Sunday, 29 June 2025
ดร.กอบศักดิ์

‘ดร.กอบศักดิ์’ โพสต์ข้อความสุดประทับใจหลังจบหลักสูตร วปอ. เผย ได้เรียนรู้มากมายหลากหลายมุมมอง ทั้งประโยชน์และยุทธศาสตร์ชาติ

(19 มี.ค. 68) ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรียนจบแล้ว เป็น 1 ปีที่มีความหมายที่ วปอ. เป็นหลักสูตรที่สอง ที่เข้าเรียนในช่วง 30 ปี

ตัดสินใจสมัคร เพื่อเข้าใจมุมมองด้านการทหาร ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างมหาอำนาจ ท่ามกลางสงครามที่ยูเครน ตะวันออกกลาง ตลอดจนความคุกรุ่นจากการเผชิญหน้าที่รอบๆ ไต้หวันและทะเลจีนใต้

ได้พบกับท่านอาจารย์ ท่านวิทยากร พี่ๆ เพื่อนๆ ได้เรียนรู้ เห็นสิ่งต่างๆ มากมาย ประโยชน์ของชาติ ยุทธศาสตร์ชาติ 
Ends Ways Mean Center of Gravity …

ได้รู้จักทุกคน ใช้เวลานับพันชั่วโมง ช่วยกันถกเถียง ช่วยกันคิด ช่วยกันเขียน “เปลี่ยนใหญ่ประเทศไทย : Thailand Next” ข้อเสนอของ วปอ 66

พี่ๆ ทุกคนตั้งใจกันมาก น้อง ๆ ทีมงานก็ทุ่มเทสุดตัว ตั้งใจให้เป็นผลงาน ที่ช่วยให้เราเห็นทางว่า ถ้าเราจะเปลี่ยนแปลง นำไทยไปสู่อนาคตที่สดใส รุ่งเรือง ไม่แพ้ใคร เราต้องทำอะไร

ได้ร่วมกับพี่ๆ หมู่นกเค้าแมว (ฮูก ฮูก ฮูก) จัดทำโครงการ Carbon Credit เพื่อชุมชนที่ยั่งยืน ที่บ้านถ้ำเสือ แก่งกระจาน เพชรบุรี ใช้เวลารวมกันอีกหลายพันชั่วโมง จัดทำโครงการเพื่อเอาพลังของทุกคน

ทุกหน่วยงาน ไปช่วยกันพัฒนาสร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคม ลงพื้นที่ทำงานกับพี่น้องชุมชน และหน่วยงานต่าง ๆ ทุกคนตั้งใจมาก เอาจริงเอาจัง นำไปสู่แนวคิดการพัฒนารายได้ชุมชนทั้งระยะสั้น กลาง ยาว เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในการพัฒนาพื้นที่ และเป็นต้นแบบสำหรับการทำประโยชน์เพื่อสังคม

ได้เขียนเอกสารการวิจัยส่วนบุคคล “แนวทางการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาส และความเสมอภาคของไทย” ซึ่งเป็นเรื่องที่สนใจศึกษา วิจัย ทำมาทั้งชีวิตการทำงาน ใช้เวลาอีกมากมาย นับพันชั่วโมงเช่นกัน ในการคิดทบทวน วิเคราะห์ กลั่นกรอง เขียนงานวิจัยว่า ทำไมประเทศไทยถึงพ่ายแพ้สงครามกับความเหลื่อมล้ำ ทั้งที่ได้ใช้เงินงบประมาณในหลายสิบปีที่ผ่านมา หลายสิบล้านล้านบาท เฉพาะเรื่องนี้เรื่องเดียว ทุ่มลงไป เพื่อให้ความเหลื่อมล้ำลดลง แต่ยิ่งทำ ยิ่งพัฒนา ชนบท ชุมชน ต่างอ่อนแอ มีแต่หนี้ สูญเสียที่ดินทำกิน

ปัญหาจริงๆ คืออะไร ถ้าอยากเอาชนะ ต้องทำอะไร เป็นโอกาสได้ทำการวิจัยอย่างจริงจังอีกครั้งในรอบ 10 ปี รวบรวมประสบการณ์ของตนเอง ที่เคยเป็นทั้งนักวิชาการ นักพัฒนาสังคม ผู้ทำโครงการเพื่อสังคมในภาคเอกชน และเคยอยู่ในภาครัฐเป็นผู้กำหนดนโยบายและช่วยเขียนกฎหมายเพื่อชุมชน คนตัวเล็ก จัดทำข้อเสนอที่มั่นใจว่า จะช่วยพลิกจากความพ่ายแพ้เป็นชัยชนะ สร้างสังคม เศรษฐกิจที่ให้โอกาสกับทุกคน ลดความเหลื่อมล้ำให้เหลือเพียงที่จำเป็น นำไปสู่ความสำเร็จในการพัฒนาที่แท้จริง

นอกจากนี้ ยังได้เข้าร่วมการฝึกร่วมยุทธเสนา 67 ต่อสู้กับ ”ประเทศ“ ที่มารุกราน ร่วมปกป้องอธิปไตยของเรา กับทุกคนจากหลักสูตรต่างๆ ของทางกองทัพ จนข้าศึกต้องยอมความ ยุติความตั้งใจที่จะรุกราน ได้รับความรู้อย่างมากมายในเรื่องนี้เช่นกัน วันหลังเมื่อมีเวลา จะนำมาเล่าให้ทุกคนฟัง เป็น 1 ปีที่คุ้มค่าและมีความหมายอย่างยิ่ง

'ดร.กอบศักดิ์' จับตาศึกการค้า สหรัฐฯ - จีน เชื่อยกนี้ "คงไม่ง่าย และ จีนอาจจะไม่ยอม”

(14 พ.ค. 68) ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ และเลขานุการ ธนาคารกรุงเทพ และประธานคณะกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า ...

เริ่มยกสอง - US vs China !!!
หลังจาก Total Reset จากกรุงเจนีวา
ควันหลงก็ตามมา
ทั้งจีนและสหรัฐต่างพยายาม Claim ว่า

การปรับลดภาษีลงมาทั้งสองฝ่าย -115%
เป็นชัยชนะของตนเอง
โดยสหรัฐบอกว่าเป็นความสำเร็จ
สามารถสร้าง Geneva Mechanism สำหรับการพูดคุยของสองฝ่าย
ส่วนจีน ไปไกลถึงบอกว่า เป็นความสำเร็จในการต่อสู้ ยืนหยัด ไม่โอนอ่อน
สามารถรักษาศักดิ์ศรีของจีนไว้ได้

สุดท้ายสหรัฐก็ต้องยอม "Chicken Out" ยอมถอยไปเอง
ไม่ได้อะไรจากจีน
ต่างคน ต่างคิดคนละ 10% เท่ากัน ภายใต้ Reciprocal Tariffs
ต่างจากอีกหลายๆ ประเทศ ที่ต้องมายอมเอาใจสหรัฐ
หลังจากนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นของยกสอง
แต่ยกนี้ คงไม่ง่าย
เพราะสหรัฐต้องการ

1. ปรับ Imbalances หรือความไม่สมดุลด้านการค้าที่ยิ่งใหญ่ ดังแสดงในภาพ
ซึ่งจีนเกินดุลการค้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สู่ระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์
พร้อมๆ กับการที่สหรัฐขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้นทะลุ 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ เช่นกัน
ความไม่สมดุลนี้ สะสมมาหลายปี เป็น Gap ใหญ่มาก จะเปลี่ยนได้ จีนต้องเปลี่ยนใหญ่หลายเรื่อง
2. ย้ายฐานการผลิตกลับสหรัฐ ในบางอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมสำคัญๆ
3. เปิดตลาดจีนในอุตสาหกรรมต่างๆ ให้บริษัทสหรัฐ รวมถึง Google, Facebook, X, YouTube
4. ขอให้จีนบริโภคให้มากขึ้น ออมน้อยลง

ซึ่งแต่ละอย่าง ต้องขอบอกว่า "ไม่ง่าย" และ จีนอาจจะไม่ยอม
มาดูกันครับ ทั้งสองฝ่าย
จะตกลงกันได้ไหมในช่วง 90 วันข้างหน้า
จะกลับมาทะเลาะกันอีกครั้งหรือไม่
แต่รอบนี้ คงไม่ลุกลามเหมือนรอบที่แล้ว
เพราะคงได้บทเรียนกันทั้งสองฝ่ายแล้วว่า

ผลกระทบที่ตามมาต่อธุรกิจ โรงงาน แรงงาน
สามารถสร้างความเสียหายร้ายแรงกับทั้งสองฝ่าย
และ Geneva Mechanism ที่ท่าน รมต Bessent บอก
ก็จะช่วยเป็นกันชน ไม่ทะเลาะกันผ่านสื่อ
ไม่รอว่าใครจะโทรหาก่อน
ช่วยลดความร้อนแรงไปบางส่วน

‘ดร.กอบศักดิ์’ ถอดรหัส 10% ‘ภาษีทรัมป์’ ชี้แค่ตั้ง ‘กำแพงภาษี’ รายได้สหรัฐฯพุ่งถึง 87.4%

(15 พ.ค.68) ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ และเลขานุการธนาคารกรุงเทพ (BBL) ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุน (FETCO) โพสต์เฟซบุ๊ก หัวข้อ “รายได้ศุลกากรสหรัฐเพิ่ม +87.4% !!!” มีเนื้อหาว่า...

รายได้ศุลกากรสหรัฐเพิ่ม +87.4% !!!

หนึ่งในเป้าหมายของ President Trump ในการเข้าสู่สงครามการค้า คือ การหารายได้เพิ่มเข้ารัฐ

หลายคนถามว่า รายได้จะเพิ่มขึ้นจริงไหม จะเพิ่มขึ้นเท่าไหร่จะเป็นชิ้นเป็นอันหรือไม่

ล่าสุด WSJ รายงานจากข้อมูลกกระทรวงการคลังสหรัฐว่าสหรัฐเก็บภาษีอากรนำเข้าจากสินค้าต่างๆ เพิ่มเป็น 16.3 พันล้านดอลลาร์ ในเดือน ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา จากเดิมเก็บได้ 8.7 พันล้านดอลลาร์ ในเดือนมีนาคม หรือเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดถึง +87.4%

จากภาษี 25% ที่คิดกับเม็กซิโกและแคนาดา ภาษีเฉพาะ 25% สำหรับอุตสาหกรรมเหล็กกล้าและอลูมินัม ตลอดจน Reciprocal Tariffs ประมาณ 10% สำหรับประเทศต่างๆ ที่เริ่มต้นคิดบ้างแล้ว ซึ่งเมื่อเริ่มเก็บกันอย่างจริงจัง รายได้จาก Tariffs จะเพิ่มขึ้นมากกว่านี้

สำหรับในระยะยาว เริ่มมีผลการศึกษาที่น่าสนใจออกมาเช่นกัน โดยการศึกษาของ Wharton มหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย ประเมินคร่าวๆ ว่า รายได้สหรัฐจาก Tariffs จะเพิ่มขึ้น เฉลี่ยประมาณ 4 - 5 แสนล้านดอลลาร์ สรอ. ต่อปี รวมเป็นเงินประมาณ 4.5 - 5 ล้านล้านดอลลาร์ สรอ. สำหรับ 10 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่น้อย เทียบกับการขาดดุลการคลังสหรัฐ 1.05 ล้านล้านดอลลาร์ ในปีที่แล้ว ก็จะช่วยปิด Gap เรื่องนี้ไปได้ประมาณ 50%

อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับหนี้ภาครัฐของรัฐบาลสหรัฐที่มีอยู่ประมาณ 31 ล้านล้านดอลลาร์ ถือว่ายังไม่มากพอจะช่วยชะลอไม่ให้หนี้เพิ่มขึ้นเร็วเหมือนอดีต และช่วยให้มีช่องให้ท่าประธานาธิบดีไปลดภาษี No Tax on Tips, No Tax on Overtimes, No Tax on Social Securities ตามที่สัญญาไว้ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งกำลังจะออกมาประกาศใช้เร็วๆ นี้ รวมทั้ง ช่วยสร้างแรงจูงใจให้หลายบริษัทมาลงทุนผลิตในสหรัฐ ที่ล่าสุดมีตัวเลขแสดงความจำนงค์ประมาณ 5-6 ล้านล้านดอลลาร์

ด้วยเหตุนี้ จึงไม่น่าแปลกใจว่า ทำไม President Trump ถึงไม่ยอมยกเลิกเรื่อง Tariffs ไปเลย และไม่น่าแปลกใจว่าทำไม ถึงมีตัวเลข 10% ออกมาตลอดเวลา

10% สำหรับทุกประเทศ ภายใต้ Reciprocal Tariffs แม้จะเป็นประเทศที่สหรัฐเกินดุลการค้าด้วย หรือเป็นประเทศที่เปิดกว้างทางการค้าเช่น ออสเตรเลีย สิงคโปร์

10% สำหรับประเทศต่างๆ ที่ได้ชะลอออกไป 90 วัน ภายใต้ Reciprocal Tariffs

10% สำหรับสินค้านำเข้าจากอังกฤษ ทั้งๆ ที่เจรจากันแล้ว และอังกฤษก็ยอมไปหลายอย่างแล้ว

10% สำหรับสินค้าจีน ในช่วง PAUSE 90 วัน

โดยดีลต่อๆ ไปก็จะทำให้ภาพชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ว่า ท่านประธานาธิบดีคงขีดเส้นไว้สำหรับทีมเจรจาสหรัฐ สั่งให้ยอมได้หลายๆ อย่าง แต่ว่าต่ำสุดต้องคิด Tariffs ที่ 10% ให้ได้ !!!

มารอดูกันครับว่า ท้ายที่สุดแล้ว ในกลุ่มประเทศที่ถูกคิดเกิน 10% อัตราจะอยู่ที่ประมาณเท่าไร และกรณีจีน หลัง 90 วัน จะไปจบที่อัตราอะไร

เพราะล่าสุด สินค้าชิ้นเล็กๆ จากจีน ที่ราคาต่ำกว่า 800 ดอลลาร์ (ซึ่งใช้พื้นที่ถึง 90% ของเรือขนส่งสินค้าจากจีนที่เข้ามาที่ท่าเรือสหรัฐ) ไม่ได้รับการยกเว้นภายใต้สิ่งที่ตกลงกันที่เจนีวาให้เหลือ 10% แต่ต้องจ่ายภาษี 10+10+34 = 54% !!!

ทั้งหมด จะเป็นโครงสร้างภาษีนำเข้าใหม่ของสหรัฐที่กำลังค่อยๆ เฉลยออกมา ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดอนาคตการส่งออกไทย ในช่วงครึ่งหลังของปี ว่าจะไปได้ไหม และเป็นตัวกำหนดว่า China Flooding จะเข้ามาที่เราแค่ไหน หมายความว่า เราคงต้องมีทีมเร่งหาตลาดใหม่ๆ ในช่วงที่เหลือ เตรียมไว้เป็นทางออกที่จะช่วยผ่อนหนักเป็นเบา เผื่อเอาไว้ด้วยครับ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top