Tuesday, 20 May 2025
ค้นหา พบ 48205 ที่เกี่ยวข้อง

‘วราวุธ’ ไม่สน!! ใครจะวิจารณ์มี ‘นายกฯ’ 2 คน เชื่อ!! ศักยภาพการทำงานไม่ได้ขึ้นอยู่กับคนๆ เดียว

(19 ก.พ. 67) ที่กระทรวงพม. นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เมื่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับการพักโทษ และปล่อยตัวกลับบ้าน ทำให้รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อ่อนกำลังลง ว่า เรื่องนี้หากใครจะมองว่าเกี่ยว ก็เกี่ยวได้ แต่โดยส่วนตัวแล้วตนคิดว่าการทำงานของรัฐบาลตลอด 5-6 เดือนที่ผ่านมานั้น ได้เดินหน้าไปมากพอสมควร ซึ่งตนพูดในนามของกระทรวงอื่นไม่ได้ แต่พูดในนามของกระทรวงพม. ที่ตนในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา และเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอยู่นั้น ก็ได้ดำเนินการไปหลายเรื่องอย่างมาก ดังนั้นศักยภาพในการทำงานของรัฐบาลคงไม่น่าขึ้นอยู่กับบุคคลเพียงบุคคลเดียวไม่ว่าจะอยู่โรงพยาบาล อยู่ที่บ้าน หรืออยู่ที่ใด ตนคิดว่าศักยภาพในการทำงาน ของรัฐบาลขึ้นอยู่กับตัวนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีทั้ง 35 คนมากกว่า

ผู้สื่อข่าวถามว่า บางคนมองว่าจะส่งผลกระทบต่อการทำงานของคณะรัฐมนตรีชุดนี้ นายวราวุธ กล่าวว่า อันนี้ตนเห็นต่าง เพราะการทำงานของครม. ตามที่ตนเคยได้พูดไปแล้วคือปัญหาของประชาชนมีอยู่ทุกวัน ดังนั้นบทบาทภารกิจการทำงานของทุกกระทรวงย่อมเดินหน้าเต็มที่เหมือนเดิม อย่างเช่นกระทรวงพม. ที่พรรคชาติไทยพัฒนาดูแลอยู่ ถึงจะอย่างไรก็แล้วแต่ เราทำงานกันจนนาทีสุดท้าย เพื่อการแก้ไขปัญหาสังคมที่มีอยู่มากมาย

เมื่อถามถึงกรณีเสียงวิจารณ์ที่ระบุว่าขณะนี้ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรี 2 คน หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า หากจะบอกว่ามี 3 หรือ 4 คน หรือ 5 คน ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะบางครั้งนายกรัฐมนตรีจะต้องมีทีมที่ปรึกษาคอยให้คำปรึกษา หรือแม้แต่รัฐมนตรีในแต่ละกระทรวงก็ยังมีที่ปรึกษา เช่นตนก็มี น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา เป็นที่ปรึษา รวมถึงคณะที่ปรึกษาอีกหลายคน จึงไม่น่าแปลกใจที่นายกรัฐมนตรีจะมีที่ปรึกษา ส่วนนายกฯ จะปรึกษาใคร ก็เป็นสิ่งที่ท่านพึงใช้วิจารณญาณของตนเอง แต่การที่จะมีนายกรัฐมนตรีหลายคน ตนก็ยังเห็นต่างอยู่ว่า มีคนเดียวอยู่เช่นเดิม 

เมื่อถามว่าเสียงวิจารณ์ต่างๆ เหล่านี้จะทำให้คณะรัฐมนตรีบั่นทอนในการทำงานหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า ตอบแทนคนอื่นไม่ได้ แต่สำหรับตนไม่บั่นทอนแน่นอน เพราะปัญหาของประเทศชาติปัญหาของพี่น้องประชาชนคือกำลังที่จะทำให้ตนสามารถเดินไปข้างหน้าเคียงบ่าเคียงไหล่กับเพื่อนๆ ข้าราชการในกระทรวงพม.ในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนคนไทยทุกคน

'นายกฯ' ชวนคนไทยสวมเสื้อเหลือง เนื่องในปีมหามงคล นัด!! ทุกหน่วยงานรัฐ-รัฐวิสาหกิจ-เอกชน พร้อมใจทุกจันทร์

(19 ก.พ. 67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง โพสต์ข้อความผ่าน X ว่า “เนื่องในปีมหามงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา ผมในนามรัฐบาลขอเชิญชวนพี่น้องประชาชน ทุกหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน แต่งกายด้วยเสื้อสีเหลืองที่มีตราสัญลักษณ์ ในทุกๆ วันจันทร์ และโอกาสที่เหมาะสม เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติ และแสดงความจงรักภักดีต่อพระองค์ท่านครับ”

‘บัวขาว’ เข้ารับปริญญาโท ม.แม่โจ้ สุดภูมิใจ!! นับเป็นใบที่ 5 ในชีวิต

(19 ก.พ.67) ‘บัวขาว บัญชาเมฆ’ ร.ท.สมบัติ บัญชาเมฆ นักมวยชื่อดังขวัญใจทั่วโลก วัย 41 ปี เข้ารับปริญญาใบที่ 5 ของตัวเอง หลังสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารสาธารณะ วิทยาลัยบริหารศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

โดยเฟซบุ๊กเพจ Banchamek Gym (Buakaw Banchamek, บัวขาว บัญชาเมฆ) ได้โพสต์ภาพที่ ‘บัวขาว บัญชาเมฆ’ ร.ท.สมบัติ บัญชาเมฆ พร้อมด้วย ‘โค้ชดวง’ นายประวิทย์ สวัสดิรักษา และ ‘ยิ้ม’ ธีรวัฒน์ ยิ้วยิ้ม ผู้จัดการส่วนตัว เข้าร่วมรับปริญญา ที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ในรหัส 62 แม่โจ้รุ่น 84 สิงห์ไพร รุ่น 15 ซึ่งมีข้อความระบุว่า

“ขอเเสดงความยินดีกับร้อยโท สมบัติ บัญชาเมฆ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารสาธารณะ วิทยาลัยบริหารศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ (รหัส 62 แม่โจ้รุ่น 84) สิงห์ไพร รุ่น 15 18 กุมภาพันธ์ 2567”

ทั้งนี้ นับเป็นปริญญาใบที่ 5 ในชีวิตของ ‘บัวขาว บัญชาเมฆ’ ร.ท.สมบัติ บัญชาเมฆ ต่อจากใบที่ 1 ปริญญาบริหารธุรกิจบัณฑิต (ปริญญาตรี) สาขาการจัดการ หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต (บธ.บ.) มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต เมื่อปี 2560, ใบที่ 2 ปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (ปริญญาโท) สาขาวิทยาศาสตร์การกีฬา (วท.ม.) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อปี 2556, ใบที่ 3 ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (ปริญญาเอก) สาขาวิชายุทธศาสตร์ การพัฒนาภูมิภาค (กลุ่มการศึกษาและจัดการภูมิปัญญา) มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ เมื่อปี 2557

ตามด้วยใบที่ 4 ปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (ปริญญาเอก) การจัดการการกีฬา มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต เมื่อปี 2565 และล่าสุดใบที่ 5 ปริญญารัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารสาธารณะ วิทยาลัยบริหารศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ (ปริญญาโท) ในปี 2567 นี้ โดยมีแฟนคลับของยอดนักชกชาวไทยรายนี้ร่วมแสดงความยินดีกันอย่างเป็นจำนวนมาก

‘ไทย’ คว้าอันดับ 7 ดัชนีของเอเชียแปซิฟิก ด้านความเป็นเลิศการศึกษา ‘STEM’

นวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์เป็นส่วนสำคัญสูงสุดในการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศ โดยล่าสุด Center for Excellence in Education (CEE) ซึ่งเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไรได้สร้างดัชนีความพร้อมด้านการศึกษาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ (STEM) เพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกในการเปรียบเทียบคุณภาพของนักเรียนประเทศต่าง ๆ 

สำหรับดัชนีความเป็นเลิศของ CEE ในด้านการศึกษา STEM จะประเมินว่านักเรียนมีความพร้อมทางวิชาการสำหรับการแข่งขันระดับโลก โดยจะเปรียบเทียบผลงานโอลิมปิกวิชาการโดยรวมตามประเทศ คำนวณค่าเฉลี่ยและการจัดอันดับตามประเทศที่เข้าร่วม และตรวจสอบผลงานของนักเรียนในการแข่งขันโอลิมปิกวิชาการที่เกี่ยวข้องกับ STEM ทั้ง 5 รายการ

ทั้งนี้ ดัชนีฯ ดังกล่าวช่วยให้ผู้กำหนดนโยบายและนักการศึกษามีเครื่องมือสำคัญในการวัดว่านักสร้างสรรค์รุ่นต่อไปของแต่ละประเทศมีอนาคตดีเพียงใดเมื่อเปรียบเทียบกับผู้สร้างนวัตกรรมทั่วโลก โดยการพัฒนาเศรษฐกิจจีนมีความเกี่ยวข้องกับความสำเร็จของจีนในการแข่งขัน STEM Olympiads การทบทวนวิธีที่จะฝึกอบรมผู้นำรุ่นต่อไปจะต้องรวมเครื่องมือนี้ไว้ด้วย

สำหรับ ดัชนีฯ นี้จะแสดงข้อมูลต่อไปนี้ตามผลรวมของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกนานาชาติในสาขาชีววิทยา เคมี ฟิสิกส์ คณิตศาสตร์ และสารสนเทศ (IT) โดยในการจัดอันดับดัชนีฯ พบว่า อันดับ 1. ได้แก่ จีน อันดับ 2. เกาหลีใต้ อันดับ 3. สิงคโปร์ อันดับ 4. เวียดนาม อันดับ 5. ญี่ปุ่น อันดับ 6. ไต้หวัน อันดับ 7. ไทย อันดับ 8. อิหร่าน อันดับ 9. อินโดนีเซีย อันดับ 10. อินเดีย อันดับ 11. ออสเตรเลีย และอันดับ 12. ฮ่องกง

ซึ่งดัชนีฯ ยังเผยให้เห็นว่าในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา ประเทศในเอเชียได้เข้ามาครองการแข่งขันโอลิมปิกวิชาการ ส่งผลให้ผลงานของนักเรียนจากยุโรปลดลง ตัวอย่างเช่น เยอรมนี เป็นประเทศแรกในปี 1989, 1988 และ 1982 แต่หลังจากนั้นก็ถูกเขี่ยออกจาก 30 อันดับแรก แม้ว่าจะมีประชากรเพียง 1/8 ของเยอรมนี แต่ฮังการีก็ยังคงรั้งอันดับที่ 20 ได้ ซึ่งถือเป็นการลดลง จากอันดับ 1 หรือ 2 ที่ได้รับในทศวรรษ 1960 และต้นทศวรรษ 1970 

โดยน่าประหลาดใจที่สิงคโปร์ ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรน้อยกว่า 6 ล้านคน (น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของฮังการี) สามารถเสมอกับเวียดนามเป็นอันดับที่ 5 ได้ การทบทวนผลงานของทีม USA ตั้งแต่ปี 1993 ถึงปัจจุบันเผยให้เห็นอันดับเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เส้นแนวโน้มแสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงจากการจัดอันดับอันดับที่หกโดยประมาณเป็นอันดับสองหรือสามรองจากจีน

นอกจากนี้ การแข่งขันที่ดุเดือดในธุรกิจระดับโลกได้ผลักดันให้นักศึกษามีความเป็นเลิศในการแข่งขันทางวิชาการเพื่อที่จะโดดเด่น จากข้อมูลของ DiGennaro รัฐบาลส่วนใหญ่ให้การสนับสนุนโครงการโอลิมปิกวิชาการในประเทศต่าง ๆ รวมถึงการฝึกอบรมและทรัพยากรอื่นๆ เช่น ครูและนักเรียน อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา

โดยประเทศจีนได้ลงทุนมหาศาลในการแข่งขันเหล่านี้ และอาจจะทำให้จีนได้เปรียบอย่างมากนอกเหนือจากการแข่งขันโอลิมปิกวิชาการ สิ่งสำคัญ คือ ต้องเน้นว่าจีนใช้เงินจำนวนมากกับการวิจัยและพัฒนา ซึ่งลดลงในยุโรป

‘โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ’ หนุนขึ้นเงินเดือนครู กระตุ้นคุณภาพการสอน พร้อมฝากกำลังใจถึงเยาวชน “ขอให้ตั้งใจเรียน ไม่ยุ่งเกี่ยวอบายมุข”

หากเอ่ยชื่อ ‘โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ’ ภาพที่คนรู้จักจะแบ่งเป็น 2 ส่วน หนึ่งคือ นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง และอีกหนึ่งนั้นคือ ‘ผู้ใหญ่ใจดี’ ด้วยบุคลิกที่เรียบง่ายใจดี ที่มีการบริจาคทุนทรัพย์และจัดทำโครงการช่วยเหลือสังคมมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ บริจาคเงินจำนวน 100 ล้านบาท พร้อมด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น ให้กับโรงพยาบาลศิริราช เพื่อใช้รักษาผู้ป่วยโควิด-19 และการซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลยูโร 2020 ให้คนไทยได้ดูฟรี ช่วงที่ต้องกักตัวอยู่บ้านจากสถานการณ์โควิด-19 ระบาด

ล่าสุด ได้สนับสนุนการศึกษาเด็กไทยทั่วประเทศ ภายใต้ชื่อโครงการ ‘Aerosoft Give Scholarships มอบทุน 100 ล้าน สานฝันให้เด็กไทย’ ซึ่งดำเนินการภายใต้ บริษัท ซัมมิทฟุตแวร์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรองเท้าแบรนด์ แอโร่ซอฟ (Aerosoft) โดยได้มอบทุนการศึกษาและอุปกรณ์กีฬาให้แก่ 

1. สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา 
2. ศึกษาพิเศษ 
3. ศูนย์ศึกษาพิเศษ 
และ 4. ศึกษาสงเคราะห์ ทั่วประเทศ รวม 2,549 โรงเรียน มูลค่ารวมกว่า 100 ล้าน

คุณโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ ได้กล่าวถึงการมอบทุนการศึกษาในครั้งนี้ว่า ทางบริษัท ซัมมิทฟุตแวร์ฯ มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ เพราะตระหนักดีว่าการศึกษาเป็นสิ่งที่สําคัญที่จะช่วยสร้างคุณภาพคน และหวังว่าเด็ก ๆ ที่ได้รับทุนในการศึกษาครั้งนี้ จะมีโอกาสสร้างสรรค์และต่อยอดทางการศึกษาเพื่อก้าวไปเป็นกําลังสําคัญในการพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต

พร้อมกันนี้ คุณโกมล ยังกล่าวด้วยว่า ระบบการศึกษาของประเทศไทยจําเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเพิ่มเงินเดือนให้กับครูให้มากขึ้นกว่าในปัจจุบัน เพราะเท่าที่ทราบรายได้ของวิชาชีพครูถือว่าค่อนข้างน้อยมากเมื่อเทียบกับความสำคัญของภาระหน้าที่ของครู โดยเฉพาะอย่างยิ่งในต่างจังหวัด ซึ่งพบว่า ครูอัตราจ้างมีรายได้เพียงไม่กี่พันบาทต่อเดือนเท่านั้น จะว่าไปแล้วยังสู้ค่าแรงขั้นต่ำของพนักงานในโรงงานยังไม่ได้เลย 

“รายได้ของครูของบ้านเราถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำมาก เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์ หรือเวียดนาม โดยเฉพาะสิงคโปร์ที่ครูเป็นอาชีพที่มีรายได้สูงอยู่ในอันดับต้น ๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คุณภาพการศึกษาของประเทศเหล่านั้นพัฒนาขึ้น จึงอยากจะฝากผู้ใหญ่ในบ้านเมืองหากเป็นไปได้ช่วยพิจารณาเพิ่มรายได้ให้กับกลุ่มเรือจ้าง เพื่อสร้างขวัญในการสั่งสอนและสร้างลูกศิษย์ที่มีคุณภาพให้กับประเทศไทยต่อไป และโดยส่วนตัวมองว่า หากรายได้ของครูยังต่ำเช่นในปัจจุบัน เป็นเรื่องค่อนข้างยากลําบากที่จะสามารถพัฒนาการศึกษาบ้านเราได้”

ขณะเดียวกัน คุณโกมล ยังฝากไปถึงนักเรียนที่ได้รับทุนในครั้งนี้ด้วยว่า ให้นำทุนที่ได้รับไปใช้ประโยชน์ทางการศึกษา และพัฒนาคุณภาพชีวิต ไม่ไปข้องเกี่ยวกับยาเสพติดและการพนัน ขอให้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน เพื่อสร้างรากฐานของชีวิตและเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ

“คุณตาโกมลคนนี้ ขอเป็นกำลังใจให้กับหลาน ๆ ทุกคนที่ได้รับทุนการศึกษาในครั้งนี้ และขอให้ทุกคนอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด พวกเหล้ายาของไม่ดีอย่าลองอย่างเด็ดขาด รวมถึงการพนัน ซึ่งตอนนี้การพนันออนไลน์มีเยอะมากและเข้าถึงได้ง่าย ขอฝากไว้ว่าอย่าได้เข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะถ้าหากหลงเข้าไปในบ่วงการพนันแล้วจะทำให้ชีวิตมีแต่ความเดือดร้อน ขอให้มุ่งพัฒนาตัวเองและตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ด้วยความมานะอดทน เพื่อเพิ่มพูนความรู้ ซึ่งเป็นพื้นฐานสร้างโอกาสในชีวิตและมีรายได้ที่สูงขึ้น สามารถเลี้ยงดูตอบแทนพ่อแม่และมีชีวิตที่ดีในอนาคต” คุณโกมลกล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top