Sunday, 8 June 2025
นพวรรณหัวใจมั่น

ดีอีเอส เตือนอย่าคิดสั้นรับจ้างเปิดบัญชีม้า หรือขายบัญชีให้แก๊งมิจฉาชีพ กร้าวถ้าตรวจสอบพบ “ไม่รอด” ต้องถูกดำเนินคดีฐานเป็นตัวการหรือผู้สนับสนุนการทำความผิดฐานฉ้อโกงด้วยเช่นกัน มีระวางโทษทั้งจำและปรับ

นางสาวนพวรรณ หัวใจมั่น โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฝ่ายการเมือง (ดีอีเอส)  กล่าวว่า ปัจจุบันพบผู้นำบัญชีธนาคารไปขายให้แก๊งมิจฉาชีพจำนวนมาก รวมถึงรับจ้างเปิดบัญชี  เพื่อให้มิจฉาชีพใช้เป็นบัญชีม้าในการกระทำผิดฐานฉ้อโกง โดยใช้เป็นช่องทางในการรับเงินและถ่ายโอนเงินจากการกระทำความผิด ป้องกันไม่ให้มีพยานหลักฐานเชื่อมโยงมาถึงตัว เพื่อใช้หลอกหลวงประชาชน

ทั้งนี้ อยากขอเตือนผู้มีพฤติกรรมดังกล่าวให้หยุด เพราะเมื่อมีการตรวจสอบแกะรอยพบเส้นทางการเงินของแก๊งมิจฉาชีพ เจ้าของบัญชีเงินฝากที่เป็นผู้เปิดบัญชีม้าอาจต้องถูกดำเนินคดีฐานเป็นตัวการหรือผู้สนับสนุนการทำความผิดฐานฉ้อโกงด้วยเช่นกัน โดยอาจถูกดำเนิน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 หรือ มาตรา 86

นอกจากนี้ กรณีที่ควรรู้ได้ว่า บัญชีดังกล่าวจะถูกนำไปใช้ในการกระทำความผิด เจ้าของบัญชีจะมีความผิดฐานฟอกเงิน ต้องระวางโทษจำคุก 1-10 ปีหรือปรับตั้งแต่ 20,000 ถึง 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินพ.ศ. 2542 

DES แนะวิธีลงทุนออนไลน์ไม่ให้โดนหลอก ระวังคำชี้ชวน ‘ผลตอบแทนสูง – ใช้ภาพคนมีชื่อเสียง’

วันที่ 25 พ.ย. 2565 น.ส.นพวรรณ หัวใจมั่น โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฝ่ายการเมือง (ดีอีเอส) กล่าวว่า ปัจจุบันมีการเชิญชวนให้ลงทุนออนไลน์จำนวนมาก ซึ่งอาจมีมิจฉาชีพเข้าหลอกลวงประชาชนให้ลงทุนออนไลน์ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนหุ้น, ลงทุนคริปโทฯ และลงทุนธุรกิจต่างๆ ที่มักจะมีข้อเสนอ เชื้อเชิญ จูงใจชวนให้อยากร่วมลงทุน ซึ่งศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จึงได้แนะนำวิธีการ ‘ลงทุนออนไลน์อย่างไรไม่ให้ถูกหลอก' ดังนี้

1. อย่าด่วนตัดสินใจในการลงทุน โดยเฉพาะการเชิญชวนผ่าน social media หรือแอปพลิเคชันต่าง ๆ ควรตรวจสอบรายละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง

2. สังเกตสัญญาณเตือนกลโกงจากข้อเสนอการลงทุน โดยส่วนมากมักจะมีข้อเสนอที่อ้างผลตอบแทนสูง, มีการรับประกันผลตอบแทน, เร่งรัดให้ตัดสินใจลงทุน และดึงดูดใจด้วยสินทรัพย์ใหม่ ๆ

‘นพวรรณ’ ผู้สมัครส.ส.พปชร. ลงพื้นที่รับฟังปัญหาพ่อค้าแม่ค้า ปมค่าแก๊สแพง ลั่น!! หากได้เป็น รบ. จ่อเสนอทันทีลดเหลือ 250 บาท

(16 เม.ย.66) ภญ.นพวรรณ หัวใจมั่น ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เบอร์ 12 เขตบางเขน (เฉพาะแขวงท่าแร้ง) สายไหม (เฉพาะแขวงออเงิน) ลาดพร้าว (เฉพาะแขวงจรเข้บัว) พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า ในการลงพื้นที่และได้พบปะพูดคุยกับพ่อค้าแม่ค้าในตลาด ได้รับเสียงสะท้อนในเรื่องของราคาแก๊สถังขนาด 15 ก.ก.มีราคาประมาณถังละ 400 กว่าบาท จึงได้นำเสนอนโยบายพรรคที่จะช่วยลดต้นทุนให้พ่อค้าแม่ค้า และช่วยลดค่าครองชีพให้ประชาชนได้ทันที โดยพรรคมีนโยบายลดราคาแก๊สให้เหลืออยู่ที่ถังละ 250 บาท ซึ่งประชาชนที่ได้ฟังนโยบายพรรคพลังประชารัฐในวันนี้มีการตอบรับที่ดีมาก โดยระบุว่า อยากให้มีนโยบายที่ดีที่ช่วยเหลือประชาชนออกมา  

"ถ้าอยากได้น้ำมันราคาถูก ก็ต้องเลือกพรรคพลังประชารัฐไปเป็นรัฐบาล เพราะ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐมีเป้าหมายที่จะแก้ปัญหาปากท้องและลดค่าครองชีพให้กับพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ทันทีที่พรรคได้จัดตั้งรัฐบาล เราทำได้จริง ไม่ขายฝัน ดังนั้นขอให้ประชาชนช่วยสนับสนุนเลือกพรรคพลังประชารัฐทั้ง 2 ใบ ทั้งคนและพรรค พรรคพลังประชารัฐ เบอร์ 37"ภญ.นพวรรณ กล่าว

‘นพวรรณ’ เปิดเหตุผลเด็ด ย้ำเตือนคนกทม. ทำไมต้องเลือก ‘พปชร.’ ชูนโยบาย ‘ก้าวข้ามความขัดแย้ง-แก้ปัญหาปากท้อง-กองทุนพัฒนาท้องถิ่น’

‘นพวรรณ’ เปิดเหตุผลคนกทม. ต้องเลือก พปชร. พรรคชัดเจน แก้ปัญหาปากท้อง – ก้าวข้ามความขัดแย้ง

‘นพวรรณ หัวใจมั่น’ เปิดเหตุผลทำไมคนกรุงเทพ ต้องเลือก ‘พลังประชารัฐ’ โชว์นโยบายเด็ด ตั้งกองทุนประชารัฐนำเงินแสนล้านพัฒนาพื้นที่ กทม. เดินหน้าแก้ปัญหาปากท้องประชาชนแบบเร่งด่วน พร้อมก้าวข้ามความขัดแย้ง สร้างความปรองดองเพื่อชาติบ้านเมือง

ภญ.นพวรรณ หัวใจมั่น ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เขต12 (เขตบางเขน แขวงท่าแร้ง เขตสายไหม แขวงออเงิน เขตลาดพร้าว แขวงจรเข้บัว) เบอร์ 12 ได้กล่าวถึงเหตุผลที่คนกรุงเทพต้องเลือก พปชร. ว่านอกจากทางพรรคพลังประชารัฐ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรค ที่มีจุดยืนต้องการก้าวข้ามความขัดแย้ง เพื่อเดินหน้าสร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติบ้านเมืองแล้ว ในด้านนโยบายที่ทางพรรคจะผลักดันออกมานั้น ล้วนแต่ทำเพื่อแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน เหมือนดังเช่นที่ผลักดันจนสำเร็จมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการแก้หนี้นอกระบบ และแก้ปัญหาน้ำ

ทั้งนี้ พลเอกประวิตร มีความเป็นห่วงประชาชนอย่างยิ่ง จึงได้มอบหมายให้ทีมเศรษฐกิจของพรรคคิดนโยบายด้านปากท้อง ลดค่าครองชีพ ออกมาเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ทั้งการลดราคาน้ำมันเบนซิน 18 บาท ลดดีเซล 6.30 บาท หรือการลดราคาแก๊สถัง 15 ก.ก. เหลือถังละ 250 บาท ซึ่งสามารถทำทันทีที่เป็นรัฐบาล รวมไปถึงนโยบายลดค่าไฟฟ้า ที่จะปรับโครงสร้างราคาที่มีการคิดเงินซ้ำซ้อนอยู่หลายส่วน ซึ่งจะทำให้สามารถลดค่าไฟฟ้าลงเกือบ 50% เหลือเพียงหน่วยละ 2.50 บาทเท่านั้น ซึ่งทั้งหมดนี้ก็จะช่วยให้ทุกคนมีเงินเหลือไปใช้จ่ายอย่างอื่นเพิ่มขึ้น

ขณะเดียวกัน ทางพรรคพลังประชารัฐ ยังได้มอบหมายให้ทีมเศรษฐกิจไปศึกษาถึงการตั้งกองทุนประชารัฐ 300,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นกองทุนระดับประเทศในสมัยหน้า ถ้า พปชร.ได้เป็นรัฐบาลจะมีกองทุนนี้ภายใน 4 ปี เป็นการนำเงินจากรัฐบาลกลางเข้าไปช่วยพัฒนาท้องถิ่น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top