Sunday, 15 June 2025
ค้นหา พบ 48817 ที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ กำชับ ผบ.ตร.คลี่คลายคดี ผกก.2 ทางหลวง เสียชีวิตในบ้านพัก ทำคดีตรงไปตรงมา เป็นธรรม ผลการสอบสวนเบื้องต้นไทม์ไลน์ที่เกิดเหตุ พยานที่เกี่ยวข้อง สอดคล้องผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ พบเขม่าดินปืนที่มือผู้ตาย น่าเชื่อว่า ใช้อาวุธปืนยิงตัวตาย

วันนี้ (12 ก.ย.66) พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  กล่าวว่า “จากกรณี พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ผกก.2 บก.ทล. เสียชีวิต ภายในบ้านพักตนเองพื้นที่ย่านคูคต จ.ปทุมธานีนั้น หลังเกิดเหตุ  นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความเสียใจ ต่อการสูญเสียของข้าราชการตำรวจในเหตุการณ์นี้ ซึ่ง ผบ.ตร. เองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน  นายกรัฐมนตรีได้สั่งการ กำกับดูแล ทำข้อเท็จจริงให้ปรากฎ ถูกต้อง รวดเร็ว และเป็นธรรมที่สุด  เพื่อให้เกิดความยุติธรรมกับคดีที่เกิดขึ้น แล้วรายงานผลให้ทราบ

ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ ควบคุมการสืบสวนสอบสวนด้วยตนเอง เน้นการนำหลักนิติวิทยาศาสตร์มาใช้ในการทำงาน ทำคดีตรงไปตรงมา ให้ปรากฎข้อเท็จจริง ตามข้อห่วงใยของนายกรัฐมนตรี 

ผบช.ภ.1 ได้รายงานผลคดี ให้ทราบในเบื้องต้น มีผลการตรวจที่เกิดเหตุ การสอบสวนปากคำพยาน การตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ ภาพจากกล้องวงจรปิด และ ผลการชันสูตรพลิกศพ โดยมีไทม์ไลน์ที่เกี่ยวข้องทางคดีมีดังนี้ 

ก่อนเกิดเหตุวันที่ 10 ก.ย.66 เวลาประมาณ 18.00 น. พ.ต.อ.วชิราฯ ได้ร่วมรับประทานอาหารกับเพื่อนที่ร้านแห่งหนึ่ง ย่านเมืองทองธานี ก่อนที่เวลาประมาณ 22.00 น. จะขอตัวกลับไปพักที่โรงแรมไอบริส จากการสอบปากคำเพื่อนที่ร่วมรับประทานอาหาร  ในระหว่างที่รับประทานอาหาร พ.ต.อ.วชิราฯ ได้พูดคุยถึงความเครียดในสิ่งที่เกิดขึ้น บ่นตลอดเวลา เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับรุ่นน้องสารวัตรตำรวจทางหลวงที่เสียชีวิต และไม่ค่อยทานข้าว 

ต่อมาเวลาประมาณ 04.23 น.ของวันที่ 11 ก.ย.66 ภาพวงจรปิด พบ พ.ต.อ.วชิราฯ เดินออกจากโรงแรม แล้วเดินไปตามถนนป๊อปปูล่า ซอย 2 แล้วขึ้นรถแท็กซี่ โตโยต้า สีชมพู หมายเลขทะเบียน ทฬ 806 กทม  จากการสอบปากคำ นายสุจิต ผู้ขับรถแท็กซี่ ให้การว่าไปรับ พ.ต.อ.วชิราฯ จากจุดดังกล่าว มาส่งที่หมู่บ้านกรีนพาร์ค อ.คูคต จ.ปทุมธานี โดยส่งถึงบ้าน เวลาประมาณ 04.50 น. ระหว่างเดินทางไม่ได้คุยอะไรนอกจากบอกเส้นทาง  

เมื่อ พ.ต.อ.วชิราฯ เดินทางมาถึงบ้าน ได้ทำการปีนรั้วบ้านเข้าไปยังบ้านของตนเอง เนื่องจากไม่มีกุญแจรั้วบ้าน จากการสอบปากคำตำรวจซึ่งเป็นพลขับของ พ.ต.อ.วชิราฯ ทราบว่า กุญแจรั้วบ้าน เป็นกุญแจรีโมท ซึ่งอยู่ภายในรถประจำตำแหน่งของ พ.ต.อ.วชิราฯ ซึ่งไม่ได้อยู่ในขณะนั้น  พ.ต.อ.วชิราฯ จึงได้ปีนรั้วเข้าไปภายในบ้าน และกดรหัสประตูดิจิทัล เข้าไปในบ้าน เวลา 04.51 น.

ต่อเวลาเวลาประมาณ 04.55 น. หลังจากที่ พ.ต.อ.วชิราฯ เข้าบ้านไปประมาณ 5 นาที มีภาพและเสียงจากกล้องวงจรปิดของเพื่อนบ้านข้างเคียง มีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด คาดว่าเป็นช่วงที่ พ.ต.อ.วชิราฯ ใช้อาวุธปืนยิงตัวตาย  ซึ่งตรงกับผลการชันสูตรของแพทย์ที่ระบุว่า ผู้ตายเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 8-12 ชม.

ผลการตรวจที่เกิดเหตุของกองพิสูจน์หลักฐาน พบผู้ตายนอนเสียชีวิตอยู่ห้องนั่งเล่นชั้นล่าง พบ อาวุธปืน ที่ตกในที่เกิดเหตุ เป็นอาวุธปืน กึ่งอัตโนมัติ ยี่ห้อกล็อก หมายเลขทะเบียน นฐ.03/4500091 ตรวจสอบแล้ว ผู้ครอบครอง คือ พ.ต.อ.วชิราฯ ผู้เสียชีวิต  

การตรวจสอบร่อวรอยบ้านที่เกิดเหตุ จากผลการตรวจของ พฐ. และจากการสอบปากคำของ พยานตำรวจที่พบศพ  4 คนแรก ให้การสอดคล้องกันว่า ไม่มีร่องรอยการงัดแงะทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน โดยพยานที่มาพบคนแรก ซึ่งเป็นตำรวจเพื่อนสนิทผู้ตาย สามารถเข้าไปยังภายในบ้านได้ เนื่องจากได้โทรสอบถามรหัสกับ ภรรยา ของพ.ต.อ.วชิราฯ เมื่อกดรหัสผ่าน เข้าไปภายในบ้าน พบร่างของ พ.ต.อ.วชิราฯ บริเวณห้องนั่งเล่น หน้าโทรทัศน์ รอยเลือดท่วมตัว จึงได้ออกจากบ้าน และโทรศัพท์แจ้งเหตุ ต่อ ศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 แจ้งพนักงานสอบสวนทราบ

ผลการตรวจสอบกล้องวงจรปิด เส้นทางการเดินทางของ พ.ต.อ.วชิราฯ จากที่โรงแรมบริเวณ เมืองทองธานี มาถึงหมู่บ้านที่เกิดเหตุ ไม่มีใครติดตามพ.ต.อ.วชิราฯ มา และจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด หน้าบ้านที่เกิดเหตุ หลังจาก พ.ต.อ.วชิราฯ เข้าบ้านไปแล้ว ไม่มีผู้ใดเข้ามาในบ้านอีก จนกระทั่งพยานเพื่อนสนิทมาถึงบ้านพัก

ผลการชันสูตรพลิกศพของแพทย์นิติเวช รพ.ภูมิพล ทำการผ่าพิสูจน์พบรอยกระสุนเข้าทางศีรษะ ด้านขวา ทะลุ ศีรษะด้านซ้าย แนวเฉียงขึ้น บริเวณรอบๆศพ พบรอยเลือดเป็นแนว
ผลการตรวจเขม่าดินปืน โดยใช้เครื่องมือ AAS (Atomic absorption spectroscopy ) ซึ่งเป็นเครื่องมือวิทยาศาสตร์ขั้นสูง มีผลแม่นยำ เป็นที่ยอมรับสากล พบเขม่าดินปืนที่มือซ้ายและขวา จึงจำลองสถานการณ์ได้ว่า ท่ายิงก่อนเสียชีวิต พ.ต.อ.วชิรา น่าจะนั่งชันเข่า จากนั้นถืออาวุธปืนด้วยมือขวาแล้วจ่อที่ขมับข้างขวา โดยใช้มือซ้ายปะคอง เมื่อยิงเสร็จ ทำให้ตัวผู้ตายหงายหลังกระสุนทะลุและตกอยู่ที่ด้านซ้ายของผู้ตาย (พบหัวกระสุนในเครื่องโรบอททำความสะอาดสถานที่เกิดเหตุ) พบเศษเนื้อสมองกระเด็นติดที่ผนังบ้านฝั่งซ้าย ขณะชันสูตรสภาพศพแข็งตัวตั้วตั้งแต่ช่วงลำตัวจนสุดด้านล่าง แพทย์สันนิษฐานว่าเสียชีวิตมาแล้วระหว่าง 8-12 ชม.

โฆษก ตร.กล่าวอีกว่า “จากผลดังกล่าวข้างต้น ทั้งการตรวจพิสูจน์ที่เกิดเหตุ พยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ผลการสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลจากกล้องวงจรปิด และผลการตรวจชันสูตรพลิกศพ สอดคล้องตรงกัน น่าเชื่อได้ว่า พ.ต.อ.วชิราฯ ใช้อาวุธปืนยิงตัวตาย ส่วนประเด็นสาเหตุคงต้องรอผลการสอบสวนปากคำพยานเพิ่มเติม  ซึ่งทาง ภ.จว.ปทุมธานี ได้มีคำสั่งที่ 242/2566 ลง 11 ก.ย.66 เรื่องแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน โดยมี พ.ต.อ.พีรพล โชติกเสถียร รอง ผบก.เป็นหัวหน้า เพื่อทำการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานคลี่คลายคดีนี้แล้ว ขอให้พี่น้องประชาชนมีความเชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ” 

ตำรวจไซเบอร์ จับแก๊งคอลฯ อ้างสรรพากร หลอกกดลิงก์ สูญเงินเกือบ 2 ล้าน

สืบเนื่องจากเมื่อปลายเดือนเมษายน 2566 ที่ผ่านมา ได้มีผู้เสียหายซึ่งตกเป็นเหยื่อของขบวนการคอลเซ็นเตอร์ แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่จากกรมสรรพากร โทรศัพท์มาแจ้งให้ผู้เสียหายส่งงบการเงินประจำปี ที่ยังค้างชำระและให้อัพเดทข้อมูลส่วนตัวให้เป็นปัจจุบัน พร้อมทั้งใช้แอปพลิเคชั่น Line ชื่อ กระทรวงพาณิชย์ ส่งลิงก์มาให้ผู้เสียหายโดยแจ้งว่าเป็นลิงก์เว็บไซต์ของกรมสรรพากร เพื่อให้ผู้เสียหายกดเข้าไปตรวจสอบว่ามีการค้างภาษีหรือไม่ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงกดเข้าไปจากนั้นโทรศัพท์มือถือได้ค้างและดับไป ต่อมาปรากฏว่ามีการโอนเงินออกจากบัญชีของผู้เสียหาย ผ่าน Mobile Banking จำนวน 2 บัญชี รวมเป็นเงิน 1,968,049 บาท ผู้เสียหายรู้ตัวว่าถูกหลอกจึงได้มาร้องทุกข์กับ บช.สอท. เพื่อให้ช่วยติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1, พ.ต.อ.ศรายุทธ จุณณวัตต์ และ พ.ต.อ.ทำนุรัฐ คงมั่น
รอง ผบก.สอท.1 ได้สั่งการให้ทำการสืบสวนสอบสวนและติดตามจับกุมกลุ่มคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว ต่อมาพนักงานสอบสวน กก.4 บก.สอท.1 ได้สืบสวนสอบสวนจนทราบตัวผู้ร่วมกระทำความผิดดังกล่าว และได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหานี้ไว้

ต่อมาวันที่ 11 กันยายน 2566 พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 และ พ.ต.อ.ทำนุรัฐ คงมั่น
รอง ผบก.สอท.1 พร้อมกำลังฝ่ายสืบสวน กก.4 บก.สอท.1 นำกำลังเข้าจับกุมตัว นายกำชัย หรือ ปุ๊ (สงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ได้ที่ บริเวณบ้านพัก ในซอยเทศบาลบางปู 91 อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ ในความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์โดยลวงว่าเป็นเจ้าพนักงาน , ร่วมกันโดยทุจริตนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และ ร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบและข้อมูลคอมพิวเตอร์” นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ต้องหามีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติดและเคยถูกจับกุมตัวมาก่อน

พล.ต.ต.ชัชปัณฑกานต์ฯ กล่าวว่า “ผู้ต้องหาให้การรับว่า ก่อนหน้านี้มีหญิงสาวรายหนึ่งซึ่งรู้จักกันได้มาขอ
บัตรประจำตัวประชาชนไป โดยไม่ได้แจ้งว่าจะนำไปทำอะไร พร้อมทั้งให้ค่าตอบแทนมาเป็นจำนวนเงิน 200 บาท จึงเชื่อว่าจะมีการนำบัตรประชาชนของตนไปเปิดบัญชีธนาคาร หรือลงทะเบียนซิมการ์ดโทรศัพท์ (บัญชีม้า ซิมม้า) เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหา และกำลังขยายผลไปยังผู้ที่อยู่เบื้องหลังและขบวนการทั้งหมด”

พล.ต.ต.ชัชปัณฑกานต์ฯ ได้ฝากเตือนไปยังพี่น้องประชาชนว่าอย่าได้หลงเชื่อหรือตกเป็นเหยื่อ โดยไม่ควรรับแอดเพื่อนในสื่อสังคมออนไลน์ที่ไม่รู้จัก หากจะรับขอให้ตรวจสอบข้อมูลในบัญชีให้ดี รวมทั้งไม่ควรกดลิงค์จากคนแปลกหน้าหรือผู้ที่ไม่รู้จัก เมื่อมีการติดต่อจากผู้ที่อ้างตนเป็นเจ้าหน้าที่ ควรตรวจสอบยืนยันว่าเป็นเจ้าหน้าที่จริงหรือไม่ และหากมีการชักชวนลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นมิจฉาชีพ และควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของการลงทุนอีกด้วย หากมีข้อสงสัยสามารถปรึกษาสอบถาม สายด่วน ตำรวจไซเบอร์ 1441 ได้ทันที

ตร.ไซเบอร์จับขบวนการ Romance Scam ปลอมเป็นฝรั่งหน้าตาดี ตุ๋นเหยื่อผ่าน IG สูญเงินกว่าล้านบาท

สืบเนื่องจากเมื่อปลายปี 2565 ผู้เสียหายได้รู้จักและสนทนากับคนร้าย โดยใช้บัญชี Instagram และ WhatsApp สร้างโปรไฟล์ปลอมใช้ชื่อ "Roland" อ้างเป็นหนุ่มต่างชาติหน้าตาดี พูดคุยในเชิงชู้สาวเรื่อยมาจนผู้เสียหายตายใจ

จนกระทั่งคนร้ายได้หลอกลวงผู้เสียหายว่าจะส่งของขวัญเป็นเครื่องประดับมีค่าและเงินให้แก่ผู้เสียหาย โดยหลอกให้ผู้เสียหายช่วยชำระค่าใช้จ่ายในการส่งของขวัญออกไปก่อน อาทิ ค่าธรรมเนียม ค่าภาษี และอื่นๆ ตามที่กลุ่มคนร้ายบอก ผู้เสียหายจึงหลงเชื่อโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของคนร้าย จำนวน 19 ครั้ง รวมเป็นเงินรวม 1,090,000 บาท ภายหลัง ผู้เสียหายรู้ตัวว่าไม่ไม่มีทางได้รับสิ่งของดังกล่าว และรู้ตัวว่าถูกหลอกลวงแล้ว จึงมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย

ต่อมาวันที่ 11 ก.ย. 2566 พ.ต.ท.ศักดิ์สิทธิ์ ชูบุญเรือง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1 ได้นำกำลังชุดสืบสวนร่วมกันลงพื้นที่ติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่เป็นหนึ่งในขบวนการที่ได้เปิดบัญชีธนาคารไว้สำหรับรับโอนเงินจากเหยื่อ จนสามารถจับกุมตัว นายอรุณ อายุ 25 ปี ชาวจังหวัดสระบุรี ในฐานความผิด “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันโดยทุจริต หรือหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” โดยสามารถควบคุมตัวได้บริเวณพื้นที่ หมู่ที่ 6 ต.พุแค อ.เฉลิมพระเกียรติ
จ.สระบุรี

เบื้องต้นผู้ต้องหาอ้างว่าตนได้ถูกหลอกให้เปิดบัญชีเพื่อรับผลกำไรจากการเล่นการพนันออนไลน์ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ผิงผิง-โคลนาซีแพม สาวสองสุดแสบ นัดเดทผ่านแอ๊พพลิเคชั่นหาคู่สาวสอง โดยขึ้นข้อความว่า “สาวสอง ใครร้อนเงินทักมา” สุดอันตราย ล่อแมลงให้เหล่าชายหนุ่มสายเหลืองตกเป็นเหยื่อ ใช้การวางยามอมผู้เสียหายชายสายเหลือง ก่อนจะรูดทรัพย์และยานพาหนะไปหมดตัว

ผิงผิง-โคลนาซีแพม สาวสองสุดแสบ นัดเดทผ่านแอ๊พพลิเคชั่นหาคู่สาวสอง โดยขึ้นข้อความว่า “สาวสอง ใครร้อนเงินทักมา” สุดอันตราย ล่อแมลงให้เหล่าชายหนุ่มสายเหลืองตกเป็นเหยื่อ ใช้การวางยามอมผู้เสียหายชายสายเหลือง ก่อนจะรูดทรัพย์และยานพาหนะไปหมดตัว บางรายถูกลงมือทำร้ายขณะพยายามฝืนต้านฤทธิ์ยา แผนประทุษกรรมสุดแสบ บดยา Clonazepam ไว้ก้นแก้วก่อนรินเบียร์ผสม พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สั่งให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ส่งชุดสืบมือดีไล่ล่ากว่า 2 เดือน จนในที่สุดจับตัวได้ขณะกำลังหลบหนีออกชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน หลังจับกุมเจ้าตัวสารภาพทำเอาชุดจับกุมอึ้ง “เห็นคนล้มฟุบแล้วมีความสุข คิดว่ามีพลังวิเศษ” เสพติดต้องก่อเหตุเดือนละ 2-3 ครั้ง ขยายผลพบเป็นมือขวาบอสชาวไต้หวัน หัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 3 แห่ง ในประเทศเพื่อนบ้าน

เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2566 พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. สั่งการให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./หน.ชุด PCT 5 , พ.ต.อ.วิชัย  แดงประดับ รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.พัชรดนัย การินทร์ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.ธนากร อ่อนทองคำ ผกก.สส.4 บก.สส.บช.น. , พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ , ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น , ร.ต.อ.กฤษณะ ชนิดไทย , ร.ต.อ.อำนาจ แป้นดวงเนตร , ร.ต.อ.สุรศักดิ์ บุญนุ่ม , ร.ต.อ.วทัญญู เริ่มประชาธิปไตย , ร.ต.ท.คณาธิป ภูสมตา , ส.ต.อ.ณัฐกิต  เชื้อสุข , ส.ต.ท.จิรวัฒน์ ศรีมั่นมีชัย , ส.ต.ต.เมธิชัย คำดี ร่วมกับเจ้าหน้าที่ สืบนครบาล และเหล่านักเรียนอบรมหลักสูตรสืบสวนคดีอาญา รุ่นที่ 112 ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว นายอภิชาติ ศรีโคตร หรือ “ผิงผิง” อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 60 ม.11 ต.หนองน้ำใส อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ผ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 223 ซ.รังสิต-นครนายก 10 ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ผู้ต้องหา โดยกล่าวหาว่า  “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน”

ตามหมายจับ 2 หมายจับ 
1.หมายจับศาลอาญาที่ จ.2174/2566 ลงวันที่ 10 ก.ค. 66 ข้อหา “ลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน” (พื้นที่ สน.สุทธิสาร)
2.หมายจับศาลอาญาที่ จ.2963/2566 ลงวันที่ 11 ก.ย. 66 ข้อหา “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน” (พื้นที่ สน.พญาไท)

ตรวจยึดของกลาง 4 รายการ
1.บัตรประจำตัวประชาชน จำนวน 6 ใบ (เป็นของบุคคลอื่น) รับว่าเป็นของบัญชีม้า
2.โทรศัพท์มือถือ จำนวน 6 เครื่อง (ของตนเอง 2 เครื่อง , ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 4 เครื่อง)
3.เงินสด จำนวน 25,000 บาท
4.ยา Clonazepam จำนวน 3 แผง (ยาที่ใช้มอมเหยื่อ)

พฤติการณ์กล่าวคือ ดำดิ่งสู่จิตใต้สำนึกสุดอำมหิตผิดเพี้ยนของ “นักมอมยา”นามว่า “ผิงผิง” หรือ นายอภิชาติ ศรีโคตร เธอเป็นสาวประเภทสองวัยเพียง 22 ปี ที่ก่อวีรกรรมกับเหล่าชายหนุ่มสายเหลืองได้อย่างแสบทรวง กลายเป็นมหันตภัยในยามรัตติกาลสำหรับชายหนุ่มในเมืองกรุงไปแล้ว เมื่อเธอได้ตระเวนก่อเหตุ “วางยาและรูดทรัพย์” เหล่าชายหนุ่มที่ติดกับดักเธออย่างนับไม่ถ้วน โดยแผนประทุษกรรมสุดแสบของเธอเริ่มต้นจาก “แอ๊พหาคู่” โดยเธอจะทำตัวเป็นสาวสองทรงเจ๊สายเปย์ สปีชีส์ตัวรับ ขึ้นข้อความทำนอง “สาวสอง ใครร้อนเงินทักมา” ล่อแมลงให้เหล่าชายหนุ่มสายเหลืองที่ไส้แห้งต่างเข้ามารุมเร้า อย่างที่ทราบกันดี วงการนี้ไม่สนทนากันนานเพราะต่างมุ่งไปตามกามอารมณ์กันอยู่แล้ว โดยทั้งสองฝ่ายต่างรู้กันจุดหมายปลายทางคือ “เพศสัมพันธ์” เมื่อนัดหมายสถานที่แล้วเหล่าเหยื่อชายสายรุกมักพุ่งมาอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ตัวว่า สถานที่ดังกล่าวคือ “ห้องเชือด” ที่เธอได้เตรียมการขุดหลุมพลางไว้รอเหยื่อไว้แต่เนิ่นแล้ว โดยเธอจะนำยา Clonazepam จำนวน 3-10 เม็ดมาบดให้ละเอียด ก่อนจะเทลงในแก้วน้ำที่เตรียมไว้และเพิ่มความแนบเนียนด้วยการใส่น้ำแข็งเปล่าให้เต็มแก้ว ปิดบังคราบผงยาที่นองอยู่ก้นแก้ว โดยทันทีที่เหล่าชายหนุ่มที่ตกเป็นเหยื่อย่ำเท้าเข้ามาในถ้ำเสือ เธอเริ่มสะกดจิตเหยื่อด้วยการเปย์แบงค์พันให้ชายหนุ่มก่อน 1 ใบ 

จากนั้นจะหว่านล้อมชักจูงให้เหยื่อดื่มเบียร์เปิดหัวเป็นอันดับแรก เหยื่อหนุ่มเกือบทั้งสิ้นล้วนติดกับดักค่ายกลของเธอ เมื่อเหยื่อเริ่มเปิดกระป๋องเบียร์และบรรจงเทลงในแก้วที่เธอวางยาไว้ ผงยาผสมปนเปกับน้ำสีทองของเบียร์ไร้ร่องรอยให้สงสัย และเมื่อของเหลวสีทองผสมยาที่เธอวางไว้ก้นแก้วไหลเข้าสู่ร่างกายชายหนุ่มก็เป็นอันรุกฆาต ยาดังกล่าวนั้นจะออกฤทธิ์รุนแรง ง่วงซึม มึนศีรษะ สับสน จดจำสิ่งต่างๆ ไม่ได้ เกือบทุกรายล้มพับไปในไม่กี่อึดใจ บางรายพยายามฝืนต้านฤทธิ์ยาเธอยิ่งชอบเพราะเธอจะลงมือทำร้ายร่างกายเช่น กระโดดถีบ ต่อยหน้า ตบหน้า ต่างๆนาๆโดยที่เหยื่อไร้เรี่ยวแรงต่อสู้ จนกว่าเหยื่อจะสลบไสลไป โดยภาพการล้มพับของเหล่าชายหนุ่มสร้าง ความสุข , ความสนุก , ความสะใจ ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเอง “มีพลังวิเศษ” ให้เธอจนเธอเสพติดเข้าเส้นเลือดไปแล้ว แต่เรื่องยังไม่จบแค่นั้นเมื่อเหยื่อไร้สติ เธอจะลงมือกวาดทรัพย์สินของเหยื่อไปจนเกลี้ยง รายใดโชคร้ายขับรถมาก็จะถูกขโมยไปด้วย 

ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 7 ก.ย. 66 เธอได้ลงมือก่อเหตุกับชายหนุ่มรายหนึ่ง ที่โรงแรมชื่อดังในซอยศรีอยุธยา 12 แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี จ.กรุงเทพฯ โดยเธอได้ขโมยทรัพย์สินเงินสด โทรศัพท์ และรถจักรยานยนต์บิ๊กไบท์ ของเหยื่อไป มูลค่าความเสียหายประมาณ 200,000 บาท จากนั้นหายไปในกลีบเมฆชนิดไร้ร่องรอยให้คลำหา เป็นเช่นนี้ทุกครั้งที่เธอจะมาก่อเหตุและหายไปราวหมอกควัน เหยื่อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วยแผนประทุษกรรมเดิมที่ตรึงใจเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนที่ติดตามไล่ล่าเธอมาเกือบ 2 เดือน จนเรื่องนี้ถึงหูนายตำรวจผู้ดูแลเมืองหลวงอย่าง พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. เร่งสั่งการ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. สืบสวนแกะรอยจนสืบทราบว่าสาวประเภทสองรายนี้คือ นายอภิชาติ ศรีโคตร อายุ 22 ปี และกำลังหลบหนีออกไปทาง อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อหลบหนีออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน พล.ต.ต.ธีรเดชฯ ไม่รอช้าส่งชุดสืบนครบาลและนักเรียนสืบสวน 112 ไล่ล่าติดตามไปอย่างกระชั้นชิด ไล่กวดถึงริมชายแดนกระทั่งสามารถจับกุมตัวได้ขณะกำลังพยายามจะหลบหนีออกไปประเทศเพื่อนบ้าน

ในชั้นจับกุม นายอภิชาติ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ตนเองเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่ใน ปอยเปต ประเทศกัมพูชา โดยทำมาเป็นเวลากว่า 3 ปี หลอกคนไทยได้ยอดรวมประมาณล้านกว่าบาท ซึ่งตนได้ค่าคอมมิชชั่นมา 400,000 บาท แต่ได้ใช้เสเพลกับการพนันไปหมดแล้ว ในปัจจุบันตนได้เป็นมือขวาของบอสชาวไต้หวันชื่อว่า เสี่ยว เฟ่ย เชียน ซึ่งเป็นเจ้าของคอลเซ็นเตอร์ 3 ตึกในปอยเปต ล่าสุดได้ทำหน้าที่เป็น HR และคอยจัดหาบัญชีม้าให้กับบอสชาวจีน โดยจะเข้าๆออกๆกัมพูชาและประเทศไทยเป็นประจำเพราะตนเองเสพติดภาพการล้มพับของเหยื่อ เพราะมันทำให้ตนเองมี ความสุข , ความสนุก , ความสะใจ มีอยู่ครั้งหนึ่งตนได้เคยไปลองมอมยาใส่กลุ่มชายหนุ่มในสถานที่ท่องเที่ยวแล้วเห็นเหยื่อล้มฟุบพร้อมกัน 4 คน ทำให้รู้สึกว่าตัวเองมีพลังวิเศษ ซึ่งตอนนี้ได้เสพติดความสุขนี้ไปแล้ว 

ซึ่งตนเองจะหาเวลาว่างจากการทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์เดือนละ 2-3 ครั้ง เพื่อเข้ากรุงเทพมาก่อเหตุลักษณะนี้ ความสุขก็ส่วนหนึ่งแต่อีกส่วนก็หวังจะได้ทรัพย์สินจากเหยื่อด้วย โดยจุดเริ่มต้นเกิดจากตนเองเคยถูกผู้ชายมามีเพศสัมพันธ์ด้วยแล้วโดนชายคนนั้นขโมยทรัพย์สินไประหว่างที่ตนเองหลับ โดยตอนนั้นตนเองถูกขโมยเงินไปกว่า 80,000 บาท จึงแค้นมากวางแผนล่อลวงชายคนนั้นมาและได้ลองมอมยาแบบนี้เป็นครั้งแรก โดยตอนนั้นใส่ยาไปทั้งหมด 10 เม็ด จนล้มพับไปจากนั้นก็ขโมยของขโมยรถของชายคนนั้น จากนั้นก็รู้สึกสนุก สะใจ จึงติดเป็นนิสัยและก่อเหตุต่อมาเรื่อยๆ โดยยาที่ตนได้มานั้นตนเองไปหาหมอแล้วจะบอกว่าต้องการยาตัวนี้ ถ้าหมอคนไหนไม่ยอมให้ก็จะแสดงละครบอกหมอว่าถ้าไม่ให้จะไปฆ่าตัวตาย หมอก็จะยอมให้ โดยให้ทีละ 20-30 แผง และที่เลือกวางยาในเบียร์แบบนี้เพราะว่าตนเคยลองใส่ในน้ำเปล่าแล้วมันจะขุ่นๆทำให้เหยื่อดูออกได้ง่าย ส่วนรถที่ตนเองได้ขโมยมาจะนำไปขายให้กับขบวนการส่งรถออกนอกประเทศ โดยจะเก็บรถที่ขโมยมาไว้กับตัวเองไม่เกิน 2 ชั่วโมง ส่วนบัตรประชาชนที่ถูกตรวจค้นพบหลายๆใบนั้น ตนเองได้มาจากเหยื่อบ้าง และได้จากพวกเปิดบัญชีบ้าง เลยนำมาใช้ในการทำธุรกรรมต่างๆแทนชื่อของตนเองเพื่อปกปิดตัวเอง” หลังจับกุมตัว ได้นำส่งพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ดำเนินคดีตามกฎหมาย

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “เรายังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของภัยสังคมรายนี้ โดยจากการขยายผลการจับกุมในขณะนี้เราพบพยานหลักฐาน รถจักรยานยนต์ ซึ่งต้องสงสัยว่าได้จากการก่อเหตุ กว่า 13 คัน และพบข้อมูลเหยื่อและผู้ที่กำลังจะตกเป็นเหยื่ออีกไม่ต่ำกว่า 10 ราย จึงขอประชาสัมพันธ์ถึงผู้ที่เคยตกเป็นเหยื่อคนร้ายรายนี้ ให้แจ้งมาที่เฟสบุ๊คเพจ สืบสวนนครบาล IDMB เรามีเจ้าหน้าที่ประสานงานตลอด 24 ชั่วโมง เราจะปกปิดข้อมูลของคุณเป็นความลับ และขอฝากเตือนไปยังเหล่าผู้ปกครองให้หมั่นเฝ้าระวังบุตรหลานที่ชื่นชอบการเล่นแอ็พพลิเคชั่นหาคู่ลักษณะนี้ ให้หลีกเลี่ยง เพื่อความปลอดภัยในชีวิตร่างกายและทรัพย์สินของท่าน ในส่วนของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตอนนี้เราได้ข้อมูลสำคัญของขบวนการมามากพอสมควร ซึ่งเราจะมีการขยายผลต่อไปจนถึงที่สุด แม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.”

'ปวีณา' พาเหยื่อค้ามนุษย์ไปพบ รอง ผบ.ตร.

รายที่  1.สาวไทย 4 ราย ถูกหลอกไปค้าประเวณีที่ดูไบ 3 ราย -บาห์เรน 1 ราย ขอช่วยดำเนินคดีกับขบวนการค้ามนุษย์ รายที่ 2.ตัวแทนญาติเหยื่อ 24 ราย ถูกหลอกไปบังคับให้ทำงานคอลเซ็นเตอร์ หลอกคนไทยให้ลงทุน ถูกกักขัง ทำร้าย ที่เมืองเล้าไก่ ประเทศเมียนมา ขอช่วยลูกหลานและคนที่รักกลับไทย รายที่ 3.แม่ของสาวไทยวัย 23 ปี ไปญี่ปุ่น 2 วัน ตกตึกเสียชีวิตขอช่วยคลี่ปมสาเหตุการตาย วันนี้เเม่นำโทรศัพท์มือถือลูกสาว ให้ ปวีณา มอบบิ๊กโจ๊ก เพื่อกู้ข้อมูลหาหลักฐาน ใคร? พูดกับลูกเป็นคนสุดท้ายก่อนตกตึกตาย

พร้อมกันนี้ “ปวีณา” ยังได้พา นรต. ปี 3 รุ่น 78 จำนวน 30 นาย ที่ศึกษาดูงานมูลนิธิปวีณาฯ ไปศึกษาดูงานกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. อีกด้วย   

วันที่ 12 ก.ย.66 เวลา 10.00 น. ที่สโมสรตำรวจ เคสที่ 1. นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พา 4 สาวไทยซึ่งถูกหลอกไปค้าประเวณีที่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 3 ราย และประเทศบาห์เรน 1 ราย ไปพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เพื่อขอความช่วยเหลือดำเนินคดีกับขบวนการค้ามนุษย์ หลังบางรายเกือบเอาชีวิตไม่รอดในต่างแดน ต้องสูญเงินจำนวนมากเพื่อไถ่ตัว บางรายหลังกลับมาไทยยังถูกขู่ฆ่าทำร้าย ซึ่งเคสทั้ง 4 ราย ร้องทุกข์มูลนิธิปวีณาฯ และได้รับการช่วยเหลือกลับไทย   

ผู้เสียหายทั้ง 4 คน ให้ข้อมูลว่า ถูกคนรู้จักชักชวนไปทำงานนวดแผนไทยที่ดูไบ และบาห์เรน บอกว่ารายได้ดี เดือนละ 4-5 หมื่นบาท มีที่พัก อาหารฟรี โดยทุกคนหวังว่าจะได้มีเงินส่งมาให้ครอบครัวไม่ลำบาก แต่เมื่อไปถึงที่ร้านกลับถูกยึดพลาสปอร์ต และบังคับให้ค้าประเวณีใช้หนี้นับแสนบาท ถูกกักขังทำร้ายเหมือนตกนรกทั้งเป็น ทั้งหมดจึงได้ร้องทุกข์มายังมูลนิธิปวีณาฯ โดยนางปวีณา ได้ประสาน นายรุธ ธรรมมงคล อธิบดีกรมการกงสุล ประสานช่วยเหลือกลับไทย ซึ่งแต่ละคนถูกขบวนการค้ามนุษย์ข่มขู่ฆ่าเกรงจะไม่ปลอดภัย

เคสที่ 2. นางปวีณา พาญาติเหยื่อถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกไปทำงานที่เมืองเล้าไก่ ประเทศเมียนมา ไปพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พร้อมนำข้อมูลคนไทยที่ถูกหลอกไปทำงานที่ดังกล่าวรวม 24 คน ซึ่งร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือมายังมูลนิธิปวีณาฯ ไปมอบให้ เพื่อขอความช่วยเหลือให้ช่วยกลับไทย เนื่องจากแต่ละคนถูกบังคับให้ทำงานหลอกคนไทยลงทุน ถูกกักขังพร้อมคนไทยอีก 200-300 คนอยู่ในตึกที่มีชายฉกรรจ?เเต่งตัวคล้ายทหารถือปืนคอยคุม ถ้าทำยอดไม่ได้ก็จะถูกเรียกค่าไถ่และขายต่อไปที่อื่น    

เคสที่ 3. นางปวีณา พา นางสาวสมพร ศิริโสภณ อายุ 48 ปี เเม่นำโทรศัพท์มือถือของนางสาวธนพร ลูกสาว อายุ 23 ปี ที่เสียชีวิตที่ประเทศญี่ปุ่น ให้ปวีณา มอบให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เพื่อขอให้ช่วยตรวจสอบข้อมูลการใช้โทรศัพท์ว่ามีการติดต่อพูดคุยกับใครบ้างหลังเดินทางไปทำงานถึงประเทศญี่ปุ่นวันที่ 23 ก.ค.66 ใคร? พูดกับลูกเป็นคนสุดท้ายก่อนกลายเป็นศพเสียชีวิตอยู่ในซอกตึกอาคารที่พัก ในพื้นที่เขตอ.อิเซซากิ จ.คานากาวะ 

ซึ่งตำรวจญี่ปุ่นแจ้งสาเหตุการเสียชีวิตกับแม่ว่า ตกจากที่สูงชั้น 8 จากการฆ่าตัวตาย เนื่องจากตรวจสอบบริเวณช่องสุดทางเดินชั้น 8 ไม่พบร่องรอยการต่อสู้และไม่พบลายนิ้วมือหรือรอยเท้าผู้อื่นนอกจากผู้เสียชีวิตคนเดียว แต่แม่ยังไม่ปักใจเชื่อเพราะไม่มีสาเหตุหรือแรงจูงใจที่จะให้ลูกสาวคิดสั้นฆ่าตัวตาย จึงขอให้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ช่วยตรวจสอบหาความจริงให้ด้วย  

ขณะที่วันนี้ นางปวีณา ได้พานักเรียนนายร้อยตำรวจ ชั้นปีที่ 3 รุ่นที่ 78 จำนวน 30 นาย ที่เข้าศึกษาดูงานมูลนิธิปวีณาฯ ระหว่างวันที่ 29 ส.ค. – 12 ก.ย.66 ตามโครงการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ หลักสูตรสัมผัสปัญหาชุมชน รุ่นที่ 27 ปีการศึกษา 2566 ไปศึกษาดูงานกับพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เพื่อเก็บประสบการณ์นำไปปรับใช้หลังเรียนจบไปเป็นตำรวจรับใช้ประชาชนต่อไป 

นางปวีณา กล่าวว่า ขอขอบคุณ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ที่ประสานการช่วยเหลือร่วมกับมูลนิธิปวีณาฯ ด้วยดีเสมอมา ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ร่วมกับมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยเหลือเหยื่อและผู้เสียหายได้จำนวนมาก พร้อมจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้อยากฝากเตือนคนไทยอย่าหลงเชื่ออะไรง่ายๆ หากจะเดินทางไปทำงานต่างประเทศควรตรวจสอบกับกระทรวงแรงงาน กระทรวงการต่างประเทศให้ดี เพราะอาจตกเป็นเหยื่อได้ และเจ้าหน้าที่ก็อาจจะช่วยไม่ได้ทุกคน

สถิติรับเรื่องราวร้องทุกข์ มูลนิธิปวีณาฯ ประจำปี 2565 ตั้งแต่วันที่ 4 ม.ค. – 23 ธ.ค. 2565 รวมทั้งสิ้น  6,745 ราย เป็นเรื่องค้ามนุษย์/ค้าประเวณี จำนวน 255 ราย สถิติรับเรื่องราวร้องทุกข์ มูลนิธิปวีณาฯ ประจำปี 2566 ตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค. – 8 ก.ย. 2566 รวมทั้งสิ้น  4,491 ราย เป็นเรื่องค้ามนุษย์/ค้าประเวณี จำนวน 181 ราย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top