บาดเจ็บ 3 ราย เจ้าหน้าที่สามารถกู้ร่างผู้สูญหายได้แล้วทั้งหมด โดยร่างสุดท้ายที่พบคือ ‘นายธีรยุท สิริวรรณสถิต’ ผู้ใหญ่บ้านดอยแหลม หมู่ที่ 13 อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุไกลถึง 10 กิโลเมตร

ขณะที่ ‘นายเจตกรวีร์ จิรารัชต์พงศ์’ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านดอยแหลม หมู่ที่ 13 ตำบลดอยแหลม อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ เล่าว่า ในช่วงเวลาเกิดเหตุ ตนและผู้ใหญ่บ้านมาดูสถานการณ์ที่จุดเกิดเหตุเพื่อเคลียร์ดินที่สไลด์ลงมาออก และเปิดทางให้น้ำไหลผ่านได้ จังหวะนั้นได้ยินเสียงคนตะโกนบอกว่าดินถล่ม ทำให้ทุกคนต่างพากันวิ่งหนีกระเจิดกระเจิง โดยตนกับผู้ใหญ่บ้านวิ่งหนีไปคนละทาง กระทั่งภายหลังน้องผู้หญิงที่วิ่งหนีไปทางเดียวกับผู้ใหญ่บ้านที่รอดชีวิตเล่าว่า ผู้ใหญ่บ้านได้ผลักให้เธอออกไปให้พ้นแนวดินที่ถล่มลงมาทำให้ครั้งนี้เธอรอดชีวิตมาได้ ส่วนผู้ใหญ่บ้านที่วิ่งหนีไม่ทันถูกโคลนที่ถล่มลงมาจากภูเขาพัดร่างไหลลงไปกับโคลน

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ ภรรยาของผู้ใหญ่บ้านได้โพสต์เฟซบุ๊กตามหาผู้ใหญ่บ้านที่ออกไปช่วยลูกบ้านแล้วสูญหายไป โดยระบุว่า “ตอนนี้น้ำป่าไหลหลาก พ่อหลวงไปช่วยชาวบ้าน และสูญหายยังหาไม่เจอ ขอพี่น้องอธิษฐานเผื่อพ่อหลวงด้วยค่ะ”

แล้วก็ได้โพสต์อีกว่า “ช่วยเหลือชาวบ้านจนวินาทีสุดท้าย ดินสไลด์มายังตะโกนบอกชาวบ้านหนี และผลักเด็กผู้หญิงออกมาจนรอด แต่ยังหาตัวเองไม่เจอ ขอพระเจ้าโปรดเมตตาด้วย”

ล่าสุดได้โพสต์ภายหลังพบร่างของผู้ใหญ่บ้านว่า “ตอนนี้เจอศพพ่อหลวงแล้ว ไหลไปติดที่บ้านโฮ่งแม่อาย ขอบคุณทุกคนที่อธิษฐานเผื่อ”

ทำให้ลูกบ้านและคนที่ทราบข่าว ก็ต่างเข้ามาแสดงความเสียใจเป็นจำนวนมาก

‘อนุทิน’ เผย!! นายกฯ ให้ผู้ว่าฯ จังหวัดขยายวงเงินช่วยเหลือน้ำท่วมได้ทันที ยัน!! ทุกฝ่ายทำงานเต็มที่ องคาพยพแห่งการช่วยเหลือมุ่งสู่พื้นที่หมดแล้ว

(13 ก.ย. 67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ ถึง กรณีที่มีการอ้างว่าจังหวัดเชียงรายยังไม่มีการประกาศเป็นเขตภัยพิบัติทั้งที่ประสบปัญหาน้ำท่วมอย่างหนัก ว่า ได้ประกาศให้จังหวัดเชียงรายเป็นพื้นที่ภัยพิบัตินานแล้ว ยิ่งภัยพิบัติที่เกิดขึ้นหนักขนาดนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ต้องประกาศเป็นเขตภัยพิบัติอยู่แล้วเป็นสิ่งแรก ไม่ต้องห่วง ทั้งนี้ตนขอให้ทุกคนเชื่อมั่นในระบบราชการว่าไม่พลาดเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว และถ้าไม่มีการประกาศให้เป็นพื้นที่ภัยพิบัติ จะนำเงินทดลองจ่ายมาใช้ได้อย่างไร นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีได้กำชับในการประชุมเมื่อวานนี้ว่าถ้าเงินทดลองจ่ายดังกล่าวไม่เพียงพอ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสามารถขยายวงเงินได้เลย

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้มวลน้ำจากภาคเหนือตอนบนดูเหมือนว่าจะมุ่งหน้าไปยังภาคอีสาน เช่นจังหวัดหนองคายและนครพนม? นายอนุทิน กล่าวว่า "เราต้องเร่งระบายให้ลงแม่น้ำโขงให้เร็วที่สุด ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่รายงานว่า น้ำที่ท่วมในจังหวัดเชียงใหม่จะต้องไหลผ่านอำเภอแม่อาย ที่กำลังเกิดปัญหาดินถล่ม ซึ่งน้ำดังกล่าวจะไหลผ่านจังหวัดเชียงราย และลงสู่แม่น้ำโขง เราจึงต้องพยายามเร่งระบายน้ำให้ลงแม่น้ำโขงให้เร็วที่สุด"

เมื่อถามว่า ขณะนี้ประเทศจีนจะมีการปล่อยน้ำลงมาในแม่น้ำโขง จะส่งผลต่อสถานการณ์น้ำท่วมในไทยหรือไม่อย่างไร? นายอนุทิน กล่าวว่า "เราก็ต้องติดตามสถานการณ์ตรงนั้น ขณะเดียวกันเราต้องแก้ไขปัญหาในส่วนของเรา"

เมื่อถามอีกว่า จะดำเนินการรับมือน้ำที่จะท่วมภาคอีสานโดยเฉพาะบริเวณตะเข็บชายแดนอย่างไร? นายอนุทิน กล่าวว่า "ตนมั่นใจว่าผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆที่อยู่ในพื้นที่สุ่มเสี่ยงว่าจะเกิดน้ำหลาก ก็ต้องมีแผนเผชิญเหตุรองรับไว้อยู่แล้ว ขณะที่กระทรวงมหาดไทยได้เตรียมความพร้อม เรื่องการส่งความช่วยเหลือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างความปลอดภัยการอพยพประชาชน รวมถึงเรื่องการจัดหาเครื่องอุปโภคบริโภคอาหารข้าวสาร และศูนย์พักพิง ซึ่งตนเห็นว่ากรณีของจังหวัดเชียงรายจะใช้เป็นโมเดลได้ดี เพราะที่นั่งประชาชนมีน้ำใจซึ่งกันและกัน มีเจ้าของโรงแรมหลายแห่งในอำเภอแม่สาย เปิดให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมเข้ามาพักพิงในโรงแรม โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ซึ่งตรงนี้นายกรัฐมนตรีระบุว่าจะสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ไปจัดทำบัญชีและชดเชยให้กับโรงแรมเหล่านั้น อย่างไรก็ตามการที่นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่จังหวัดเชียงรายในวันนี้ ก็จะมี น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย เป็นตัวแทนกระทรวงมหาดไทยเดินทางไปกับนายกรัฐมนตรีด้วย"

ผู้สื่อข่าวถามว่า สถานการณ์ในอำเภอแม่สายจังหวัดเชียงรายกำลังจะเข้าสู่ระยะฟื้นฟู แต่พบว่าร้านค้าต่างๆ ได้รับความเสียหายอย่างมาก จำนวนเงินเยียวยาที่รัฐบาลจะจ่ายให้ จะเป็นเงินประมาณเท่าไหร่? นายอนุทิน กล่าวว่า "นายกรัฐมนตรีจะของบกลางลงไปเอง ขณะที่ของกระทรวงมหาดไทยก็จะมีทั้ง น.ส.ธีรรัตน์ ร่วมลงพื้นที่ ขณะเดียวกันก็ยังมีนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย อยู่ในพื้นที่อำเภอแม่สายอยู่แล้ว ดังนั้นทุกฝ่ายก็จะเร่งหาวิธีช่วยเหลือเยียวยาอยู่แล้ว และยิ่งนายกรัฐมนตรีได้ลงไปเห็นหน้างานด้วยตัวเอง ท่านก็ต้องตัดสินใจได้ทันทีอยู่แล้ว"

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้จะต้องส่งความช่วยเหลือเพิ่มเติมอะไรเป็นพิเศษให้กับพื้นที่ภาคเหนือตอนบนหรือไม่? นายทิน กล่าวว่า "องคาพยพทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับการกู้ภัยและการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยได้ถูกนำส่งไปแล้ว ขณะที่ศูนย์ป้องกันบรรเทาสาธารณภัยในทุกพื้นที่ ก็ยังมีการสแตนด์บายพร้อมเข้าช่วยเหลือหากมีการร้องขอเข้ามา และเรื่องอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องจักรต่างๆ ถ้ามีการร้องขอเข้ามาก็พร้อมจะส่งช่วยเหลือเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน แต่เท่าที่ตนเห็นในขณะนี้คิดว่าทุกอย่างยังมีเพียงพอ โดยเฮลิคอปเตอร์ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจำนวนสองลำก็ถูกส่งไปแล้ว ได้ไปช่วยนำตัวประชาชนที่ติดอยู่ในบ้านออกมาจากพื้นที่"

เมื่อถามถึงกรณีที่มีเสียงจากประชาชนในพื้นที่บางส่วนระบุว่า ยังขาดศูนย์บัญชาการสถานการณ์ในพื้นที่ ที่ประสบภัยน้ำท่วม? นายอนุทิน กล่าวว่า "ขอยืนยันว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทำงานกันทุกคน เมื่อวานนี้ก็มีการประชุมกันอย่างที่ทุกคนได้เห็น จึงขออย่าถามคำถามแบบนี้ เพราะจะทำให้คนที่ทำงานเสียกำลังใจ วันนี้ไม่ควรมาบอกว่าใครถูกหรือใครผิด เพราะทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ อย่างในวันนี้นายกรัฐมนตรีก็รีบลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย ทั้งที่วันนี้ก็ยังมีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาอยู่ แต่นายกฯ ก็ยังเดินทางไปลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ความเดือดร้อนของประชาชน"

วิกฤตอุทกภัยในรอบ 30 ปี สะท้อนพลังน้ำใจคนไทย

ปีนี้ ประเทศไทยเผชิญกับอุทกภัยรุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปี อันเนื่องมาจากพายุไต้ฝุ่นยางิและซูลิก ส่งผลกระทบต่อ 19 จังหวัด โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือ มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และประชาชนกว่า 43,000 ครัวเรือนได้รับผลกระทบ

วันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา ฝนที่ตกต่อเนื่องจากร่องมรสุมและมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้หลายพื้นที่โดยเฉพาะภาคเหนือเกิดน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วม และเส้นทางคมนาคมถูกตัดขาด ในจังหวัดเชียงราย น้ำป่าจากฝนหนักทำให้บริเวณมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายและถนนพหลโยธินจมน้ำ สร้างความลำบากในการสัญจร โดยบางพื้นที่รถเล็กไม่สามารถผ่านได้

วันที่ 17 สิงหาคม อุทกภัยฉับพลันใน 9 อำเภอของเชียงราย ส่งผลกระทบต่อ 1,665 ครัวเรือน แม้ว่าจะไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต แต่อำเภอเชียงแสนและขุนตาลได้รับความเสียหายอย่างหนักจากน้ำในแม่น้ำที่ระบายลงสู่แม่น้ำโขงไม่ทัน ต่อมาในวันที่ 18 สิงหาคม จังหวัดพะเยาและแม่ฮ่องสอนต่างได้รับผลกระทบ ขณะที่จังหวัดเพชรบูรณ์ในวันที่ 19 สิงหาคมเผชิญน้ำป่าไหลหลากในอำเภอหนองไผ่และหล่มสัก กระทบประชาชนกว่า 650 ครัวเรือน

วันที่ 23 สิงหาคม จังหวัดน่านเผชิญน้ำท่วมสูงถึง 3 เมตรในหลายพื้นที่ เช่น วัดภูมินทร์และชุมชนบ้านท่าลี่ ขณะที่จังหวัดแพร่ น้ำจากแม่น้ำยมท่วมพื้นที่เศรษฐกิจและศูนย์ราชการ โรงเรียนต้องหยุดการเรียนการสอนชั่วคราว

ระดับน้ำในแม่น้ำโขงที่เพิ่มสูงในเดือนกันยายน ทำให้จังหวัดเลย หนองคาย และนครพนมได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะในหนองคาย น้ำท่วมตัวเมืองสูงถึง 50 เซนติเมตร กระทบการดำเนินชีวิตของประชาชน

ในยามวิกฤต คนไทยทั่วประเทศได้แสดงความสามัคคีและน้ำใจ ด้วยการบริจาคสิ่งของและเงินทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัย มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก และสภากาชาดไทยได้จัดตั้งศูนย์รับบริจาค ขณะที่สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มอบกัปปิยภัณฑ์ 100,000 บาท สนับสนุนการทำโรงทานช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเชียงราย ภาครัฐ เช่น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ระดมเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือประชาชน พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อเร่งระบายน้ำในพื้นที่

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กแสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์น้ำท่วม พร้อมส่งกำลังใจถึงผู้ประสบภัยทุกครัวเรือนและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่

สถานการณ์น้ำท่วมครั้งนี้เป็นบทพิสูจน์ความสามัคคีของคนไทยที่ร่วมมือกันช่วยเหลือผู้เดือดร้อน พร้อมสร้างความหวังให้ผู้ประสบภัยสามารถฟื้นฟูชีวิตกลับสู่ภาวะปกติได้ในเร็ววัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top