Tuesday, 22 April 2025
ตำรวจทางหลวง

ตำรวจทางหลวง ใจดี "เปลี่ยนไฟท้ายฟรี" ลดเสี่ยงอุบัติเหตุ

พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า บ่อยครั้งสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุของรถจักรยานยนต์ ส่วนหนึ่งมาจากพฤติกรรมการใช้รถที่มีอุปกรณ์ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ตามที่กฎหมายกำหนด ไฟท้ายรถจักรยานยนต์ไม่ส่องสว่าง ทำให้ผู้ร่วมสัญจรบนถนน ขาดทัศนวิสัย สถานีตำรวจทางหลวง 5 กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจทางหลวง จึงได้จัดทำโครงการ “ฮักเน้ออ้าย เปลี่ยนไฟท้ายรถจักรยานยนต์ฟรี” โดยได้มีการจัดทำโครงการไปในชุมชน ตลาดนัด เทศบาล สถานที่ราชการสำคัญ ตลอดจนบูรณาการร่วมกับหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง ออกตรวจเขตในพื้นที่รับผิดชอบบนถนนทางหลวง โดยในขณะออกตรวจเมื่อพบรถจักรยานยนต์ที่มีปัญหาไฟท้ายไม่ติด จะมีการเรียกให้หยุดรถและทำการเปลี่ยนไฟท้ายให้ฟรีเพื่อเป็นการสร้างความปลอดภัยบนท้องถนนให้กับประชาชน และช่วยลดจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ 

พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ กล่าวว่า กองกำกับการ 5 ตำรวจทางหลวง ได้ทำการเปลี่ยนไฟท้ายโดยรถวิทยุตรวจการณ์ไปแล้ว รวมทั้งสิ้นกว่า 2,242 ดวง ทำให้ประชาชนเกิดความตระหนัก มีความระมัดระวัง หมั่นตรวจสอบสภาพรถให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ต่อการใช้งานเสมอ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนมากขึ้น และลดโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน 

ซึ่งจากสถิติ เปรียบเทียบการเกิดอุบัติเหตุระหว่างรถจักรยานยนต์กับรถอื่น ๆ ในช่วงเวลา 18.00 น. ถึง 06.00 น. (ช่วงกลางคืน) ในพื้นที่ จว.พะเยา และ จว.เชียงราย เปรียบเทียบกันระหว่าง ก่อนและหลังทำโครงการ พบว่ามีจำนวนอุบัติเหตุลดลงกว่า 41.37% 

กองบังคับการตำรวจทางหลวง ครบรอบ 62 ปี เดินหน้าปรับแนวทางปฏิบัติงาน ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน “เพื่อความเชื่อถือและศรัทธาของประชาชน บนภารกิจพิทักษ์สันติราษฎร์”

วันที่ (30 สิงหาคม 2565) เวลา 07.00 น. พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ ผบก.ทล., พร้อมด้วย พ.ต.อ.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.ชาคริต มงคลศรี รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.สุขสวัสดิ์ คูสิทธิผล รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.จตุพล เร่งถนอมทรัพย์ รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.สุมรภูมิ ไทยเขียว รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.ธนนท์ โตงิ้ว รอง ผบก.ทล., แม่บ้านตำรวจทางหลวง พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจทางหลวงร่วมพิธีบวงสรวงสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำ กองบังคับการตำรวจทางหลวง เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนากองบังคับการตำรวจทางหลวง ครบรอบปีที่ 62 พร้อมมอบทุนการศึกษาแก่บุตร-ธิดาข้าราชการตำรวจทางหลวง จำนวน 426 ทุน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,500,000 บาท และทุนการศึกษาให้แก่เด็กพิเศษ ที่เป็นบุตรข้าราชการตำรวจทางหลวง จำนวน 50,000 บาท 

โดย ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง กล่าวว่า บก.ทล. ได้ถือกำเนิดขึ้นด้วยความร่วมมือระหว่างกรมทางหลวงและกรมตำรวจในขณะนั้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อดูแลและให้บริการพี่น้องประชาชน ผู้ใช้ทางหลวง รวมถึงการปราบปรามอาชญากรรมในหน้าที่ตำรวจ ความเปลี่ยนแปลงทางสังคม เศรษฐกิจ การเมืองและเทคโนโลยี เป็นเหตุให้เราต้องกำหนดเป้าหมาย บทบาท และแนวทางการปฏิบัติงาน ให้เกิดความสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน เพื่อให้ประชาชนเกิดความไว้วางใจ เชื่อถือ ศรัทธา

บชน.-ตร.ทางหลวง จับมือ สสส. จัดอบรมด้านวินัยจราจรให้ความรู้พนักงานขนส่งแฟลช 

พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. กล่าวว่า จากความร่วมมือในปีที่ 3 ต่อเนื่องมาปีที่ 4 บช.น.เล็งเห็นว่า บริษัท แฟลช เอ็กซ์เพรส ให้ความสำคัญ และใส่ใจในการควบคุมดูแลให้พนักงานขับขี่ได้ตระหนักถึงความปลอดภัยบนท้องถนน บช.น.ได้พัฒนาหลักสูตรด้านวินัยการขับขี่ และกฎหมายจราจรฉบับล่าสุด ด้วยในปี 2566 นับเป็นปีแห่งการรณรงค์ด้านการลดอุบัติเหตุ ให้เป็นไปตามนโยบายการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติ เพื่อให้โครงการสำเร็จลุล่วงด้วยดี อันจะมีส่วนช่วยให้เกิดการตระหนักรู้กับภาคเอกชนรายอื่นๆ ในภาพรวม เพื่อให้จำนวนการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนของประเทศไทยลดลงได้อย่างเป็นรูปธรรมในระยะยาวต่อไป 

ด้าน พ.ต.อ.สุขสวัสดิ์ คูสิทธิผล รองผบก.ทล. กล่าวว่า ตำรวจทางหลวง เล็งเห็นด้านความปลอดภัยทางถนน ได้จัดให้เจ้าหน้าที่ของทางหลวง มาให้ความรู้ด้านกฎหมาย และระเบียบกฎเกณฑ์ต่างๆ ด้านการจราจรเพื่อเป็นประโยชน์แก่พนักงานขนส่ง และประชาชน ซึ่งตลอด 3 ปีที่ผ่านมา โครงการดังกล่าวสามารถช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุได้อย่างเป็นรูปธรรมจริง

ทางด้าน นายคมสันต์ ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แฟลช เอ็กซ์เพรส จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้ริเริ่มโครงการขับขี่ปลอดภัย มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563 ด้วยธุรกิจหลักของบริษัทคือ ผู้ให้บริการด้านขนส่ง โดยพนักงานกว่า 70% คือ คูเรียร์ หรือเรียกว่าพนักงานส่งของ ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่บนท้องถนนตลอดทั้งวัน การเสริมสร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยในการขับขี่ถือเป็นเรื่องหลักที่บริษัทฯ ต้องการสร้างให้พนักงานคูเรียร์เกิดความตระหนักรู้ ทั้งในเรื่องกฏระเบียบวินัยจราจร และการปฏิบัติตัวเมื่อต้องใช้ถนนร่วมกับผู้อื่น 

ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สสส. ให้ความสำคัญกับปัญหาอุบัติเหตุทางถนน โดยความปลอดภัยทางถนน โดยสสส. ตระหนักถึงอุบัติเหตุในกลุ่มรถขนส่ง ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนเพิ่มขึ้นมากตามความเติบโตของธุรกิจขนส่งโลจิสติกส์ จึงได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินโครงการขับขี่ปลอดภัยในปีนี้ เนื่องจากเล็งเห็นว่าบริษัท แฟลช เอ็กซ์เพรส มีนโยบายการดำเนินโครงการที่สอดคล้องกับการทำงานของ สสส.โดยบริษัทฯ มุ่งเน้นในเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนน และถือเป็นตัวอย่างที่ดีในฐานะภาคเอกชนรายย่อยที่แสดงออกถึงความตั้งใจในการร่วมลดอุบัติเหตุ

‘ตำรวจทางหลวงขอนแก่น’ รวบ ‘หนุ่มขอนแก่น’ รับจ้างขนยา ‘แก๊งม้าบิน’ ยึดยาบ้า 2.5 ล้านเม็ด

(6 พ.ย. 66) พ.ต.อ.คงกฤช เลิศสิทธิกุล รักษาราชการแทน ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง (รรท.ผบก.ทล.) สั่งการให้ พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง.ผบก.ป. ช่วยราชการ รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.จรุงศักดิ์ จำรูญ ผกก.4 บก.ทล., พ.ต.ต.ฐกร ทองอิงครัต สว.ส.ทล.2 กก.4 บก.ทล. พร้อมกำลังเข้าจับกุมนายธนัตชัย อายุ 31 ปี ชาว จ.ขอนแก่น พร้อมของกลาง ยาบ้า 2,540,000 เม็ด ได้บริเวณริมทางหลวงหมายเลข 224 กม.26-27 ต.กุดเค้า อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น

ก่อนหน้าทางเจ้าหน้าที่รับรายงานว่าจะมีขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ เครือข่ายของชาวลาว ลักลอบลำเลียงยาบ้าจากภาคอีสานเพื่อนำลงไปส่งให้ลูกค้าในจังหวัดภาคกลาง และกทม. จึงนำกำลังออกตรวจสอบ จนกระทั่งพบรถเก๋งโตโยต้าวีออส สีเทา ลักษณะมีพิรุธ จึงขับรถติดตามและเรียกให้หยุดเพื่อขอตรวจสอบ พบผู้ขับขี่คือ นายธนัตชัย จากการตรวจค้นภายในรถพบยาบ้าของกลางทั้งหมดจึงทำการจับกุม

นายธนัตชัย รับสารภาพว่า ตนรับจ้างขนยาบ้ามาจริง โดยผู้ว่าจ้างนั้นเป็นชาว สปป.ลาว ที่ติดต่อกันผ่านช่องทางแชตไลน์ใช้ชื่อว่า ‘ม้าบิน’ ที่ให้ตนเดินทางไปรับรถเก๋งของกลาง ซึ่งจอดไว้ริมถนนใน อ.บุ่งคล้า จ.บึงกาฬ จากนั้นให้ขับรถลงไปส่งที่ จ.สระบุรี ค่าจ้าง 5 หมื่นบาท แต่ตนไปไม่ถึงเพราะถูกจับกุมเสียก่อน นอกจากนี้ผู้ต้องหายังอ้างด้วยว่า เพิ่งจะมาทำเป็นครั้งแรก จึงนำตัวผู้ต้องหาส่งให้พนักงานสอบสวน บช.ปส. สอบสวนขยายผลการดำเนินคดีต่อไป

โซเชียล ชื่นชม ‘ตร.ทางหลวง’ บึ่งรถนำตัวเด็กป่วย ส่งถึงมือหมอ หลังได้รับแจ้งเหตุ มีเด็ก ‘ช็อก-ไข้สูง-ชักเกร็ง’ บนรถสองแถว

(4 พ.ค.67) ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ ‘สถานีตำรวจทางหลวง 5 กองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจทางหลวงสกลนคร’ โพสต์ข้อความระบุว่า 

ประชาชนขอความช่วยเหลือเด็กป่วยบนรถโดยสารมีอาการไข้สูง ชักเกร็ง ก่อนนำขึ้นรถวิทยุตำรวจทางหลวง 4508 ส่งโรงพยาบาลศูนย์สกลนคร ถึงมือคุณหมออย่างปลอดภัย ทำทุกอย่างด้วยสำนึก เพราะเราคือตำรวจทางหลวง

พร้อมคลิปวิดีโอความยาว 02.38 นาที และมีข้อความประกอบในวิดีโอว่า ประชาชนขอความช่วยเหลือมีเด็กป่วยอยู่บนรถโดยสาร บริเวณสี่แยกธาตุ เมืองสกลนคร ซึ่ง รถของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขับไปจอดใกล้กับรถโดยสารแล้ววิ่งลงไป นำทางผู้หญิงสวมเสื้อสีแดงอุ้มเด็กชายรายหนึ่งพร้อมกับหญิงเสื้อขาว ให้ขึ้นบนรถ เจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้นคลิปก็ตัดไปบนรถ เด็กชายก็ร้องงอแงในอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ หญิงเสื้อขาวที่พยายามใช้ผ้าลูบไปที่เด็ก พร้อมกับตบก้นเพื่อเรียกสติของเด็กให้รู้สึกตัว

ขณะเดียวกัน จนท.เปิดสัญญาณไฟไซเรนและรีบบึ่งรถไปยังโรงพยาบาลสกลนคร พร้อมกับประสานงานทางวิทยุสื่อสาร เพื่อขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอำนวยความสะดวกทางจราจร ระหว่างขับรถมีการใช้เสียงขอความร่วมมือจากประชาชนว่าต้องรีบนำเด็กที่มีอาการชักนำส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน สุดท้ายนำส่งถึงมือหมออย่างปลอดภัย

'พล.ต.ท.ประจวบ ฯ' ชื่นชมตำรวจ ภ.4 ที่สามารถจับกุมแก๊งตบทรัพย์ได้อย่างรวดเร็ว และชมเชยตำรวจทางหลวงที่เตือนประชาชนระวังแก๊งตบทรัพย์ พร้อมแนะ 5 วิธีป้องกันตนเอง

(22 ก.ค.67) พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานขับเคลื่อนงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (คจร.ตร.) กล่าวว่า ปัจจุบันพบพฤติการณ์คนร้ายที่ขับรถเบียด จงใจให้รถถูกชนแล้วลงมากรรโชกขอเงิน ทุบกระจก ขู่ยิง เรียกเงิน โดยก่อเหตุมาแล้วหลายครั้งในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี ซึ่งกรณีดังกล่าวสร้างความเดือดร้อนและหวาดกลัวให้กับพี่น้องประชาชน จึงได้กำชับให้ตำรวจจราจร ตำรวจทางหลวง และสายตรวจทุกพื้นที่ดูแลป้องกันเหตุ หากมีเหตุเกิดขึ้นให้รีบติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว

ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ศรีธาตุ , กก.สส.1 บก.สส.ภ.4 และ กก.สส.ภ.จว.อุดรธานี ได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดอุดรธานี ในข้อหา “กรรโชกทรัพย์และทำให้เสียทรัพย์” ซึ่งเป็นหนึ่งในแก๊งตบทรัพย์ที่ก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดอุดรธานีตั้งแต่วันที่ 6 กรกฎาคม 2567 จากการสืบสวนพบว่าคนร้ายมักเลือกเหยื่อเป็นผู้สูงอายุ หรือผู้หญิงที่ขับรถตามลำพัง มักใช้ถนนสายรองที่มีการสัญจรน้อยหรือลักษณะเปลี่ยว โดยจะใช้รถ 2 คันในการก่อเหตุ ให้คันหน้าใช้ความเร็วต่ำ เมื่อเหยื่อพยายามแซง จะเร่งเครื่องจนเกิดการเฉี่ยวชน จากนั้นจะเรียกค่าเสียหาย หากเหยื่อไม่ให้จะทำลายทรัพย์สิน ข่มขู่ เพื่อให้เหยื่อเกิดความกลัว  นอกจากผู้ต้องหาที่จับกุมแล้ว ยังมีการออกหมายจับอีก 2 ราย และอยู่ระหว่างสืบสวนเพิ่มเติมอีก 1 ราย ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวนับแต่เกิดเหตุใช้เวลาเพียง 14 วัน นับว่ารวดเร็ว สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน เป็นที่น่าชื่นชม 

พร้อมกันนี้ พล.ต.ท.ประจวบ ฯ ชมเชยกองบังคับการตำรวจทางหลวงที่ออกมาแจ้งเตือนประชาชน ในการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้กรณีดังกล่าวผ่านเพจตำรวจทางหลวง โดยแนะนำประชาชนที่ต้องพบเจอกับเหตุกรรโชกทรัพย์จากแก๊งตบทรัพย์ ดังนี้

1. ตั้งสติและไม่ควรตอบโต้ทันที : เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ควรรักษาความสงบ ไม่ควรตอบโต้หรือเถียงกับผู้ที่อ้างว่าต้องการค่าเสียหายทันที
2. แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง : หากผู้เสียหายรู้สึกว่ามีสิ่งผิดปกติ หรือถูกบีบคั้นให้จ่ายเงิน ควรโทรแจ้งตำรวจเพื่อให้เข้ามาตรวจสอบสถานการณ์
3. ถ่ายรูปและบันทึกเหตุการณ์ : ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปและวิดีโอเหตุการณ์ รวมถึงการสนทนากับคู่กรณี เพื่อเก็บเป็นหลักฐานในการดำเนินคดีในภายหลัง
4. ตรวจสอบประกันภัย : หากมีประกันภัยรถยนต์ ควรติดต่อบริษัทประกันภัยเพื่อให้เข้ามาดำเนินการและจัดการกับค่าเสียหายตามขั้นตอนที่ถูกต้อง
5. ไม่ควรจ่ายเงินสดทันที : ควรปฏิเสธการจ่ายเงินสดทันที และควรใช้การโอนเพื่อทราบหมายเลขบัญชีของกลุ่มแก๊งดังกล่าว แต่ยังไม่โอนทุกกรณีจนกว่าจะมีเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบว่าไม่ใช่มิจฉาชีพ

ทั้งนี้ หากประชาชนได้รับความเสียหายหรือตกเป็นเหยื่อแก๊งมิจฉาชีพลักษณะดังกล่าว สามารถแจ้งขอความช่วยเหลือได้ที่สายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 191 และ 1599 หรือสายด่วนตำรวจทางหลวง 1193 สำหรับในกรุงเทพมหานคร แจ้งได้ที่สายด่วนกองบังคับการตำรวจจราจร 1197 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

พร้อมดูแลดุจครอบครัว! ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ และตำรวจทางหลวง นำขบวนเปิดทางกว่า 450 กิโลเมตร ส่งทารกอายุ 14 วัน และเด็กน้อย 3 ขวบป่วยวิกฤตถึงโรงพยาบาลได้อย่างรวดเร็วใน 4 ชั่วโมง

วันนี้ (8 พ.ย.67) พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร.) ในฐานะผู้อำนวยการคณะทำงานขับเคลื่อนงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตนพร้อมด้วย พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะรองผู้อำนวยการคณะทำงานขับเคลื่อนงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ที่มุ่งให้ความสำคัญในการอำนวยความสะดวกการจราจรให้แก่พี่น้องประชาชน พร้อมป้องกันและลดอุบัติเหตุบนท้องถนน ซึ่งได้กำชับเน้นย้ำให้ทุกหน่วยนำไปขับเคลื่อนให้มีผลปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม และล่าสุดขอชื่นชมตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ กองบังคับการตำรวจจราจร และตำรวจทางหลวง อำนวยความสะดวกการจราจร เร่งนำส่งเด็กมีอาการป่วยวิกฤต 2 เคส จากจังหวัดขอนแก่นส่งโรงพยาบาลได้อย่างรวดเร็ว โดยได้รับความร่วมมืออย่างดีจากประชาชน รวมถึงตำรวจทางหลวง ตำรวจจราจรท้องที่ และเจ้าหน้าที่การทางพิเศษแห่งประเทศไทย จึงสามารถนำส่งผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย

โดยเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 เวลาประมาณ 08.27 น. ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ ได้รับการประสานงานจากโรงพยาบาลขอนแก่น ว่ามีผู้ป่วยเป็นเด็กทารกแรกเกิดอายุ 14 วัน มีภาวะหลอดเลือดใหญ่หัวใจสลับขั้ว ทางเดินหายใจตีบแคบ ใช้เครื่องช่วยหายใจ ต้องส่งเข้ารับการรักษาต่อที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (โรงพยาบาลเด็ก) เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร เมื่อได้รับแจ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ ได้เข้าสนับสนุนบริเวณ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดทางนำส่งผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลได้อย่างรวดเร็ว

ต่อมาวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 เวลาประมาณ 06.00 น. ได้รับการประสานงานจากโรงพยาบาลขอนแก่น ว่าต้องการตำรวจนำขบวนเปิดเส้นทางเพื่อส่งตัวเด็กหญิง อายุ 3 ปี 4 เดือน ป่วยปอดติดเชื้อขั้นรุนแรง ไปยังโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กรุงเทพมหานคร ตำรวจทางหลวงจึงได้นำเปิดเส้นทาง จนถึง อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริได้เข้าสมทบ นำขบวนเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว และนำส่งผู้ป่วยได้อย่างปลอดภัย ซึ่งเคสนี้เนื่องจากเป็นกรณีที่มีความจำเป็นต้องใช้เวลาในการเดินทางให้น้อยที่สุด จึงต้องขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเปิดเส้นทางเร่งด่วน เพื่อนำผู้ป่วยวิกฤตส่งรักษาต่อยังแพทย์เฉพาะทางโดยเร็วที่สุด เนื่องด้วยระยะทางไกลกว่า 450 กิโลเมตร หากไม่มีรถนำ รถพยาบาลจะสามารถวิ่งได้ด้วยความเร็วที่ไม่มากนัก ไม่สามารถทำเวลาได้เต็มที่และอาจจะเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุขณะเดินทาง พล.ต.ท.ประจวบฯ จึงได้สั่งการให้ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ ตำรวจทางหลวง และตำรวจท้องที่เข้าช่วยเหลืออำนวยความสะดวกนำขบวนเปิดเส้นทางโดยทันที เมื่อได้รับการอำนวยความสะดวกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้ใช้เวลาเพียง 4 ชั่วโมงเท่านั้นในการเดินทาง และถึงที่หมายอย่างปลอดภัย

ทั้งนี้ พล.ต.ท.ประจวบฯ และ พล.ต.ท.กรไชยฯ ได้ชมเชยการปฏิบัติหน้าที่ของทีมตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ ตำรวจทางหลวง รวมถึงตำรวจท้องที่ทุกนาย ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างมืออาชีพ มีทักษะคล่องแคล่ว สามารถให้ความช่วยเหลือ เป็นที่พึ่งของประชาชน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติพร้อมช่วยเหลือ ดูแล และอยู่เคียงข้างประชาชนเสมอ ไม่ว่าจะเหตุด่วน เหตุร้าย เหตุฉุกเฉิน ขอให้นึกถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ เราพร้อมดูแลทุกท่านดุจสมาชิกในครอบครัว 

ด้าน พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร./หัวหน้าคณะทำงานฝ่ายเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร คณะทำงานขับเคลื่อนงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประชาสัมพันธ์ว่า หากพี่น้องประชาชนพบเห็นหรือประสบเหตุ สามารถแจ้ง ขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง ทางช่องทาง
- โทร. 191 จราจรทุก สน./สภ. ทั่วประเทศ 
- โทร. 1197 สายด่วนตำรวจจราจร ในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล 
- โทร. 1193 ตำรวจทางหลวงทั่วประเทศ 
- โทร. 1599 สายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

 'สว.อังกูร' ห่วงความปลอดภัยช่วงสงกรานต์ นำคณะอนุกรรมาธิการฯ ถกร่วมตำรวจทางหลวง เตรียมพร้อมรับมือลดอุบัติเหตุ

เมื่อวันที่ (3 เม.ย.68) ที่ห้องประชุม ชั้น 3 อาคาร 1 กองบังคับการตำรวจทางหลวงพล.ต.ต.อังกูร คล้ายคลึง ประธานคณะอนุกรรมาธิการความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวและการกีฬา วุฒิสภา นำคณะอนุกรรมาธิการ และที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ เดินทางไปศึกษาดูงานความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยว และร่วมประชุมนำโดย พ.ต.อ.โอฬาร เอี่ยมประภาส รองผู้บังคับการตำรวจทางหลวง พ.ต.อ.สุขสวัสดิ์  คูสิทธิผล รองผู้บังคับการตำรวจทางหลวง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้บรรยายสรุปเกี่ยวกับภารกิจและมาตรการส่งเสริมความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 

โดยกองบังคับการตำรวจทางหลวง ได้จัดทำแผนการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน  มีการตรวจสอบและเตรียมความพร้อมทางหลวงพิเศษ หมายเลข 6 สายบางปะอิน - นครราชสีมา (M6) และถนนเส้นอื่นๆ เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 โดยตลอดเส้นทางที่เปิดให้ประชาชนใช้บริการจะต้องมีความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกอย่างเต็มความสามารถ โดยมีเป้าหมายหลัก คือ การลดอุบัติเหตุให้เป็นศูนย์ พร้อมเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงาน บูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด 

จากนั้นเข้าเยี่ยมชมศูนย์ควบคุมสั่งการจราจร ของกองบังคับการตำรวจทางหลวง ณ ศูนย์สั่งการ 1193 ชั้น 4 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ซึ่งมีกล้อง CCTV และศูนย์รับแจ้งเหตุ สายด่วน 1193 เพื่อความรวดเร็วในการแจ้งเหตุอุบัติเหตุ การจราจรติดขัด หรือเหตุด่วนเหตุร้ายบนทางด่วนและทางหลวง ตลอด 24 ชั่วโมง

ทั้งนี้ พล.ต.ต.อังกูร คล้ายคลึง ได้เน้นย้ำการสร้างความร่วมมือในการอำนวยความสะดวกเเก่นักท่องเที่ยว ซึ่งต้องเร่งการประชาสัมพันธ์ให้ทั่วถึง เพื่อให้มีความสะดวกควบคู่ไปกับความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวและประชาชนทุกคนในการเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 นี้

นอกจากนี้ ได้มีพิธีมอบกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมี พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้แทนรับมอบกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุ จำนวน 25,000 สิทธิ์ พร้อมหมวกนิรภัย มอบโดย นายสุวิรัช  พงศ์เสาวภาคย์ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการภายนอก บริษัท เอไอเอ จำกัด เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้ผู้ปฏิบัติงาน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top