Wednesday, 15 May 2024
ช่วยเหลือ

หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 ให้การช่วยเหลือ และอำนวยความสะดวกให้กับราษฎรชาวลาวในการทำคลอดฉุกเฉิน ข้ามฝั่งท่าเรือน้ำลึกอำเภอบ้านแพง นำส่งโรงพยาบาลบ้านแพง จังหวัดนครพนม

กองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2101 หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 21 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ได้รับแจ้งจาก ท่าเรือน้ำลึกอำเภอบ้านแพง ว่ามีราษฎรชาวลาวเจ็บป่วยฉุกเฉิน ทราบชื่อ นางแหม่ม จันทะลัก อายุ 17 ปี ราษฎรบ้านท่าสะอาด เมืองปากกะดิ่ง แขวงบอลิคำไซ สปป.ลาว มีอาการปวดท้องใกล้คลอด จึงได้จัดกำลังพลเข้าให้การช่วยเหลือนำราษฎรหญิงชาวลาวใกล้คลอด ลงมาจากเรือแล้วนำขึ้นยังฝั่งท่าเรือฯ พร้อมกับประสาน รพ.บ้านแพง เพื่อนำหญิงใกล้คลอด นำส่งโรงพยาบาลบ้านแพง จังหวัดนครพนม 

และเมื่อรถฉุกเฉินพร้อมบุคลากร โรงพยาบาลบ้านแพง มาถึง ปรากฎว่า ราษฎรหญิงชาวลาว ทนเจ็บท้องไม่ไหว หน่วยจึงได้อำนวยความสะดวกในการกันพื้นที่ เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์ของ โรงพยาบาลบ้านแพง ได้ทำคลอดฉุกเฉิน ณ พื้นที่ บริเวณท่าเรือน้ำลึกอำเภอบ้านแพง ตำบลไผ่ล้อม อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม โดยการช่วยเหลือราษฎรชาวลาวในครั้งนี้เป็นการช่วยเหลือด้านมนุษย์ธรรม ที่หน่วยได้ปฏิบัติด้วยดีตลอดมา และเพื่อรักษาและสืบสานความสัมพันธ์อันดีระหว่างราษฎรทั้งสองฝั่งแม่น้ำโขง ให้คงอยู่สืบไป การทำคลอดฉุกเฉินเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ราษฎรหญิงชาวลาว ได้ให้กำเนิดทารกเพศหญิง ปลอดภัยทั้งแม่และลูก พร้อมน้ำส่ง โรงพยาบาลบ้านแพง เพื่อดูแลรักษาหลังการคลอดต่อไป มารดาและญาติของราษฎรหญิงชาวลาว มีความพึงพอใจเป็นอย่างมาก พร้อมขอบคุณที่กองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2101 หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 21 ให้การช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกเป็นอย่างดี

คุณยายวัย 84 ถักเสื้อกันหนาวกว่า 1,500 ตัวแจกฟรีมานาน 15 ปี เผย!! อยากอบอุ่นหัวใจ 'เด็ก-คนยากไร้' ที่ไร้เงินซื้อเสื้อกันยามหนาว

(5 ม.ค. 67) สื่อต่างประเทศรายงานข่าว เรื่องราวอันแสนอบอุ่นของคุณยาย 'หานชุ่ยจวี๋' วัย 84 ปี จากหนิงโป มณฑลเจ้อเจียง ผู้มีงานอดิเรกเป็นการถักเสื้อสเวตเตอร์ และนำไปบริจาคให้เด็กยากจนทั่วทั้งประเทศจีน

ตลอดระยะเวลา 15 ปีที่ผ่านมา คุณยายหานบริจาคเสื้อสเวตเตอร์ไปมากกว่า 1,500 ตัว จนได้รับฉายาว่า 'คุณยายสเวตเตอร์'

จุดเริ่มต้นในการถักเสื้อสเวตเตอร์ของคุณยายหานมาจากความบังเอิญ เมื่อลูกสาวของคุณยายเปิดไปเจอคลิปวิดีโอของเด็กยากจนที่สวมเพียงเสื้อผ้าบางๆ ต้องอดทนต่อความหนาวเหน็บในฤดูหนาว เนื่องจากไม่มีเงินซื้อเสื้อกันหนาว

“เด็กพวกนี้น่าสงสารเกินไป ที่บ้านมีขนแกะเหลืออยู่ ฉันจะถักเสื้อสเวตเตอร์ส่งไปให้พวกเขาสักหน่อย!” คุณยายหาน กล่าว

จากนั้นคุณยายหานก็ทุ่มเทแรงกายแรงใจ ตั้งใจถักเสื้อสเวตเตอร์ให้เด็กๆ โดย 2-3 เดือนต่อมา เสื้อสเวตเตอร์ฝีมือคุณยายหานทั้ง 36 ตัวก็ถูกจัดส่งไปยังโรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง โดยนักเรียนส่วนใหญ่ของที่นี่ล้วนเป็นลูกของแรงงานต่างถิ่นจากพื้นที่ห่างไกล

เด็กๆ ที่ได้รับเสื้อสเวตเตอร์ต่างดีใจเป็นอย่างมาก ทำให้คุณยายหานปลื้มใจสุดๆ นับแต่นั้นมา คุณยายหานก็ไม่หยุดถักเสื้อสเวตเตอร์เลย โดยคุณยายหานจะพกอุปกรณ์สำหรับถักเสื้อสเวตเตอร์ไปทุกที่

เรียกว่าทุกครั้งที่มีโอกาส คุณยายหานก็ไม่พลาดที่จะหยิบอุปกรณ์ขึ้นมาถักเสื้อสเวตเตอร์ ถึงขนาดที่เข้าโรงพยาบาลก็ยังไม่เว้น หรือกระทั่งไปเที่ยวเกาหลีใต้กับเพื่อนๆ คุณยายหานก็ยังไปนั่งถักเสื้อสเวตเตอร์ที่ชายหาดมาแล้ว

“ตราบใดที่ร่างกายของฉันยังไหวอยู่ ฉันก็จะถักเสื้อสเวตเตอร์ต่อไป” คุณยายหานกล่าว

ทั้งนี้ ไม่เพียงแต่เสื้อสเวตเตอร์ของคุณยายหานจะถูกนำไปบริจาคให้เด็กๆ เท่านั้น แต่ยังถูกบริจาคให้คนพิการและผู้ประสบภัยทางภัยพิบัติต่างๆ ด้วย

ความใจดีของคุณยายหาน สร้างความประทับใจให้ใครหลายคน และทำให้คุณยายได้รับคำชมมากมายจากชาวเน็ต เช่น “คุณยายคนนี้ทำให้ฤดูหนาวอบอุ่นขึ้น ฉันรู้สึกซาบซึ้งในความใจดีและมีน้ำใจของคุณยายมาก ขอให้คุณยายมีสุขภาพดี” “ช่างเต็มไปด้วยพลังบวก ขอคารวะคุณยาย” และ "คุณยายเป็นคนที่มีจิตใจดีอย่างแท้จริง...น้อยคนนักที่จะทำกิจกรรมเช่นนี้ติดต่อกันเป็นเวลานาน ขอบคุณ 'คุณยายสเวตเตอร์'!”

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ชื่นชมตำรวจท่องเที่ยว ร่วมปฎิบัติงานช่วยเหลือนักท่องเที่ยวและการจราจรปีใหม่ได้ดี ขอบคุณอาสาสมัครตำรวจท่องเที่ยว ที่ช่วยเหลือแบ่งเบางานตำรวจไม่ย่อท้อ

วานนี้ (9 ม.ค.67) เวลา 18.00 น. พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยรองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้รับมอบหมายจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญ ตำรวจท่องเที่ยวอุดรธานี ส.ทท.5 กก.1 บก.ทท.2 จังหวัดอุดรธานี 

การตรวจเยี่ยมครั้งนี้ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบถุงยังชีพ และนำหน้ากากอนามัย รวมทั้งข้าวสาร  ไปมอบให้กับเจ้าหน้าที่ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ ในการดูแลสุขภาพตัวเอง ในขณะปฎิบัติหน้าที่ เนื่องจาก ตำรวจท่องเที่ยวมีหน้าที่หลักในการคอยดูแลอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว ในที่ชุมชน ซึ่งปัจจุบันยังพบปัญหาฝุ่น PM 2.5 และการระบาดของไวรัส ทั้งไข้หวัดใหญ่และโควิด

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยังได้กล่าวชื่นชมตำรวจท่องเที่ยวว่าที่ผ่านมาได้มีส่วนร่วมในการปฎิบัติการดูแลนักท่องเที่ยวช่วงปีใหม่ และยังร่วมอำนวยการจราจรทำให้สามารถลดอุบัติเหตุและยอดผู้บาดเจ็บเสียชีวิตอย่างได้ผล มีสถิติเสียชีวิตและบาดเจ็บน้อยที่สุดในรอบ 10 ปี ดังนั้นขอให้ตำรวจท่องเที่ยว ปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขัน หมั่นพัฒนาศักยภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ ความสำเร็จนี้ ส่งผลไปถึงเทศกาลอื่นๆที่กำลังจะมาถึง เป็นเทศกาลถัดไป โดยเฉพาะเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งจะมีการเดินทางกลับภูมิลำเนาครั้งใหญ่อีก เพื่อไปเฉลิมฉลองกับครอบครัว

นอกจากนี้ยังได้กล่าวชื่นชมอาสาสมัครตำรวจท่องเที่ยว ซึ่งพบว่าที่ผ่านมาได้เข้ามามีส่วนร่วมในการแบ่งเบาภาระให้กับเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะอาสาสมัครที่เป็นชาวต่างชาติ เพราะนี่เป็นกลไกสำคัญอีกด้าน ที่จะส่งเสริมให้การท่องเที่ยวเป็นซอฟพาวเวอร์ เพราะนักท่องเที่ยวจะมีความเชื่อมั่นว่าสามารถพึ่งพาเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวได้ เมื่อเกิดปัญหาในการท่องเที่ยวภายในประเทศไทยและจะได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที โดยขอให้ทุกคนรักษา ศักยภาพในการปฎิบัติหน้าที่ให้ดี เพื่อเป็นแบบอย่าง ให้ชาวต่างชาติ ที่เข้ามาท่องเที่ยวเกิดความเชื่อมั่นและชื่นชม จะได้เลือกไทยเป็นเป้าหมายในการเข้ามาท่องเที่ยว ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจฐานรากในการจับจ่ายใช้สอยภายในชุมชนที่มีชาวต่างชาติมาเยือน

ชื่นชม!! พนักงานล่ามจีนไหวพริบดี ช่วยผู้โดยสาร 'แม่ลูกชาวจีน' ขึ้นเครื่องทัน 'ค้นหาหนังสือเดินทางเด็กจนเจอ-ประสานสายการบินว่าทั้งสองกำลังไป'

ไม่นานมานี้ เพจ 'ล่ามสนามบินสุวรรณภูมิ' ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีผู้โดยสารชาวจีนท่านหนึ่งเกิดปัญหาค้นหาหนังสือเดินทางของลูกตนเองไม่เจอ แต่สุดท้ายได้พนักงานล่ามจีนของทางสนามบินสุวรรณภูมิเข้าช่วยเหลือ จนทั้งสองแม่ลูกได้เดินทางไปขึ้นเครื่องอย่างราบรื่น ว่า...

ผู้โดยสารชาวจีน กำลังเดินทางกลับประเทศ เมื่อไปถึง Boarding Gate พบว่าหนังสือเดินทางของลูกหาย พยายามค้นหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ จึงมาขอความช่วยเหลือพนักงานล่ามจีนตรงจุดเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ห้องโถงขาออก เพื่อช่วยตามหาหนังสือเดินทางของลูก

พนักงานล่ามจีนถามข้อมูลต่าง ๆ และช่วยโทรติดต่อทุกจุดที่ผู้โดยสารไป โทรไปเช็กที่ศูนย์ติดตามสัมภาระสูญหายของสนามบินก็แล้ว ร้านค้าใน Duty Free และ ตม. ทุกทีให้คำตอบเดียวกันว่า "ไม่พบ" 

คุณแม่มีภาวะเครียดและเหนื่อยล้าสะสม เพราะเดินทางกับเด็กแค่ 2 คน จึงเริ่มขึ้นเสียงดังใส่เด็ก น้องก็เริ่มร้องไห้ เหตุการณ์ดูตึงเครียดขึ้น เพราะใกล้เวลา Boarding Gate จะปิด พนักงานล่ามโทรไปแจ้งรายละเอียดเบื้องต้นกับสายการบินที่แม่ลูกใช้บริการ 

สุดท้ายคุณแม่เทของออกกระเป๋าทุกใบ ก็ยังไม่พบ แต่พนักงานล่ามสังเกตว่ายังมีอีกใบยังไม่รื้อค้น ก็คือใบสีเหลืองที่เด็กสะพายอยู่ และเมื่อเปิดออกก็พบหนังสือเดินทางของเด็กทันที คุณแม่รีบวิ่งไปที่ Boarding Gate พนักงานล่ามจีนโทรไปแจ้งสายการบินว่า ผู้โดยสารกำลังไป สุดท้ายทั้ง 2 คนได้เดินทางกลับจีน 

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งลงพื้นที่ซับน้ำตา..มอบเงินช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุโรงงานพลุระเบิด จังหวัดสุพรรณบุรี

ตามที่ได้เกิดเหตุโรงงานพลุระเบิดในพื้นที่ ตำบลศาลาขาว อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรีเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมากนั้น โดยภายหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้มอบหมายให้ นายอรัณย์ โตทวด ผู้จัดการใหญ่มูลนิธิฯ จัดทีม ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำโดย นางศิริพร กระจ่างหล้าง ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ พร้อมด้วย นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย ลงพื้นที่สำรวจข้อมูลเพื่อเตรียมการให้ความช่วยเหลือแก่ญาติผู้เสียชีวิตในทันที

วันนี้ (วันพุธที่ 24 มกราคม 2567) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ พร้อมด้วย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ นายจารุรัตน์ คุณัตถานนท์ กรรมการและเหรัญญิก และ นายนิพนธ์ โชคภิรมย์วงศา กรรมการปฏิคม นำทีมแผนกสาธารณภัย ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำโดย นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ ลงพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลศาลาขาว  เพื่อเข้าพบพร้อมให้กำลังใจและมอบเงินช่วยเหลือค่าฌาปนกิจแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว รวม 23 รายๆ ละ 20,000 บาท รวมงบประมาณทั้งสิ้น 460,000 บาท (สี่แสนหกหมื่นบาทถ้วน) โดยมี 
นายประทีป การมิตรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี พร้อมด้วย อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย ดร.ปภัสรา เตชะไพบูลย์ อาสาสมัครกิตติมศักดิ์ ร่วมในพิธี ณ องค์การบริหารส่วนตำบลศาลาขาว อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอแสดงความเสียใจ และขอส่งกำลังใจไปยังครอบครัวผู้เสียชีวิต ผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวทุกท่านมา ณ ที่นี้

ตลอดระยะเวลา 114 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้รวมถึงการช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตจากสาธารณภัย และพัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ”

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

# มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต 
#แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418
#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ห่วงใยผู้ประสบอุทกภัย จัดงบกว่า 6.6 ล้านบาท ลงพื้นที่ฟื้นฟูหลังน้ำลด แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค มอบเงินช่วยเหลือกรณีบ้านพังทั้งหลัง และช่วยเหลือค่าฌาปนกิจแก่ญาติผู้เสียชีวิต 5 จังหวัดภาคใต้

ระหว่างวันที่ 25 มกราคม - 2 กุมภาพันธ์ 2567 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการฯ ห่วงใยผู้ประสบอุทัยภัยภาคใต้ มอบหมายให้ นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ พร้อมด้วยนางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ และนายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการ นำทีมฝ่ายสังคมสงเคราะห์ ฝ่ายปฏิบัติการ ฝ่ายบัญชีและการเงิน ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย 5 จังหวัดภาคใต้ ในโครงการฟื้นฟูหลังน้ำลด ประกอบด้วย จังหวัดนครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี ยะลา และจังหวัดนราธิวาส ประกอบด้วย แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำมัน และน้ำปลา รวมจำนวน 9,000 ชุด ๆ ละ 450 บาท มอบเงินสงเคราะห์กรณีบ้านพังเสียหายทั้งหลัง หลังละ 10,000 บาท ประมาณ 217 หลังคาเรือน มอบเงินสงเคราะห์ค่าฌาปนกิจให้แก่ญาติผู้เสียชีวิต รายละ 20,000 บาท ประมาณ 22 ราย รวมงบประมาณไม่ต่ำว่า 6.6 ล้านบาท โดยมี ผู้แทนจากหน่วยงานรัฐเป็นประธานในพิธี พร้อมทั้งมูลนิธิสงเคราะห์ 14 จังหวัดภาคใต้ และ สมาคม/มูลนิธิแต่ละจังหวัด เป็นผู้ประสานงานและร่วมให้ความช่วยเหลือ

โดยวานนี้ (วันอังคารที่ 30 มกราคม 2567) นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ พร้อมด้วยนางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ และนายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการ ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือแก่ชาวอำเภอเมือง และอำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส มอบเงินค่าฌาปนกิจศพให้แก่ญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุอุทกภัย รวมจำนวน 13 ราย มอบเงินช่วยเหลือกรณีบ้านพังเสียหายทั้งหลังจากเหตุอุทกภัย รวมจำนวน 127 ราย และมอบเครื่องอุปโภคบริโภคให้แก่ผู้ประสบอุทกภัย โดยมี นายวีรพัฒน์ บุณฑริก รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย มูลนิธิสงเคราะห์ผู้ประสบภัย 14 จังหวัดภาคใต้ พร้อมด้วย มูลนิธิเมตตาธรรมนราธิวาส จ.นราธิวาส เป็นผู้ประสานงานและร่วมให้ความช่วยเหลือ 

ตลอดระยะเวลา 114 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้รวมถึงการช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย และพัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ”

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

# มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ##
#แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418
#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

'มูลนิธิพระราหู' มอบเงินช่วยเหลือครอบครัว 'ด.ต.ปิยะนันท์' หลังประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ขณะปฏิบัติหน้าที่ช่วงสงกรานต์

เมื่อวันที่ 5 พ.ค.67 ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ในนามมูลนิธิพระราหู  มอบหมายให้ พ.ต.ต.เตชิต เขื่อนหมั่น เป็นผู้แทนนำเงินสมทบทุนช่วยเหลือมอบให้ ครอบครัว ด.ต.ปิยะนันท์ สีเสื้อ (ผบ.หมู่) สทล.3 กก.1 บก.ทล. ประสบอุบัติเหตุขณะปฏิบัติหน้าที่ ภาระกิจจัดการจราจร (เปิดช่องทางเดินรถพิเศษขาเข้า กทม.) บริเวณแยกดีลัง อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี เมื่อ วันที่ 16 เม.ย.67 ช่วงเทศกาลสงกานต์ และได้เสียชีวิต ในเวลาต่อมา เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่
 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top