Thursday, 19 June 2025
ค้นหา พบ 48881 ที่เกี่ยวข้อง

อโกด้าเผยกระแส 'The White Lotus' ดันเกาะสมุยขึ้นแท่นปลายทางสุดฮอต กระตุ้นยอดค้นหาที่พักพุ่งแรง นักท่องเที่ยวอเมริกันสนใจเพิ่ม 65%

(19 ก.พ. 68) แพลตฟอร์มจองที่พักออนไลน์ อโกด้า (Agoda) เปิดเผยว่าเกาะสมุยได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หลังจากซีรีส์ดังระดับโลก The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งมีการถ่ายทำในประเทศไทย เริ่มออกอากาศทาง HBO โดยพบว่ายอดค้นหาที่พักในเกาะสมุยเพิ่มขึ้น 12% ขณะที่ความสนใจจากนักท่องเที่ยวสหรัฐฯ พุ่งขึ้นถึง 65%

ปิแอร์ ฮอนน์ ผู้อำนวยการอโกด้าประจำประเทศไทย เปิดเผยว่าซีรีส์ The White Lotus เคยส่งผลให้การท่องเที่ยวในฮาวายและซิซิลีเติบโตอย่างมหาศาลจากสองซีซั่นที่ผ่านมา และในซีซั่น 3 ประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นสถานที่ถ่ายทำหลัก โดยมีโลเคชันสำคัญอย่างกรุงเทพฯ เกาะสมุย เกาะพะงัน และภูเก็ต ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ชมทั่วโลก

หนึ่งในปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นกระแสคือการร่วมแสดงของศิลปินชื่อดัง ลลิษา มโนบาล หรือ 'ลิซ่า BLACKPINK' รวมถึงนักแสดงฮอลลีวูดอย่าง แพทริก ชวาร์เซเน็กเกอร์ ซึ่งช่วยเพิ่มความสนใจจากทั้งแฟนซีรีส์และแฟนคลับของศิลปินระดับโลก

ข้อมูลจากอโกด้าระบุว่า นักเดินทางจากสหรัฐฯ ขึ้นแท่นหนึ่งใน 5 อันดับแรกของประเทศที่มีการค้นหาที่พักในเกาะสมุยมากที่สุดบนแพลตฟอร์ม แซงหน้านักท่องเที่ยวจากมาเลเซียที่เคยติดอันดับก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกัน การค้นหาที่พักจากนักท่องเที่ยวในยุโรปก็เพิ่มขึ้น โดยประเทศที่มีอัตราการค้นหาสูงสุด ได้แก่ อิสราเอล เยอรมนี ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร ตามลำดับ

ด้วยกระแสตอบรับที่ร้อนแรงจากซีรีส์ดัง คาดว่าการท่องเที่ยวไทยจะได้รับแรงกระตุ้นครั้งใหญ่ โดยเฉพาะเกาะสมุย ซึ่งกำลังกลายเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางระดับโลกที่นักเดินทางให้ความสนใจมากขึ้น ไม่เพียงแต่ช่วยฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยวหลังโควิด-19 แต่ยังช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์และซีรีส์ระดับนานาชาติอีกด้วย

‘ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด’ ชี้ ซาอุดีอาระเบีย สุดเนื้อหอม ที่แม้แต่พญาอินทรี - พญาหมี ยังมิอาจมองข้าม

(19 ก.พ. 68) นายจิรวัฒน์ เดชาเสถียร ผู้เชี่ยวชาญด้านการขาย การตลาดและการจัดการค้าปลีกค้าส่งในภูมิภาคอาเซียน โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า ในวันที่ขายของในไทยยาก

ไปจีนหรืออื่นๆ ก็โดนกดราคาจากการแข่งขันที่สูง ไปยุโรปก็โดนกีดกันการค้า ถามหาเอกสารเต็มไปหมด ถนนทุกสายจึงมุ่งไปยังตะวันออกกลาง

ผมนั่งเขียนเรื่องนี้ระหว่างการรอเครื่องในยามเช้าตรู่ ในช่วงเวลาที่ทีมงานผมอยู่ระหว่างการทำตลาดในงาน Gulf foods ที่ Dubai ทำไมต้องดูไบ ดูดอกได้มั้ย ก็เพราะดูไบที่อยู่ใน UAE คือนครรัฐที่เปิดอิสระให้ต่างชาติในการค้าขายในตะวันออกกลางและเป็นเสมือน gateway ในการทำตลาดใน Gulf 6 ประเทศ ผมเคยเขียนไว้ว่า Filipino หรือปินอยด์คือชาติที่อยู่ในดูไบมากสุดกว่าล้านคน ตลาดสินค้าสำหรับปินอยด์จึงซ่อนอยู่ที่นั่น

ดูไบใหญ่เกินไป เกินหน้าเกินตาพี่ใหญ่ซาอุดี วันนี้จึงเกิด Vision 2030 ขึ้น 14 โครงการใหญ่ที่กำลังเดินหน้าซ้ายจรดขวา ตะวันตกยันตะวันออก จึงมีมูลค่ามหาศาล นครริยาดห์จึงเนื้อหอมให้ใครต่อใครเข้าไป ไทยเราเทรดเป็นเบอร์ 1 มูลค่า 5-6 หมื่นล้านบาทต่อปี แต่เงินไปตกอยู่รายใหญ่หมด ไม่ใช่ปลาใหญ่เก่ง แต่ปลาใหญ่จมูกไว และทำในสิ่งที่ปลาเล็กทำไม่ได้นะครับ..ตลาดที่นู่นเปิดทุก sector หากไม่สนใจ ไทยเราเสียตำแหน่งในสามปีนี้แน่นอน วันนี้แขกซาอุติด Series เกาหลี กินหมี่ Budok กันสนุก จีนขนคนไปลงอีก 80000 คน ไม่ใช่สแกมเมอร์นะ.. ท่านทราบมั้ยว่าวันนี้คนไทยไปที่นั่นกว่า 1 แสนคนแล้ว...

มีอะไรอีกเยอะสำหรับซาอุดี ไม่ใชแค่ริยาดห์ เจดดาห์ มะกะห์ แต่ที่นั่นคืออนาคตจริงๆ โดยเฉพาะเกษตรไทย
ข้าวเหนียวมะม่วงจานละ 700 ฮะ ท่านผู้ชม ปี 2030 ซาอุจะโตแบบเท่าตัว โครงการ SEVEN หรือ Saudi Entertainment Venture กำลังขึ้น คิดดูเรามีอะไรไปแข่ง ...

เพิ่งได้ยินเสียงสายค้าปลีกไทยว่าเพิ่งลงนามขยายสองสาขาที่นั่นเมื่อสองสัปดาห์ก่อน 
คิดดู ซาอุเนื้อหอมแค่ไหน 
ทำไมพญาอินทรี ไปพบพญาหมีที่นั่นก็ลองคิดดู โลกเปลี่ยนอย่างไว..

ทรัมป์แบนสื่อยักษ์ AP พ้นทำเนียบขาว เหตุไม่ยอมเรียก ‘อ่าวอเมริกา’ ในรายงานข่าว

(19 ก.พ.68) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สั่งจำกัดการเข้าถึงของผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าว Associated Press (AP) ในทำเนียบขาวและเครื่องบินประจำตำแหน่ง Air Force One หลัง AP ปฏิเสธที่จะเปลี่ยนการเรียกชื่อ 'อ่าวเม็กซิโก' เป็น 'อ่าวอเมริกา' ตามคำสั่งของทรัมป์

“ถ้ายังไม่เปลี่ยนชื่อ ก็อย่าหวังว่าจะได้ทำข่าว” ทรัมป์กล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์ที่คฤหาสน์มาร์-อะ-ลาโก รัฐฟลอริดาเมื่อวานนี้ โดยย้ำว่า AP จะถูกจำกัดพื้นที่รายงานข่าว จนกว่าพวกเขาจะยอมรับว่า 'อ่าวอเมริกา' ควรเป็นชื่ออย่างเป็นทางการของน่านน้ำดังกล่าว

AP ยืนยันว่าจะยังคงใช้ชื่อเดิมที่มีมานานกว่า 400 ปี และในฐานะองค์กรข่าวระดับโลก จะรายงานเรื่องนี้ตามหลักบรรณาธิการ พร้อมรับทราบชื่อที่ทรัมป์เลือก แต่ไม่ยอมเปลี่ยนการเรียกขานหลัก

การกดดันสื่อครั้งนี้ทำให้สมาคมผู้สื่อข่าวทำเนียบขาวออกมาประท้วงทันที โดยระบุว่าเป็นการคุกคามเสรีภาพของสื่อมวลชน ขณะที่องค์กรข่าวใหญ่ ๆ เช่น Reuters ยังคงใช้ชื่อ 'อ่าวเม็กซิโก' และจะกล่าวถึงคำสั่งของทรัมป์ในบริบทที่เกี่ยวข้องเท่านั้น

การแบน AP ออกจากศูนย์กลางอำนาจของสหรัฐฯ ครั้งนี้ อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของศึกสื่อ-การเมือง ที่ร้อนระอุขึ้นทุกวัน

ผู้ว่าฯ แม่ฮ่องสอน ชี้แจงคนยิวเที่ยวปายเพียง 2,000-3,000 คน/เดือน มาแล้วกลับ ส่วนยอด 30,000 คนสะสมทั้งปี

(19 ก.พ. 68) ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนออกมายืนยันว่า จำนวนนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลที่เดินทางมาเยือนอำเภอปาย อยู่ที่ประมาณ 2,000-3,000 คนต่อเดือน โดยนักท่องเที่ยวเหล่านี้มาท่องเที่ยวและเดินทางกลับประเทศหลังจากพักผ่อน ส่วนยอด 30,000 คนที่ถูกกล่าวถึงเป็นยอดสะสมตลอดทั้งปี ไม่ใช่จำนวนนักท่องเที่ยวที่มาในช่วงเวลาเดียวกัน

นายเอกวิทย์ มีเพียร ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับการตั้งถิ่นฐานของนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลในพื้นที่ปายว่า ข้อเท็จจริงคืออำเภอปายมีประชากรประมาณ 38,000 คน ซึ่งนักท่องเที่ยวจากสหราชอาณาจักรเป็นกลุ่มที่มาเยือนมากที่สุด ส่วนชาวอิสราเอลนั้นมาเป็นอันดับที่สอง จำนวนประมาณ 2,000-3,000 คนต่อเดือน

ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนยังชี้แจงว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ได้ดำเนินการตรวจสอบและกวดขันการกระทำความผิดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกรณีที่พบว่ามีนักท่องเที่ยวบางรายแย่งอาชีพคนไทย เช่น การเล่นดนตรีในพื้นที่ ซึ่งหน่วยงานที่รับผิดชอบได้ตรวจสอบและดำเนินการตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัด รวมถึงกรณีที่มีพฤติกรรมรุนแรง ซึ่งได้มีการเพิกถอนวีซ่าและผลักดันนักท่องเที่ยวเหล่านั้นออกนอกประเทศไปแล้ว

นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนยังกล่าวถึงการมีมาตรการตรวจสอบการเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่ โดยเฉพาะในเรื่องของการแย่งอาชีพคนไทยและการกระทำความผิดต่างๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งหน่วยงานความมั่นคง, ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และตำรวจภูธรได้ดำเนินการตามมาตรฐานและตามขั้นตอนทุกเรื่องอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ จังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์ด้วยอากาศดีและธรรมชาติที่เหมาะสมสำหรับการพักผ่อน ทำให้มีนักท่องเที่ยวทั้งที่เดินทางมาแล้วกลับไปและมาใหม่อีกครั้ง รวมถึงบางคนที่ติดใจและเข้ามาท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสิ่งนี้มีส่วนช่วยในการสร้างรายได้ให้กับชุมชน อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบการเข้า-ออกตามกฎหมายยังคงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้แน่ใจว่าการท่องเที่ยวในพื้นที่เป็นไปอย่างถูกต้องและไม่เกิดปัญหาขึ้น

'สมศักดิ์' มอบ 7 นโยบายขับเคลื่อน Medical & Wellness Hub พร้อมประกาศเจตนารมณ์ร่วม 4 คณะแพทย์วิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ ATMPs

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มอบ 7 นโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจสุขภาพ สู่ Medical & Wellness Hub จ่อตั้งสำนักงานดูแลโดยเฉพาะ ยกระดับหมอนวดไทยให้เชี่ยวชาญพิศษ 7 กลุ่มอาการ รวมทั้ง 'สมุนไพร-ยา-อาหาร' ของไทย รุกส่งเสริมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ยกระดับมาตรฐานเสริมความงาม อุ้มบุญ ผ่าตัดแปลงเพศกลุ่มต่างชาติ ตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์และผลิตภัณฑ์การแพทย์ขั้นสูง หรือ ATMPs พร้อมประกาศเจตนารมณ์ร่วม 4 คณะแพทย์ส่งเสริมวิจัยและพัฒนาเพิ่มการเข้าถึงยา ATMPs ของประชาชน

(19 ก.พ.68) ที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนนโยบายเพิ่มศักยภาพเศรษฐกิจสุขภาพ สู่ Medical & Wellness Hub โดยได้มอบนโยบายต่อผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข และการประกาศเจตนารมณ์เรื่องการพัฒนาผลิตภัณฑ์การแพทย์ขั้นสูง (Advanced Therapy Medical Products, ATMPs) ระหว่างสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กรมควบคุมโรค กรมการแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล และคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.)

นายสมศักดิ์กล่าวว่า การเพิ่มศักยภาพเศรษฐกิจและสุขภาพ สู่ Medical & Wellness Hub เป็นหนึ่งในนโยบายหลักของกระทรวงสาธารณสุขปี 2568 เพื่อยกระดับให้เป็นกระทรวงด้านสังคมควบคู่เศรษฐกิจ โดยส่งเสริมให้ประชาชนมีสุขภาพแข็งแรงและมีคุณภาพชีวิตที่ดี รวมถึงเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านเศรษฐกิจสุขภาพของประเทศ เพิ่มโอกาสสร้างงานสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนและประเทศ ผ่านการพัฒนาและสร้างมูลค่าเพิ่มทางด้านการแพทย์ ทั้งแพทย์แผนปัจจุบัน แพทย์แผนไทย ภูมิปัญญาไทย สมุนไพรไทย ผลิตภัณฑ์สุขภาพ นวดสปา การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ไปจนถึงเทคโนโลยีนวัตกรรมสุขภาพและชีวการแพทย์ ซึ่งทั้งหมดต้องมีมาตรฐานและความปลอดภัย เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางด้านการแพทย์และบริการสุขภาพระดับโลก โดยจะขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายดังกล่าวผ่าน 7 นโยบายสำคัญ คือ 1.การจัดตั้ง 'สำนักงานนโยบายและเศรษฐกิจสาธารณสุข (สนศส.)' เป็นหน่วยงานระดับกรม ทำหน้าที่วิเคราะห์ วิจัย และกำหนดนโยบายด้านเศรษฐศาสตร์สุขภาพและการคลังสุขภาพ เพื่อจัดสรรทรัพยากรให้คุ้มค่า สนับสนุนการตัดสินใจเชิงนโยบาย และสร้างระบบสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพ เป็นธรรมและยั่งยืน

2.ยกระดับภูมิปัญญาไทย คือ นวดไทย โดยพัฒนาหมอนวดไทยให้เชี่ยวชาญพิเศษ 7 กลุ่มอาการ คือ กลุ่มปวดกล้ามเนื้อและเยื่อพังผืด (Office syndrome), โรคหัวไหล่ติด, โรคนิ้วล็อก, ภาวะกล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท (ปวดสลักเพชร), หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท, อัมพฤกษ์อัมพาต และกลุ่มระบบสืบพันธุ์ 3.ยกระดับสมุนไพรไทย/ยาไทย อาหารไทย ภายใต้แนวคิด "เจ็บป่วยคราใด คิดถึงยาไทย ก่อนไปหาหมอ" โดยผลักดันการใช้ยาสมุนไพรในระบบหลักประกันสุขภาพ เพิ่มรายการยาสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติรวม 106 รายการ ปรับระบบบริการผู้ป่วยนอกเพื่อส่งเสริมให้แพทย์สั่งจ่ายยาสมุนไพร 32 รายการใน 10 กลุ่มอาการโรคที่พบบ่อยเพิ่มขึ้นอย่างน้อย ร้อยละ 10 ส่งเสริมสมุนไพรไทยและอาหารไทยต่างๆ เช่น กระชายดำ ฟ้าทะลายโจร ขมิ้นชัน ไพล ปลาส้ม/แหนมที่มีโพรไบโอติกส์-พรีไบโอติกส์ 4.ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งปี 2566 ประเทศไทยมีมูลค่าตลาดการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพราว 1.42 ล้านล้านบาท โดยเน้นประชาสัมพันธ์เส้นทางท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ เช่น สปา บ่อน้ำพุร้อน แหล่งน้ำแร่ จับคู่โรงแรมกับโรงพยาบาลในการให้บริการแพคเกจสุขภาพ พัฒนาระบบเอเยนซีขายแพคเกจสุขภาพ เพิ่มคลินิก Wellness การแพทย์และแพทย์ไทยในโรงแรม ซึ่งมีการนำร่องแล้วคือโมเดล Wellcation ของเขตสุขภาพที่ 5 และ Phuket Wellness Sandbox

5.ศูนย์กลางอุตสาหกรรมเครื่องมือทางการแพทย์ โดยปี 2566 ประเทศไทยมีมูลค่าตลาดราว 2 แสนล้านบาท เป็นการนำเข้า 9 หมื่นล้านบาทและส่งออก 1.18 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ไม่ซับซ้อน ได้แก่ วัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ เช่น ถุงมือยางทางการแพทย์ หลอดสวน หลอดฉีดยา และกลุ่มครุภัณฑ์ทางการแพทย์ เช่น เตียงผู้ป่วย เตียงตรวจ รถเข็นผู้ป่วย เบื้องต้นจะส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพและเครื่องมือแพทย์ฝีมือคนไทย เร่งรัดกระบวนการอนุมัติอนุญาตและทดสอบมาตรฐานเครื่องมือแพทย์เพื่อขึ้นทะเบียนให้รวดเร็วขึ้น โดยเฉพาะเครื่องมือแพทย์ที่มีความซับซ้อน และใช้วิธีจับคู่ระหว่างผู้วิจัยและผู้ที่จะผลิตต่อ 6.ศูนย์กลางด้านการแพทย์และสุขภาพมูลค่าสูง (ATMPs) ซึ่งทั่วโลกมีมูลค่าถึง 4.19 แสนล้านบาท คาดว่าปี 2573 จะเติบโตถึง 1.25 ล้านล้านบาท โดยรัฐบาลกำลังผลักดันศูนย์กลาง ATMPs ตั้งเป้าหมายเป็นผู้นำด้านการแพทย์สมัยใหม่ในระดับโลก ภายในปี 2570 เนื่องจากเอกชนมีความสนใจและต้องการผลักดันอุตสาหกรรม และจะหาทางออกเพื่อลดข้อกังวลของสภาวิชาชีพในการใช้ผลิตภัณฑ์ ATMPs และ 7.การดูแลบุคคลและความงาม (Personal Care and Beauty) โดยจะขับเคลื่อน 4 เรื่อง คือ เวชศาสตร์ความงาม เน้นตรวจสอบแพทย์ต่างชาติที่เข้ามาประกอบเวชกรรมในไทย รวมถึงแพทย์เถื่อน คลินิกเถื่อน ยกระดับคลินิกความงามให้มีมาตรฐานระดับสากล เปิดหลักสูตรอบรมแพทย์เวชปฏิบัติความงามเป็นหลักสูตรกลางของประเทศ ส่งเสริมผู้ประกอบการไทยผลิตผลิตภัณฑ์สำหรับหัตถการเสริมความงาม และพัฒนาระบบเอเยนซีให้สามารถโฆษณาเชิญชวนชาวต่างชาติมารับบริการได้, จิตเวชและพฤติกรรมบำบัดสำหรับชาวต่างชาติ, การอุ้มบุญและการใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ เช่น การทำเด็กหลอดแก้ว การทำ ICSI และการผ่าตัดยืนยันเพศสภาพ ส่งเสริมความหลากหลายทางเพศ

"วันนี้หน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุข ยังได้ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ทั้ง 4 สถาบัน ประกาศเจตนารมณ์เพื่อร่วมมือกันทางวิชาการในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ATMPs ซึ่งส่วนใหญ่เป็น "ยา" ที่ออกฤทธิ์เป็นยีน เซลล์ หรือเนื้อเยื่อ ที่ยังอยู่ในขั้นตอนการวิจัยพัฒนาจำนวนมาก เพื่อเพิ่มโอกาสเข้าถึงของผู้ป่วย โดยปี 2568 มีเป้าหมายให้คนไทยและชาวต่างชาติสามารถเข้าถึงยา ATMPs ในไทยที่ได้มาตรฐานอย่างเหมาะสมผ่านกลไกการอนุญาตวิจัยในพื้นที่ทดลอง 5 แห่งในสังกัดกรมการแพทย์ กรมควบคุมโรค สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ควบคู่ไปกับการจัดตั้งศูนย์บริการผลิตภัณฑ์ยา ATMPs แบบเบ็ดเสร็จ รวมถึงเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ” นายสมศักดิ์กล่าว 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top