Thursday, 22 May 2025
คนรุ่นใหม่

‘เฮียวิทย์’ แนะ!! คนรุ่นใหม่ 'ไฟแรงฝันใหญ่' แต่ต้องไม่ทิ้ง ‘ความอดทน’ ชี้!! ช่วงเริ่มต้นจะหนักมาก แต่ผ่านจุดจิตตกได้ ความสำเร็จอยู่ไม่ไกล

เมื่อไม่นานมานี้ จากเพจเฟซบุ๊ก ‘CK Cheong’ ของ ‘คุณซีเค เจิง’ นักธุรกิจหนุ่มลูกครึ่งไทย-จีน (มาเก๊า) ผู้เติบโตที่ประเทศอเมริกา และเป็นหนึ่งในผู้บริหารของ ‘Fastwork Technologies’ ได้โพสต์คลิปช่วงหนึ่งขณะสัมภาษณ์ ‘ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน’ หรือ เฮียวิทย์ ที่หลายคนรู้จักเขาในบทบาทของนักเล่าเรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ให้กลายเป็นสิ่งที่เข้าใจง่าย ซึ่ง ดร.วิทย์ ได้แชร์มุมมองพร้อมคำแนะนำสำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ไฟแรงฝันใหญ่ โดยระบุว่า…

“คําแนะนําสำหรับผมคือ…ไม่มีใครสามารถประสบความสําเร็จได้โดยที่ ‘ไม่มีความอดทน’ ผมเชื่อนี้ว่าหลายคนในยุคปัจจุบันเรา ‘มีความฝัน’ ซึ่งผมอยากให้ดู ‘เจนเซ่น หวง’ เขาใช้เวลา 30 ปี ในการพาอินวิเดียให้มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 1 ล้านล้าน แต่เขาใช้เวลา 10 เดือน ในการทําให้ 1 ล้านล้าน เป็น 2 ล้านล้าน และเขาใช้เวลาเพียงแค่ 23 วัน ในการทำให้ 2 ล้านล้าน กลายเป็น 3 ล้านล้าน ซึ่งชีวิตเหมือนอย่างงี้…เริ่มต้นช่วงแรกมันจะหนักมาก เหมือนเราเดินขึ้นภูเขา เดินไปยอดเขา เหนื่อยแทบตาย ปรากฏว่าเดินลงเขา ง่ายขึ้นไหม ง่ายกว่าเยอะ ค่อย ๆ ลง แต่บางคนจะบอกเดินเท่าไหร่มันก็ไม่ถึงยอด อยากให้ดู เจนเซ่น หวง… 

หากถามว่า เจนเซ่น หวง ชีวิตเขาเจออะไรบ้าง ซึ่งหนัก…หรือแม้แต่ ‘สตีฟ จ็อบส์’ เองก็โดนไล่ออกจากบริษัทที่ตัวเองตั้ง คนที่จะมาแล้วโรยด้วยกลีบกุหลาบแทบไม่มี

เพราะฉะนั้นความสามารถที่จะต่อสู้และก้าวผ่านช่วงบางช่วงที่มันทําให้เราจิตตกคือสิ่งสําคัญ ดังนั้นเชื่อว่าเด็กรุ่นใหม่ความสามารถดีมาก แต่บางครั้งการเพิ่มเติม ‘ทักษะชีวิต’ เจออุปสรรคแล้วพูดว่า ‘ฉันจะชนะเธอ’ ‘ฉันไม่ยอมแพ้หรอก’ แต่ไม่ใช่ว่านั่ง ทําไมเจออีกแล้ว เราเหนื่อยเหลือเกิน ผมว่าต่างกัน และผมเชื่ออีกอย่างนะว่า..ถ้าคุณต้องการเป็นผู้ชนะ จงทำตัวเหมือนผู้ชนะ คุณไม่สามารถทำตัวเป็นไอ้ขี้แพ้และอยากจะเป็นผู้ชนะได้ และหนึ่งในผู้ชนะคือเชื่อว่าทุกอย่างสามารถสำเร็จได้ และเห็นอุปสรรคเป็นเรื่องที่เป็นแสนจะปกติแล้วข้ามผ่านมันทุกครั้ง”

กระตุกต่อมคิดคนไทย!! พอกันที!! วาทกรรมแบ่งแยกคนรุ่นเก่า-ใหม่ หยุดให้ค่า!! หากออกจากปลายจมูก 'นักฉวยโอกาส-สาดความรวยใส่ตัว'

(29 ก.ค. 67) ผู้ใช้ Instagram ที่ชื่อว่า ‘tthegreatboy1’ ได้โพสต์คลิปเกี่ยวกับ ‘โน๊ส อุดม’ และวาทกรรม ‘คนรุ่นเก่า-คนรุ่นใหม่’ โดยได้ระบุว่า ...

‘โน๊ส อุดม แต้พานิช’ ในทัศนะของผม แกเป็นตลกฝืดๆ คนหนึ่ง ที่ผมรู้สึกว่าทำไมเราต้องไปเสียตังค์จ่าย เพื่อจะไปดูอะไรแบบนี้ คืออันนี้เป็นทัศนคติส่วนตัว ส่วนใครจะชื่นชอบจะจ่ายเงินเพื่อไปดูก็เป็นสิทธิส่วนตัวของเขา

งานของโน๊ส อุดม เป็นงานที่ไปหยิบจับ เอาประเด็นในสังคมประเด็นทางการเมือง นำมาล้อเลียนนำมาพูดให้ขำๆ แล้วยังไงใน TikTok ก็มีถ้าจะมาพูดขำๆล้อเลียนแบบนี้ มันไม่ได้มีอะไรที่สร้างสรรค์ใหม่ๆ เลย

เมื่อก่อนนี้โน๊ส อุดม เป็นคนที่พูดถึงปัญหาในสังคมปัญหาการเมือง พูดแซวในฐานะที่ตัวเองนั้นอยู่เหนือปัญหา ตัวเราเองนั้นเยี่ยมตัวเราดีคนอื่นคือปัญหา ทำตัวเทศนาอะไรประมาณนั้น ก็เข้าใจว่าเขาเป็นอย่างนั้น ก็ต้องปล่อยเขาไป

แต่ในปัจจุบัน มันมีข้อมูลหลักฐานในโลกโซเชียล ว่าโน๊ส อุดมนั้น ชื่นชอบใน ‘พรรคก้าวไกล’ 

ฉะนั้นเวลาที่ ‘โน๊ส อุดม’ จะพูดจะแซวพรรคการเมืองมองปัญหาการเมืองโน๊ส อุดม ก็จะพูดในฐานะที่เป็นคนที่ ฝักใฝ่ไปในทาง พรรคก้าวไกล ไม่ได้เป็นคน ที่อยู่ตรงกลางอีกแล้ว เป็นคนที่พูดด้วยฐานะ ที่ได้เลือกข้างแล้ว ตรงนี้ก็ต้องละไว้ในฐานที่เข้าใจก็ต้องปล่อยเขาไป

ส่วนประเด็นที่มันเป็นดรามานั้นก็คือ วาทกรรมของคนรุ่นเก่ารุ่นใหม่ พี่โน๊ตอุดมได้หยิบขึ้นมาพูดในงานครั้งล่าสุด ซึ่งก็ไม่แปลกเพราะเขาชื่นชอบในภาคก้าวไกล เขาก็จะต้องนำวาทกรรมของ พรรคก้าวไกล นำขึ้นมาผลิตซ้ำ

แต่โดยความคิดส่วนตัวของผมแล้ว ผมมองว่า วาทกรรมนี้เป็นสิ่งที่ไม่ยุติธรรม ต่อคนทุกฝ่าย คุณไปพูดเหมารวมว่าคนรุ่นเก่าทำตัวไม่น่านับถือ เข้าใจว่ามีคนรุ่นเก่าแบบที่คุณโน๊ส อุดมไม่ชอบ คนรุ่นเก่าที่ก่อปัญหาแบบที่คุณโน๊ส พูดมีอยู่จริง แต่ว่ามันก็เป็นเรื่องของปัจเจกชน เป็นพฤติกรรมของแต่ละบุคคลไป แต่คุณโน๊ส อุดมใช้วาทกรรมที่เหมารวม คนรุ่นเก่าก็มีอีกมากมายที่เป็นคนดี เป็นคนดีของสังคม เป็นพ่อที่เยี่ยม เป็นแม่ที่เยี่ยม เป็นคนที่ดีต่อเพื่อน เป็นคนที่ดีต่อสังคม อีกเยอะแยะมากมาย

แต่ปัจจุบัน เมื่อเขาเดินออกไปเจอคนรุ่นใหม่ เขาต้องกลายเป็นคนที่ไม่น่าเคารพไม่น่านับถือ เพราะวาทกรรมคนรุ่นเก่ารุ่นใหม่ ที่คุณโน๊ส อุดม พยายามจะสร้างมันขึ้น เป็นความมักง่าย ของคนที่ใช้วาทกรรมนี้ มันก็เลย กลายมาเป็นปัญหาในปัจจุบัน

ตรรกะคนรุ่นเก่าคนรุ่นใหม่ ที่พยายามจะโทษคนรุ่นเก่าว่า เป็นแบบนั้นแบบนี้ แล้วถ้าผมเอาตรรกะแบบนี้ไปใช้กับคนรุ่นใหม่บ้าง มันจะได้ไหม คนรุ่นใหม่เป็น พวกกราดยิงห้างสยามพารากอน เป็นพวกรุมโทรมหญิง คนรุ่นใหม่เป็นพวกแก๊งลูกตำรวจ คนรุ่นใหม่เป็น เด็กช่างกลตีกัน มันก็สามารถที่จะพูดได้เยอะแยะ ในข้อเท็จจริงนั้นมันก็มีคนรุ่นใหม่ ที่เป็นคนนิสัยไม่ดีแบบนี้จริงๆ

แต่ว่ามันเป็นพฤติกรรมของปัจเจกชน มันเป็นเรื่องของเฉพาะคนเฉพาะกลุ่ม มันไม่สามารถจะนำมาเหมารวมได้ว่า คนรุ่นใหม่ทั้งหมดเป็นคนที่ไม่ดี ถูกต้องไหมครับ

ในเมื่อเราเข้าใจตรรกะตรงกันแล้ว ทำไมคุณ ‘โน๊ส อุดม’ หรือ ‘พรรคก้าวไกล’ หรือกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ฝักใฝ่ ทำไมไม่เข้าใจว่า คนรุ่นเก่ารุ่นใหม่ ก็มีทั้งคนดีและคนที่ไม่ดีอยู่ในทุกกลุ่ม

เพราะฉะนั้นวาทกรรมของคุณโน๊ส อุดมจึงเป็นวาทกรรมที่สร้างความแตกแยก แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ต้องการที่จะหาผลประโยชน์ทางการเมือง

วาทกรรมคนรุ่นเก่าคนรุ่นใหม่ ถ้าเราลองคิดวิเคราะห์แล้ว เราก็จะเห็นว่ามันเป็นวาทกรรมที่มี ช่องโหว่เยอะ ไม่สามารถที่จะนำมาใช้ได้จริง มันบิดเบี้ยว 

และเมื่อเรารู้แล้วว่าวาทกรรมนี้มันไม่จริง เราก็ยังจงใจ ใช้วาทกรรมแบบนี้ สาดใส่คนอื่น ก็ต้องบอกว่า ไม่น่ารักเลย

‘ดู๋-สัญญา’ ยกข้อคิดวงการบันเทิงไทย ช่วงหนึ่งแห่งยุคทองย่อมผ่านไป ส่วนยุคใหม่จะหาทางรอดได้เองเสมอ ด้วยวิถีที่คนรุ่นเก่ามักนึกไม่ถึง

(9 ก.ย. 67) เมื่อไม่นานมานี้ เพจเฟซบุ๊ก ‘Nanake555’ ได้นำเนื้อหาส่วนหนึ่งของรายการ ‘คุยให้เด็กมันฟัง’ ซึ่งเป็นรายการทางช่องยูทูบของชาแนลชื่อเดียวกันในตอนที่ 44 ที่มีการเชิญคุณ ‘ดู๋ สัญญา คุณากร’ พิธีกรและนักแสดงชาวไทยชื่อดังมาเป็นแขกรับเชิญในรายการ 

โดยในคลิปส่วนหนึ่งของรายการ คุณดู๋ได้ให้ความเห็นที่เกี่ยวกับเรื่องของการเปลี่ยนผ่านของคนแต่ละเจนเนอเรชันว่า การเข้าสู่วงการบันเทิงในช่วงยุคทองมันผ่านไปแล้ว และเป็นเรื่องที่น่ากังวลเป็นอย่างมาก เพราะสมัยนี้เป็นยุคของการต้องทำอย่างไรให้อยู่รอด แทนที่จะกลายเป็นความครีเอทีฟสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ที่มีความซับซ้อนในการนำเสนอ แต่เป็นกระแสของการเน้นทำธุรกิจบันเทิงต่าง ๆ อะไรให้อยู่รอดมากกว่า

“มีบางคนบอกว่า 'การกระโดดเข้าวงการบันเทิงในช่วงเวลาที่ยุคทองของมันผ่านพ้นไปแล้ว เป็นเรื่องน่าเป็นห่วงมาก' มันมีวิธีการที่แตกต่างไปแล้ว มันมีการคิดที่แตกต่างไปแล้ว มันมีรสนิยมที่แตกต่างไปแล้ว ยุคที่ลงทุนมาก ๆ ได้ผลตอบแทนดีๆ มีเวลาครีเอทเรื่องแปลกใหม่ ยอดเยี่ยม มีความซับซ้อนในการนำเสนอ มันผ่านไปแล้ว กลายเป็นยุคทุนต่ำ ต้องทำยังไงให้อยู่รอด กลายเป็นกระแสของการอยู่รอดขึ้นมากลบครีเอทีฟ ขึ้นมากลบการสร้างสรรค์ หรืออะไรต่าง ๆ ก็น่าเป็นห่วง" 

แม้จะมีความเห็นถึงการสร้างสรรค์วงการบันเทิงที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย แต่อีกด้านหนึ่ง คุณดู๋ก็ยังคงมองว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เขาเชื่อว่าต่อไปคนรุ่นใหม่จะยังสามารถรับมือและแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ในแบบที่คนสมัยรุ่นเก่าอาจจะคิดไม่ออก เปรียบเหมือนต้นไม้ที่งอกอยู่บนแท่งปูน อะไรที่คิดว่าไม่น่ารอด มันจะรอดและไปต่อได้ด้วยวิธีการคิดที่คนสมัยก่อนคาดไม่ถึง

"แต่สิ่งที่ผมรู้สึกก็คือ ไม่ว่าอะไรจะน่าเป็นห่วง คนที่รุ่นใหม่กว่าจะเจอวิธีการที่คนรุ่นเก่ากว่าคิดแล้วมันคิดไม่ออก มันจะมีคนคิดออก มันจะมีคนรุ่นใหม่ มันจะเหมือนต้นไม้งอกในแท่งปูน ข้างทาง ถนน อะไรก็ได้ ที่เราคิดว่าไม่รอด มันจะรอด มันจะไปต่อได้ ด้วยวิธีการที่แตกต่างจากวิธีคิดสมัยก่อน เขาเปลี่ยนวิธีคิดตามสิ่งเหล่านั้นได้เก่งกว่าผู้ใหญ่ แล้วรุ่นลูกเรา ลูกพวกเรา เพื่อนเรา ก็จะกลายเป็นสิ่งที่ผ่านพ้นมัน สำหรับผมนะ ผมเชื่อว่าเขาจะผ่านพ้นมันได้ อุปสรรคจะยากจะง่าย แต่ก็ทำได้ เหมือนที่เราเคย ปู่เราก็จะบอกว่า ‘ไอ้นี่มันจะไหวเหรอ โลกมันกลายเป็นอย่างนี้ไปแล้ว มันก็เป็นอย่างนู้นไปแล้ว'”

พร้อมกันนั้น ในท้ายคลิปที่ตัดออกมา คุณดู๋ยังได้ทิ้งท้ายว่า ทุกสิ่งทุกอย่างมันเปลี่ยนผ่านไปได้เรื่อย ๆ และยังคงยืนยันใจความสำคัญว่า ไม่ต้องเป็นห่วงว่าคนรุ่นลูกหลานจะยังคงเอาตัวรอดได้เสมอ

"มันเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ แหละครับ แต่ก่อนวิทยุ หนังสือพิมพ์ วันหนึ่งก็โทรทัศน์ วันหนึ่งเดี๋ยวโซเชียลก็เปลี่ยนอีก แพลตฟอร์มต่าง ๆ ก็เปลี่ยน เห็นไหม? มันมีใหม่มาเก่าไป เด็กจะเปลี่ยนแปลงตาม แล้วไม่ต้องห่วงว่าเขาจะไม่รอด ผมเชื่อว่าเขาจะรอด"

จากส่วนหนึ่งของรายการช่องยูทูบที่ตัดเอามาลงเพจดังนั้น ได้มีชาวเน็ตมาร่วมแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ มากมาย และชื่นชมที่คุณดู๋เป็นผู้ใหญ่ที่เปิดกว้างและมองโลกตามความเป็นจริง

'พลัฏฐ์' นำทีมคนรุ่นใหม่ ‘พรรครวมไทยสร้างชาติ’ ร่วมงานเทศกาลดิวาลี 2567 สร้างสีสันให้ลิตเติ้ลอินเดีย

(3 พ.ย. 67) นายพลัฏฐ์ ศิริกุลพิสุทธิ์ อดีตผู้สมัคร สส. กทม. เขต 1 นำทีมคนรุ่นใหม่ พรรครวมไทยสร้างชาติ อาทิ ร.ต.อ.หญิงอัยรดา บำรุงรักษ์ รองผู้อำนวยการและรองโฆษกพรรค, นายอิทธิพัทธ์ เศรษฐยุกานนท์, นายกวิน ชาตะวนิช, นางสาวกาญจนา ภวัครานนท์, นางสาวชนกนันท์ ศุภศิริ, นายฤกษ์อารี นานา และสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ เข้าร่วมงานเทศกาลดิวาลีประจำปี 2567 โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 ตุลาคม - 3 พฤศจิกายน 2567 ณ ถนนพาหุรัด คลองโอ่งอ่าง กรุงเทพมหานคร

นายพลัฏฐ์ กล่าวว่า ถนนพาหุรัดเป็นแหล่งชุมชนของคนเชื้อสายอินเดียจำนวนมาก หรือเรียกได้ว่าเป็นลิตเติ้ลอินเดีย การจัด 'งานเทศกาลดิวาลี' หรือเทศกาลแห่งแสงสว่าง นับเป็นงานเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คนเชื้อสายอินเดีย ซึ่งตามความเชื่อว่าเป็นเทศกาลแห่งการฉลองชัยชนะของแสงสว่างเหนือความมืดมิด และความดีงามเหนือความชั่วร้ายต่างๆ 

ภายในงานมีกิจกรรมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการแสดง วัฒนธรรม จัดเต็ม แสง สี เสียงสไตล์บอลลีวูดตลอดทั้งวัน, ร้านอาหารจากภัตตาคารอินเดียชื่อดังของประเทศไทย พร้อมทั้งสินค้าสไตล์อินเดียจากร้านค้าชื่อดัง เครื่องประดับ ผ้าส่าหรี ของตกแต่ง และอีกกิจกรรมที่ห้ามพลาด ร่วมสักการะ ‘พระพิฆเนศ’ และ 'พระแม่ลักษมี' เสริมดวงชะตา ความสำเร็จ โชคลาภ ให้กับชีวิต 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top