‘ชายไทย’ หนีทหาร ไม่ควรเป็น สส. ผู้ทรงเกียรติ เพราะไม่เหลือ ‘เกียรติ’ ให้ ปชช. ‘เชื่อใจ-นับถือ’
นับวันสังคมไทยยิ่งจะเห็น สส. จาก ‘พรรคล้มสถาบัน’ เริ่มลายออกกันแบบรายวัน ภายใต้บาดแผลอันเน่าเหม็นถูกปิดปากจนเผยอออกมาให้สังคมรับรู้ไม่จบไม่สิ้น ขึ้นศาลกันจนหัวบันไดศาลอาญาไม่แห้ง ยังไม่ทันจบคดี 112 ที่ทั้งพรรค ทั้งสมาชิก ต่างลุ้นคำตัดสินกันจนตัวโก่ง ยังมีลิ่วล้อเด็ก ๆ ที่ถูกหลอกใช้ให้มาติดคุกแทนอีกเพียบ ก็มาต่อด้วยกรณี ‘หนีทหาร’ ของ สส. ผู้ทรงเกียรติให้สังคมเอือมระอาต่อ จริงหรือไม่จริงอีกไม่นานก็จะปรากฏชัด
ถามว่าคนเราหากมี ‘สามัญสำนึกของความเป็นคน’ ให้เกียรติสังคม ให้ความเคารพนับถือตัวเอง หากรู้ตัวว่าเป็น ‘คนหนีทหาร’ จนเคยถูกดำเนินคดี จะหน้าด้านแอบปกปิดพฤติกรรม ‘โกงความเป็นชาย’ มาสมัครเป็นผู้แทนของประชาชนหรือ?
สำหรับผมขอตอบว่า..ไม่
ยกเว้นชายใจชั่ว ใจคด ใจสกปรก
ขณะที่ชายไทยทั่วประเทศเมื่อมีอายุ 20 ย่าง 21 ปี ถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดก็ต้องไปจับใบดำใบแดงเหมือนการเสี่ยงโชค ถ้าไม่อยากเกณฑ์ทหารก็ต้องเป็นนักศึกษาวิชาทหาร เรียน ร.ด. ให้จบตามหลักสูตร สมควรต้องมี ‘น้ำใจลูกผู้ชาย’ ที่ต้องแสดงออกอย่างเทียมเท่ากับผู้ชายไทยทั้งประเทศ
การที่ให้ผู้ชายไทยที่เคยหนีทหาร มาเสนอหน้ามาเป็น สส. กินเงินเดือนที่มาจากหยาดเหงื่อภาษีของประชาชนอีก เป็นคนไทยแบบไหนกัน? ไม่อับอายตัวเองสักนิดเลยหรือ?
ปากก็บอกสู้เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ สู้เพื่อความเท่าเทียม แต่สิ่งที่เผยออกมาให้เห็นแต่ละดอกจากนักการเมืองเลว ๆ พรรคนี้ มีแต่สิ่งที่เอาเปรียบสังคม เอาเปรียบหัวใจของเพื่อนมนุษย์ แสดงความเห็นแก่ตัวต่อคนร่วมชาติเดียวกัน แสดงความย้อนแย้งออกมาอย่างหน้าด้าน ๆ ราวกับว่าประชาชนที่พบเห็นนั้นต่าง ‘กินหญ้าแทนข้าว’ เหมือนเหล่าสาวกโง่ ๆ ของตัวเอง
นี่ถ้าเป็นน้องเป็นนุ่งมีเลือดเนื้อเชื้อสายและใช้นามสกุลเดียวกันกับผม ถ้าผมมารู้ภายหลังว่าเคยหนีทหารแล้วไปสมัครผู้แทน ไม่ต้องถึงกับได้เป็น สส. หรอก
ผมจะตบให้หัวคว่ำเลย โทษฐานที่ทำให้นามสกุลของผมมัวหมอง
