Sunday, 20 April 2025
นางสาวแพทองธาร

กห. ขานรับนโยบายรัฐบาล เร่งแก้ไขปัญหายาเสพติดจังหวัดร้อยเอ็ด นำร่องจังหวัดสีขาว ทั่วประเทศ

(3 พ.ย. 67) พลตรีธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผย ณ วัดบ้านเขวาทุ่ง ตำบลเขวาทุ่ง อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด ว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุมสั่งการโมเดล การแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด 1 ใน 25 จังหวัด ที่กำหนดเป็นพื้นที่นำร่องจังหวัดสีขาว ทั่วประเทศ 

โดยรัฐบาล ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหายาเสพติด ถือเป็นวาระแห่งชาติ และขอให้ทุกภาคส่วนมุ่งมั่นดำเนินนโยบายแก้ไขปัญหายาเสพติดต่อไป พร้อมยกระดับให้เข้มข้นขึ้น ขยายผลการดำเนินงานไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ตามภูมิภาค โดยมี จังหวัดนำร่อง 10 จังหวัด ได้แก่ ภาคเหนือ : เชียงใหม่ ภาคกลาง : อุทัยธานี ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : สกลนคร นครพนม ภาคตะวันออก : ระยอง ภาคใต้ : นครศรีธรรมราช ตรัง นราธิวาส โดยต้องเป็นพื้นที่ปลอดยาเสพติด หรือ ปัญหายาเสพติดลดลงกว่าร้อยละ 90 การแก้ไขปัญหายาเสพติดให้หมดไป โดยทุกหน่วยงานต้องบูรณาการร่วมกันทั้งในการป้องกัน สกัดกั้น และฟื้นฟู รวมถึงต้องมีการพัฒนาเชื่อมระบบข้อมูลระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ 

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบนโยบายจึงได้สั่งการให้เหล่าทัพ ใช้เครื่องมือ ยุทโธปกรณ์ และทรัพยากรที่มีอยู่ในการป้องปราม ป้องกัน สกัดกั้นยาเสพติดแนวพื้นที่ชายแดนและพื้นที่ตอนในของประเทศ การกวดขันกวาดล้าง ตัดวงจรการค้ายาเสพติด รวมถึงการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีและสร้างความไว้วางใจให้กับประชาชน  ตลอดจนการเตรียมสถานพยาบาลในสังกัดของเหล่าทัพ ในการฟื้นฟู รักษาบำบัดผู้ติดยาเสพติด ทั้งนี้ นรม. ได้มอบหมายให้ รอง นรม./รมว.กห. ร่วมบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มสถานพยาบาล จัดทำโมเดลบำบัดรักษาผู้ป่วยยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด โครงการธวัชบุรี โมเดล เป็นพื้นที่นำร่องในการบำบัด ฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดอย่างครบวงจร ครอบคลุมถึงสุขภาพกาย และสุขภาพใจที่แข็งแรง รวมถึงการจัดอบรมพัฒนาทักษะสร้างอาชีพ เพื่อให้ผู้เข้ารับการบำบัดได้มีทักษะ ความรู้ สามารถประกอบอาชีพ เลี้ยงชีพและอยู่ร่วมในสังคมได้

ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กระทรวงกลาโหม ได้ดำเนินการในการแก้ไขปัญหายาเสพติด ทั้งด้านการป้องกันและปราบปราม การสกัดกั้น ความร่วมมือระหว่างประเทศ ตลอดจน การบำบัดรักษามาอย่างต่อเนื่อง และพร้อมในการบูรณาการร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเข้มงวดจริงจัง ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล เพื่อให้ยาเสพติดหมดไปจากประเทศไทย

นิราช ทิพย์ศรี รายงาน 0909535645

ร้อยเอ็ด…นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะ ตรวจติดตาม “ร้อยเอ็ดโมเดล” ขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติด ในพื้นท

( 1 พ.ย. 67 ) 11.30 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี  พร้อมด้วย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม , นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม  ตรวจติดตาม “ร้อยเอ็ดโมเดล” ขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติด ในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด ณ วัดเขวาทุ่ง อ.ธวัชบุรี  จ.ร้อยเอ็ด  รับโดยฟังการบรรยายสรุป “ร้อยเอ็ดโมเดล” และ นายกฯกล่าวว่า ขอให้เรื่องการแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นเรื่องของทุกคนที่ช่วยกันอย่างจริงจัง และการบำบัดรักษา ขอให้ทุกหน่วยทำงานอย่างบูรณาการ และเพิ่มการรักษาพยาบาล เน้นย้ำตัดวงจรยาเสพติด เน้นมาตรการบังคับใช้กฎหมาย พร้อมบำบัดรักษาได้รับการบำบัดรักษาอย่างจริงจริงและแผนขอรัฐบาลพร้อมที่ฝึกอาชีพให้ผู้เข้ารับการบำบัดรักษาให้สามารถออกไปประกอบอาชีพตนเองได้ รัฐบาลขอเริ่มที่จังหวัดนำร่องนี้ก่อน และรัฐบาลเน้นย้ำ ขจัดปัญหายาเสพติดให้หมดสิ้นไป     

จากนั้นเวลา 12.45 น. ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมกระบวนการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด โครงการมินิธัญญารักษ์ ค่ายสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช อ.ศรีสมเด็จ  จ.ร้อยเอ็ด เยี่ยมชมโครงการมินิธัญญารักษ์ และให้กำลังใจผู้เข้ารับการบำบัด 

และเวลา 14.45 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี  พร้อมคณะ เดินทางไปที่ อบต.น้ำใส อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด เพื่อติดตามการฝึกอาชีพของผู้ที่ผ่านการบำบัดแล้ว ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการช่วยให้พวกเขากลับคืนสู่สังคมได้อย่างมั่นคง ซึ่งรัฐบาลมุ่งหวังให้ร้อยเอ็ดโมเดลเป็นต้นแบบในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่อื่น ๆ ทั่วประเทศ และเชื่อมั่นว่าด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วน ประเทศไทยจะสามารถแก้ไขปัญหายาเสพติดได้อย่างยั่งยืน

โกสิทธิ์/ร้อยเอ็ด(ห)
081-377-2689

นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นเจ้าภาพ เน้นแก้ปัญหาเร่งด่วน 3 ด้าน

(29 ม.ค. 68) เวลา 11.30 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหัวหน้าส่วนราชการ โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นเจ้าภาพ โดยมีหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 1/2568 ข้าราชการตำรวจระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จเรตำรวจแห่งชาติ และหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมแจ้งยอดสุข อาคารศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรและสวัสดิการ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมวันนี้เน้นย้ำส่วนราชการระดับกระทรวงและเทียบเท่า และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการดำเนินการเร่งด่วน 3 เรื่อง ได้แก่
1. การแก้ไขปัญหาฝุ่นควัน โดยขอความร่วมมือทุกภาคส่วนดำเนินการผลักดันให้เห็นผลเป็นรูปธรรม
2. การกระชับความร่วมมือในโอกาส 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย – จีน โดยขอให้ทุกกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือกัน มุ่งไปสู่การสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนยิ่งขึ้น
3. การดูแลความมั่นคง โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหลักในการร่วมดำเนินการในเรื่องการป้องกันปราบปรามปัญหายาเสพติด อาชญากรรมออนไลน์ และการแก้ไขปัญหาคนต่างด้าวและกลุ่มชาติพันธุ์

ทั้งนี้ ตามนโยบายรัฐบาล 10 นโยบาย ซึ่งมีนโยบายที่เกี่ยวข้องกับภารกิจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 3 นโยบาย ได้แก่ นโยบายที่ 7 การเร่งส่งเสริมการท่องเที่ยว , นโยบายที่ 8 การแก้ปัญหายาเสพติดอย่างเด็ดขาดและครบวงจร และนโยบายที่ 9 การแก้ปัญหาอาชญากรรม อาชญากรรมออนไลน์/มิจฉาชีพ และอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งตามนโยบายดังกล่าว สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เร่งรัดดำเนินการ ดังนี้

การแก้ปัญหายาเสพติดอย่างเด็ดขาดและครบวงจร โดยเน้นการสืบสวนหาข่าวประเทศเพื่อนบ้าน การตรวจสอบและลาดตระเวนชายแดน การตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ตั้งแต่บริเวณชายแดนจุดพักคอย และเส้นทางหลัก เส้นทางรอง พื้นที่ชั้นใน การสืบสวนปราบปรามจับกุม ทำลายเครือข่าย และการป้องกันสร้างการมีส่วนร่วมในชุมชน โดยได้เปิดปฏิบัติการสยบไพรี โดยบูรณาการกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม         ยาเสพติด และประเทศเพื่อนบ้าน ในการทลายเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดข้ามชาติ ผู้ค้ารายย่อย สกัดกั้นเส้นทางการลักลอบขนยาเสพติด ปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายทั่วประเทศ และยึดทรัพย์ผู้ค้ารายสำคัญ  

การแก้ปัญหาอาชญากรรม อาชญากรรมออนไลน์/ มิจฉาชีพ และอาชญากรรมข้ามชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เปิดมาตรการระเบิดสะพานโจร เพื่อตัดช่องทางการติดต่อหลอกลวงประชาชนผ่านช่องทางการสื่อสารต่าง ๆ รวมทั้ง กรณีปัญหาคนต่างชาติถูกหลอกลวงโดยใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านไปยังพื้นที่ชายแดน ซึ่ง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำหนด 7 มาตรการเข้มข้น ตั้งแต่กระบวนการก่อนเดินทางเข้าประเทศ ขณะอยู่ในประเทศ การสกัดกั้นแนวชายแดน และการช่วยเหลือ ประสานงานจากประเทศที่สาม โดยให้หน่วยต่างๆ ดำเนินการในแต่ละขั้นตอนอย่างชัดเจน ต้องเห็นผลเป็นรูปธรรมภายใน 7 วัน พร้อมคาดโทษตำรวจทุกหน่วยที่ปล่อยปละละเลย หรือเข้าไปยุ่งเกี่ยว ต้องถูกดำเนินการอย่างเด็ดขาด

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีกำลังพลจำนวนจำกัดเมื่อเปรียบเทียบกับปัญหาอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยเฉพาะอาชญากรรมที่ส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนในห้วงเวลานี้ ได้แก่ ยาเสพติด อาชญากรรมออนไลน์ และปัญหาคนต่างด้าวถูกหลอกลวงไปยังประเทศที่สาม ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ตระหนักในภารกิจสำคัญดังกล่าว และได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ แต่ด้วยข้อจำกัดด้านกำลังพลและ อุปกรณ์ เครื่องมือต่าง ๆ จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับความร่วมมือระหว่างหน่วยงานระดับกระทรวง ทบวง กรม ในการขับเคลื่อนการปฏิบัติงาน โดยเฉพาะในห้วงเวลานี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีการประชุมและ กำหนด 7 มาตรการเข้มข้น ให้หน่วยในสังกัดไปปฏิบัติ ตั้งแต่ก่อนคนต่างด้าวเดินทางเข้าประเทศ การปฏิบัติท่าอากาศยาน เส้นทาง รถเช่า รถสาธารณะ และจุดพักต่าง ๆ ตลอดจนในพื้นที่จังหวัดชายแดน และการสกัดกั้น รวมทั้งการช่วยเหลือประสานงานกับประเทศที่สาม จึงใคร่ขอความร่วมมือกับหน่วยงานความมั่นคง กองกำลังทหาร ฝ่ายปกครอง และภาคส่วนต่าง ๆ ในพื้นที่และส่วนกลาง ได้ร่วมกันปฏิบัติงานเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างยั่งยืน เกิดความผาสุกแก่ประชาชน และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศไทยต่อไป 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top