Thursday, 24 April 2025
ชัยเวศเสถียรโชติ

คำสารภาพจากลูก ผู้เคยประพฤติร้ายต่อผู้เป็นแม่ แต่ในวันที่กำลังแพ้ ‘ผู้หญิงคนนี้’ ไม่เคยจากไปไหน

เมื่อไม่นานนี้ ได้มีผู้ใช้งานติ๊กต็อกท่านหนึ่ง ชื่อ ‘kcbarseub’ โพสต์คลิปวิดีโอเกี่ยวกับคำสารภาพของชายหนุ่มท่านหนึ่งชื่อ ‘นายชัยเวศ เสถียรโชติ’ อดีตนักเรียนที่เคยติดยา ก่อนจะกลับตัวกลับใจได้ จนสามารถก้าวขึ้นมาเป็นตัวแทนคณะนักร้องประสานเสียงได้ในที่สุด โดยนายชัยเวศ ได้เล่าเรื่องราวในอดีตสมัยวัยรุ่นของตนเอง ที่เคยหลงเลือกทางเดินที่ผิดพลาด จนเป็นเหตุทำให้ ‘แม่’ ผู้ให้กำเนิดต้องทุกข์ใจ ไว้ว่า…

“ชีวิตของผม ในสมัยที่ผมยังเป็นเด็ก ผมมีความสุขมาก วันๆ ก็ไม่ต้องคิดอะไรมาก คิดเพียงอย่างเดียวว่า วันนี้แม่จะทำกับข้าวอะไรให้กิน แม่จะให้เงินไปโรงเรียนเท่าไร

สมัยเด็กๆ แม่เคยถามผมว่า “โตขึ้น ลูกของแม่อยากจะเป็นอะไร?”

ผมตอบแม่ไปว่า “โตขึ้น ผมอยากจะเป็นตำรวจ อยากจะช่วยเหลือสังคม”

แม่รับปากผมว่าจะส่งผมเรียนให้ได้สูงๆ…

จนกระทั่งปี พ.ศ. 2538 ผมเรียนถึงระดับอนุปริญญา เรียนสูงมาก ก็มีเพื่อนมาก แต่ผมไม่สามารถรู้ได้เลยว่า เพื่อนคนไหนบ้างที่จริงใจกับผม…

ผมรู้เพียงอย่างเดียวว่า ปีนี้เป็นปีสุดท้าย ผมจะต้องเรียนให้จบ ได้เกรดเฉลี่ยนสูงๆ ทำให้แม่ภาคภูมิใจ

และในปีนั้นเอง แม่ของผมโชคร้าย แม่ล้มป่วย ผมพาแม่ไปหาหมอ หมอบอกว่าแม่ป่วยเป็นโรคหัวใจ แม่จะต้องหยุดทำงาน แม่ไม่สามารถไปทำงานได้ แม้กระทั่งขึ้นสะพานลอย แม่ยังบอกว่า “แม่เหนื่อย ขอพักก่อนได้ไหมลูก…”

ตอนนั้นผมสับสนมาก เรียนก็อยากเรียนในจบ สงสารก็สงสารแม่ และในที่สุด เพื่อนที่เคยคบกัน เรียนมาด้วยกัน แนะนำผมว่า เขามียาอยู่ชนิดหนึ่ง ถ้าผมได้ลองใช้แล้ว มันจะทำให้ชีวิตของผมดีขึ้น จะทำให้ผมเรียนเก่ง มีร่างกายที่แข็งแรง ผมหลงเชื่อเพื่อน มาลองใช้ยาตัวนี้ดู…

แรกๆ ก็ใช้น้อย แต่ความต้องการยามีมากขึ้น งานการที่เคยช่วยแบ่งเบาแม่ ผมกลับปล่อยปละละเลย ไม่สนใจ กลับถึงบ้านก็หมกตัวอยู่แต่ในห้อง คิดอยู่อย่างเดียวว่า จะหาเงินที่ไหนไปซื้อยามาเสพ

ในที่สุด แม่ก็จับได้ว่าผมติดยาเสพติด ตอนนั้นผมยอมรับว่าผมกลัวมาก กลัวว่าแม่จะไล่ผมออกจากบ้าน กลัวว่าแม่จะไม่ให้ผมเรียนต่อ แต่แม่ไม่เคยพูดคำนั้น แม่นั่งร้องไห้ เรียกผมเข้าไปหา ถามผมว่า “ลูกติดมานานหรือยัง เลิกได้ไหม? ไหนลูกเคยสัญญากับแม่ ว่าลูกอยากเป็นตำรวจ”

ผมรับปากแม่ว่าผมจะเลิก แต่ผมก็ไม่เคยปฏิบัติตามคำพูดของผมเลย แต่กลับหนักขึ้นกว่าเก่า… ถ้าวันไหนแม่ไม่อยู่บ้าน ผมจะแอบกลับเข้าไปขโมยเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เอาไปขาย แล้วบอกแม่ว่าพี่เป็นคนเอาไป

บ้านมีแต่เรื่อง… แต่ในที่สุดวันที่ 19 มิถุนายน 2538 ผมยังจําได้จนถึงทุกวันนี้และจะไม่ขอลืม วันนั้นเป็นวันเสาร์ ผมต้องการยามาก ผมบอกแม่ว่า “แม่ครับ ผมขอเงิน 200 บาท จะไปซื้ออุปกรณ์จัดการเรียน” แม่บอกผมว่า “พรุ่งนี้ได้ไหมลูก เพราะว่าพรุ่งนี้เป็นวันอาทิตย์ ลูกไม่ได้ไปโรงเรียนไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวแม่จะหาให้ ตอนนี้แม่เหลือเงินแค่ 300 บาท แม่ต้องไปหาหมอ”

ผมไม่ฟังคําพูดของแม่ ผมเข้าไปแย่งเงินจากแม่ ผลักแม่จนล้มลง เข้าไปแย่งเงินเอา เงิน 200 บาท ไปซื้อยามาเสพกับเพื่อนอย่างมีความสุข

แต่เวรกรรมมีจริง…

ในวันนั้นช่วงเย็น ผมกลับเข้าบ้าน มีผู้ชาย 2 คนเดินเข้ามาหาผม เขาจับผมเอาหน้าคว่ำลงกับพื้น เอาเท้าเหยียบที่หลังผม ใส่กุญแจมือ พาผมไปที่โรงพักและตั้งข้อหาว่า ‘มียาเสพติดไว้ในครอบครอง’

ระหว่างที่อยู่ในโรงพัก ผมคิดเสมอว่าเดี๋ยวเพื่อนก็ต้องมาเยี่ยมผม เพื่อนต้องไม่ทิ้งผม แต่ความคิดของผมผิดทั้งหมด… คนที่มาเยี่ยมผม คือ น้องของผม

น้องบอกว่า “แม่ไม่มาเยี่ยมพี่หรอก พี่ทําแขนแม่หัก”

ตอนนั้นผมคิดว่า ผมอยากตาย…

แต่ในคืนนั้นเอง ตอน 4 ทุ่ม แม่ที่ในขณะนั้น แขนข้างนึงเข้าเฝือก อีกข้างหนึ่งหิ้วถุงใส่ข้าวมันไก่กับน้ำอัดลมกระป๋อง เดินมาหาผม คําพูดแรกที่แม่พูดกับผม แม่ถามว่า “ลูกหิวข้าวไหม? ไม่ต้องกลัว แม่ซื้อข้าวมันไก่กับน้ำอัดลมกระป๋องที่ลูกชอบมาฝาก แม่จะหาทางช่วยลูก แม่ไม่ทิ้งลูก”

คืนนั้นแม่ทําทุกทาง ทำทุกอย่างเพื่อที่จะช่วยผม แม้กระทั่งก้มกราบเท้าตํารวจ แม่ก็ทํา…

เรื่องราวทั้งหมดหยุดชะงักลงเพียงเท่านี้ เพราะในขณะที่นายชัยเวศกำลังเล่าเรื่องทั้งหมดอยู่นั้นเอง แม่ของเขาก็ได้เดินเข้ามาสวมกอดเขาอย่างอบอุ่น ทำให้นายชัยเวศถึงกับหลั่งน้ำตาออกมา พร้อมคุกเข่าก้มลงไปกราบแทบเท้าของแม่ผู้ให้กำเนิด และกล่าวขอโทษแม่ซ้ำไปซ้ำมา สร้างความซาบซึ้งและความประทับใจแก่ทุกคนเป็นอย่างมาก จนเสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่วหอประชุม


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top