Thursday, 24 April 2025
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4

นราธิวาส-กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ร่วมกับ ห้างแว่นท๊อปเจริญ จักิจกรรม“แว่นตาเพื่อพี่น้อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้” ครั้งที่ 3 ในพื้นที่ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส

ที่ว่าการอำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เป็นประธานเปิดโครงการ “แว่นตาเพื่อพี่น้อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้” ครั้งที่ 3 เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตด้านสุขภาพแก่ประชาชนในพื้นที่ โดยมี พันเอก มานิตย์ เผ่าพงษ์จันทร์ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ,พันเอก ณรงค์ ตันติสิทธิพร รองผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ , พันเอก อนุชา โนนคู่เขตโขง รองเลขาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า , พันเอก ภาคิณ เกื้อกูล ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 48 , นายอำเภอเจาะไอร้อง , ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่จากห้างแว่นท๊อปเจริญ ตลอดจนประชาชนในพื้นที่เข้าร่วม

พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 กล่าวว่า “ในปี 2566 - 2570 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้ร่วมทำบันทึกข้อตกลง ร่วมกับ บริษัทร่วมเจริญพัฒนา จำกัด หรือห้างแว่นท็อปเจริญ จัดโครงการแว่นตาเพื่อพี่น้อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ บริการตรวจวัดสายตาประกอบแว่น และมอบแว่นฟรีให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปีละ 2,000 อัน รวมทั้งสิ้น จำนวน 11,000 อัน และในวันนี้ได้คัดเลือกให้ศูนย์ปฏิบัติการอำเภอเจาะไอร้อง เป็นเจ้าภาพจุดศูนย์กลางบริการประชาชน ที่ได้รับการคัดเลือกจากหน่วยในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส จำนวน 500 คน หลังจากนี้จะจัดกิจกรรมในพื้นที่จังหวัดสงขลา ซึ่งผลจากการจัดกิจกรรมเมื่อปี 2557 - 2562 สร้างความพึงพอใจให้กับประชาชนที่เข้าร่วมโครงการเป็นอย่างมาก กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ประเมินโครงการและทำการสำรวจทราบว่า ยังมีพี่น้องประชาชนที่มีปัญหาด้านสุขภาพตา มีความต้องการตรวจวัดสายตาประกอบแว่นในทุกพื้นที่ จึงได้เดินทางไปทำบันทึกข้อตกลงร่วมกับผู้บริหาร

ห้างแว่นท็อปเจริญ ณ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา เพื่อตอบสนองความต้องการของพี่น้องประชาชนอย่างเร่งด่วน ในนามของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ต้องขอขอบคุณบริษัท ร่วมเจริญพัฒนา จำกัด (ห้างแว่นท็อปเจริญ) ที่ได้จัดทำโครงการทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ขอขอบคุณศูนย์ปฏิบัติการอำเภอเจาะไอร้อง และทุกภาคส่วนที่ได้ให้การสนับสนุนการจัดกิจกรรม และคาดหวังว่าพี่น้องประชาชนที่เข้าร่วมโครงการทุกท่านจะได้รับบริการตรวจวัดสายตาประกอบแว่นอย่างครบถ้วน และสามารถเป็นส่วนหนึ่ง ในการช่วยส่งเสริมให้พี่น้องประชาชน สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติสุข“

สำหรับ "โครงการแว่นตาเพื่อพี่น้อง 3 จังหวัดชายแดนใต้" จัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2566 - 2570 รวมระยะเวลา 5 ปีเต็ม จากความตั้งใจให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ทุกหมู่เหล่า ซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงและเป็นผู้ประสบปัญหาทางสายตาที่ยากไร้และขาดแคลน ให้สามารถเข้าถึงบริการตรวจวัดสายตาและประกอบแว่นใหม่ฟรี นอกจากประชาชนจะได้มีสุขภาพดวงตา ที่ดีขึ้นมองเห็นชัดเจนแล้ว ยังช่วยสร้างขวัญกำลังใจให้กับผู้ประสบปัญหาทางสายตา ได้มีความปลอดภัยในการดำเนินชีวิตประจำวันมากยิ่งขึ้น สามารถประกอบอาชีพ เลี้ยงดูแลตนเองและครอบครัวได้ ทั้งยังมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอีกด้วย โดยห้างแว่นท็อปเจริญได้ยกขบวนทีมผู้เชี่ยวชาญ ระดับมีออาชีพ พร้อมด้วยอุปกรณ์และเครื่องมืออันครบครัน เพื่อลงพื้นที่ตรวจวัดสายตาประกอบแว่นใหม่ฟรี ให้แก่พี่น้องชาว 3 จังหวัดชายแดนใต้ให้ครบทุกพื้นที่ รวมประชาชน เป้าหมายที่จะได้รับความช่วยเหลือจากโครงการฯ ทั้งสิ้น 10,000 ราย

ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

นราธิวาส - แม่ทัพภาคที่ 4 พบปะคณะสื่อมวลชน 3 จชต. แลกเปลี่ยนมุมมองการสื่อสาร ร่วมสร้างความเข้าใจ ร่วมใจแก้ปัญหา นำพาสันติสุข

(6 พ.ย. 67) เวลา 12.40 น. ที่ ห้องประชุม 1 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ตำบลเขาตูม อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พร้อมด้วย พลตรี กรกฎ  ภู่โชติ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ให้การต้อนรับสื่อมวลชนจากพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ นำโดย นายสุไลมาน  แวมามะ นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ และคณะสื่อมวลชนจากจังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส เข้าพบแม่ทัพภาคที่ 4 เพื่อหารือแนวทางการนำเสนอข้อมูลข่าวสารด้านการประชาสัมพันธ์ต่อการแก้ไขปัญหาและพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ 

นายสุไลมาน แวมามะ นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า วันนี้ทางคณะสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้มีโอกาสเข้าพบแม่ทัพภาคที่ 4 เพื่อร่วมกันแลกเปลี่ยนแนวคิด นำเสนอแนวทางในการขับเคลื่อนภารกิจงานและเป็นสื่อกลางในการประชาสัมพันธ์ ซึ่งด้านสื่อมวลชนในพื้นที่เองมีความตั้งใจมาก ๆ กับการทำงานร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่ เป้าหมายคือเพื่อประชาชนรับทราบข้อมูลข่าวสารและสร้างพื้นที่ให้การรับรู้ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

ด้าน พลโท ไพศาล  หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า มุ่งมั่นที่จะสร้างความเข้าใจนำพาสันติสุขกลับคืนพื้นที่ ด้วยการสร้างพื้นที่ปลอดภัยเหตุ ประชาชนปลอดภัย ซึ่งการสร้างความเข้าใจนั้น ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันทั้งฝ่ายปกครอง ฝ่ายความมั่นคง สื่อมวลชน ร่วมกับหน่วยต่าง ๆ เป้าหมายคือสร้างการรับรู้แก่พี่น้องประชาชน ทั้งด้านการแก้ไขปัญหาและการพัฒนาพื้นที่ โดยสื่อมวลชนจะเป็นกระบอกเสียงหลักในการประชาสัมพันธ์ ที่ผ่านมาสื่อมวลชนในพื้นที่ จชต. มีบทบาทสำคัญเป็นบุคคลในพื้นที่ ร่วมขับเคลื่อนและนำเสนอข่าวสารมาอย่างต่อเนื่อง และขอฝากถึงการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวในชุมชน และโบราณสถานในพื้นที่ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น เพื่อสร้างรายได้ให้เกิดความเข้มแข็งและยั่งยืน ทั้งนี้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า พร้อมที่จะเดินหน้า “สร้างความเข้าใจ ร่วมใจแก้ปัญหา นำพาสันติสุข” ร่วมกัน

ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

‘กอ.รมน.ภาค 4 สน.’ แจง!! กรณีดำเนินคดี 5 แกนนำนักศึกษา ปมจัดเสวนา ‘สิทธิกำหนดอนาคตตนเองกับสันติภาพปาตานี’

(16 มี.ค. 68) พันเอก ปองพล สุทธิเบญจกุล รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) แถลงชี้แจงกรณีการนัดส่งตัว 5 แกนนำนักศึกษาที่ถูกดำเนินคดีจากการจัดเสวนาและประชามติจำลองเกี่ยวกับ "สิทธิกำหนดอนาคตตนเองกับสันติภาพปาตานี" ในวันที่ 17 มีนาคม 2568 โดยระบุว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดกฎหมาย

กอ.รมน.ภาค 4 สน. ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและพบว่าขบวนนักศึกษาแห่งชาติเป็นองค์กรเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เรียกร้อง "สิทธิในการกำหนดใจตนเอง" และมีการเปลี่ยนชื่อองค์กรเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 โดยมีนายอิรฟาน อุมา เป็นประธาน การจัดกิจกรรมเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2566 เป็นการเปิดตัวขบวนนักศึกษาแห่งชาติ โดยมีนักการเมือง สมาชิกพรรคการเมือง นักวิชาการ และเครือข่ายนักศึกษาเข้าร่วม

กอ.รมน.ภาค 4 สน. ยืนยันว่าได้กำหนดนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายรัฐธรรมนูญ และไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น อย่างไรก็ตาม การจัดกิจกรรมของขบวนนักศึกษาแห่งชาติเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2566 เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย โดยขัดต่อรัฐธรรมนูญที่ระบุว่า "ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้" และเป็นการกระทำที่เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116, พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มาตรา 14 (3) และความผิดฐานเป็นอั้งยี่ตามมาตรา 209

กอ.รมน.ภาค 4 สน. จึงได้มอบหมายผู้แทนเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีต่อแกนนำนักศึกษาทั้ง 5 คน และยืนยันว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม โดยไม่ได้มีจุดมุ่งหมายเพื่อปิดปากหรือคุกคามผู้จัดกิจกรรม แต่เป็นการดำเนินการตามกฎหมายเมื่อพบการกระทำความผิด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top