Thursday, 24 April 2025
นักศึกษาแพทย์

สลด!! นักศึกษาแพทย์สาวจีนเป็นโรคหัวใจ ถูกบังคับให้ออกกำลังกาย สุดท้ายหัวใจวายตาย เพราะอาจารย์ไม่เชื่อเอกสารรับรองอาการ

เรื่องราวน่าเศร้าเกิดขึ้น เมื่อครอบครัวและญาตินักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 1 ของวิทยาลัยการแพทย์ไป๋เฉิง ในมณฑลจี๋หลิน เปิดเผยว่า หลานสาวของพวกเขาเสียชีวิต หลังถูกอาจารย์ที่ปรึกษาบังคับให้ออกกำลังกาย แม้รู้ว่ามีโรคประจำตัว

โดยนักศึกษาสาวแซ่จ้าว ป่วยเป็น ‘โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด’ (Congenital Heart Disease) ซึ่งเธอได้ส่งเอกสารทางการแพทย์ ยืนยันว่าเธอป่วยจริง ๆ ให้ทางวิทยาลัยตั้งแต่เข้าเรียน และได้รับการยกเว้นไม่ต้องเข้าร่วมเล่นกีฬา และกิจกรรมต่าง ๆ ที่ต้องออกแรง

ทว่าอาจารย์ที่ปรึกษาแซ่ซ่ง กลับไม่เชื่อว่า จ้าวป่วยจริง เขาบังคับให้จ้าวไปวิ่ง จนจ้าวล้มและมีอาการชักเกร็ง หมดสติ ก่อนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล และเสียชีวิตในอีก 2 วันต่อมา

ป้าของจ้าวเชื่อว่า อาจารย์ซ่งตั้งใจที่จะกลั่นแกล้งหลานสาวของเธอ โดยผู้เป็นป้าเล่าว่า อาจารย์น่าจะไม่พอใจ เนื่องจากในช่วงเทศกาลเช็งเม้งที่ผ่านมา เขาได้สั่งให้จ้าวซื้อปลาเป็น ๆ ส่งเป็นของขวัญให้ภรรยาของเขา

อย่างไรก็ตาม ด้วยปัญหาทางการขนส่ง พอปลาที่จ้าวสั่งไปส่งถึงมืออาจารย์ พวกมันก็ตายหมดแล้ว

"อาจารย์โกรธและทำให้เด็กน้อยของเราตกอยู่ในที่นั่งลำบาก" ป้าของจ้าวกล่าว พร้อมเสริมว่า "เขาบอกว่าเอกสารรับรองการเป็นโรคหัวใจของหลานสาวฉันเป็นของปลอม และสั่งให้จ้าววิ่งทุกวัน"

นอกจากนี้ อาจารย์คนนี้ยังสั่งปลดจ้าวออกจากตำแหน่งหัวหน้าห้องอีกด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น ในวันที่ 12 เม.ย. ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุ อาจารย์ซ่งยังห้ามนักศึกษาคนอื่นไม่ให้เข้าไปใกล้จ้าว แถมยังไม่ยอมโทร.เรียกรถฉุกเฉิน แต่เลือกที่จะติดต่อฝ่ายบริหารของทางวิทยาลัยแทน

“ถ้าเราพยายามช่วยเธอได้ทันเวลา มันก็คงจะได้ผล แต่อาจารย์ไม่ยอมให้เราเข้าใกล้เธอเลย” เพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งกล่าว

ทั้งนี้ ภายหลังเจ้าหน้าที่จากสำนักงานบริหารของวิทยาลัยได้แถลงว่า จ้าวเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ แต่ไม่ได้ชี้แจงถึงรายละเอียดที่เกิดขึ้น โดยทางวิทยาลัยจะร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสืบสวนหาข้อเท็จจริง

‘น้องธีด้า’ ควงคุณแม่แชร์เคล็ดลับให้ลูกเรียนเก่ง - ได้ภาษา สานฝันจากลูกแม่ค้าขายยาคูลท์สู่การเป็นนักศึกษาแพทย์มหิดล

(7 มี.ค.68) นางสาวขวัญชนก จุ้ยสกุล หรือน้องธีด้า เยาวชนคนเก่งจากโรงเรียนชลกัลยานุกูล จ.ชลบุรี ลูกสาวแม่ค้าขายยาคูลท์ ซึ่งกำลังจะเข้าเป็นนักศึกษาแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้โพสต์คลิปผ่าน Tiktok : thida.himawari พร้อมคุณแม่ ร่วมแชร์วิธีการสอนลูกให้เป็นคนเก่งและมีความรับผิดชอบ โดยเริ่มต้นจากคำถามแรกที่ว่า แม่สอนภาษาอังกฤษให้น้องธีด้ายังไง

โดยคุณแม่ ได้ตอบว่า ได้เริ่มสอนตั้งแต่เด็กตัวเล็กๆ ที่เริ่มหัดพูด ด้วยประโยคง่าย ๆ สำหรับเด็ก พร้อม ๆ กับสร้างสิ่งแวดล้อมแห่งการเรียนรู้ เช่น การให้ดูการ์ตูนภาษาอังกฤษ แล้วก็พาไปดูหนังในโรงที่เป็นซาวด์แทร็กอย่างเดียว ในขณะเดียวกัน เวลาออกไปข้างนอกก็จะสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษ ด้วยประโยคง่าย ๆ เพราะตัวคุณแม่เองก็ได้เก่งภาษาอังกฤษ จากนั้นพออายุประมาณ 4 – 5 ขวบ เมื่อถึงวัยเข้าเรียน ก็ให้เรียนหลักสูตร English Program ซึ่งก็ทำให้มีการพัฒนาที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ช่วงที่อยู่ประมาณ ป.1 ก็ให้เรียนโฟนิกส์ (Phonics) หรือ วิธีการออกเสียงตัวอักษรภาษาอังกฤษ ซึ่งมองว่าเป็นสิ่งสำคัญในการที่ช่วยในเรื่องของการอ่านได้ดี และเพิ่มทักษะการอ่านด้วย

ขณะที่ คำถามต่อมา น้องธีด้า ถามว่า คุณแม่อยากให้หนูเป็นหมอตั้งแต่เด็กหรือไม่
ซึ่งคุณแม่ได้ตอบว่า ไม่ใช่เลย เพราะหากย้อนไปเทรนด์ในสมัยนั้น อยากให้ลูกเป็น แอร์โฮสเตส เพราะมองว่า การเป็นแอร์โฮสเตสได้เที่ยว และสมัยก่อนนั้น คนที่เป็นแอร์ฯ ดูดีมาก และคิดว่ารายได้สูงน่าจะสูงด้วย จึงอยากให้ลูกเป็นแอร์ แต่เมื่อวันหนึ่งลูกอยากเป็นหมอ ก็แล้วแต่ลูกจะเลือกและไม่ได้ห้าม

และเมื่อลูกมาบอกว่าอยากเป็นแพทย์ ก็ได้แต่บอกว่า มันยากนะ จะทำได้หรือ เพราะก่อนหน้านี้ไม่ใช่เด็กแนววิชาการที่มีผลงาน และไม่ค่อยได้เรียนพิเศษด้วย ดังนั้น จะมาหวังในรอบ 3 จึงมองว่าเป็นเรื่องยาก สำหรับคนที่ไม่ได้เตรียมตัวมาตั้งแต่ต้น แต่เมื่อลูกอยากจะเรียนหมอ ทางแม่ก็ไม่ห้ามและผลักดันและให้การสนับสนุนในทุกด้าน

สำหรับการสนับสนุนให้ลูกสาวได้เป็นนักศึกษาแพทย์จนสำเร็จนั้น ทางคุณแม่ บอกว่า ได้ช่วยหางานและกิจกรรมที่มีความเกี่ยวข้องกับทางการแพทย์ พร้อมกับหาข้อมูลในรอบพอร์ตฟอลิโอ ซึ่งอาจจะไม่ใช่ของแพทย์โดยตรง โดยไปดูว่า เขาไปทํากิจกรรมไหนมาบ้าง เพื่อเป็นตัวเสริม และไม่จําเป็นต้องเกี่ยวข้องกับการแพทย์ทุกอย่างก็ได้

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าคุณแม่จะไม่ห้าม และไม่อยากให้หยุดฝัน แต่ก็มีแอบกังวลอยู่บ้าง กลัวว่าลูกจะทำไม่ได้ พร้อมกับบอกว่าให้ลองวิชาชีพอื่นก่อนไหม กระทั่งพูดบ่อย ๆ  เข้าตัวน้องก็บอกว่า ตัวเขาเองยังไม่ละความพยายามเลย หลังจากนั้นเลิกกังวล พร้อมเฝ้ามองถึงความตั้งใจได้เห็นถึงความพยายาม และถึงวันนี้ยอมรับและภูมิใจในสิ่งที่น้องทำได้สำเร็จเป็นนักศึกษาแพทย์ตามที่ฝันไว้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top