Sunday, 19 May 2024
ทิพานัน

‘ทิพานัน’ วอนเพื่อไทย หยุดปั่นกระแส 8 ปี นายกฯทำสังคมสับสน ย้ำปัญหากฎหมายให้ศาล รธน. ตัดสิน เผย ‘บิ๊กตู่’ จัดเอเปคมีแผนดำเนินงานล่วงหน้า หวังสร้างโอกาสและรายได้ตามวาระอายุรัฐบาล ไม่ใช่ข้ออ้างดำรงตำแหน่งต่อ

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี  กล่าวถึงกรณีที่นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวหานายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ชี้ช่องให้นายกฯ อยู่รักษาการต่อไปว่า สิ่งที่ท่านวิษณุได้ชี้แจงเป็นการตอบคำถามของนักข่าวตามหลักกฎหมายและอธิบายกฎหมายให้เข้าใจได้ง่าย  ส่วนที่นายสมคิดเองเออเองว่าเป็นการชี้ช่องนั้น อาจเป็นเพราะคำตอบตามหลักกฎหมายนั้นไม่ถูกใจนายสมคิดจึงแสดงความไม่พอใจในคำตอบและบิดเบือนความเห็นทางกฎหมายให้สังคมกังขาการรักษาการตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

“การปั่นกระแสสังคมที่อยู่เกิน 8 ปีไม่ได้ ในห้วงเวลานี้ เป็นปัญหาที่ต้องไปตีความตัวบทกฎหมาย ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่เป็นองค์กรอิสระและมีหน้าที่วินิจฉัย ไม่ใช่หน้าที่ของ ส.ส.เพื่อไทยหรือฝ่ายใดที่จะวินิจฉัยตีความให้สังคมสับสน” น.ส. ทิพานัน กล่าว 

น.ส. ทิพานัน กล่าวต่อว่า  ส่วนที่จะให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยไม่ต้องฟังคำวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายจากศาลรัฐธรรมนูญนั้น  แสดงให้เห็นว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทย ไม่ต้องการเคารพกระบวนการยุติธรรมอย่างนั้นหรือ  ยิ่งตอกย้ำภาพลักษณ์ที่มีอดีตหัวหน้าพรรค ทั้งนายทักษิณและน.ส.ยิ่งลักษณ์ ละเมิดกระบวนการยุติธรรม เช่น กรณีพยายามติดสินบนตุลาการรวมถึงหลบหนีการดำเนินคดีและการลงโทษคดีทุจริตต่างๆ โดยไม่เคารพกฎหมายใช่หรือไม่

‘ทิพานัน’ โว ปชช.ตอบรับสลากดิจิทัล ลั่น ‘บิ๊กตู่’ ทำได้จริง แก้หวยแพงตรงจุด

‘ทิพานัน’ โว ปชช.ตอบรับสลากดิจิทัล ชี้ ‘บิ๊กตู่’ แก้หวยแพงตรงจุด เล็ง พัฒนาระบบตอบโจทย์ผู้ซื้อ - ผู้ค้ามากขึ้น

เมื่อวันที่ 22 ส.ค. น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกคณะกรรมการแก้ไขปัญหาผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่าที่กำหนด กล่าวว่า หลังจากที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้เปิดจำหน่ายสลากดิจิทัล งวดวันที่ 1 ก.ย. 2565 ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” โดยเพิ่มจำนวนเป็น 10.32 ล้านใบ สามารถขายได้หมดใน 5 วันเท่านั้น สะท้อนถึงผลตอบรับที่ดีของประชาชน ต่อสลากดิจิทัล สร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับสังคม ที่ปฏิเสธการถูกเอารัดเอาเปรียบจากการขายสลากเกินราคาจำหน่าย 80 บาท ที่สำคัญผู้ที่ซื้อสลากดิจิทัลยังมีสิทธิถูกรางวัลที่ 1 จากสลากชุด 9 ใบ ที่ได้รับรางวัลสูงถึง 54 ล้านบาท จึงตอกย้ำความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาสลากเกินราคา ตามนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาในการแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด โปร่งใสเป็นธรรม ตรวจสอบได้ 

'รองโฆษกรัฐฯ' ตอก 'ชลน่าน' หยุดปั่นนายกฯ ลาออก ย้อน!! นายกฯ เถื่อนหนีไปอยู่ดูไบ ส่วน 'บิ๊กตู่' รับฟังคำศาล

รองโฆษกรัฐบาล คอนเฟิร์ม ‘ประยุทธ์’ ยังไม่พ้นเก้าอี้นายกฯ ชี้คำสั่งศาลไม่กระทบการบริหารประเทศ ตอกกลับ ‘ชลน่าน’ หยุดปั่นนายกฯ ลาออก สะท้อนไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม ย้อนนายกฯเถื่อนอยู่ดูไบ

เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2565 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปี ของนายกรัฐมนตรี และมีมติเสียงข้างมากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หยุดปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. 65 จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยนั้น ต้องชี้แจงทำความเข้าใจว่า ผลของคำสั่งไม่ได้ทำให้สถานะตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่มา ตามมาตรา 158 รัฐธรรมนูญ 2560 ถูกยกเลิกไป พล.อ.ประยุทธ์ ยังคงมีตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่เพียงพักการทำงาน การทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีชั่วคราวจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย และเพื่อความต่อเนื่องในการบริหารราชการแผ่นดิน จึงมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มาปฏิบัติหน้าที่รักษาการแทนนายกรัฐมนตรี ดังนั้น คำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไม่มีผลกระทบใดๆ การบริหารประเทศ การปฏิบัติงานของข้าราชการ หรือการดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล สามารถดำเนินต่อเนื่องไปตามปกติ

"นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งมายังท่าน และจะทำหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่ต้องรับผิดชอบปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ท่านพร้อมทำหน้าที่เพื่อประชาชน เพื่อประเทศไทยในทุกๆ วัน" น.ส.ทิพานัน กล่าว

น.ส.ทิพานัน กล่าวต่อว่า ในส่วนระยะเวลาพิจารณาและมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้น อาจจะไม่ต้องใช้ระยะเวลานาน เพราะหากศาลเห็นว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายหรือมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ ศาลอาจประชุมปรึกษาเพื่อพิจารณาและวินิจฉัยโดยไม่ทำการไต่สวนตามมาตรา 58 พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 ได้ ซึ่งเมื่อศาลส่งสำเนาคำร้องไปให้ พล.อ.ประยุทธ์ แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ มีเวลายื่นคำชี้แจงภายใน 15 วันนับแต่วันได้รับสำเนาคำร้องตามมาตรา 54

‘ทิพานัน’ การันตี ‘นายกฯตู่’ ทำทุกอย่างเพื่อปชช. ซัด ‘ทักษิณ’ บิดเบือนข่าวขึ้นค่าแรง แต่ไม่พูดถึงโกงจำนำข้าว

‘ทิพานัน’ ย้ำ ‘บิ๊กตู่’ บริหารประเทศเพื่อประโยชน์ประชาชน ไม่ต้องหนีคุกลี้ภัย ซัด ‘ทักษิณ’ บิดเบือนข่าวค่าจ้างแรงงาน แต่ไม่เคยพูดถึงเรื่องโกงจำนำข้าว ชี้ คงอยู่ในจิตใต้สำนึก 

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณีที่เฟซบุ๊ก CARE คิด เคลื่อน ไทย เผยแพร่ข้อความที่นายทักษิณ ชินวัตร หรือ โทนี่ วู้ดซัม กล่าวพาดพิงด้วยข้อมูลที่คลาดเคลื่อนว่า ตนไม่ทราบว่านายทักษิณได้อ่านข่าวด้วยตนเองหรือไม่ ทำให้ออกมาวิจารณ์กันไปคนละเรื่องเช่นนี้ จนเกือบเข้าใจว่าเป็นปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารดิสเครดิตของฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ที่มักนำข้อมูลหรือคำให้สัมภาษณ์ของตนไปบิดเบือน แต่เมื่อตรวจสอบดูปรากฏว่าเป็นนายทักษิณที่ออกมาให้ความเห็นจริง ๆ ก็ทำให้รู้สึกเห็นใจนายทักษิณที่หลบหนีโทษจำคุกอยู่ไกลในต่างแดน ต้องขออภัยที่ข่าวสารจริงไม่ถึงท่าน หรือมีผู้นำไปถ่ายทอดให้ฟังแบบผิด ๆ ถูก ๆ หรืออาจสะเทือนใจกับคำว่า ‘นายกฯเถื่อน’  ที่เป็นวาทกรรมของพรรคเพื่อไทยเอง ทำให้เข้าใจไขว้เขว แล้วรีบออกมาให้ความเห็น ซึ่งอาจทำให้ประชาชนสับสน จึงอยากชี้แจงความจริงให้พี่น้องประชาชนทราบดังนี้

1. การขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำไม่ได้ขึ้นแค่บางจังหวัด ความจริงคือ ถ้าผ่าน ครม. ก็จะขึ้นทั้งหมด 77 จังหวัดทั่วประเทศ แต่แบ่งเป็น 9 อัตราตามกลุ่มจังหวัดที่แตกต่างกัน เพราะมีสภาพเศรษฐกิจ สังคม ขนาดอุตสาหกรรมและความจำเป็นที่ต่างกัน ตามข้อสรุปการประชุม 3 ฝ่าย

2. ไม่เคยชี้แจงว่า ที่ขึ้นค่าแรงไม่ได้เพราะต้องเอาเงินไปจ่ายหนี้จำนำข้าว ความจริงคือ ได้ชี้แจงประชาชนไปว่า รัฐบาลพยายามหาแนวทางดำเนินการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำมาตลอด แต่เมื่อเจอวิกฤติโควิดจนกระทบธุรกิจของสถานประกอบการในทุกภาคส่วน การขึ้นค่าจ้างในเวลาดังกล่าวจึงไม่เหมาะสม แต่ก็จะทำให้เร็วที่สุดเมื่อสถานการณ์โควิดคลี่คลาย โดยคำนึงผลกระทบทั้งของนายจ้าง-ลูกจ้าง ซึ่งแม้ไม่ใช่เงินของรัฐ เป็นเงินของเอกชนก็ตาม แต่การบริหารนโยบายที่มีหลายส่วนเกี่ยวข้องต้องรอบคอบระมัดระวัง กระทรวงแรงงานจึงมีการประชุมร่วมกันของคณะกรรมการค่าจ้าง 3 ฝ่าย คือ ลูกจ้าง นายจ้าง และรัฐบาล โดยหาสมดุลระหว่าง ‘ค่าจ้าง-เงินเฟ้อ-ค่าครองชีพ’ ก่อนออกนโยบายเพื่อให้ทั้งนายจ้างอยู่ได้และลูกจ้างอยู่ดี จึงมีตัวเลขค่าจ้างขั้นต่ำออกมา

‘ทิพานัน’ วอนอย่าด่วนวิจารณ์เอกสาร 'มีชัย' ปม 8 ปี เตือนสติฝ่ายค้าน ควรรอศาลชี้ขาด อย่าตีรวนรายวัน

รองโฆษกรัฐบาล วอนอย่าด่วนวิจารณ์เอกสารความเห็น 'มีชัย' ปม 8 ปี เผยแพร่ในโลกโซเชียล ชี้แจงกรณี ‘พล.อ.ประยุทธ์' ยังอยู่ในกระบวนการพิจารณา เตือนสติฝ่ายค้านต้องเชื่อมั่นศาลหลังยื่นคำร้องเอง หยุดตีรวนกดดันศาลทำสังคมสับสนรายวัน

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่เอกสารที่อ้างว่าเป็นคำชี้แจงของท่านมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ที่ส่งเป็นเอกสารถึงศาลรัฐธรรมนูญว่า ขอให้สังคมหยุดวิพากษ์วิจารณ์เพราะเอกสารดังกล่าวยังไม่มีการรับรองว่าเป็นเอกสารจริงและเป็นข้อมูลที่ถูกต้องหรือไม่อย่างไร ทั้งนี้ข้อมูลดังกล่าวยังไม่ได้เป็นข้อสรุปคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ในประเด็นปัญหาวาระการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี จึงขอให้สังคมใช้วิจารณญาณก่อนการวิพากษ์วิจารณ์ 

น.ส. ทิพานัน กล่าวว่า หลังมีเอกสารดังกล่าวเผยแพร่ในโซเชียล อาจทำให้สังคมสับสนว่าจะเป็นคำวินิจฉัยของศาล จึงต้องขอชี้แจงว่า หากศาลต้องการข้อมูลหรือคำชี้แจงของท่านมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ก็จะเป็นไปในฐานะพยาน ตามกระบวนพิจารณาของศาล โดยศาลรัฐธรรมนูญได้อาศัยอำนาจตามพรป. ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 27 ที่กำหนดให้การพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญใช้ระบบไต่สวน ศาลมีอำนาจค้นหาความจริง การพิจารณาของศาลต้องเป็นไปโดยรวดเร็ว และในการปฏิบัติหน้าที่ ศาลมีอำนาจเรียกเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณาคดีได้ ซึ่งคำชี้แจงหรือหลักฐานของบุคคลที่ส่งมายังศาล เป็นเพียงข้อมูลส่วนหนึ่งที่อยู่ในกระบวนการพิจารณา ยังไม่ใช่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญตามมาตรา 72 และ 73 ของพรป. นี้

รัฐบาล เร่งจ่ายค่าเสี่ยงภัยอสม. 2 พันบาท ต.ค.นี้ ย้ำ ที่ผ่านมา เพิ่มสิทธิ-หลักประกันความมั่นคงอย่างต่อเนื่อง

‘ทิพานัน’ ย้ำรัฐบาลห่วงใย อสม. เร่งจ่ายค่าเสี่ยงภัย 2,000 บาท ภายในตุลาคมนี้ ชี้ที่ผ่านมารัฐบาล 'พล.อ.ประยุทธ์' เพิ่มสิทธิห้องพิเศษฟรี- จัดตั้งฌาปนกิจสงเคราะห์ เพื่อเป็นหลักประกันความมั่นคงและเสริมสร้างขวัญและกำลังใจให้ อสม.ทั่วประเทศ

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ ครม. มีมติอนุมัติโครงการค่าตอบแทน เยียวยา ชดเชย และเสี่ยงภัย สําหรับการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจําหมู่บ้าน (อสม.) และอาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร (อสส.) ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา-2019 ในชุมชน จำนวนคนละ 2,000 บาท ระยะเวลาปฏิบัติงานเดือนมิ.ย. – ก.ย. 2565 ว่า ในการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนเสี่ยงภัยทางระบบ e-social welfare นี้ กรมบัญชีกลางได้กำหนดปฏิทินการเบิกจ่ายรอบเดือน ก.ย. 2565 สำหรับผลการปฏิบัติงานของอสม.เดือน มิ.ย.-ส.ค. 2565 และเบิกจ่ายรอบเดือน ต.ค. 2565 สำหรับผลการปฏิบัติงานของอสม.เดือน ก.ย. 2565

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า รัฐบาลขอขอบคุณการทำงานหนักที่ผ่านมาของ อสม.และ อสส. ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการช่วยควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 เบื้องต้นในระดับชุมชน โดยเฉพาะการดูแลทั้งมาตรการป้องกัน มาตรการคัดกรอง และมาตรการดูแลกลุ่มเสี่ยงที่เจ้าหน้าที่ อสม. และ อสม. เป็นด่านหน้าเคาะประตูดูแลถึงบ้านสำหรับกลุ่ม 608 ผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงวัย และประชาชนกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟนจึงไม่สามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้ ที่สำคัญคือ อสม. และ อสส. เป็นกลไกสำคัญที่ทำให้สามารถควบคุมโควิด-19 จากโรคติดต่ออันตรายมาเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังได้ โดยระหว่างเดือน มิ.ย.-ก.ย. 2565 ระยะเวลา 4 เดือนที่ เจ้าหน้าที่ อสม.  อละ อสส. ต้องมีภาระงานที่เสี่ยงภัยเพิ่มมากขึ้นสำหรับการควบคุมโควิด-19

‘ทิพานัน’ ยก ‘บิ๊กตู่’ สร้างแต่ความเจริญ ซัด ‘หนี้โกงจำนำข้าว’ ต่างหากคือมรดกบาป

‘ทิพานัน’ ยกผลงาน ‘พล.อ.ประยุทธ์’ มีแต่ ‘มรดกแห่งความเจริญ’ ตอกเพื่อไทย ‘มรดกบาป’ คือหนี้โกงจำนำข้าวและอดีตนายกฯคอร์รัปชันสร้างตำนานถุงขนม 2 ล้าน ทำลายกระบวนการยุติธรรม 

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทยออกมาแสดงความกังวล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะออกพระราชกำหนดกู้เงินอีก 1 ล้านล้านบาทเพื่อการเมือง ไม่เกิดประโยชน์และทิ้งมรดกบาปให้กับประชาชนว่า พรรคเพื่อไทยอาจเข้าใจผิด เพราะสิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์สร้างไว้ มีแต่ ‘มรดกแห่งความเจริญรุ่งเรือง’ ให้กับประเทศไทยและเกิดประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชนในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นด้านโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ เห็นได้ชัดโครงการรถไฟฟ้าหลายสายที่กำลังทยอยเปิดใช้บริการ โครงการรถไฟความเร็วสูง-ทางคู่ การยกระดับคมนาคมทางถนน-ทางราง ยกระดับสนามบินภูมิภาค และปรับปรุงคมนาคมทางน้ำ จนเกิดเป็นศูนย์กลางการเชื่อมการเดินทางแบบไร้รอยต่อของภูมิภาค 

มีการขยายการลงทุนเดินหน้าเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ยกระดับสวัสดิการสังคมด้วยบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายอย่างยั่งยืนทำให้สหภาพยุโรปปลดล็อกใบเหลือง IUU ประมงไทย รวมทั้งแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ จัดระเบียบแรงงานต่างด้าว ปรับภูมิทัศน์ริมคลองเน่าหลายสายและสร้างที่อยู่อาศัยเพื่อสร้างความมั่นคงและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน นอกจากนี้ในเวทีระดับนานาชาติ ประเทศไทยยังได้รับการยอมรับติดอันดับโลกในหลายด้านหลากมิติ ดัชนีการพัฒนามนุษย์ (Human Development Index - HDI) ของประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2556 จนถึงปัจจุบัน

“ที่สำคัญคือสามารถกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบีย ที่จะนำไปสู่ความร่วมมือหลายด้าน เพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจ และเพิ่มรายได้ ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของตัวอย่างมรดกความเจริญที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ได้ลงมือทำไว้” น.ส.ทิพานัน กล่าว

'ทิพานัน' ตอก 'เพื่อไทย' หยุดบูลลี่ 22 ล้านคน เป็นคนจน ชี้!! เป็นกลุ่มที่รัฐต้องการช่วยดูแลลดความเหลื่อมล้ำ

'ทิพานัน' ซัด เพื่อไทย หยุดบูลลี่ 22 ล้านคน เป็นคนจน ยก สถิติปี 60-65 เป้าหมายลดลงกว่า 7 แสนราย ยัน แก้ปัญหากลุ่มเปราะบางให้ดีขึ้น แนะ หากพบข้อมูลบัตรสวัสดิการฯ ไม่สมบูรณ์ ให้แก้ไขภายใน 17 พ.ย นี้

(6 พ.ย. 65) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงการคลัง ปิดรับการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 แล้ว โดยจำนวนประชาชน ที่ลงทะเบียน ตั้งแต่วันที่ 5 ก.ย.-31 ต.ค.ที่ผ่านมา 22,293,473 ราย โดยผู้ที่ลงทะเบียนแล้ว และผ่านขั้นตอนตรวจสอบสถานะแล้ว พบว่า สถานะการลงทะเบียนสมบูรณ์ ไม่ต้องดำเนินการใด ๆ ให้รอการประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติในช่วงเดือนม.ค. 2566  ซึ่งการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติ ที่เข้าเงื่อนไข เพื่อให้การใช้งบประมาณในการให้ความช่วยเหลือได้อย่างประสิทธิภาพ แก้ปัญหาตรงจุดและตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น 

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ส่วนผู้ที่สถานะการลงทะเบียนไม่สมบูรณ์ สามารถตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลได้ที่ที่ว่าการอำเภอหรือสำนักงานเขต หากพบข้อมูลไม่ถูกต้อง ต้องติดต่อขอแก้ไขข้อมูล ที่หน่วยงานรับลงทะเบียนที่ตนเองยื่นเอกสารเท่านั้น ส่วนผู้ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ สามารถติดต่อขอแก้ไขข้อมูลที่หน่วยงานรับลงทะเบียนใดก็ได้ ซึ่งต้องดำเนินการแก้ไขให้แล้วเสร็จภายในวันพฤหัสบดีที่ 17 พ.ย. นี้เท่านั้น

“ขอย้ำว่า จำนวนลงทะเบียนหรือผู้ที่ได้รับบัตรสวัสดิการฯ ไม่ใช่จำนวนคนจนในประเทศไทย แต่เป็นกลุ่มที่รัฐบาลต้องการเข้าไปช่วยดูแลลดความเหลื่อมล้ำ พัฒนาคุณภาพชีวิตของกลุ่มเปราะบางให้ดีขึ้น เป็นหนึ่งในนโยบายในการแก้ไขปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำที่เป็นวาระสำคัญของชาติ  ที่ไม่ใช่คนจนทั้งหมด เพราะทุกรัฐบาลมีเส้นเกณฑ์วัดความจน จากข้อมูลการสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน สำนักงานสถิติแห่งชาติ ที่มีการวิเคราะห์หลายมิติ ซึ่งในปี 2564  ระบุว่าประเทศไทยมีคนจนอยู่ที่ 4,404,616 ล้านคน คิดเป็น 6.32 % ของประชากรทั้งประเทศ โดยเกณฑ์ตัดสินว่าบุคคลนั้นเข้าข่ายจนหรือไม่จนในปี 2564 คือรายได้ต่อเดือนที่ต้องได้ต่ำกว่า 2,802 บาทต่อคนต่อเดือน และหากพิจารณาข้อมูลย้อนไป 10 ปีจากสถิติ ยังพบว่า ในปี 2555 ยังมีคนจนอยู่ถึง 8,441,462 คน  

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ในระหว่างปี 2560-2565 รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังมุ่งมั่นแก้ปัญหาคนจนโดยใช้  Big data และระบบวิเคราะห์ข้อมูลแบบชี้เป้า โดยอ้างอิงฐานข้อมูลการพัฒนาคนแบบชี้เป้า (Thai People Map and Analytics Platform: TPMAP) ที่แตกต่างจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ที่นำข้อมูลคนที่ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มาตรวจสอบและลงพื้นที่โดยเจ้าหน้าที่เพื่อสำรวจสอบถามถึงความรุนแรงของปัญหาตามเกณฑ์ข้อมูลความจำเป็นพื้นฐานของกระทรวงมหาดไทย เช่น ในปี 2560 พบมีคนจน 1,702,499 คน จากการสำรวจ 35,999,061 คน และล่าสุดคนจนเป้าหมายวันที่ 25 ม.ค. 65ในประเทศไทย ที่ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วนเหลือเพียง 1,025,782 คน  จากการสำรวจ 36,103,806 คน และเมื่อแบ่งมิติปัญหาที่ต้องช่วยเร่งด่วนพบว่า 1. ด้านสุขภาพ 218,757 คน 2. ด้านความเป็นอยู่ 220,037 คน 3. ด้านการศึกษา 272,518 คน 4. ด้านรายได้ 506,647 คน 5. ด้านเข้าถึงบริการภาครัฐ 3,335 คน

ดังนั้นจะเห็นได้ว่าไม่ว่าจะสถิติจากตัวชี้วัดใดทั้ง สำนักงานสถิติแห่งชาติ หรือ TPMAP จำนวนคนจนได้ลดลงต่อเนื่อง ยิ่งในช่วงการแก้ปัญหาความยากจนภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเห็นว่าจำนวนลดลงไปหลายล้านคน

รัฐบาล ปลื้ม ผอ.สำนักเลขาเอเปคชมไทย จัดประชุมได้อย่างยอดเยี่ยมระดับโลก

รัฐบาล ปลื้ม ผอ.สำนักเลขาฯเอเปค ชมไทย จัดเอเปค ‘เวิลด์คลาส’ โชว์ภาพลักษณ์-ศักยภาพประเทศระดับโลก ชี้ ดึงอีเวนท์ใหญ่นานาชาติจัดที่ไทย กระตุ้นเศรษฐกิจกระจายรายได้ทุกภาคส่วน

เมื่อวันที่ 17 พ.ย. น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีนางรีเบคกา สตามาเรีย ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการเอเปค กล่าวในการประชุมของเจ้าหน้าที่อาวุโสเอเปค ว่า ชื่นชมการเป็นเจ้าภาพงานประชุมเอเปค 2022 ของไทย ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี ที่ผู้นำจากเขตเศรษฐกิจและผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถกลับมาประชุมแบบพบหน้ากัน ในแง่โลจิสติกส์ สถานที่ของไทยถือว่าอยู่ในระดับเวิลด์คลาสและจัดการได้เยี่ยมยอด เป็นการจัดเตรียมงานที่เป็นเลิศ เอาใจใส่ดูแลให้ผู้เข้าร่วมประชุมมีความปลอดภัย ทั้งจากการเดินทางและจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด-19 ขณะที่สารัตถะการประชุม สามารถทำให้เกิดความคืบหน้าท่ามกลางความท้าทายที่เราเผชิญอยู่ ถือเป็นปีที่ประสบความสำเร็จปีหนึ่งของเอเปค

รัฐบาล ยกระดับบริการ ‘บัตรทอง’ เจ็บป่วยเล็กน้อย รับยาที่ ‘ร้านยาชุมชนอบอุ่น’ ทันที

‘ทิพานัน’ โชว์รัฐบาล ‘พล.อ.ประยุทธ์’ ยกระดับบริการบัตรทอง 'รับยาใกล้บ้าน' เจ็บป่วยเล็กน้อย 16 อาการดูแลทันที ชี้กว่า 2.2 หมื่นราย เข้าถึงการรักษาที่รวดเร็ว ชี้รัฐบาลมุ่งสร้างโอกาสความเท่าเทียม ลดเหลื่อมล้ำทุกมิติ

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มุ่งสร้างโอกาสความเท่าเทียม ลดเหลื่อมล้ำในทุกมิติให้กับประชาชน โดยเฉพาะในด้านสุขภาพ ได้มีการยกระดับและปรับปรุงสิทธิประโยชน์และการรักษาพยาบาลในเชิงรุก เพื่อดูแลให้เข้าถึงประชาชนมากที่สุด ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ รับทราบและพอใจผลการดำเนินการดูแลผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง 30 บาท ให้เข้าถึงบริการปฐมภูมิดูแลโรคทั่วไปหรือการเจ็บป่วยเล็กน้อย (common illnesses) 16 อาการ ในร้านยาที่เข้าร่วมเป็นหน่วยบริการกับ สปสช. โดยไม่มีค่าใช้จ่าย สามารถรับยาได้ทันที ตามที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ร่วมกับสภาเภสัชกรรม โดยมีร้านยาจำนวนกว่า 650 แห่ง กระจายอยู่ทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการ 'ร้านยารูปแบบใหม่' ซึ่งเริ่มให้บริการตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา มีกระแสตอบรับที่ดีจากพี่น้องประชาชนผู้มีสิทธิบัตรทอง เข้ารับบริการเป็นจำนวนมาก โดยข้อมูลล่าสุด (เดือนธันวาคม) ผ่านข้อมูลสรุประบบแดชบอร์ด (Dashboard) พบว่ามีผู้ป่วยเข้ารับบริการ common illnesses ที่ร้านยาแล้วจำนวน 22,842 ราย สะท้อนความเชื่อมั่นโครงการและการจัดระบบดูแลสุขภาพของรัฐบาล

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ส่วนอาการเจ็บป่วยที่ประชาชนผู้มีสิทธิบัตรทองเข้ารับบริการมากที่สุด  5 อันดับแรก ได้แก่ อาการไข้ ไอ และเจ็บคอ จำนวน 12,177 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 46 ของผู้มารับบริการทั้งหมด รองลงมาคืออาการปวดข้อและเจ็บกล้ามเนื้อ จำนวน 6,557 ราย อาการผื่นผิวหนัง ผื่น คัน จำนวน 3,513 ราย อาการปวดท้อง จำนวน 2,515 ราย และความผิดปกติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับตาม จำนวน 1,515 ราย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top