Sunday, 8 June 2025
การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

‘กนอ.’ ยกระดับ ‘เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ’ ปี 66 สำเร็จตามเป้า พร้อมเร่งพัฒนาความร่วมมือภาคอุตฯ-สังคม-สิ่งแวดล้อม มุ่งสู่ SDGs

(5 ธ.ค. 66) การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เผย ยกระดับ ‘เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ’ ปี 66 สำเร็จตามเป้า พร้อมลุยต่อแผนปีงบประมาณ 2567 ให้สอดคล้องเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) 13 เป้าหมาย พร้อมผลักดันสิทธิประโยชน์ทั้งการลดหย่อน / ยกเว้น ค่าบริการอนุญาตในระบบ e-PP

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า กนอ. มุ่งมั่นพัฒนาและยกระดับนิคมอุตสาหกรรม สู่การเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Industrial Town) เพื่อการเกื้อหนุนซึ่งกันและกันของภาคอุตสาหกรรม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ตามแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน ภายใต้กรอบ 5 มิติ  คือ มิติกายภาพ, มิติเศรษฐกิจ, มิติสิ่งแวดล้อม, มิติสังคม และมิติการบริหารจัดการ

โดยส่งเสริมให้เกิดการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก มุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งส่งเสริมให้เกิดเครือข่ายความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการยกระดับนิคมอุตสาหกรรม ตามวิสัยทัศน์ ‘นำนิคมอุตสาหกรรมสู่มาตรฐานสากล ด้วยนวัตกรรมอย่างยั่งยืน’

โดยปีงบประมาณ 2566 กนอ. สามารถพัฒนาและยกระดับนิคมอุตสาหกรรมเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ จากระดับ Eco-Champion 39 แห่ง ยกระดับขึ้นเป็นระดับ Eco-Excellence 22 แห่ง และระดับ Eco-World Class 7 แห่ง ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 
กนอ. มีเป้าหมายขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ตามนโยบายเศรษฐกิจ ‘BCG Model’ ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติ และเป็นหัวใจของยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศให้เติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืน

โดย กนอ. ดำเนินโครงการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งในระดับนิคมฯ และโรงงาน เช่น การยกระดับนิคมอุตสาหกรรมสู่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ โครงการปรับปรุงค่าประสิทธิภาพเชิงนิเวศเศรษฐกิจ (Eco Efficiency) โครงการส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรเพื่อให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ที่ยั่งยืน มุ่งเน้นจัดการกากของเสียให้มีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันยังสนับสนุนโรงงานอุตสาหกรรมเป็นอุตสาหกรรมสีเขียว โรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Factory) และ Eco Factory for Waste Processor

“ปี 2567 กนอ. ยังคงใช้หลักเกณฑ์การเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศเดิม แต่จะปรับปรุงให้สอดคล้องตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) 13 ข้อ ขณะเดียวกันยังผลักดันสิทธิประโยชน์สำหรับผู้พัฒนานิคมฯ และผู้ประกอบการ ทั้งการลดหย่อน / ยกเว้น ค่าบริการอนุญาตในระบบ e-PP ซึ่งจะช่วยส่งเสริมและสนับสนุนการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศของ กนอ.ในอนาคตต่อไป” นายวีริศ กล่าว

ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2567 กนอ. มีแผนงานยกระดับนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศในนิคมอุตสาหกรรม ดังนี้ ระดับ Eco Champion ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมดับบลิว เอช เอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 4, ระดับ Eco Excellence ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมบางปู นิคมอุตสาหกรรมราชบุรี, ระดับ Eco World Class ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมดับบลิว เอช เอ ตะวันออก (มาบตาพุด), นิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ซิตี้

'กนอ.' พิสูจน์ชัด 'นโยบายธงขาวดาวเขียว' เป็นไปตามเป้า หลังคว้ารัฐวิสาหกิจดีเด่น ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมฯ ปี 66 

การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) คว้ารางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น ด้านการดำเนินงานอย่างรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ประจำปี 2566 ตอกย้ำความสำเร็จในการยกระดับให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมของโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน

(1 ก.พ.67) นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า กนอ. คว้ารางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น ด้านการดำเนินงานอย่างรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ประจำปี 2566 จากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ภายใต้แนวคิด 'รัฐวิสาหกิจสร้างสรรค์พลังไทยสู่สากล ENHANCING THAINESS TOWARDS GLOBAL OPPORTUNITIES' โดยมีนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธี ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล 

โดยรางวัลที่ได้รับครั้งนี้ เป็นเครื่องสะท้อนความสำเร็จและความมุ่งมั่นของ กนอ. ในการให้ความสำคัญกับการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยภายในนิคมอุตสาหกรรมและท่าเรืออุตสาหกรรมมาอย่างต่อเนื่อง ส่งเสริมให้ภาคประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วมในการตรวจสอบและกำกับดูแลการประกอบกิจการและการบริหารจัดการโรงงานบนพื้นฐานของความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ผ่านการดำเนินงานของคณะกรรมการตรวจประเมินโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งมีชุมชนโดยรอบนิคมฯ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมการดังกล่าวด้วย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับชุมชนที่อยู่โดยรอบนิคมอุตสาหกรรมและท่าเรืออุตสาหกรรม 

รางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น ด้านการดำเนินงานอย่างรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ประจำปี 2566 ที่ กนอ. ได้รับเป็นผลมาจากการดำเนินโครงการธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม (ธงขาวดาวเขียว หรือ Green Star Award) มาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2550 โดยเริ่มที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ก่อนที่จะขยายการดำเนินโครงการไปยังนิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศ และดำเนินโครงการมาอย่างต่อเนื่องทุกปีจนถึงปัจจุบัน โดยมุ่งเน้นให้ผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมยกระดับการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยอย่างมีมาตรฐาน โปร่งใส ตรวจสอบได้ พร้อมทั้งมอบใบประกาศเกียรติคุณและมอบธงที่มีสัญลักษณ์ดาวสีเขียวให้แก่โรงงานที่มีผลการประเมินการบริหารจัดการและการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมตามหลักธรรมาภิบาลอยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยม นอกจากนี้ โรงงานที่รักษามาตรฐานการบริหารจัดการตามหลักธรรมาภิบาลอยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยมต่อเนื่องเป็นเวลา 6 ปี ยังได้รับมอบประกาศเกียรติคุณและมอบธงธรรมาภิบาลยอดเยี่ยม (Gold Star Award) ด้วย

"ผมรู้สึกภาคภูมิใจแทนพนักงาน กนอ. ทุกคน เพราะรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น ด้านการดำเนินงานอย่างรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมที่เราได้รับในวันนี้ สะท้อนให้เห็นว่า โครงการธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อมที่ กนอ. มุ่งมั่นดำเนินงาน เพื่อการอยู่ร่วมกันกับกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะชุมชนรอบนิคมฯ ด้วยความจริงใจมาอย่างต่อเนื่องถึง 17 ปี เพื่อสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมของประเทศอย่างมั่นคงและยั่งยืน ได้รับการยอมรับจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของ สคร. และเชื่อมั่นว่าชาว กนอ. จะดำรงไว้ซึ่งความเป็นผู้นำในมาตรฐานเพื่อความยั่งยืนต่อไป" นายวีริศ กล่าวปิดท้าย

'กนอ.' มอบส่วนลดพิเศษกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงลงทุนนิคมฯ ภาคใต้ ในส่วน Rubber City

การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) จัดมาตรการส่งเสริมการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ ส่วนของพื้นที่ Rubber City เสนอโปรโมชันเด็ดเปิดจองที่ดินรับส่วนลดสูงสุดถึงร้อยละ 5 หวังดึงดูดการลงทุน กระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคใต้

(10 เม.ย.67) นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า กนอ. จัดมาตรการส่งเสริมการขายที่ดินนิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ จังหวัดสงขลา ในส่วนพื้นที่ Rubber City มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2567 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2567 โดยผู้ประกอบกิจการใหม่ จะได้รับส่วนลดร้อยละ 3 ของอัตราราคาขายที่ดิน และผู้ประกอบกิจการเดิม จะได้รับส่วนลดร้อยละ 5 ของอัตราราคาขายที่ดิน 

สำหรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ผู้ประกอบกิจการใหม่และผู้ประกอบกิจการเดิม จะได้รับมาตรการส่งเสริมการขายที่ดิน ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้...

1) ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน หรือทำสัญญาซื้อขายที่ดินเพื่อประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม ตามแบบที่ กนอ. กำหนด 

2) ชำระค่ามัดจำไม่น้อยกว่าร้อยละ 15 ของมูลค่าที่ดินในวันทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน โดยค่าที่ดินส่วนที่เหลือต้องชำระภายใน 30 วัน หลังจากได้รับหนังสือแจ้งจาก กนอ. 

3) แจ้งเริ่มประกอบกิจการภายใน 3 ปี นับแต่วันที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ที่ดินเพื่อประกอบกิจการจาก กนอ. 

4) ห้ามขายหรือโอนที่ดินบางส่วนหรือทั้งหมดภายใน 9 ปี นับจากวันที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ที่ดินเพื่อประกอบกิจการจาก กนอ. เว้นแต่ได้รับอนุญาตจาก กนอ. ทั้งนี้ ไม่นับรวมถึงกรณีการควบรวมกิจการ หรือกรณีผู้ขออนุญาตใช้ที่ดินเพื่อประกอบกิจการที่เป็นบุคคลธรรมดามีการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลขึ้นใหม่ภายหลังได้แจ้งกับ กนอ. ไว้แล้วเป็นลายลักษณ์อักษร และผู้ขออนุญาตใช้ที่ดินดังกล่าวถือหุ้นในนิติบุคคลที่จัดตั้งใหม่ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของทุนจดทะเบียน 

และ 5) กรณีผู้ประกอบกิจการใหม่หรือผู้ประกอบกิจการเดิม ไม่ปฏิบัติตามข้อใดข้อหนึ่งที่กำหนดไว้ ให้ถือว่ามาตรการส่งเสริมการขายที่ดินทั้งหมดเป็นอันยุติ ผู้ประกอบกิจการใหม่หรือผู้ประกอบกิจการเดิม ต้องชำระค่าที่ดิน ค่าบำรุงรักษาสิ่งอำนวยความสะดวก และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ทั้งหมดให้แก่ กนอ. โดยมีผลย้อนหลังนับตั้งแต่วันทำสัญญาจะซื้อจะขายหรือสัญญาซื้อขายที่ดินกับ กนอ. และต้องชำระให้แล้วเสร็จภายในเวลาที่ กนอ. กำหนด

“Rubber City เป็นทางเลือกใหม่ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างมากในขณะนี้ โดยมีความได้เปรียบในด้านทำเลที่ตั้งในจังหวัดสงขลา ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางการค้าขนาดใหญ่ และเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญทางเศรษฐกิจ และยังมีโครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคมขนส่งที่มีประสิทธิภาพเชื่อมโยงทั้งภายในและต่างประเทศ ที่สำคัญ ยังเป็นศูนย์กลางแหล่งผลิตยางพาราและตลาดการค้ายางที่สำคัญของประเทศอีกด้วย” นายวีริศ กล่าว

สำหรับนิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ จังหวัดสงขลา ในส่วนพื้นที่ Rubber City ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลฉลุง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เนื้อที่ 1,043 ไร่ เป็นพื้นที่เขตอุตสาหกรรมทั่วไป 582 ไร่ พื้นที่พาณิชยกรรม 35 ไร่ และพื้นที่ระบบสาธารณูปโภคและพื้นที่สีเขียว 426 ไร่ ปัจจุบันมีผู้ประกอบกิจการแล้ว 12 ราย ใช้พื้นที่รวม 64 ไร่ ประกอบด้วย นักลงทุนไทย ร้อยละ 56 นักลงทุนมาเลเซีย ร้อยละ 21 นักลงทุนญี่ปุ่น ร้อยละ 4 และนักลงทุนอื่นๆ อาทิ อังกฤษ ไต้หวัน ปานามา ร้อยละ 19 ทั้งนี้ นิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ จังหวัดสงขลา ในส่วนพื้นที่ Rubber City ยังคงเหลือพื้นที่ขาย/ให้เช่า อีก 468 ไร่

ทั้งนี้ นักลงทุนที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการได้รับสิทธิประโยชน์ตามมาตรการข้างต้นได้จากประกาศและมาตรการส่งเสริมการเช่าที่ดินได้ที่ [email protected] หรือที่โทรศัพท์ 0-2253-0561 ต่อ 1148 ,2124 ,2123 และ 1195 

'กนอ.' จัดงานใหญ่ ISB Forum & Awards 2024 ปลุกผู้ประกอบการใช้นวัตกรรมสร้างมูลค่าเพิ่ม

(16 ก.ย. 67) นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ กรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการ กนอ. เป็นประธานในพิธีเปิดงาน ISB Forum & Awards 2024 ภายใต้โครงการยกระดับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมสู่เกณฑ์ผลสัมฤทธิ์ทางสังคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืนของ กนอ. ปี 2567 (I-EA-T Sustainable Business 2024) โดยปีนี้จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ 'Inclusive and Sustainable Industrialization Towards New Growth' (การพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างครอบคลุมและยั่งยืนสู่การเติบโตครั้งใหม่) โดยมีผู้บริหาร กนอ. และผู้ประกอบการเข้าร่วมงาน

นายสุเมธ กล่าวว่า การจัดงาน งาน ISB Forum & Awards 2024 ในปีนี้ เพื่อส่งเสริมแนวคิดการพัฒนาอุตสาหกรรม ที่ไม่เพียงแต่สร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ แต่ยังคำนึงถึงความเป็นธรรมในสังคมและการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนใน 3 ประเด็นสำคัญ ได้แก่...

1.การพัฒนาอุตสาหกรรมที่ครอบคลุม (Inclusive Industrialization) เปิดโอกาสให้ทุกกลุ่มในสังคมมีส่วนร่วมและเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจได้อย่างเท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำ และส่งเสริมความหลากหลายในการทำงาน 

2.การพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน (Sustainable Industrialization) มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สร้างความเจริญเติบโตที่เป็นประโยชน์ร่วมกันในระยะยาว 

และ 3.การปฏิรูปอุตสาหกรรมไทย (New Industrialization) นำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มผลิตภาพและมูลค่า ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน ส่งเสริมการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมใหม่

“ผมเชื่อมั่นว่าผู้ประกอบการภายใต้การกำกับดูแลของ กนอ. ต่างมีกิจกรรมโครงการเพื่อสังคม ตลอดจนความรู้ความชำนาญ และทรัพยากรที่สนับสนุนลงไปยังชุมชนโดยรอบ หากมีการพัฒนาออกแบบแนวทางการดำเนินงานที่มุ่งผลลัพธ์ และเกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ตลอดจนความร่วมมือร่วมกัน การผนึกกำลังของภาคอุตสาหกรรมจะพลิกวิกฤติ ช่วยสร้างโอกาสการพัฒนาสังคมเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนอย่างจับต้องได้ คุ้มค่า และเป็นรูปธรรม” นายสุเมธ กล่าว

สำหรับ โครงการ ISB (I-EA-T Sustainable Business) ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2565 เพื่อส่งเสริมความพร้อมของผู้ประกอบการในการยกระดับมาตรฐานการพัฒนาอย่างยั่งยืน และเปิดเผยข้อมูลผลกระทบทางสังคม (Social Impact) ในระดับสากล โดยในปี 2567 กนอ. ขยายผลกลุ่มเป้าหมายไปสู่สำนักงานนิคมอุตสาหกรรม/ท่าเรืออุตสาหกรรม และผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงาน มีผู้เข้าร่วมโครงการ ISB Roadshow กว่า 61 สถานประกอบการ และผู้เข้าร่วม BIA/SIA Workshop จำนวน 45 ราย ซึ่งผลสัมฤทธิ์จากการดำเนินงานของผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ ISB ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาพบว่า มีการสนับสนุนงบประมาณในกิจกรรมทางสังคม รวม 575.87 ล้านบาท และเกิดผลตอบแทนทางสังคม (SROI) สูงถึง 4.87 เท่า คิดเป็นมูลค่ารวม 2,801.46 ล้านบาท

ภายในงาน ISB Forum & Awards 2024 มีการมอบรางวัล ISB List จำนวน 16 รางวัลให้แก่ สำนักงานนิคมอุตสาหกรรม ผู้พัฒนานิคมฯ ผู้ประกอบการที่สะท้อนการรับรองตามเกณฑ์มาตรฐานผลสัมฤทธิ์ BIA และ SIA และมอบรางวัล ISB Awards 2024 แก่ผู้ประกอบการที่มีความโดดเด่นด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน จำนวน 11 ราย และมอบรางวัลแก่สำนักงานนิคมอุตสาหกรรม/ท่าเรืออุตสาหกรรม ในบทบาท ISB Accelerator จำนวน 8 ราย

“กนอ. มุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศไทยให้เป็นไปอย่างครอบคลุมและยั่งยืน ผ่านโครงการต่างๆ เช่น โครงการเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ, โครงการธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม, โครงการ Smart I.E., โครงการพัฒนาและสนับสนุน SMEs, โครงการการพัฒนาแรงงานและทักษะ, โครงการพัฒนาท้องถิ่น, โครงการการสร้างนวัตกรรมและการวิจัย โดยเราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เราจะสร้างอุตสาหกรรมที่ทุกคนเติบโตไปด้วยกัน ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างยั่งยืน ผลักดันทุกภาคส่วนให้เข้มแข็งไปด้วยกัน” รักษาการในตำแหน่ง ผู้ว่าการ กนอ. กล่าวทิ้งท้าย

‘กนอ.’ เร่งสอบเหตุ!! ถังเคมีระเบิดในโรงงานนิคมฯ บ่อทอง จ.ปราจีนบุรี สั่งปิด!! โรงงานบางส่วน พร้อมให้ความช่วยเหลือ ผู้ได้รับผลกระทบ

(26 ต.ค. 67) การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) รายงานเกิดเหตุถังบรรจุภัณฑ์ระเบิดภายใน บริษัท เซียงนันเฟอรัส เมทัล จำกัด โรงงานสกัดหลอมโลหะในนิคมอุตสาหกรรมบ่อทอง จ.ปราจีนบุรี เมื่อเวลาประมาณ 09.30 น. เบื้องต้นพบผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บหลายคน

จากการตรวจสอบพบว่า สาเหตุเกิดจากคนงานเติมสารเคมีเกินเกณฑ์ที่กำหนด ทำให้เกิดปฏิกิริยาเคมีรุนแรง กนอ. ได้สั่งการให้โรงงานหยุดประกอบกิจการบางส่วนเป็นการชั่วคราว พร้อมเร่งตรวจสอบหาสาเหตุโดยละเอียด พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่

นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ รักษาการผู้ว่าการ กนอ. กล่าวว่า  กนอ. มีความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมยืนยันจะดำเนินการตรวจสอบอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ขึ้นอีก ทั้งนี้ กนอ. ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือ และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

กนอ.ได้ดำเนินการตรวจสอบ ใบอนุญาต ในการเปิดกิจการ โดยพบว่าบริษัทดังกล่าวได้ยื่นขอประกอบกิจการเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2567 และเริ่มประกอบกิจการเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 ใบอนุญาตเลขที่ 2-61-0-301-00065-2567 

ทั้งนี้ กนอ.จะดำเนินการตรวจสอบหาสาเหตุของอุบัติเหตุโดยละเอียด ตรวจสอบความเสียหาย และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ขณะเดียวกันได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ เพื่อกำกับดูแลโรงงานปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด

กนอ. โชว์ศักยภาพ! ดึงดูดลงทุนเกาหลี 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ปักหมุดนิคมฯ Smart Park เน้นพลังงาน และธุรกิจการแพทย์

(19 ธ.ค. 67) การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดบ้านต้อนรับนักลงทุนเกาหลี พร้อมชูแคมเปญ“Now Thailand - The Golden Era” ตอกย้ำความพร้อมของประเทศไทยในการเป็นฐานการลงทุนที่สำคัญในภูมิภาค ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนกว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในนิคมอุตสาหกรรม Smart Park

วันที่ 19 ธ.ค. 2567 นายยุทธศักดิ์ สุภสร ประธานกรรมการ กนอ. เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.67 กนอ.ได้ให้การต้อนรับนายธานี แสงรัตน์ เอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล พร้อมด้วยคณะนักลงทุนเกาหลีใต้กว่า 20 ราย ในการเข้าร่วมประชุมหารือและรับฟังข้อมูลภาพรวมการลงทุนในประเทศไทย สิทธิประโยชน์ และการให้บริการของ กนอ. โดยได้เน้นย้ำถึงแคมเปญ “Now Thailand - The Golden Era”เพื่อสื่อสารให้นักลงทุนเกาหลีใต้รับรู้ว่า “นี่คือยุคทอง โอกาสทองของการลงทุนในประเทศไทย ไม่มีเวลาใดที่ดีไปกว่านี้แล้ว” สร้างความเชื่อมั่นและพร้อมให้การสนับสนุนนักลงทุนเกาหลีใต้ในการประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรมของไทย

การเยือนประเทศไทยของคณะนักลงทุนเกาหลีใต้ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจโอกาสทางธุรกิจและการลงทุน โดยมุ่งเน้นให้เกิดการลงทุนจริงในประเทศไทย โดนในการประชุมหารือ นักลงทุนเกาหลีใต้ได้แสดงความสนใจในหลากหลายธุรกิจ อาทิ  ธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ : แสดงความชื่นชมต่อนโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอนของ กนอ. และอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการดำเนินธุรกิจไฟฟ้าในประเทศไทย โดยต้องการให้ กนอ. ช่วยประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เพื่อทราบกระบวนการและ แนวทางการดำเนินธุรกิจ ธุรกิจผลิตรถบรรทุก EV : มีความสนใจใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกในอาเซียน และปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูลการลงทุนในประเทศไทย ธุรกิจเหล็ก พลังงาน และอื่นๆ: บริษัทที่มีฐานการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง นิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์ และนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง มีแผนการขยายการลงทุนในประเทศไทยเพิ่มเติม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่มีการถ่ายโอนธุรกิจด้านพลังงานและอื่นๆ ในปี 2567 และการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรม Smart Park ที่มีการคาดการณ์มูลค่าการลงทุนประมาณ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีนักลงทุนสัญชาติเกาหลีร่วมดำเนินการในธุรกิจต่างๆ เช่น พลังงาน และธุรกิจการแพทย์ เป็นต้น

“ถึงเวลาแห่งการลงทุนในประเทศไทยแล้ว Now Thailand”กนอ.พร้อมประสานงานในเรื่องสิทธิประโยชน์ต่างๆ รวมถึงการถือครองอาคารชุดและที่ดินในประเทศไทย เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุนเกาหลีใต้” นายยุทธศักดิ์ กล่าว

ด้านนายสุเมธ ตั้งประเสริฐ กรรมการ กนอ. รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการ กนอ. กล่าวเสริมว่า การเยือนของคณะนักลงทุนเกาหลีใต้ครั้งนี้ ถือเป็นสัญญาณบวกที่สำคัญต่อการลงทุนในประเทศไทย ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างงาน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระดับภูมิภาค รวมทั้งตอกย้ำความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่มีต่อศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการลงทุนในภูมิภาค โดย กนอ.พร้อมให้บริการที่เหนือระดับและมีส่วนร่วมสร้างอนาคตที่มั่นคงให้กับนักลงทุนด้วยบริการที่ครอบคลุมทุกด้าน ทั้งการให้ข้อมูลเชิงลึก การให้คำปรึกษาด้านกฎหมายและภาษี การประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ และการอำนวยความสะดวกในการจัดตั้งธุรกิจ เพื่อให้นักลงทุนสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จ รวมถึงการให้คำปรึกษา สนับสนุนด้านต่างๆ และอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจ

สำหรับการประชุมหารือกับคณะนักลงทุนจากประเทศเกาหลีใต้ ณ สำนักงานใหญ่ กนอ. การประชุม ครั้งนี้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2567 มีผู้บริหาร กนอ. และนักลงทุนเกาหลีใต้เข้าร่วมประมาณ 20 คน

กนอ. หนุนเทคโนโลยีสีเขียว ลดพึ่งพาพลังงานฟอสซิล เร่งสร้างนิคมฯสีเขียว ยกระดับไทยสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ

(20 ก.พ.68) การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เดินหน้าขับเคลื่อน Green Transition ผนึกพลังรัฐ-เอกชน สร้างนิคมอุตสาหกรรมสีเขียว มุ่งสู่เป้าหมาย Zero Emission ด้วยพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีสีเขียว ลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิล ยกระดับไทยสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ

นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ กรรมการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) รักษาการผู้ว่าการ กนอ.เปิดเผยถึงทิศทางและบทบาทของการนิคมอุตสาหกรรมในการขับเคลื่อน Green Transition หรือการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดและเทคโนโลยีสีเขียว เพื่อสร้างความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ พร้อมรับมือกับความท้าทายด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมในยุคปัจจุบัน พร้อมย้ำว่า การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดและเทคโนโลยีสีเขียวเป็นแนวโน้มสำคัญของโลก 

ซึ่งภาคอุตสาหกรรมต้องปรับตัวเพื่อลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิลและเพิ่มการใช้พลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานน้ำ กนอ. ในฐานะหน่วยงานหลักที่ดูแลนิคมอุตสาหกรรม มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านนี้ โดยการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดในโรงงานอุตสาหกรรม และจัดหาโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับพลังงานทดแทนให้กับผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรม ทั้งนี้ เทคโนโลยีสีเขียว (Green Technology) เป็นเครื่องมือสำคัญในการลดการปล่อย

ก๊าซเรือนกระจกและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร เช่น การใช้ระบบจัดการพลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy Management) และการรีไซเคิลของเสียในกระบวนการผลิต ปัจจุบัน นิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งได้เริ่มปรับตัวด้วยการนำเทคโนโลยีสีเขียวมาใช้ เช่น การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ การใช้ระบบบำบัดน้ำเสียแบบปิด และการส่งเสริมการผลิตที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ (Low-carbon Production)

“นิคมอุตสาหกรรม กำลังปรับตัวเพื่อเป็นศูนย์กลางการผลิตที่ยั่งยืน โดยการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีสีเขียว พร้อมส่งเสริมให้ผู้ประกอบการลดการใช้พลังงานฟอสซิล และเพิ่มการใช้พลังงานทดแทน ขณะเดียวกัน กนอ.ยังสนับสนุนการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมสีเขียว เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเป็น Carbon Neutral หรือ Zero Emission ในอนาคตอันใกล้”นายสุเมธ กล่าว

รักษาการผู้ว่าการ กนอ. กล่าวอีกว่า กนอ.มุ่งเน้นสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อขับเคลื่อน Green Transition ผ่านนโยบายสนับสนุนและมาตรการจูงใจต่าง ๆ พร้อมผลักดันการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco-Industrial Town) ที่เน้นการจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ จะนำเทคโนโลยีดิจิทัลและเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น IoT และ AI มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการพลังงานและลดการสูญเสียในกระบวนการผลิต ซึ่งการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดอาจต้องใช้งบประมาณสูง และบางครั้งอาจพบความไม่พร้อมทางเทคโนโลยี หรือการขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะ ดังนั้น กนอ.จะร่วมกับทุกภาคส่วนสนับสนุนการปรับตัวของผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรม เพื่อเปลี่ยนกระบวนการผลิตและระบบการจัดการพลังงาน

“กนอ. จะเดินหน้าสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดและเทคโนโลยีสีเขียวอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ” รักษาการผู้ว่าการ กนอ. กล่าวทิ้งท้าย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top