Sunday, 18 May 2025
ท่องเที่ยวไทย

'รัฐบาล' ปลื้ม!! 5 เดือน ต่างชาติเที่ยวไทยแตะ ‘14 ล้านคน’ สูงกว่าปีก่อน 38% ตอกย้ำ!! IGNITE Thailand ศูนย์กลางท่องเที่ยวแห่งภูมิภาค สัมฤทธิ์ผล

(6 มิ.ย. 67) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ที่เป็นฟันเฟืองสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างรายได้เข้าประเทศ พร้อมพัฒนาศักยภาพบุคลากรในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวต่อเนื่อง ต่อยอดการผลักดันไทยตามวิสัยทัศน์ IGNITE Thailand ให้เป็นศูนย์กลางเมืองท่องเที่ยว (Tourism Hub) ของภูมิภาค และเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ยืนยันด้วยสถิติ 5 เดือน 1 ม.ค. - 31 พ.ค.ชาวต่างชาติเดินทางมาไทยแล้ว กว่า 14 ล้าน 7 แสนคน 

โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงแรงงาน และสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมกันจัดกิจกรรมการพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเพื่อสร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยวและเพิ่มมูลค่าการท่องเที่ยวไทย หรือ IGNITE TOURISM THAILAND: TAT Skill Factory ในวันที่ 15 - 16 มิ.ย.นี้ ครอบคลุมเนื้อหาด้านการให้บริการด้วยความเป็นไทย การใช้ภาษาอังกฤษในงานบริการ และการจัดการความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว ให้แก่บุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว 3 กลุ่มเป้าหมายหลัก ได้แก่ แรงงานด้านการให้บริการในภาคการท่องเที่ยว ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว รวมถึงหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสริมสร้างศักยภาพ และทักษะด้านความเป็นเลิศในการบริการให้ได้มาตรฐานระดับสากล 

นายชัย กล่าวว่า สถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยในช่วง 5 เดือนแรก ระหว่าง 1 มกราคม - 31 พฤษภาคม 2567 พบว่า 5 เดือนแรกของปีมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 14,760,911 คน สร้างรายได้ 701,429 ล้านบาท หรือเมื่อคำนวณเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (2566) เท่ากับมีจำนวนเพิ่มขึ้นร้อยละ 38 โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ อันดับ 1 จีน 2,911,370 คน อันดับ 2 มาเลเซีย 2,012,406 คน อันดับ 3 รัสเซีย 848,473 คน อันดับ 4 อินเดีย 842,580 คน และอันดับ 5 เกาหลีใต้ 803,574 คน ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ คือตลอดทั้งปี 2567 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมรวมกว่า 35 ล้านคน

‘นายกรัฐมนตรี เชื่อมั่นว่ารัฐบาลสามารถดึงศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของไทยได้เพิ่มอีก ทั้งจากการประเมินสถานการณ์ การทำงาน และกำหนด พัฒนาแผนการทำงานที่ดีขึ้น รวมทั้ง การร่วมกันจัดอบรมพัฒนาบุคลากร ซึ่งล้วนเป็นความมุ่งมั่น ตั้งใจ ของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่พร้อมขับเคลื่อนไทยให้เป็น Tourism Hub และจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยนายกรัฐมนตรียืนยันว่า ไทยยังมีแผนจะจัดกิจกรรมสนับสนุนการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีนี้และปีหน้าเพื่อเพิ่มมูลค่าการท่องเที่ยว’ นายชัย กล่าว

สวนสัตว์ขอนแก่น ผ่านการรับรองมาตรฐานท่องเที่ยวไทย มาตรฐานห้องน้ำสาธารณะเพื่อการท่องเที่ยว ประจำปี 2567

สวนสัตว์ขอนแก่น ได้รับรองมาตรฐานการท่องเที่ยวมาตรฐานห้องน้ำสาธารณะเพื่อการท่องเที่ยว โดยกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

วันที่ 2 กรกฎาคม 2567 สวนสัตว์ขอนแก่น เข้าร่วมพิธีมอบเครื่องหมายมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย ประจำปี พ.ศ. 2567 โดยนางทิพาวดี กิตติคุณ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสวนสัตว์ขอนแก่น รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการสวนสัตว์ขอนแก่น ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ ทั้งนี้สวนสัตว์ขอนแก่น ได้ผ่านการตรวจประเมินและได้รับการรับรองมาตรฐานห้องน้ำสาธารณะเพื่อการท่องเที่ยว โดยกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยมีนายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธี ซึ่งสถานประกอบการที่ผ่านการรับรองมาตรฐานห้องน้ำสาธารณะเพื่อการท่องเที่ยวระดับสากลในครั้งนี้ ใช้แบบประเมินโดยมีเนื้อหาและกรอบดัชนีวัดคุณภาพมาตรฐานห้องน้ำสาธารณะ 5 องค์ประกอบ 28 เกณฑ์ และ 90 ตัวชี้วัด ซึ่งครอบคลุมในด้านความสะอาด ความปลอดภัย ความสะดวก การออกแบบ และการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน และการบริหารจัดการคุณภาพการบริการ

นางทิพาวดี กิตติคุณ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสวนสัตว์ขอนแก่น รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการสวนสัตว์ขอนแก่น กล่าวว่า สวนสัตว์ขอนแก่นรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้เข้าร่วมพิธีรับมอบเครื่องหมายรับรองมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย ประจำปี พ.ศ. 2567 มาตรฐานห้องน้ำสาธารณะเพื่อการท่องเที่ยว ซึ่งสวนสัตว์ขอนแก่นเห็นถึงความสำคัญของห้องน้ำ ในการให้บริการนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการที่สวนสัตว์ขอนแก่น ที่สามารถเข้าถึงการใช้บริการห้องน้ำที่ “สะอาด พอเพียง ปลอดภัย” และส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวมีพฤติกรรมในการใช้ห้องน้ำที่ถูกต้องและต้องมีจำนวนห้องน้ำที่พอเพียงสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไป ผู้พิการ ผู้สูงอายุ และหญิงตั้งครรภ์ ที่สามารถพร้อมใช้งานได้ตลอดเวลาที่เปิดให้บริการ รวมถึงจัดให้มีส้วมที่เหมาะสมทุกคนสามารถใช้บริการได้ง่ายและปลอดภัย มาอยู่ในที่ลับตาแสงสว่างพอเพียง แยกเป็นสัดส่วนชายหญิง สามารถให้ความช่วยเหลืออย่างยังทันท่วงทีในกรณีเหตุฉุกเฉิน อีกทั้งห้องน้ำของสวนสัตว์ขอนแก่นเป็นห้องน้ำรูปแบบใหม่ที่ให้ความสำคัญในด้านความสะอาดพร้อมทั้งมีบรรยากาศโปร่งโล่งสบายและยังมีการให้ความรู้เผยแพร่ในห้องน้ำเช่นความรู้เกี่ยวกับสัตว์ต่าง ๆ การเที่ยวชมสวนสัตว์ติดไว้เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้อ่านในช่วงมาใช้บริการอีกด้วย

‘มหาดไทย’ ขยายฟรีวีซ่าเข้าไทยเพิ่มเป็น ‘93 ประเทศ’ 'หนุนท่องเที่ยว-ติดต่อธุรกิจ-ทำงานระยะสั้น' เริ่ม 15 ก.ค.นี้

(12 ก.ค. 67) รายงานข่าวระบุว่า น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่มุ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ซึ่งต้องดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงการอำนวยความสะดวกแก่ผู้เดินทาง (Ease of Travelling) กระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการออกประกาศกระทรวงมหาดไทย 4 ฉบับ เพื่อปรับปรุงมาตรการการตรวจลงตรา ให้เป็นปัจจุบันสอดคล้องกับสถานการณ์ที่ทั่วโลกมุ่งแข่งขันดึงดูดนักท่องเที่ยวเพื่อสร้างรายได้และกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ

“นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ได้พิจารณาและลงนามประกาศทั้ง 4 ฉบับแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนนำเสนอให้นายกรัฐมนตรีลงนาม จากนั้นจะประกาศในราชกิจจานุเบกษาและทุกฉบับมีผลบังคับพร้อมกันตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค. 67 เป็นต้นไป” น.ส.ไตรศุลี กล่าว

น.ส.ไตรศุลี กล่าวอีกว่า สำหรับประกาศกระทรวงมหาดไทยทั้ง 4 ฉบับ มีดังนี้

1.ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดรายชื่อประเทศและดินแดนที่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยว ทำงานหรือการติดต่อธุรกิจระยะสั้น ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราและให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกิน หกสิบวัน เป็นกรณีพิเศษ มีสาระสำคัญ เป็นการกำหนดรายชื่อประเทศ/ดินแดนที่ได้รับสิทธิยกเว้นการตรวจลงตรา (ยกเว้นวีซ่า หรือ วีซ่าฟรี) สามารถพำนักในประเทศไทยได้ไม่เกิน 60 วัน (ผ.60) เพื่อการท่องเที่ยว การติดต่อธุรกิจและการทำงานระยะสั้น จำนวน 93 ประเทศ/ดินแดน เพิ่มเติมจากเดิมที่มีอยู่ 57 ประเทศ/ดินแดน

2.ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดรายชื่อประเทศที่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือ เอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวจะขอรับการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง มีสาระสำคัญ เป็นการปรับปรุงรายชื่อประเทศที่ได้รับสิทธิตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa on Arrival: VOA) เป็น 31 ประเทศ/ดินแดน เพิ่มเติมจากเดิมที่มีอยู่ จำนวน 19 ประเทศ/ดินแดน

3.ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเพื่อท่องเที่ยวและทำงานทางไกล เป็นกรณีพิเศษ มีสาระสำคัญ เป็นการเพิ่มการตรวจลงตราประเภทใหม่ Destination Thailand Visa (DTV) สำหรับชาวที่ประสงค์จะพำนักในประเทศไทยเพื่อทำงานและท่องเที่ยวไปพร้อมกัน (workcation) ได้แก่ กลุ่มที่มีทักษะสูง กลุ่มอาชีพอิสระ กลุ่มทำงานระยะไกล หรือกลุ่มที่ประสงค์มาพำนักเพื่อเรียนมวยไทยและศิลปะป้องกันตัว การเรียนทำอาหาร การเรียนและฝึกซ้อมกีฬา การรักษาพยาบาล การอบรม การสัมมนา การจัดแสดงศิลปะและดนตรี โดยเมื่อได้รับการตรวจลงตราประเภท DTV แล้วจะสามารถพำนักในประเทศไทยได้ครั้งละไม่เกิน 180 อายุการตรวจลงตรา 5 ปี

4.ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเพื่อศึกษาและทำงาน เป็นกรณีพิเศษ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงสิทธิสำหรับนักศึกษาต่างชาติที่เข้ามาเรียนระดับปริญญาตรีขึ้นไป ที่ได้รับการตรวจลงตรา Non-Immigrant Visa รหัส ED เพื่อดึงดูดผู้ที่มีศักยภาพและทักษะเข้าสู่ตลาดแรงงานของประเทศ โดยขยายเวลาพำนักในประเทศไทยหลังสำเร็จการศึกษา 1 ปี เพื่อหางาน เดินทางท่องเที่ยว หรือทำกิจกรรมอื่นๆ ในประเทศไทยได้

'ททท.' คาด โค้งสุดท้ายปี 67 นทท.แห่เข้าไทย 12.22 ล้านคน หนุนยอดทั้งปีนี้เฉียด 36 ล้านคน สร้างรายได้ประเทศ 1.8 ลลบ.

(2 ก.ย. 67) ช่วงเวลาที่ผ่านมา นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ตลาดท่องเที่ยวต่างประเทศ 4 เดือนสุดท้ายของปี 2567 (ก.ย.-ธ.ค.) เดินทางเข้าประเทศไทย มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว คาดว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 12,226,500 คน หรือขยายตัวเพิ่มขึ้น 20% สร้างรายได้ 652,826 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% เทียบช่วงเดียวกันของปี 2566 ซึ่งใกล้เคียงกับเป้าหมายที่กำหนด 4 เดือนสุดท้ายของปี 2567 คิดเป็นสัดส่วน 97% ของเป้าหมายที่ตั้งไว้ทั้งปีที่รายได้ 673,738 ล้านบาท

สำหรับ คาดการณ์นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยในช่วง 4 เดือนสุดท้าย ยังคงเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวตลาดหลักจากเอเชียตะวันออก รองลงมาคือกลุ่มภูมิภาคยุโรป และเอเชียใต้ ส่วนที่เหลือจากตลาดในภูมิภาคอื่นๆ เช่น โดย 10 อันดับแรกของประเทศที่เดินทางเที่ยวไทยมากที่สุด ได้แก่ จีน 2.03 ล้านคน มาเลเซีย 1.83 ล้านคน อินเดีย 7.07 แสนคน เกาหลีใต้ 7.4 แสนคน รัสเซีย 6.98 แสน ลาว 4.34 แสนคน สิงคโปร์ 4.28 แสนคน ไต้หวัน 3.77 แสนคน ญี่ปุ่น 3.46 แสนคน และสหรัฐ 3.41 แสนคน

“แนวโน้มปี 2567 คาดมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยจำนวน 35.99 ล้านคน เพิ่มขึ้น 28% ถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่ ททท. กำหนดไว้ไม่น้อยกว่า 35 ล้านคน ส่วนรายได้ทางการท่องเที่ยวคาดประมาณ 1.818 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% เมื่อเทียบปีก่อนหน้า”

สำหรับปัจจัยบวกต่อภาคการท่องเที่ยวไทย มีทั้งนโยบายผลักดันการเดินทางผ่านมาตรการ Ease of Traveling ของประเทศไทย อาทิ การผ่อนคลายวีซ่าประเภทท่องเที่ยว การขยายเวลาพำนักในไทยนานขึ้น การยกเว้นยื่นใบ ตม.6 บริเวณด่านชายแดนทางบกทั่วประเทศ เพื่อจูงใจและอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่กำลังวางแผนจะเดินทางให้สามารถตัดสินใจเดินทางมาเที่ยวไทยง่ายขึ้น
รวมถึงปัจจัยจำนวนที่นั่งโดยสาร (Seat Capacity) เส้นทางระหว่างประเทศ มีจำนวนรวม 46 ล้านที่นั่ง คิดเป็นการฟื้นตัว 82% ของจำนวนที่นั่งโดยสารระหว่างประเทศเมื่อปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาด และเติบโตขึ้น 24% เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่มีจำนวนที่นั่งโดยสารประมาณ 37 ล้านที่นั่ง

สอดคล้องกับแนวโน้มความต้องการการเดินทางท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น รวมถึงเทศกาลและกิจกรรมสำคัญ อาทิ วันชาติจีน (1 ต.ค.) เทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ และการเดินทางท่องเที่ยวตามรอยอินฟลูเอนเซอร์ ศิลปินชื่อดังของชาวไทยและต่างชาติ ผ่านการนำเสนอคอนเทนต์ สถานที่ถ่ายทำซีรีส์ คอนเสิร์ต หรือแฟนมีตติงศิลปินไทยและต่างชาติ

ส่วนปัจจัยท้าทายที่คาดว่าจะกระทบต่อการท่องเที่ยวของไทย อาทิ การส่งเสริมตลาดเชิงรุกของคู่แข่งในตลาดเอเชียแปซิฟิก เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน และเวียดนาม ที่จัดโปรโมชันดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มเดียวกับไทย รวมถึงความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและความเสี่ยงเศรษฐกิจขนาดใหญ่ชะลอตัว ความขัดแย้งระหว่างประเทศ ได้แก่ สงครามอิสราเอลกับปาเลสไตน์ อิหร่านกับอิสราเอล รัสเซียกับยูเครน หากยืดเยื้ออาจส่งผลกระทบต่อราคาบัตรโดยสารเครื่องบินแพงขึ้น

นอกจากนี้ ภัยคุกคามจากภัยพิบัติธรรมชาติและภัยก่อการร้าย มีแนวโน้มเพิ่มความถี่เกิดบ่อยครั้งหรือรุนแรง โดยเฉพาะอุณหภูมิโลกมีแนวโน้มสูงขึ้นจากผลของวิกฤติคลื่นความร้อน (เอลนีโญ) แผ่นดินไหว น้ำท่วมใหญ่ จนอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สิน แผนการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวออกต่างประเทศ หรือมาตรการความปลอดภัยในการเดินทาง

นางสาวฐาปนีย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับภาพรวมสถานการณ์ท่องเที่ยวตลาดในประเทศ 4 เดือนสุดท้ายของปี 2567 (ก.ย.-ธ.ค.) มีการเติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คาดมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือน 72.47 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้น 6% หรือคิดเป็น 92% ซึ่งเข้าใกล้เป้าหมายจำนวน 4 เดือนสุดท้ายของปี 2567 ที่ตั้งไว้ และมีรายได้รวม 335,240 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา หรือคิดเป็นสัดส่วน 83% ของเป้าหมายรายได้ 4 เดือนสุดท้ายของ ปี 2567 ที่ตั้งไว้

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มทั้งจำนวนและรายได้ตลาดในประเทศปี 2567 จะยังคงเป็นไปตามคาดการณ์ไว้ โดยมีปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ มาตรการการกระตุ้นท่องเที่ยวจัดผ่านอีเวนต์ การท่องเที่ยวโดยซอฟต์พาวเวอร์ อาทิ อาหาร ภาพยนตร์และซีรีส์ แฟชั่น มวยไทย และเฟสติวัล โดยนโยบายส่งเสริมท่องเที่ยวในประเทศภายใต้แคมเปญ “สุขทันที...ที่เที่ยวไทย” และโครงการ “365 วันมหัศจรรย์เมืองไทย ...เที่ยวได้ทุกวัน” 

'อินฟลูฯ ต่างชาติ' ยกย่อง!! ประเทศไทยดูแลประชาชนได้ดีจริงๆ ยกเคส 'เติมลมยางรถฟรี' แต่ที่อังกฤษต้องเสียเงินและมีเวลาจำกัด

เมื่อไม่นานมานี้ ‘คุณลูค’ หรือ เจ้าของบัญชีติ๊กต๊อก (TikTok) ที่ใช้ชื่อว่า ‘imlukematthew’ ซึ่งเป็นอินฟลูเอนเซอร์ชาวต่างชาติจากสหราชอาณาจักร ที่มาท่องเที่ยวประเทศไทยจนรู้สึกติดใจและอาศัยอยู่ในประเทศอยู่ยาวมาข้ามปีกว่าแล้ว ได้ลงคลิปความประหลาดใจกับสาธารณูปโภคของไทยที่สะดวกในการใช้บริการแบบที่บ้านเกิดของเขาไม่มี โดยได้มีการยกตัวอย่าง การเติมลมยางรถในปั๊มน้ำมันของไทย ที่ใช้กันได้ฟรี ๆ ว่า…

'Thailand is King ประเทศไทยคือ ราชา'

โดยเนื้อหาในคลิปดังกล่าวจะเห็นคุณลูคอยู่ในปั๊มน้ำมันเชลล์ พร้อมกับพูดถึงว่า ใคร ๆ ต่างก็พูดกันว่าประเทศไทยเป็นประเทศยากจน แต่สำหรับเขาที่ได้มาอาศัยอยู่ในประเทศไทยนั้นก็ได้พบว่า ประเทศไทยมีดีกว่าอังกฤษมาก พร้อมกับแพนกล้องไปที่เครื่องเติมลมยางรถในปั๊มเชลล์และเสริมว่า…

“ปกติในอังกฤษนะ เขาจะคิดเงินค่าใช้เครื่องเติมลม ไม่ได้ฟรี แต่ในไทย เราแต่จอดรถตรงนี้ (ที่เครื่องปั๊มลม)”

จากนั้นคุณลูคก็ได้อธิบายเปรียบเทียบความแตกต่างในการใช้บริการเครื่องเติมลมระหว่างปั๊มน้ำมันในไทยและอังกฤษว่า...

“ในอังกฤษมีช่องให้หยอดเหรียญ แล้วพอใส่เหรียญ เครื่องเติมลมก็จะทำงานในเวลาจำกัด แต่ที่ไทยให้ใช้ฟรีไม่จำกัดเวลา”

พร้อมกับย้ำว่า ประเทศไทยนั้นดูแลประชาชนดีจริง ๆ ไม่คิดเงินค่าลมยางรถที่เติมใส่ล้อรถ พร้อมกับทิ้งท้ายว่า 'ทีมไทยแลนด์!!'

ทางด้านชาวเน็ตต่างก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นกับคลิปของคุณลูค ซึ่งส่วนมากจะเป็นการสนับสนุนความคิดเห็นของเขาเช่นกัน “ไม่ใช่แค่ปั๊มเชลล์ครับ ทุกปั๊มเลยครับ แม้แต่ร้านซ่อมรถข้างทาง เขาก็ให้เติมลมฟรีครับ” 

นอกจากความคิดเห็นสนับสนุนแล้ว ชาวเน็ตคนไทยต่างก็ขอบคุณคุณลูคที่รักประเทศไทยและตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่ดูเหมือนธรรมดาสำหรับคนไทยอย่างเรื่องการเติมลมยางในปั๊มน้ำมัน แต่กลับเป็นเรื่องมหัศจรรย์ในสายตาชาวต่างชาติ

ถือเป็นหนึ่งในซอฟต์พาวเวอร์ของไทยในทางอ้อมจริง ๆ

เปิดเลนส์ 'Alex and Coni' ยูทูบเบอร์สายท่องเที่ยวต่างชาติ 'ประเทศไทย' ดินแดนแห่งความฝันที่ทำให้พวกเขาหลงเสน่ห์

(23 ก.ย. 67) ไม่นานมานี้ จากช่องยูทูบ 'Alex and Coni' (Alex ชาวเยอรมนี และ Coni ชาวอาร์เจนตินา) คู่รักผู้ชื่นชอบและหลงเสน่ห์ความเป็นไทย ได้นำเสนอคลิปสารคดีเกี่ยวกับเมืองไทย ที่ถ่ายทอดออกมาในแบบที่คนไทยเองได้เห็นแล้วยังต้องทึ่งกับมุมมองของไทยที่แสนงดงาม ทั้งสถานที่ วัฒนธรรม ผู้คน

ทั้งนี้ หากสังเกตให้ดี นับวันประเทศไทย และการท่องเที่ยวไทย จะยิ่งครองใจชาวต่างชาติที่มีโอกาสได้พลัดหลงเข้ามาต้องมนต์เสน่ห์แห่งดินแดนสยาม ดูได้จากชาวต่างชาติจำนวนมาก เริ่มทำคลิปท่องเที่ยวไทย ซึ่งเปรียบเสมือนการโปรโมตไทยจากใจคนที่ได้สัมผัสจริง ๆ มากขึ้น เช่นเดียวกันกับ ช่องยูทูบ Alex and Coni (Alex ชาวเยอรมนี และ Coni ชาวอาร์เจนตินา) 

สำหรับ Alex and Coni ทั้งสองมองว่า เมืองไทยเปรียบเสมือนดินแดนแห่งความฝันที่ต้องจดจำ ที่อยากค้นหา หลังจากได้มีโอกาสสัมผัสเมืองไทยในมิติที่ลึกขึ้น

ทั้งนี้ โดยพื้นฐาน Alex and Coni นั้นเป็นผู้ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวในเชิงของคุณค่า ที่แฝงไปด้วยเรื่องราวทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย และถ่ายทอดออกมาผ่านคลิป ด้วยมุมมองต่าง ๆ ดังนี้...

พวกเขามักจะออกสำรวจเมืองผ่านที่มีชีวิตชีวา: หาดทรายที่เงียบสงบ และสิ่งมหัศจรรย์โบราณด้วยภาพโดรนในโรงภาพยนตร์และการตัดต่ออย่างมืออาชีพ 

พวกเขามักถ่ายทอดความรู้เชิงวัฒนธรรม: เจาะลึกประวัติศาสตร์, ประเพณี, และประสบการณ์ในท้อง ถิ่นซึ่งทำให้จุดหมายปลายทางแต่ละแห่งไม่ซ้ำกัน

พวกเขามักถ่ายทอดจากประสบการณ์จริง: โดยติดต่อกับคนท้องถิ่น และเปิดฉากการผจญภัยที่น่าตื่นตาตื่นใจด้วยตัวเองเสมอ

และพวกเขามักถ่ายทอดเนื้อหาเกี่ยวกับการศึกษาและแรงบันดาลใจ: เรียนรู้เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวและได้รับแรงบันดาลใจในการสำรวจโลกผ่านเรื่องราวที่ให้ความรู้และน่าสนใจออกมาเป็นเนื้อหาภาพสวยงาม

นี่คือความน่าสนใจหลังจากคลิปที่ทั้งคู่ได้เริ่มปรากฏสู่สายตาคนไทย เพราะนี่ไม่ใช่แค่การรีวิวไทยแบบผ่านๆ แต่เป็นการนำเสนอประเทศไทยแบบตั้งใจในมิติต่าง ๆ แบบที่คนไทยจำนวนมากยังไม่เคยไปสัมผัสเลยด้วยซ้ำ ตั้งแต่ที่เริ่มอัปเดตคลิปลง YouTube / TikTok และ Instagram ตั้งแต่ 20 มี.ค.2023

ล่าสุดคลิปวิดีโอในชื่อ 'ประเทศไทย | ดินแดนแห่งความฝันที่ถูกลืม' (https://youtu.be/Upn-O-M5Mic?si=u_ZG4yf84UIgYdDm) ซึ่งนำเสนอออกมาเหมือนงานสารคดีชั้นยอดนั้น ก็เหมือนกระจกสะท้อนเมืองไทยในทุกมิติไปสู่สายตาชาวโลก

ตั้งแต่เหนือที่เต็มไปด้วยความวิจิตรแห่งวัดดังภายใต้สถาปัตยกรรมที่อ่อนช้อย งดงาม พร้อมเรื่องราวแห่งที่มาที่ไปอันน่าจดจำ พาดผ่านไปยังภาคใต้ของไทย ที่อุดมไปด้วย ทะเล หาดทราย แสงอาทิตย์ ที่สร้างคลื่นขนาดใหญ่กลืนหัวใจทุกนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีโอกาสได้ทอดกายลงทุกแนบทุกหยดทะเลไทยในแดนใต้

นอกจากนี้ ‘รอยยิ้มแห่งสยาม’ ยังเป็นความงดงามที่ Alex and Coni ได้สัมผัสผ่านน้ำใจคนไทย ที่แทบจะกล้าพูดว่า ชาติใดในโลกก็ยังยากจะเทียบได้ในส่วนนี้

แน่นอนว่า วัฒนธรรมไทย อาหารไทย ความทันสมัยแบบร่วมสมัยของแต่ละจังหวัด และความปลอดภัยในสยามประเทศ ก็เป็นอีกจุดเด่นสำคัญที่ทำให้พวกเขาทั้งสอง ยังคงท่องเที่ยวอยู่ในบ้านเราอย่างต่อเนื่อง

เห็นต่างชาติชื่นชมบ้านเราขนาดนี้ คนไทยก็ขอขอบคุณและเป็นกำลังใจให้ผลงานดี ๆ นี้ มีผู้ติดตามมากขึ้น ๆ

อย่าพลาดวิดีโอใหม่ ๆ ของพวกเขา 'Alex and Coni' ได้ที่ Instagram และ TikTok @alexandconi / YouTube www.youtube.com/@alexandconi

ต่างชาติ แห่เที่ยวไทย 9 เดือน ทะลุ 26 ล้านคน โกยรายได้เข้าประเทศกว่า 1.2 ล้านล้านบาท

กระทรวงท่องเที่ยว อัปเดตสถานการณ์ท่องเที่ยวล่าสุด ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 6 ต.ค. 2567 ไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติทะลุ 26 ล้านคนแล้ว สร้างรายได้จากการใช้จ่ายต่างชาติแล้ว 1,244,099 ล้านบาท 

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้อัปเดตสถานการณ์ท่องเที่ยวล่าสุด ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม –6 ตุลาคม 2567 พบว่า  ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเที่ยวไทยแล้วทั้งสิ้น 26,643,454 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 1,244,099  ล้านบาท

จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่
จีน 5,388,047 คน
มาเลเซีย 3,820,087 คน
อินเดีย 1,568,430 คน
เกาหลีใต้ 1,416,015 คน
รัสเซีย  1,181,442 คน

นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยถึง สถานการณ์การท่องเที่ยวระหว่างวันที่ 30 กันยายน – 6 ตุลาคม 2567 พบว่า ปัจจุบันไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยแตะระดับ 26,643,454 คน โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มตลาด โดยเพิ่มขึ้นจำนวน 7.78 % จากสัปดาห์ก่อนหน้า

โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน เดินทางเข้าไทยเพิ่มขึ้น 33.87 % นักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ ที่เดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้น 19.54 % จากการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดต่อเนื่องในวันชาติของทั้ง 2 ประเทศ ส่งผลให้นักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดระยะใกล้ (Short haul) เดินทางเข้ามาจำนวน 479,900 คน หรือเพิ่มขึ้น 6.77 % จากสัปดาห์ก่อนหน้า

ส่วนนักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดระยะไกล (Long haul) เดินทางเข้ามาจำนวน 158,259 คน หรือเพิ่มขึ้น 10.98 % จากการเริ่มกลับมาเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวภูมิภาคยุโรป และสหรัฐอเมริกา

ส่งผลให้ภาพรวมในสัปดาห์นี้ มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 638,159 คน เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 46,090 คน หรือ 7.78 % คิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยเฉลี่ยวันละ 91,166 คน

โดย 5 อันดับแรกของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้แก่ นักท่องเที่ยวจีน 160,474 คน ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 33.87 %  นักท่องเที่ยวมาเลเซีย 85,240 คน ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า 6.43 % นักท่องเที่ยวอินเดีย 37,718 คน ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า 17.46 % นักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ 37,541 คน ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 19.54 % และนักท่องเที่ยวลาว 25,080 คน ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 7.09 %

สำหรับในสัปดาห์ถัดไป คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาทรงตัว จากปัจจัยส่งเสริมการเดินทาง ได้แก่ การมีวันหยุดในประเทศเกาหลีใต้ การเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวก่อนวันหยุดเนื่องในวันชาติจีน การมีมาตรการ Ease of traveling ของรัฐบาล ที่ช่วยเพิ่มการอำนวยความสะดวกในการเดินทางสู่ไทย การยกเว้นบัตร ตม.6 ในด่านทางบก รวมถึงการกระตุ้นและส่งเสริมให้สายการบินเพิ่มจำนวนเที่ยวบินมากยิ่งขึ้น

คลื่นนักท่องเที่ยว 39 ล้าน จ่อทะลักไทยในปี 68 ‘อโกด้า’ เชื่อ จะทุบสถิติสูงสุดก่อนโควิดระบาด

อโกด้า คาดการณ์คลื่นนักท่องเที่ยว 39 ล้านคน จ่อทะลักไทยในปี 68 มาเยือนสูงเป็นประวัติการณ์ ทุบสถิติก่อนโควิดระบาด

(8 พ.ย.67) อโกด้า โฮลดิงส์ (Agoda Holdings) แพลตฟอร์มสำรองห้องพักออนไลน์ชั้นนำ คาดการณ์ว่าประเทศไทยจะได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนสูงสุดในประวัติการณ์ในปี 2568 โดยมีกระแสการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกเป็นตัวกระตุ้น 

ออมรี มอร์เกนสเติร์น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอโกด้า เปิดเผยว่า การยกเว้นวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวและความคึกคักของการบินระหว่างประเทศมายังไทย จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางเข้ามา โดยอโกด้าคาดว่าจำนวนจะสูงถึงกว่า 39 ล้านคนในปีหน้า

การคาดการณ์ดังกล่าวสะท้อนถึงมุมมองเชิงบวก จากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานต่าง ๆ ของไทย ซึ่งมองว่าการท่องเที่ยวจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วหลังจากที่เคยได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของโควิด - 19 สอดคล้องกับการที่จำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

มอร์เกนสเติร์น กล่าวว่า อโกด้าเชื่อมั่นว่าจำนวนผู้เยือนไทยจะสูงเกินสถิติปี 2562 ซึ่งมีนักท่องเที่ยวเกือบ 40 ล้านคนเดินทางเข้ามา สร้างรายได้ให้กับประเทศถึง 6 หมื่นล้านดอลลาร์ เขาเสริมด้วยว่า ข้อมูลของอโกด้าชี้ให้เห็นถึงความนิยมของประเทศไทยในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดย 46% ของนักท่องเที่ยวที่คาดการณ์จะเดินทางเยือนไทยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นครั้งที่สอง สาม หรือสี่ 

ทั้งนี้ ประเทศไทยยังเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมอันดับสองรองจากญี่ปุ่นในการกลับมาเที่ยวซ้ำตามข้อมูลจากอโกด้า

จากข้อมูลของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก เผยว่านับตั้งแต่ต้นปี 2567 เป็นต้นมา ประเทศไทยได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วกว่า 29 ล้านคน ซึ่งกำลังขยับเข้าใกล้เป้าหมายของรัฐบาลที่กำหนดไว้ที่ 36.7 ล้านคนสำหรับปี 2567 ทั้งนี้ การฟื้นตัวในภาคการท่องเที่ยวนี้ถือเป็นสัญญาณบวกสำหรับเศรษฐกิจไทย ซึ่งมีอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในเสาหลัก

‘มาคาเลียส’ ชี้!! ปีใหม่นี้ ‘ภาคเหนือ-อีสาน’ สุดปัง นักท่องเที่ยวเตรียมแห่!! รับลมหนาว ยาวไปถึงปีหน้า

(9 พ.ย. 67) นางสาวณีรนุช ไตรจักร์วนิช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มาคาเลียส (MAKALIUS) ประเทศไทย จำกัด ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มท่องเที่ยวออนไลน์ แหล่งรวม อี-วอเชอร์ ที่พัก ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว กล่าวว่า จากการสำรวจกลุ่มผู้บริโภคในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี พบว่า ลูกค้ากว่า 80% ได้ทำการสั่งซื้อและสั่งจองที่พักในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน ได้แก่จังหวัด เชียงใหม่ เชียงราย น่าน ขอนแก่น อุดรธานี  ตั้งแต่เดือนธันวาคมไปจนถึงเดือนมกราคม 2568 เพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ โดยมีปัจจัยหลักมาจากสภาพภูมิอากาศที่กำลังเข้าสู่ฤดูหนาว รวมถึงนโยบายการสนับสนุนการท่องเที่ยวจากภาครัฐ นอกจากนี้ในส่วนพื้นที่ภาคตะวันออก อย่าง พัทยา ตราด จันทบุรี และระยอง ก็ยังคงได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าไม่แพ้กัน

ดังนั้น ผู้ประกอบการทั้งโรงแรมที่พัก ร้านอาหาร และสถานที่ท่องเที่ยว ต้องเตรียมรับมือเพื่อสร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาใช้บริการในช่วงเวลาดังกล่าว ทั้งนี้ ในส่วนของ มาคาเลียส ซึ่งถือเป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มท่องเที่ยวออนไลน์ที่มีจำนวนสมาชิกรวมกว่า 800,000 คน ได้เตรียมดึงกลยุทธ์ที่ Live Streaming มาปรับใช้ เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงลูกค้าและช่วยแก้เพนพ้อยความวิตกกังวลให้แก่ลูกค้าในเรื่องสถานที่พักไม่ตรงปก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการในยุคปัจจุบัน รองจากความกังวลเรื่องการโดนหลอกและการโกงเงิน

สำหรับแนวทางการสื่อสารโดยรูปแบบ Live Streaming ของมาคาเลียส จะเป็นการผสมผสานระหว่างการไลฟ์สดและการรีวิวซึ่งถือเป็นความเชี่ยวชาญเฉพาะของมาคาเลียส โดยจะทำการไลฟ์จากสถานที่จริง ทั้ง สถานที่ท่องเที่ยว หรือโรงแรมที่พัก ด้วยการพาชมแบบเรียลไทม์ ให้ลูกค้าได้เห็นของจริงก่อนการตัดสินใจทำการจองหรือการซื้อเวาเชอร์ ซึ่งวิธีการดังกล่าวนี้จะทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นว่าจะได้รับคุณภาพจากบริการตามที่ได้เห็น และจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและความมีตัวตนของแบรนด์ นอกจากนี้การไลฟ์สดยังทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ การซักถามข้อสงสัยที่สามารถตอบให้กับลูกค้าได้อย่างทันที เช่น ราคาดังกล่าวนี้ รวมบริการอะไรบ้าง เด็กอายุ 12 ปี มีค่าใช้จ่ายเพิ่มหรือไม่ ถ้าต้องการเตียงเสริมต้องชำระเพิ่มเท่าไหร่ เป็นต้น 

นอกจากการ Live Streaming แล้ว มาคาเลียส ยังได้ร่วมมือกับพันธมิตรจัดโปรโมชั่นพิเศษต่าง ๆ มากมายสำหรับกลุ่มลูกค้าชาวไทยที่มีแพลนการท่องเที่ยวในประเทศช่วงสิ้นปีโดยเฉพาะ อาทิ เชียงใหม่ น่าน และ โซนภาคตะวันออก (พัทยา ระยอง ศรีราชา) ที่ลูกค้าสามารถกดจองผ่านทางช่องทางเว็บไซต์และโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ของมาคาเลียสได้อีกด้วย

สำหรับนักท่องเที่ยวที่กำลังมองหาแพ็กเกจโรงแรมที่พักแบบส่วนตัว พร้อมกิจกรรมต่าง ๆ และโปรโมชันสุดพิเศษ สามารถแวะมาชมได้ที่ https://www.makalius.co.th/ หรือ ดาวน์โหลด application: makalius สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม Line Official @makalius

รองโฆษกรัฐบาล เผย!! ต้องดูแล นทท. ให้ดี หลัง ‘Agoda’ ยกให้เป็นที่หนึ่ง ด้าน ‘ททท.’ เดินหน้าจัด ‘อีเว้นท์กระตุ้นการท่องเที่ยว’ รับไฮซีซั่นปลายปี

(9 พ.ย. 67) นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นิตยสารด้านการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมในสหรัฐอเมริกาอย่าง Travel + Leisure ได้จัดอันดับให้ประเทศไทยให้เป็นจุดหมายแห่งการท่องเที่ยวแห่งปี 2568 จากเสน่ห์ Soft power ที่โดดเด่นของไทยทั้งด้านวัฒนธรรม อาหาร การผสานความเป็นไทยเข้ากับความทันสมัยได้อย่างลงตัว ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นจุดหมายที่ต้องห้ามพลาดสำหรับนักท่องเที่ยวในปีหน้า ขณะที่แต่ละภูมิภาคของไทยมีอัตลักษณ์ที่งดงาม น่าหลงใหลและน่าค้นหา โดยเฉพาะเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ ที่มีความโดดเด่นในฐานะเมืองแห่งวัฒนธรรม มีร้านอาหารชั้นเลิศ และชุมชน LGBTQ+  
(2025 Destination of the Year) (https://www.travelandleisure.com/thailand-destination-of-the-year-2025-8726182

ขณะที่แพลตฟอร์มดิจิทัลด้านการท่องเที่ยวระดับโลก ‘อโกด้า’ (Agoda) ได้จัดอันดับให้ กรุงเทพฯ เป็นอันดับที่ 1 ของ 10 จุดหมายปลายทางที่ได้รับการจองเที่ยวบินมากที่สุด และเป็นอันดับ 2 ของ 10 จุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมสูงสุด และประเทศไทย เป็นประเทศที่ได้รับการจองมากที่สุดอันดับ 2 ของโลก แสดงถึงศักยภาพและจุดแข็งของแหล่งท่องเที่ยวไทย ที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาสัมผัสกับประสบการณ์กิจกรรมการท่องเที่ยวที่น่าสนใจ รวมถึงการตะลุยชิมอาหารรสเลิศในกรุงเทพฯ  และสามารถเที่ยว ชิล ริมหาด บนเกาะกว่า 1,430 แห่งซึ่งการท่องเที่ยวไทยตอบโจทย์ในทุกรูปแบบ 

นางสาวศศิกานต์ กล่าวต่อไปว่า รัฐบาลได้กำชับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้มีความพร้อมในการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศไว้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี 2567 (พฤศจิกายน-ธันวาคม) ที่ถือเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (High season) รวมถึงมาตรการต่างๆ ของรัฐบาลที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางสู่ไทย ทั้งมาตรการ Ease of traveling การยกเว้นบัตร ตม.6 รวมถึงการกระตุ้นและส่งเสริมให้สายการบินเพิ่มจำนวนเที่ยวบินมากยิ่งขึ้น

การจัดอันดับ เป็นเครื่องยืนยันถึงศักยภาพและความสำเร็จของไทยในการเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่หลากหลาย ทั้งในด้านธรรมชาติ กิจกรรม และวัฒนธรรม นายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ได้มีนโยบายส่งเสริมภาคการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเปิดงาน Thailand Winter Festivals ชวนคนไทยและชาวต่างชาติ เที่ยวเมืองไทยเพื่อสร้างรายได้ กระตุ้นเม็ดเงินทางเศรษฐกิจให้กลับคืนสู่ประชาชนต่อไป รองโฆษกรัฐบาล กล่าวทิ้งท้าย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top