Tuesday, 6 May 2025
จุฑาพรเกตุราทร

‘ทีมเศรษฐกิจเพื่อไทย’ ลงพื้นที่ ‘บางรัก’ รับฟังปัญหาพี่น้องผู้ประกอบการ พบปัญหารายได้ไม่พบรายจ่ายเป็นปัญหาหลัก พูดคุยกับ ‘ชัชชาติ สิทธิพันธ์’ ผู้ว่าฯ กทม.เรื่องแนวทางการพัฒนาเมืองใหญ่และเศรษฐกิจซบเซาในเมืองใหญ่ โดยเล็งกระตุ้นเศรษฐกิจย่านบางรักให้กลับมาฟื้

จุฑาพร เกตุราทร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตบางรัก สาทร ปทุมวัน และคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าวันนี้ได้ลงพื้นที่เขตบางรัก พร้อมด้วย พิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย เพื่อรับฟังปัญหาและขอความเห็นของประชาชนในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยพบว่าผู้ประกอบการจำนวนมากประสบปัญหาจากภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำเป็นเวลานาน การค้าขายฝืดเคือง รายได้ไม่พอรายจ่าย ยิ่งระยะหลังข้าวของแพง ค่าครองชีพพุ่ง ยิ่งทำให้การดำรงชีวิตเป็นไปอย่างยากลำบาก ชักหน้าไม่ถึงหลัง และยังมีหนี้สินเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยผู้ประกอบการส่วนใหญ่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงที่จะมีผู้บริหารประเทศที่มีความรู้ความสามารถทางเศรษฐกิจอย่างแท้จริง เหมือนในอดีตที่เคยบริหารประเทศจนประสบความสำเร็จ ประชาชนอยู่ดีกินดี เศรษฐกิจหมุนเวียนดี เข้ามาบริหารแทนผู้บริหารในปัจจุบัน

“เพื่อไทย” เห็นด้วย สภาอุตสาหกรรมฯ หยุดการขึ้นค่าไฟฟ้า ชี้ ความสามารถแข่งขันไทยจะลด เวียดนามหน่วย 2.88 บาท แนะ 4 แนวทางลดค่าไฟฟ้าในระยะสั้นและระยะยาว

นางสาวจุฑาพร เกตุราทร ว่าที่ผู้สมัคร สส. กทม. เขต บางรัก สาทร ปทุมวัน และ โฆษกคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลประกาศขึ้นราคาไฟฟ้าสำหรับธุรกิจและอุตสาหกรรมจากหน่วยละ 4.72 บาท เป็น หน่วยละ 5.69 บาท สร้างความเดือดร้อนให้กับภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมอย่างมาก จนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยต้องออกเรียกร้องขอให้หยุดการขึ้นค่าไฟฟ้าไว้ก่อน เพราะภาคธุรกิจคงแบกกันไม่ไหว เนื่องจากตอนต้นปียังอยู่ที่หน่วยละ 3.70 บาทเลย หรือขึ้นราคาถึง 53% ซึ่งหนักมาก อีกทั้ง ประเทศเวียดนามที่เป็นประเทศคู่แข่งของไทยคิดค่าไฟฟ้าเพียงหน่วยละ 2.88 บาทเท่านั้น ซึ่งแตกต่างกันเกือบเท่าตัว นอกจากนี้การขึ้นค่าไฟฟ้าจะทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าสูงขึ้น ผู้ผลิตก็ต้องขึ้นราคาสินค้าทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น และประชาชนจะยิ่งเดือดร้อนจากค่าครองชีพที่สูงอยู่แล้ว เหมือนซ้ำเติมความลำบาก 

ดังนั้นหากรัฐบาลยังยืนยันจะขึ้นค่าไฟฟ้าในระดับนั้นจะทำให้การแข่งขันของไทยลดลง นักลงทุนต่างประเทศจะไม่มาลงทุนในประเทศไทย แต่จะหันไปลงทุนในประเทศเวียดนามหมด ซึ่งที่ผ่านมาก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว โดยล่าสุดความสามารถแข่งขันของประเทศไทยหล่นลงมาถึง 5 อันดับจากอันดับที่ 28 ลงมาอันดับที่ 33 ซึ่งย่ำแย่อยู่แล้ว  ทั้งนี้การที่ประเทศไทยต้องขึ้นราคาไฟฟ้าในระดับสูง เกิดจากการบริหารพลังงานที่ผิดพลาดของรัฐบาลเอง ทำให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าพุ่งขึ้นสูงและต้องนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ที่มีราคาสูงเข้ามาใช้ในการผลิตไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะปัญหาการส่งมอบสัมปทานการขุดก๊าซในพื้นที่อ่าวไทย ปริมาณก๊าซจากเมียนมาร์ที่ลดลง อีกทั้งยังปล่อยให้มีการผลิตไฟฟ้าเกินความต้องการเป็นจำนวนมาก ทำให้ต้องจ่ายค่าความพร้อมสำหรับโรงงานไฟ้ฟ้าที่สร้างเกินความต้องการใช้เป็นจำนวนมากกว่า 50% 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top