Sunday, 6 July 2025
ชายแดน

'แก๊งขนเขมร' ห้าว ยิงปืนสกัด 'ทหารพราน' ขณะบุกรวบแรงงานเถื่อน จนท.เร่งล่าตัวด่วน

(22 ก.พ. 66) พล.ต.สราวุธ ไชยสิทธิ์ ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา สั่งการให้ พ.อ.ปิยะเณศร์ ภัทรศาศวัตวงษ์ ผู้บังคับการชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 12 (ผบ.ชค.กรม.ทพ.12) นำกำลังกองร้อยทหารพรานที่ 1204 ร่วมกับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 112 (ฉก.ร.112) ออกลาดตะเวนป้องกันและสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายของแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา บริเวณท้ายหมู่บ้านกุดผือ ตำบลโนนหมากมุ่น อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว หลังสืบทราบว่า จะมีแรงงานกัมพูชาลักลอบเข้ามาในประเทศไทยตามช่องทางธรรมชาติ บริเวณชายแดนท้ายหมู่บ้านกุดผือ

ต่อมาชุดปฏิบัติการ ร่วมฯ ได้ตรวจพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัยกลุ่มใหญ่ เดินเท้าฝ่าความมืดลักลอบข้ามตะเข็บชายแดนช่องทางธรรมชาติ จากฝั่งกัมพูชาเข้ามาในประเทศไทย ระหว่างจุดตรวจ จต.ส. 41 - จต.ส. 42 แล้วเดินลัดเลาะมาตามไร่อ้อยของชาวบ้าน เพื่อข้ามถนนศรีเพ็ญ ซึ่งเป็นถนนเลียบแนวชายแดนท้ายหมู่บ้านกุดผือ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวขอตรวจสอบ แต่ถูกบุคคลคาดว่าเป็นคนไทยแก๊งลักลอบขนแรงงานเถื่อนที่นำพาแรงงานกัมพูชา ลักลอบเข้ามาในประเทศไทยใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาด ยิงขึ้นฟ้าประมาณ 3-4 นัด

‘นายกฯ’ ลุยสงขลา เร่งหารือทางการค้า ‘นายกฯ มาเลเซีย’ ส่องความคืบหน้าการพัฒนาพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย

(26 พ.ย. 66) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีกำหนดการเดินทางลงพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย ที่ด่านสะเดา จังหวัดสงขลา ในวันที่ 27 พ.ย. เพื่อสำรวจความคืบหน้าการพัฒนาพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย และมีกำหนดการหารือทวิภาคีกับ ‘ดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม’ (Dato’ Seri Anwar Ibrahim) นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เพื่อผลักดันในประเด็นที่ผู้นำทั้งสองฝ่ายได้หารือกันไว้

โดยนายกฯ จะออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และไปถึงด่านสะเดาแห่งใหม่ เวลา 11.00 น. เพื่อให้การต้อนรับนายกฯมาเลเซีย พร้อมหารือทวิภาคี และรับฟังความคืบหน้าการพัฒนาพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย และสถานการณ์การค้าและการท่องเที่ยวบริเวณชายแดนของทั้งสองประเทศ

นอกจากนี้ ผู้นำไทย-มาเลเซีย จะร่วมกันสำรวจเส้นทางเชื่อมด่านสะเดาแห่งใหม่กับด่านบูกิตกายูฮิตัมของมาเลเซีย หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีจะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันแก่นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ที่โรงแรม Vista

นายชัย กล่าวว่า การเดินทางลงพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย สืบเนื่องมาจากการเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยผู้นำไทยและมาเลเซีย เห็นพ้องในการผลักดันการค้าชายแดน การแก้ปัญหาความแออัดของด่านสะเดา รวมถึงการก่อสร้างเส้นทางเชื่อมด่านสะเดาแห่งใหม่กับด่านบูกิตกายูฮิตัมของมาเลเซีย และประเด็นความร่วมมืออื่น ให้มีผลคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น

นายชัย กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะกระชับความร่วมมือในทุกด้าน โดยเฉพาะการค้าการลงทุน และความสัมพันธ์ระดับประชาชน ซึ่งมาเลเซียเป็นคู่ค้าลำดับที่ 4 ของไทย และเป็นคู่ค้าใหญ่ที่สุดของไทยในอาเซียน โดยตั้งเป้าจะเพิ่มมูลค่าการค้าให้บรรลุเป้าหมายที่ 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (30 billion USD) ภายในปี 2568 โดยการค้าระหว่างกันส่วนใหญ่เป็นการค้าชายแดนและผ่านแดน โดยการค้าชายแดนไทย - มาเลเซีย ในปี 2565 มีมูลค่า 336,125 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 31.76 ของมูลค่าการค้าชายแดนของไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยส่วนใหญ่ผ่านด่านศุลกากรสะเดา ปาดังเบซาร์ เบตงและสุไหงโก-ลก ตามลำดับ นอกจากนี้ ในปี 2565 มีนักท่องเที่ยวมาเลเซียมาเยือนไทยมากเป็นอันดับที่ 1 ทั้งปีมากกว่า 2.9 ล้านคน คิดเป็นลำดับ 1 ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด ทำให้มาเลเซียนับเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่สำคัญและมีความสัมพันธ์หลากหลายมิติกับไทย
 
“การพบหารือของนายกฯและมาเลเซีย สะท้อนความตกลงร่วมกันของรัฐบาลทั้งสองในการให้ความสำคัญกับการพัฒนาพื้นที่ชายแดนไทยและมาเลเซีย เพื่ออำนวยความสะดวก เพิ่มความเชื่อมโยงในการเดินทาง รวมถึงการค้าขายบริเวณชายแดนระหว่างกันให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลเพื่อประโยชน์โดยตรงของประชาชนไทยและมาเลเซีย ทั้งการค้า ลงทุน การท่องเที่ยว ด้านเศรษฐกิจ และทางด้านสังคม การไปมาหาสู่ระหว่างกัน” นายชัย กล่าว

‘พล.ต.วันชนะ’ เผย!! แผนที่เขมร คลาดเคลื่อนสูงกว่าไทย เปรียบ!! ใช้เมจิกหัวใหญ่ กินแดนของไทย ไปโดยอัตโนมัติ

(8 มิ.ย. 68) พลตรี วันชนะ สวัสดี รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ...

แค่ใช้ 1/2แสนก็ไม่แม่นแล้ว

เขมรยึดถือแผนที่ 1ต่อ 200,000 ไทยใช้แผนที่ 1ต่อ 50,000(L 7018) อธิบายง่ายๆว่า ถ้าขีดเส้น 1เส้นลงไปในแผนที่ 1ต่อ 200,000 จะมีความกว้าง 200 เมตร 

ส่วนใน 1ต่อ 50,000 จะมีความกว้าง 50 เมตร ซึ่งต่างกันถึง 4 เท่า เหมือนเขมรเอาเมจิกหัวใหญ่ ทู่ ส่วนไทยใช้เมจิกหัวเล็กแหลม ขีดเส้นบนแผนที่ หัวใหญ่ทู่จะกินดินแดนของอีกฝ่ายไปโดยอัตโนมัติ เกิดความคลาดเคลื่อนสูงกว่าไทยแน่นอน คาดเดาต่อไปว่า

1 เขมรน่าจะทำแผนที่ 1ต่อ 50,000 ไม่ได้ เพราะการทำจะต้องใช้เทคโนโลยีที่สูงกว่า แต่อาจมีใช้จากการสนับสนุนจากต่างประเทศ

2 และถ้าใช้แผนที่ 1/200,000 การยิงอาวุธระยะไกล ไม่แม่นแน่นอนครับ 

อธิบายด้วยภาพชัดเจน ว่าช่องบกที่ปะทะ อยู่ในไทยครับ 

‘สส.จิรัฏฐ์’ ทวิต!! อย่าสร้างสถานการณ์ ให้ประชาชนแตกตื่น ชี้!! กองทัพฉวยโอกาสสร้างกระแส โหม PR. ถึงขั้นจะเสียเอกราช

(8 มิ.ย. 68) นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.พรรคประชาชน ทวิต 

“จากดราม่า ผมยอมรับว่าสวนกระแสสังคมครับ

แต่ยังขอยืนยันข้อความที่โพสต์

ตำรวจ หมอ พยาบาล ทำงานเสี่ยงตายทุกวัน ไม่เคยเห็นต้องมาทำ Pr ขอแรงสนับสนุน นี่เกิดการปะทะตามตะเข็บชายแดนแค่ 10 นาที บนที่พื้นที่ป่า 200 เมตร ซึ่งยังพิพาทกันอยู่

กองทัพเล่นฉวยโอกาสมาสร้างกระแส โหม Pr
ถึงขนาดจะเสียชาติไทย* จะเสียเอกราช *

แบบนี้ไม่ได้เป็นผลดีกับประเทศเลย

กองทัพไม่ควรเล่นการเมือง มันเป็นหน้าที่รัฐบาลตัดสินใจ จะเจรจาอย่างไร จะใช้มาตรการอะไร

ทุกประเทศทั่วโลกมีปัญหาพิพาทเส้นเขตแดนทั้งนั้น เค้าก็แก้ด้วยการทูต ใครละเมิดข้อตกลงก็ว่ากันไป ไม่ได้แก้ด้วยการบอกว่าพร้อมจะทำสงคราม
กองทัพแค่ทำหน้าที่ตัวเอง เตรียมกำลังเตรียมความพร้อมไป ให้รัฐบาลเจรจาหาข้อยุติโดยไม่เกิดการปะทะคือเป้าหมาย 

อย่าสร้างสถานการณ์ให้ประชาชนแตกตื่น จนถึงขนาดเรียกร้องหาสงคราม!!”

‘นิติศักดิ์’ สส.รวมไทยสร้างชาติ อาสาเป็นสื่อกลาง รวมน้ำใจชาวพัทลุง รวบรวม!! ยางรถยนต์ ส่งให้ทหารหาญบริเวณชายแดน ‘ไทย-กัมพูชา’

(8 มิ.ย. 68) นายนิติศักดิ์ ธรรมเพชร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดพัทลุง เขต 2 พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า จากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ปัจจุบันทหารหาญของไทยมีความต้องการสิ่งของต่าง ๆ โดยเฉพาะยางรถยนต์ ประกอบกับพ่อแม่พี่น้องชาวพัทลุงก็มีความเป็นห่วงและต้องการช่วยเหลือเหล่าทหารหาญ โดยเฉพาะในส่วนของความปลอดภัย ตนจึงขออาสาเป็นสื่อกลางนำส่งน้ำใจของพ่อแม่พี่น้องชาวพัทลุงด้วยการรวมรวบยางรถยนต์ ทั้งยางรถยนต์ 4 ล้อ, ยางรถบรรทุก 10 ล้อ และยางรถจักรยานยนต์ โดยพ่อแม่พี่น้องชาวพัทลุงสามารถนำยางรถยนต์มาบริจาคส่งให้คณะทำงาน ได้ที่บริเวณลานกว้าง ใกล้สำนักงานเทศบาลตำบลเขาเจียก อ.เมือง จ.พัทลุง ตั้งแต่วันที่ 14-16 มิถุนายน เพื่อประสานนำส่งไปยังพื้นที่ชายแดนดังกล่าวต่อไป

ทั้งนี้ สำหรับส่งของที่จะนำมาให้นั้น ขอเน้นให้เป็นยางรถยนต์หรือยางรถจักรยานยนต์ ส่วนสิ่งของอื่น ๆ ขอให้เน้นเป็นข้าวสารที่สามารถรวบรวมส่งไปได้เช่นกัน

นายนิติศักดิ์ กล่าวต่อว่า ตนได้ติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา อย่างใกล้ชิด อีกทั้ง พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถในการปกป้องอธิปไตยและดินแดนของประเทศไทย จึงรับรู้สถานการณ์และความจำเป็นต่าง ๆ ในพื้นที่เป็นอย่างดี จึงขอให้พ่อแม่พี่น้องวางใจได้ และยืนยันว่าทหารหาญไทยทุกนายจะได้รับความปลอดภัยและการดูแลเป็นอย่างดี

‘ศอ.ปชด.’ ยกระดับ!! มาตรการป้องกัน และปราบปรามฯตามแนวชายแดน ‘ไทย-กัมพูชา’ ควบคุมจุดผ่านแดนเข้มงวด

(8 มิ.ย. 68) จากสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณตามแนวชายแดนไทยกับกัมพูชา โดยปัจจุบันมีกำลังติดอาวุธ ของฝ่ายกัมพูชาได้วางกำลังรุกล้ำอธิปไตยของไทยทั้งนี้ รัฐบาล กระทรวงกลาโหมและกองทัพบก ได้ใช้ความพยายาม อย่างถึงที่สุดในการคลี่คลายความตึงเครียดตามแนวชายแดน โดยใช้กลไกทวิภาคีที่มีการตกลงกันไว้ กับกัมพูชา แตไม่ได้รับการตอบสนองในเชิงบวกจากฝายกัมพูชา ทั้งยังปรากฏว่ากัมพูชาได้มีการเพิ่มเติมกำลังพล อาวุธและยุทโธปกรณเขามาประชิดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และมีการดัดแปลงที่มั่นทางทหารซึ่งอาจมีความเสี่ยง ที่เกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบแก่พี่น้องประชาชนตามแนวชายแดน กองทัพบกและกองทัพเรือ ภายใต้มติสภาความมั่นคงแห่งชาติและตามนโยบายของกระทรวงกลาโหม 

จึงได้กำหนดมาตรการควบคุมการเปิด-ปิด จุดผ่านแดนทุกประเภทเพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณาภาพแห่งดินแดน ซึ่งเป็นไปตามคำสั่งกองทัพบก (เฉพาะ) ที่ 806/2568 ลงวันที่ 7 มิถุนายน 2568 และคำสั่งกองทัพเรือ (เฉพาะ) ที่ 447/2568 ลงวันที่ 7 มิถุนายน 2568 ดังนั่น เพื่อเป็นการสนับสนุนมาตรการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนดังกล่าว จึงให้หน่วยงานภายใต้กลไก ศอ.ปชด. ดำเนินการดังนี้ 1. ให้จังหวัดชายแดนในฐานะศูนยสั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านดานกัมพูชา และหนวยงาน ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ให้การสนับสนุนกองกำลังสุรนารี กองกำลังบูรพา และกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรี และตราด ในการรักษาความสงบเรียบร้อยและดำเนินการตามมาตรการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนดังกล่าว 2. ใหสำนักงานตรวจคนเขาเมืองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้มงวดการผ่านเข้า-ออก ตามแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา ของบุคคลและกลุมบุคคล โดยเฉพาะพื้นที่ ที่เป็นจุดเสี่ยงต่อการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรม ทางเทคโนโลยีและบอนการพนัน อาทิ พื้นที่ชายแดนอำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร อำเภอบานกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว อำเภอโปงน้ำรอน จังหวัดจันทบุรี และอำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด นอกจากนั้นยังปรากฏข้าวสารว่ามีบุคคลและกลุ่มบุคคลยังคงมีการกระทำผิดด้านอาชญากรรม ทางเทคโนโลยี และการค้ามนุษย์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นการบอนทำลายสภาพเศรษฐกิจและสังคม ทั้งภายในประเทศไทย และประเทศต่างๆ ทั่วโลก ดังนั่นเพื่อให้การปองกันและปราบปรามอาชญากรรม ทางเทคโนโลยีและการค้ามนุษย์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ศอ.ปชด. จึงมีมาตรการ ดังนี้ 

1. แจ้งใหฝ่ายกัมพูชาเร่งรัดปราบปรามผูกออาชญากรรมทางเทคโนโลยีและการค้ามนุษย์ในทุกพื้นที่ทันที จับกุมและบังคับใชกฎหมายต่อผู้กระทำความผิดรวมถึงผู้สนับสนุนทั้งหมด 

2.จะได้ยกระดับมาตรการป้องกันและปราบปรามฯ อาทิเช่น การตัดกระแสไฟ้ฟ้า การระงับสัญญาณ อินเตอร์เน็ตที่ส่งเข้าไปในพื้นที่ ที่เป็นบอนการพนันและสแกมเมอร์ การควบคุมสิ้นค้าและยุทโธปกรณที่อาจจะนำไปใช้ในการก่ออาชญกรรมทางเทคโนโลยีและอาชญากรรมข้ามชาติอื่นๆ โดยจะได้นำเสนอมาตรการดังกล่าวต่อ สภาความมั่นคงแห่งชาติต่อไป ทั้งนี้ ศอ.ปชด. จะอำนวยการประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดข้างตน ให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล และเพื่อรักษาผลประโยชน์แห่งชาติโดยไม่ให้กระทบต่อการดำรงชีวิตประจำวัน ของพี่น้องประชาชนบริเวณชายแดน พรอมทั้งจะได้ติดตามสถานการณ์อยางใกล้ชิดและพิจารณาเพิ่มเติมมาตรการ ที่จำเป็นจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายต่อไป

‘อ.เจษฎา’ โพสต์ข้อความ!! เป็นห่วงการท่องเที่ยว ชี้!! ถ้าปั่นกันหนัก นักท่องเที่ยวจะหายหมด

(8 มิ.ย. 68) รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ และนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า …

ถ้าปั่นกันหนัก จนเหมือนเตรียมเข้าสู่สงคราม … 

นักท่องเที่ยวที่ไหน จะอยากมาไทย  ยิ่งน้อยๆ อยู่

มันมีเส้นแบ่งบางๆ ระหว่าง การทูตเชิงบวก เน้นสันติภาพ กับ การทูตหน่อมแน้ม

(15 มิ.ย. 68) รองศาสตราจารย์ ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Aksornsri Phanishsarn ระบุว่า ...

มันมีเส้นแบ่งบางๆ ระหว่าง การทูตเชิงบวก เน้นสันติภาพ กับ การทูตหน่อมแน้ม

#การทูตหน่อมแน้ม ในยุคที่รัฐบาลข้างบ้าน #ขวาจัดสุดโต่ง กระหน่ำซัดเราอย่างหนักรายวัน

'ฮุนเซน' ยืนกรานนำ 4 ข้อพิพาทขึ้นศาลโลกแน่นอน ชี้ คุยกันเอง 100 ปีก็ไม่จบ ต้องยุติความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตผ่านกระบวนการยุติธรรม ยกตัวอย่างหลายประเทศในอาเซียนยอมรับกติกาศาลโลก ทำให้ความสัมพันธ์ดีขึ้น

เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2568 ก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมเขตแดนไทย-กัมพูชา #JBC ครั้งที่ 6 จะมีขึ้น ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภา โพสต์ข้อความถึงชาวกัมพูชาและมิตรสหายชาวต่างชาติ

สมเด็จฮุน เซน กล่าวว่า ตนเชื่อมาโดยตลอดว่า วันหนึ่งประเทศไทยอาจกระทำการบางอย่างซ้ำรอยกับเหตุการณ์ระหว่างปี 2008 ถึง 2011 และในวันนี้ เราเริ่มเห็นพฤติกรรมที่ละเมิดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และมีลักษณะรุกรานอย่างชัดเจน ดังนั้น การตัดสินใจของตนในขณะนั้น จึงสามารถเข้าใจได้ในบริบทของชุมชนนานาชาติที่ยึดมั่นในหลักนิติธรรม รวมถึงในบริบทของความสัมพันธ์ระหว่างกัมพูชากับประเทศไทยในอนาคต

"กัมพูชาขอเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ที่ยึดมั่นในนโยบายต่างประเทศภายใต้หลักนิติธรรม สนับสนุนให้ทั้งสองฝ่ายเจรจาแก้ไขข้อพิพาทอย่างสันติ และเป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศ กัมพูชา ขอให้ประเทศที่เคารพกฎหมายระหว่างประเทศ สนับสนุนให้ประเทศไทยแก้ไขข้อพิพาทเขตแดนร่วมกับกัมพูชาผ่านกระบวนการของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) โดยเฉพาะใน 4 ประเด็นสำคัญ ได้แก่:

1. พื้นที่สามเหลี่ยมมรกต หรือช่องบก ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่างกัมพูชา ลาว และไทย

2. ปราสาทตาเมือนธม

3. ปราสาทตาเมือนโต๊ด

4. ปราสาทตาควาย

สมเด็จฮุน เซน กล่าวว่า กัมพูชาไม่ได้ร้องขออาวุธหรือกระสุนที่นำไปสู่การนองเลือดกับประเทศไทย แต่กัมพูชาต้องการการสนับสนุนให้หันหน้าเข้าสู่แนวทางสันติวิธี ผ่านการเจรจาทวิภาคีและกระบวนการทางกฎหมาย

"เส้นเขตแดนระหว่างกัมพูชา-ไทยมีความยาวมากกว่า 800 กิโลเมตร แต่กัมพูชาเพียงขอให้พิจารณา 4 พื้นที่ ซึ่งเป็นจุดเสี่ยงต่อความขัดแย้งทางทหารในอนาคต และต้องได้รับการแก้ไขล่วงหน้าผ่านกระบวนการศาล เพราะปัญหาเหล่านี้ไม่สามารถแก้ไขได้แม้ภายใน 100 ปีหากอาศัยเพียง #กลไกทวิภาคี ดังนั้น มีเพียง #ศาลโลก เท่านั้นที่สามารถตัดสินข้อพิพาทเหล่านี้ได้อย่างเด็ดขาด"

ปัญหาชายแดน ‘ไทย-กัมพูชา’ ที่รัฐบาลทำงานไม่คืบหน้า นี่คือกุญแจที่ไขคำตอบว่า กองทัพรัฐประหารทำไม

(15 มิ.ย. 68) สุดท้ายการประชุม JBC ไทย-กัมพูชาก็เป็นอย่างที่เอย่าคาด คือฝ่ายกัมพูชาจะตีกินเพื่อล่มการประชุมนี้และจะพยายามดึงให้ไทยเข้าสู่ศาลโลก 

เอาเป็นว่าก่อนมาถึงตรงนี้เอย่ามาย้อนความกันก่อนดีกว่าว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง

ทุกอย่างเริ่มจากทหารกัมพูชารุกล้ำชายแดนไทยแล้วอ้างว่าปราสาทตาเมืองธมและปราสาทตาควายเป็นของกัมพูชา ทางกองทัพไทยก็ไม่รอช้าส่งกองทัพเข้าประชิดชายแดนส่งทหารพรานปักธงชัยลงพื้นที่ทันที

ฝั่งกัมพูชาเห็นท่าไม่ดีก็เลยสั่งให้กองทัพตนเองร่นลงมา  สุดท้ายพยายามดิ้นว่าจะฟ้องศาลโลก

ฝั่งไทยกร้าวขึ้นประกาศปิดด่านชายแดน  ฝั่งกัมพูชาเริ่มปล่อยข่าวแบนสินค้าไทย แต่ไม่เป็นผลจึงเปลี่ยนมาใช้มาตรการตัดเนตตัดไฟที่เคยซื้อจากฝั่งไทย 

ดูฝั่งรัฐบาลไทยก็พยายามจะกีดกันกองทัพไม่ให้เข้ามายุ่งโดยอ้างว่าจะไปตกลงกันในที่ประชุม JBC และสุดท้ายเป็นอย่างไรละก็ตามที่นักวิเคราะห์คาดเลยว่าฝั่งกัมพูชาจะล้มโต๊ะการประชุม JBC

ถามว่างานนี้ผู้นำไทยรู้เห็นไหมคงไม่อาจทราบได้  แต่มีนักวิเคราะห์หลายคนบอกว่าเรื่องราวนี้ถ้าไม่มีการผลักจากฝั่งรัฐบาลไทย  เราก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องไปรับอำนาจศาลโลกเหมือนที่เคยเสียเปรียบและเสียดินแดนมาแล้วในอดีต

ความไม่ไว้วางใจก่อปัญหารุนแรงมากขึ้นเพราะทุกคนในประเทศไทยนี้รู้ดีถึงสายสัมพันธ์ทางครอบครัวระหว่างผู้นำของไทยและกัมพูชา จนเรียกได้ว่าปัญหานี้แก้ง่ายมากแค่บินไปกินข้าวบ้านญาติสักมื้อก็น่าจะจบ

แต่หากคิดอีกมุมว่านี่คือแผนฮุบแผ่นดินของครอบครัวนี้ โดยสุดท้ายหากมีการขึ้นศาลโลกและตัดสินแบ่งดินแดนไปคนละครึ่ง บ้านฝั่งกัมพูชาก็จะได้อวดว่านี่ไงฉันไปเอาแผ่นดินที่เคยเป็นของเรามาได้ตั้ง 500,000 ตารางกิโลเมตร ในขณะครอบครัวฝั่งไทยจะอ้างว่านี่ฉันหยุดความสูญเสียทั้งสงคราม เศรษฐกิจระหว่างประเทศไว้เชียวนะ

ถามว่ามาแนวนี้นักวิเคราะห์หลายคน  ประชาชนหลายกลุ่มก็ดูออกเพราะทุกวันนี้ก็ยังไม่เห็นรัฐบาลนี้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักเรื่อง

เผลอๆเหตุการณ์ครั้งนี้อาจจะเป็นคำตอบให้ประชาชนหลายคนที่อาจจะลืมไปแล้วว่าตอนนั้นลุงตู่ต้องทำรัฐประหารเพราะอะไร ให้กลับมาเห็นก็ได้ว่าการรัฐประหารมันไม่ได้แย่หากทำเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top