Tuesday, 22 April 2025
กัญจนา

ดราม่าปางช้างไม่ยอมจบ!! ป้าแสงเดือนฟาด ทิ้งช้างให้ดูแล ‘หนูนา กัญจนา’สวมใจสิงห์ สวนกลับจะเร่งไปรับหาที่อื่นดูแล

(9 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงาน สำหรับเรื่องราวเกี่ยวกับการเลี้ยงช้างที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในขณะนี้ดูท่าจะไม่จบลงง่าย ๆ เมื่อ นางแสงเดือน ชัยเลิศ ผู้อำนวยการศูนย์บริบาลช้าง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ และประธานมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า

“มีช้างตัวผู้สองเชือก ชื่อพลายขุนเดชและพลายดอกแก้วที่คุณหนูนาเอามาฝากทางเราเลี้ยงไว้หลายปีถ้าคุณหนูนาสงสารและเป็นห่วงเขาจริงๆขอช่วยมาย้ายพวกเขาไปอยู่ในพื้นที่ที่เหมาะสมโดยด่วนค่ะ”

ก่อนที่ในเวลาต่อมานางสาวกัญจนา ศิลปอาชา ที่ปรึกษา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า 

“ว่าด้วยช้าง 2 เชือกที่เกี่ยวพันกับดิฉัน..ที่อยู่ที่ปางคุณเล็ก..
เชือกแรก..ขุนเดช.. น้องเป็นช้างป่า..ที่ถูกบ่วงแร้วนายพรานรัดข้อจนเป็นแผลใหญ่บวม… ทำให้เดินไม่ปกติ..
ดิฉันไปเจอน้องเมื่อปี 2557 ที่ส่วนสัตว์ป่า ม. เกษตรศาสตร์ กำแพงแสน .. น้องถูกเลี้ยงอยู่เชือกเดียวน่าสงสารมาก…

ช่วงนั้นเป็นปีแรกที่ดิฉันได้รู้จักคุณเล็ก และชื่นชมคุณเล็กมาก ..
ดิฉันวิ่งเต้นทำเรื่องขออธิบดีอุทยานพาขุนเดชไปอยู่ที่ปางคุณเล็ก .. จนสำเร็จ..
ตอนที่แรกเจอขุนเดช อายุประมาณ 4 ขวบตอนนี้น้องก็คง 14 แล้ว …

เชือกที่ 2 .. ดอกแก้ว..
ดิฉันเจอดอกแก้วที่โรงพยาบาลช้างคชบาล ลำปาง ..
น้องมากับแม่ แม่น้องป่วยหนักคือเหมือนมดลูกหลุดจากช่องคลอดมาครึ่งหนึ่ง ถ้าดิฉันจำไม่ผิด…

ดอกแก้วตอนนั้นอายุสองเดือนคลอเคลียอยู่กับแม่ตลอด..
ดิฉันพูดกับแม่โม่ดิพอ แม่ของดอกแก้วว่าอยู่กับลูกนะอย่าทิ้งลูกไป…
พอดีฉันกลับจากลำปางได้สามวันหมอก็โทรมาแจ้งว่าแม่ล้มแล้ว..
ดิฉันสงสารดอกแก้วมากกลัวเจ้าของจะเอาไปขายที่ไม่เหมาะสมจึงขอซื้อมาตอนนั้นราคา 850,000 (ถ้าตอนนี้คงเป็นล้าน)..

ช่วงปีแรกทางคชบาลเลี้ยงน้อง.. หาแม่รับคือแม่สิงขรให้..
แต่ภายหลังมีข่าวว่าแม่สิงขรอาจจะท้องและคงไม่เหมาะจะเลี้ยงลูกรับ…
ดิฉันจึงประสานขอคุณเล็กรับดอกแก้วไปเลี้ยงให้ด้วย… ซึ่งเธอก็ยินดี…

ดิฉันต้องขอบคุณคุณเล็กมากที่ตลอดเวลาได้เลี้ยงดูขุนเดชและดอกแก้วให้…
แต่ดิฉันก็ไม่ได้ไปฝากเฉยๆ ..
ในช่วงปีแรกที่ดิฉันไปหาคุณเล็กบ่อยๆนั้น ดิฉันได้สนับสนุนคุณเล็กอย่างที่ในชีวิต แม้จนถึงทุกวันนี้ ก็ยังไม่เคยให้ใครเท่านี้มาก่อนเพราะรักคุณเล็กมาก…

ดิฉันต้องขอบคุณเล็กอีกครั้ง สำหรับการดูแลขุนเดชและดอกแก้ว
คุณเล็กให้ไปรับโดยเร็ว..
ดิฉันกำลังจะไปรับทั้งคู่มานะคะ

ต้องเข้าใจด้วยนะคะว่าทุกอย่างที่ดิฉันทำเพื่อช้าง ไม่มีธุรกิจใดเกี่ยวกับช้าง ไม่ได้มีหน้าที่ใดๆ ไม่เคยได้เงินจากช้างเลยค่ะ …
เกิดแต่รักล้วนๆ…”

‘วอชด็อก ไทยแลนด์’ โดดร่วมวงดรามา ‘ปางช้างดัง’ ซัดบินโดรนก่อกวนช้าง ‘ร่มแดนช้าง’ สวนทันควัน ไม่ไฮเทคพอจะบินโดรน เตรียมช่วยช้างถูกขังเดี่ยว

(11 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ Watchdog Thailand Foundation - WDT’ ได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า 

หยุดคุกคามเขาได้แล้ว!!

ล่าสุด นำโดรนไล่จี้จนพลายโฮบตกใจ วิ่งหนีหัวซุกหัวซุน นี่หรือการกระทำที่อ้างว่ารักช้าง!!

Save ENP

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ‘พลายโฮบ’ คือช้างที่เมื่อช่วงปี 2561 มีข่าวทำร้ายควาญช้างจนเสียชีวิต ณ ปางช้างชื่อดังแห่งหนึ่งที่จังหวัดเชียงใหม่ 

ต่อมานายธีรภัทร ตรังปราการ นายกสมาคมสหพันธ์ช้างไทย ซึ่งเป็นทีมงาน ‘ร่มแดนช้าง’ พร้อมควาญช้างที่เข้าไปเคลื่อนย้ายขุนเดช และดอกแก้ว ช้าง 2 เชือกที่ตกอยู่ท่ามกลางดราม่าระหว่างหนูนา กัญจนา ศิลปอาชา และแสงเดือน ชัยเลิศ

นายธีระภัทรเปิดเผยกับ The States Times ว่า การเดินทางไปยัง ‘ศูนย์บริบาลช้าง Elephant Nature Park’ ของตนและทีมงานนั้น เป็นไปเพื่อการเจรจาและหาวิธีในการขนย้ายช้าง 2 เชือกที่ตกเป็นข่าว ขอยืนยันว่าตนและทีมงานไม่มีใครเฉียดเข้าไปใกล้กับคอกของพลายโฮบเลยแม้แต่น้อย 

และยิ่งที่มีกระแสข่าวว่าบินโดรนเข้าไปรบกวนนั้น ยิ่งเป็นไปไม่ได้เพราะอุปกรณ์เหล่านี้ไฮเทคเกินทีมงาน ทุกวันนี้ถ่ายวิดีโอจากมือถือยังไม่ค่อยเป็นเลย 

นอกจากนี้นายธีระภัทรยังกล่าวต่ออีกว่า ขณะนี้จะต้องหาแนวทางอื่น ๆ ในการช่วยเหลือพลายโฮบเพราะจากข้อมูลเท่าที่ทราบ พลายโฮบถูกขังเดี่ยวอย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลายาวนาน ซึ่งไม่ใช่วิธีที่เหมาะสมในการปรับพฤติกรรมของช้าง

‘ทูตนริศโรจน์’ เคลียร์ปมสงสัยทุกประเด็น กรณี ‘พลายศักดิ์สุรินทร์’ ช้างไทยที่เคยอยู่ในศรีลังกา

(24 ต.ค. 67) นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย  โพสต์เฟซบุ๊ก   Fuangrabil Narisroj  ระบุข้อความว่า

มีเพื่อนบางคนถามเรื่องพลายศักดิ์สุรินทร์ที่คุณหนูนาได้นำกลับมารักษาที่เมืองไทยว่าแตกต่างจาก กลุ่มขบวนการทวงช้างคืนจากศรีลังกาอย่างไร

ผมขออธิบายสรุปคร่าวๆ ดังนี้

1.ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ช้างที่ไทยเราเคยมอบให้ศรีลังกา เป็นไปตามความตกลงระหว่างประเทศ เป็นการมอบให้แบบ G2G ช้างที่มอบให้ศรีลังกาไปแล้ว ศรีลังกามีกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของโดยสมบูรณ์

2.กรณีพลายศักดิ์สุรินทร์ เนื่องจากควาญที่ดูแลพลายศักดิ์สุรินทร์มาตั้งแต่แรกเสียชีวิต และพลายศักดิ์สุรินทร์ป่วยไม่สบาย ทางไทย (โดยคุณหนูนาและคุณท๊อป) ก็ได้ขออนุญาตต่อทางการศรีลังกา ขอรับพลายศักดิ์สุรินทร์มาทำการรักษาพยาบาลที่ไทย 

3.สถานที่รักษาพยาบาลก็คือ สถาบันคชบาล ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ ซึ่งก็เป็นไปตามความตกลงระหว่างประเทศ ที่หากมีการรับส่งช้างก็ต้องดำเนินการโดยหน่วยงานของรัฐเป็นผู้รับ (แบบ G2G) ไม่ใช่ส่งคืนให้ “มูลนิธิ” ของเอกชน ! 

4.การดำเนินการขอรับพลายศักดิ์สุรินทร์มารักษาที่ไทย ไม่ใช่การทวงคืนช้างจากศรีลังกา ซึ่งกรณีนี้ทางการศรีลังกาก็ยังแสดงสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของโดยมีเงื่อนไขว่า เมื่อรักษาเสร็จแล้ว ขอรับพลายศักดิ์สุรินทร์กลับคืนศรีลังกาต่อไป

5.ในหลวง ร.10 เมื่อทรงทราบเรื่องก็ได้พระราชทานความช่วยเหลือรับพลายศักดิ์สุรินทร์ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ และตรงนี้เองที่เราได้ใช้อ้างกับทางศรีลังกาในการรักษาพยาบาลพลายศักดิ์สุรินทร์ไปเรื่อยๆโดยไม่มีกำหนด

6.ส่วนกรณีที่เกิดกลุ่มขบวนการทวงช้างคืนจากศรีลังกานั้น เมื่อเห็นการนำพลายศักดิ์สุรินทร์กลับมาไทยได้ ก็เลยต้องการเลียนแบบ เปิดประเด็นว่าพลายประตูผา กับ พลายศรีณรงค์ ได้รับการปฏิบัติไม่ดี มีการทรมานใช้ออกงาน เลยไปทำแคมเปญทวงคืนช้างไทย โดยมีมูลนิธิหนึ่งเป็นตัวตั้งตัวตี มีนักการเมืองพรรคนึงสนับสนุน นัยว่าจะทวงคืนช้างมาไว้ที่มูลนิธิ 

7.มีการปั่นข้อมูลบิดเบือน จับแพะชนแกะ เพื่อสร้างความชอบธรรมในการทวงคืนช้าง โดยไม่สนใจว่าจะกระทบต่อมิติความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จนเกิดกรณีลุกลามมีชาวศรีลังกาบางส่วนไม่พอใจต่อกลุ่มขบวนการทวงช้างคืน จนกลายเป็นวิวาทะระหว่างประเทศ ชาวศรีลังกาบางส่วนออกมาแอนตี้ต่อต้าน

8.ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยเช่น สถานทูตไทยที่ศรีลังกาก็ได้พยายามอธิบายเหตุผลและขั้นตอนต่างๆต่อกลุ่มขบวนการทวงคืนช้างตามนัยของข้อ 1-4 ข้างต้นแล้ว แต่ทางกลุ่มก็ไม่ยอมรับฟัง และไม่หยุดดำเนินการ

9.ทางสถานทูตไทยได้ร่วมกับสัตวแพทย์ทั้งไทยและศรีลังกาไปตรวจสุขภาพพลายประตูผา และพลายศรีณรงค์ก็พบว่าตัวนึงสุขภาพเกินกว่ามาตรฐาน และอีกตัวนึงมีปัญหาสุขภาพบ้างตามอายุขัย แต่อยู่ในการควบคุมดูแลได้ และพลายทั้งสองเชือกยังมีควาญที่เลี้ยงมาแต่แรกดูแลอยู่

10.สรุปอีกที กรณีพลายศักดิ์สุรินทร์ ไม่ใช่การทวงช้างคืน แต่เป็นการขอรับพลายศักดิ์สุรินทร์มารักษาที่ไทย ซึ่งได้รับการอนุมัติจากทางการศรีลังกาให้ดำเนินการได้ ส่วนกรณีของกลุ่มขบวนการทวงช้างคืนนั้น เป็นการอ้างว่าขอเอาช้างที่มอบให้ศรีลังกาไปแล้วกลับคืนเพื่อเอามาไว้ที่มูลนิธิของเอกชน แต่ทางการศรีลังกาไม่อนุมัติ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top