Wednesday, 14 May 2025
ตามหาคนหาย

ตำรวจท่องเที่ยวร่วมตามหาคนเยอรมันหาย

วันนี้ (15 ก.ย.65) เวลา 10.00 น. พล.ต.ท. สุคุณ พรหมายน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา โฆษกกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวแจ้งต่อสื่อมวลชนว่า ตามที่ได้มีข่าวแพร่กระจายใน social media หลาย platforms กรณีขอให้สังคมช่วยกันตามหาคนเยอรมันสูญหายชื่อ Mr Tim Pössel ซึ่งเดินทางมาประเทศไทยเมื่อวันที่ 16 ส.ค.65 และติดต่อครอบครัวครั้งสุดท้ายวันที่ 20 ส.ค. 65 จากนั้นได้หายตัวไปโดยไม่สามารถติดต่อได้อีกนั้น 

ทางกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวได้รับทราบกรณีดังกล่าวตามที่แพร่กระจายใน social media แล้วจากการประสานงานของ Police TV ซึ่งตำรวจท่องเที่ยวขอถือโอกาสนี้ขอบคุณทาง Police TV ไว้ ณ ที่นี้ และได้ร่วมเป็นอีกแรงหนึ่งที่ช่วยตรวจสอบและตามหาบุคคลสูญหายรายนี้ด้วย 

โดยการดำเนินการนั้น ได้ประสานกับกงสุลสถานทูตเยอรมันีประจำประเทศไทยเพื่อรับทราบข้อมูลเพื่อที่จะทำงานบูรณาการไปด้วยกัน จากนั้นได้สั่งการไปยังสถานีตำรวจท่องเที่ยวทั่วประเทศให้เร่งสืบหาโดยด่วน รวมทั้งหาข้อมูลการเข้าออกเมืองโดยประสานงานกับสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองด้วย นอกจากนี้ยังติดต่อไปยังเพจต้นทางที่ลงเรื่องนี้ และกำลังพยายามติดต่อกับครอบครัวของผู้สูญหายอยู่ 

โดยเมื่อเย็นวันที่ (14 ก.ย. 65) ก็ได้รับแจ้งข้อมูลว่า Mr Tim Pössel ได้เดินทางออกจากประเทศไทยไปแล้วเมื่อวันที่ (5 ก.ย. 65) โดยผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นจุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 4 

สำหรับข้อมูลทั่วไปที่เปิดเผยได้นั้น Mr Tim Pössel มีชื่อเต็มว่า Timothy  Benjamin Pösel เป็นนักท่องเที่ยวชาวเยอรมัน มีการเข้าออกประเทศไทยหลายครั้ง โดยเข้าครั้งล่าสุดในวันที่ 16 ส.ค.65  และเดินทางประเทศไทยไปล่าสุดวันที่ 5 ก.ย.65 ตามที่ได้กล่าวไป ซึ่งตำรวจท่องเที่ยวขอถือโอกาสนี้แจ้งสื่อมวลชนเพื่อขอความร่วมมือแจ้งไปยัง social media ทุก platforms ต่อกรณีดังกล่าวนี้ด้วย และจะหาทางติดต่อครอบครัวของ Mr Tim Posel ให้ทราบความคืบหน้าต่อไป 

พล.ต.ต. อภิชาติฯ โฆษกกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวได้กล่าวขอบคุณ Police TV ที่ได้แจ้งเรื่องนี้มาให้ทราบ และขอขอบคุณสื่อใน social media ทุก platforms ที่ได้ช่วยกันทำหน้าที่เจ้าภาพที่ดีในครั้งนี้ โดยเมื่อสังคมและประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตาแล้ว ตำรวจก็สามารถทำงานได้ง่ายขึ้น นี่คือบรรยากาศที่ทุกประเทศที่พัฒนาแล้วต้องการอย่างยิ่ง นั่นคือ ความร่วมมือและความเป็นหุ้นส่วนกันระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน โดยหากความร่วมมือในลักษณะนี้เข้มแข็งแล้ว สังคมก็จะปลอดภัย และการท่องเที่ยวก็จะมีความมั่นคง ซึ่งจะทำให้เพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวให้กับประเทศไทยได้อย่างดี นอกจากนี้ยังกล่าวอีกว่า นี่คือการใช้เทคโนโลยีในทางที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ต่อสังคมโลกเป็นอย่างย่ิง ตำรวจท่องเที่ยวพร้อมเสมอที่จะรับใช้สังคมและประชาชน และดูแลความปลอดภัยคุ้มครองนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศทุกคนที่เดินทางมาเที่ยวประเทศไทย

'หนุ่มปัตตานี' พลัดถิ่นไป 'อินโดนีเซีย' นานเกือบ 30 ปี ตามหาครอบครัว หลังหลงขึ้นเรือสินค้า จนต้องจากบ้านเกิดมาตั้งแต่อายุ 11 ปี

(22 มิ.ย.67) เพจเฟซบุ๊ก ‘BANG DUL’ ได้โพสต์คลิปเพื่อตามหาครอบครัวให้กับชายชาวไทยที่ชื่อว่า ‘อนันต์’ ซึ่งชายคนนี้ได้พลัดหลงไปกับเรือสินค้า จนต้องไปใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศอินโดนีเซีย โดยในคลิปนั้น มีใจความว่า

ประกาศตามหาครอบครัวชาวไทยคนหนึ่ง ซึ่งพลัดถิ่นมาอยู่อินโดนีเซีย เกือบ 30 ปีแล้วที่ไม่ได้กลับบ้านที่ประเทศไทย เรื่องของเรื่องก็คือมีชาวไทยคนนึงได้เดินทางมาทำธุระ ที่หมู่เกาะรีเยา ประเทศอินโดนีเซีย จากนั้นเมื่อชาวบ้านรู้ว่ามีคนไทยมาเยือนที่นี่เขาก็ได้พาคุณอนันต์ มาเจอกับชาวไทยดังกล่าว ซึ่งคุณอนันต์ก็ได้เล่าว่าตัวเองนั้นเป็นคนไทย ซึ่งมาจากจังหวัดปัตตานี 

ซึ่งเมื่อ 11 ปีก่อน ก็ได้หลงขึ้นมาอยู่บนเรือสินค้า แล้วเรือลำนั้นก็ออกจากจังหวัดปัตตานี ซึ่งในขณะนั้นก็ไม่รู้ว่าเรือจะไปที่ไหน เมื่อเวลาผ่านไปก็เริ่มสงสัยว่าทำไมเรือถึงไม่ไปจอดที่ท่าเรือจังหวัดปัตตานีเสียที จึงได้ตัดสินใจกระโดดลงน้ำ แล้วก็ว่ายน้ำไปขึ้นฝั่งที่ หมู่เกาะรีเยา ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งในขณะนั้นมีอายุเพียง 11 ขวบเท่านั้น เมื่อชาวบ้านเห็นเขาก็ได้ให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการให้ที่พักอาศัยให้อาหาร แล้วก็พยายามจะส่งเขากลับมาที่ประเทศไทย แต่สิ่งที่เป็นอุปสรรคนั้นก็คือ นายอนันต์นั้นไม่มีเอกสารประจำตัว ไม่ว่าจะเป็นบัตรประชาชนพาสปอร์ตหรือเอกสารประจำตัวใดๆ เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาก็ไม่ต่างกับบุคคลที่ไม่มีสัญชาติ จะเป็นคนไทยก็ไม่มีเอกสารจะเป็นคนอินโดนีเซียก็ไม่ใช่

เขาได้อยู่ที่ประเทศอินโดนีเซียมาเกือบ 30 ปีแล้ว ประมาณ 28 ปีแล้วที่ไม่ได้กลับบ้าน เขาบอกว่าเขายังจำครอบครัวได้ดี เขามีแม่แล้วเขาก็มีน้องชายอีกคนหนึ่ง ซึ่งแม่ของเขานั้นมีชื่อว่าจันทรา แต่สิ่งที่น่าเสียดายก็คือเขาไม่สามารถจะจดจำนามสกุลของตัวเองได้

แต่ว่าถ้าใครรู้จักครอบครัวของคุณอนันต์ ก็สามารถส่งข้อมูลมายังอีเมล [email protected] ได้ ช่วยกันเพื่อเป็นโอกาสให้เขา สามารถติดต่อกับครอบครัวของตัวเองได้

ถ้าใครเห็นข่าวนี้ก็รบกวนขอช่วยกันแชร์ เพื่อเป็นโอกาสให้นายอนันต์ ได้กลับไปยังบ้านเกิด ให้เขาได้กลับไปพบกับครอบครัวของตัวเองอีกครั้ง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top