Monday, 19 May 2025
ค้นหา พบ 48185 ที่เกี่ยวข้อง

‘อิ้งค์ วรันธร-โบกี้ไลอ้อน-วี วิโอเลต-ส้ม มารี’ เตรียมขึ้นคอนเสิร์ตใหญ่ พร้อมโชว์สุดอลัง 7 ต.ค.นี้ แฟนคลับวอร์มนิ้วเตรียมกดบัตรได้เลย!!

การรวมตัวกันครั้งยิ่งใหญ่ของ 4 ควีนแห่งยุค ‘Ink Waruntorn • Bowkylion • Violette Wautier • Zom Marie’ ใน ‘The Concert presents 4 Queens Concert’ ที่ 4 ควีนจะมาโชว์บนเวทีเดียวกันครั้งแรก ในอิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ฮอลล์ที่รองรับผู้ชมได้ถึง 15,000 คน

และนี่ นี่สิคือความเริ่ด!! คุณจะได้ชมโชว์ร่วมสุดอลังที่รับรองว่าไม่เคยรับชมมาก่อนไม่ว่าโลกนี้หรือโลกไหน พร้อมแขกรับเชิญสุดปัง ที่ถ้าเปิดไพ่ออกมา รับรองว่าต้องร้องกรี๊ด กรี๊ดสิคะ กรี๊ดมันออกมา

ศึกนี้ต่อให้หนักหนาแค่ไหน ก็ต้องพร้อม!!
ไปค่ะ ไปเตรียมกดบัตร 💅

🗓️ 7 ตุลาคม 2566
📍 Impact Challenger Hall 1
👑 กดบัตรพร้อมกันทางแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ The Concert วันที่ 2 สิงหาคม 2566 เวลา 10.00 น.

ติดตามข้อมูลการซื้อบัตร ผังคอนเสิร์ต และรายละเอียดอื่น ๆ ได้ทาง
Facebook: 4 Queens Concert
Instagram: 4queensconcert
Twitter: @4QueensConcert
TikTok: @4queensconcert

‘อั๋น ภูวนาท’ โพสต์ฉะ คนที่คิดปิดฟ้าด้วยฝ่ามือ ลั่น!! อดทนอีกนิด ไม่ใช่พวกเราที่จะตายก่อน

(20 ก.ค. 66) ยังคงเป็นประเด็นการเมืองที่หลาย ๆ คนให้ความสนใจ สืบเนื่องจากกรณีที่ทางรัฐสภา ได้มีการเปิดโหวตนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทยเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2566 ที่ได้มีการเสนอรายชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกฯ ซึ่งมีผลว่า พิธา ชวดตำแหน่งนายกอีกครั้ง อีกทั้งยังได้มีคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญให้ พิธา หยุดปฏิบัติหน้าที่สมาชิกผู้แทนราษฎรชั่วคราว จากกรณีถือหุ้นสื่อ ITV จนกว่ามีคำวินิจฉัยใหม่

หลังการประชุมโหวตเลือกนายกฯ รอบที่ 2 เหล่าคนบันเทิงต่างออกมาเคลื่อนไหว รวมไปถึง 'อั๋น ภูวนาท' ซึ่งปกติเจ้าตัวก็ออกมาเคลื่อนไหวเรื่องการเมืองอยู่เป็นประจำ ล่าสุด โพสต์ภาพพร้อมข้อความว่า…

"2023 บันทึกไว้เตือนใจ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทยจากกติกาที่เฮงซวยแบบไม่มีใครปฏิเสธได้ของกลุ่มคนที่คิดจะปิดแผ่นฟ้าด้วยฝ่ามือ ในนามของความถูกต้องที่อุปโลกน์ความชอบธรรม โดยไม่มองโลกที่เปลี่ยนไปอย่างเข้าใจ และฟังเสียงเจ้าของประเทศที่แท้จริง #รักเกินรักมักทำลาย อดทนอีกนิดนะครับ เพราะดูจากหน้าตาแล้วพวกเราไม่น่าจะเป็นฝ่ายที่ตายก่อน #ก็ว่าจะไม่แรง" 

งานนี้ชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์จำนวนมาก เช่น รอบหน้าคงไม่ไปเลือกตั้งแล้วเสียเวลาและเสียความรู้สึกมาก, เสียดายเงินภาษีในการจัดการเลือกตั้งมาก รวมทั้งภาษีที่จ่ายไปเป็นเงินเดือนของพวก สว. กกต. และหน่วยงานรัฐทั้งหลายที่ไม่สุจริตในการทำงาน

เชื่อม ‘ขนส่ง-ลงทุน’ จากซีกโลกถึงซีกโลกผ่านไทยแลนด์ โปรเจกต์เปลี่ยนไทยให้เนื้อหอมที่ ‘จีน-สหรัฐฯ’ จ้อง!!

ถูกพูดถึงมาได้พักใหญ่กับโครงการเชื่อมระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน หรือ ‘แลนด์บริดจ์’ (LandBridge) ของประเทศไทย ภายใต้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ซึ่งเป็นโปรเจกต์ท่าเรือนํ้าลึกฝั่งอ่าวไทย ในจังหวัดชุมพร เเละท่าเรือนํ้าลึกฝั่งอันดามัน จังหวัดระนอง โดยมีเส้นทางเชื่อมโยงท่าเรือทั้ง 2 เเห่ง ระยะทางประมาณ 90 กิโลเมตร 

แน่นอนว่าในโครงการนี้ ได้มีการวิเคราะห์ถึงโอกาสมหาศาลของไทย หากทำได้สำเร็จ โดยรายการหนุ่ยทอล์ก ดำเนินการโดยคุณหนุ่ย พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ พิธีกรไอทีและผู้ผลิตคอนเทนต์ชาวไทย ซึ่งได้พูดคุยกับแขกรับเชิญอย่างคุณกวี ชูกิจเกษม นักลงทุน VI / นักเขียน และนักวิเคราะห์ที่ได้รับการยอมรับในระดับประเทศ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท หลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 9 ก.ค.66 นั้น ได้ทำให้เห็นถึงความสำคัญของโครงการนี้มากยิ่งขึ้น ภายใต้ความขัดแย้งของ 2 ขั้วมหาอำนาจ ‘จีน-สหรัฐฯ’ ที่ยังคงเดินหน้าต่อเนื่อง

ทั้งนี้จากการสรุปคร่าว ๆ แล้ว ทั้งสองท่านได้พูดคุยกันถึงมูลเหตุแห่งความขัดแย้งในโลกของกลุ่มมหาอำนาจ ตั้งแต่เรื่องของพลังงานที่แย่งชิงกันมายาวนาน จนถึงวันนี้ได้พัฒนามาสู่การแย่งชิง ‘แร่หายาก’ (Rare Earth) ซึ่งเป็นความขัดแย้งใหม่เชิงภูมิศาสตร์ และนั่นก็ทำให้การมองหาพิกัดในการได้มาและถ่ายเทไปซึ่งทรัพยากรเหล่านี้ที่ตนมีไปสู่ประเทศอื่น ๆ จึงสำคัญมาก โดยเฉพาะในเรื่องของการขนส่ง

โครงการเชื่อมระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน หรือ ‘แลนด์บริดจ์’ (LandBridge) ของประเทศไทย จึงถูกหยิบยกขึ้นมาถกกัน โดยทั้ง 2 ท่านได้ชี้ให้เห็นว่า แต่เดิมในอาเซียนจะมี ‘ช่องแคบมะละกา’ ที่เป็นพิกัดในการขนส่งสินค้ามาลงประเทศสิงคโปร์ ไม่ว่าจะเป็น พลังงาน สินค้าเกษตร หรือแม้แต่แร่หายาก 

แต่หากมีการขยายรากฐานเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยกับทะเลอันดามัน ต่อยอดประโยชน์ที่ไทยตั้งอยู่ใจกลางคาบสมุทรอินโดจีนมาเป็นจุดยุทธศาสตร์ด้านการขนส่งและการค้าของเอเชีย ผ่านโครงการแลนด์บริดจ์นี้ รับรองได้ว่า ‘ไทย’ จะได้รับโอกาสใหม่ ๆ อย่างมหาศาล

แน่นอนว่า โครงการนี้จะทำให้ประเทศไทยได้เปรียบในเรื่องของการขนส่งสินค้าจากกลุ่มประเทศมหาอำนาจ ที่จะใช้เป็นทางลัดจาก ตะวันตก / ตะวันออกกลาง ไปเอเชียหรือไปสู่จีนได้ใกล้กว่ามะละกา แล้วก็สามารถแก้ปัญหาการแออัดของช่องทางคลองสุเอช รวมถึงช่องทางระหว่างแดนต่างๆ จากยุโรปไปถึงตะวันออกกลางและเอเชียภายใต้กรณีพิพาทจากสงคราม 

การเคลื่อนไหวตามข่าวที่เราได้เห็นกันชัดเจนแล้ว คือ ซาอุดีอาระเบีย ที่ได้มาคุยเจรจากับไทย ในการตั้งคลังน้ำมันขนาดใหญ่เทียบเท่าสิงคโปร์ รวมถึงการลงทุนในโครงการนี้ที่จะตามมาอีกมาก คือสัญญาณว่า ‘แลนด์บริดจ์’ ไม่ใช่แค่โครงการในประเทศไทย แต่เป็นโครงการที่โลกต้องใส่ใจ ภายใต้คำตอบที่ง่ายดายว่า โครงการนี้ขนส่งใกล้กว่าสิงคโปร์ และมีการโอกาสในการต่อยอดด้านการลงทุน สาธารณูปโภค และการขนส่งระหว่างสองซีกอ่าวอย่างมโหฬาร

ฉะนั้นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องทำให้แลนด์บริดจ์เกิด คือ สร้างถนน สร้างรถไฟ สร้างท่อน้ำมัน กระจายต่อไปทางจีนได้เร็วเท่าไร โอกาสก็ยิ่งชัดขึ้น เพียงแต่ตอนนี้ก็คงไม่รู้ว่าจะเสร็จเมื่อไร แต่โครงการนี้เดินหน้าได้ไม่ยาก เนื่องจากถ้าเราสร้างคลังน้ำมันใหญ่ตรงนี้ได้ การสร้างท่อน้ำมันจากตรงนี้ไปยังประเทศที่โฟกัส ก็จะไม่ยาวมาก

ทั้งสองท่านมองอีกว่า นี่คือความสำคัญของประเทศไทย ในขณะที่จีนกับอเมริกาเขาทะเลาะกัน เพราะพิกัดบริเวณแลนด์บริดจ์ ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญยิ่ง ถ้าหากอเมริกามาคุมตรงนี้ได้ ก็เหมือนกับได้ศูนย์กลางของโลกไปเลย นำเศรษฐกิจวิ่งไปอาเซียนได้ ไป EEC ได้ ไปจีนได้ ซึ่งตอนนี้ก็มีการสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูง วิ่งไปที่จีนข้างบนแล้วด้วย

ขณะเดียวกัน หากมองประเทศไทยที่กำลังจะเข้าสู่การเป็นฮับของอุตสาหกรรม EV ในย่านนี้ การมีแร่พลังงาน หรือแม้แต่แร่หายากใหม่ ๆ จากประเทศจีน ก็จะไหลมาหาไทยได้ง่ายขึ้น เพราะตรงนี้ก็จะอยู่ไม่ไกลจากเรา อีกทั้งไทยเรามี FTA กับจีน ก็ขนแร่มามาทางนี้ ผ่านรถไฟความเร็วสูงที่สามารถทำเชื่อมต่อได้เลย ซึ่งนี่ก็เหตุผลที่ทำไมรถไฟฟ้าจีนถึงได้มาเมืองไทย

แล้วนั่นก็เป็นเหตุผลที่ว่า ทําไมบรรดาค่ารถยนต์จีนอย่าง MG หรือแม้แต่ GWM ถึงเริ่มแห่มาไทย เพราะในอนาคตนอกจากที่ว่าไปข้างต้นแล้ว เขายังสามารถขนเอาแร่ลิเธียมจากอินโดนีเซีย และเวียดนาม มาบริเวณนี้ได้อีกด้วย

ดังนั้น หมากเกมนี้ รัฐบาลลุงตู่ เหมือนจะวางไว้เพื่อรับโอกาสหลายมิติ แต่มิติที่ใกล้สุดก็คือการให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางโรงผลิตรถไฟฟ้าโดยธรรมชาติ และเราจะกลายเป็นประเทศที่มีค่าเงินแพงกว่าสิงคโปร์ได้ในอนาคต หากเราทำพิกัดนี้สำเร็จ ถึงบอกว่าประเทศไทยเรามีความหวังมากเลยกับโครงการแลนด์บริดจ์ ซึ่งจะบอกเลยว่า อาจจะเจ๋งกว่า EEC เสียอีก 

ลุงตู่นี่แกก็ใช้ได้เหมือนกันนะเนี่ย
 

‘ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก’ เผย ไม่มีปัญหากับ ‘หมู พิมพ์ผกา’ ยัน!! ไม่กระทบความสัมพันธ์ เชื่อ!! แม่ยังรักเหมือนเดิม

(20 ก.ค. 66) จากกรณีดรามาเรื่องราวความสัมพันธ์ที่ ‘แม่หมู พิมพ์ผกา’ อันฟอล IG ลูกชาย ‘นาย ณภัทร’ และแฟนสาว ‘ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก’ อีกทั้งยังลบรูปทิ้งไป ก่อนแม่หมูจะออกมาบอกว่าเป็นคนบล็อกทั้งคู่เอง

ล่าสุด ‘ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก’ ได้ออกมาเปิดใจถึงเรื่องนี้เป็นครั้งแรกว่า “อย่างที่ นาย ให้สัมภาษณ์ไปเมื่อวานเลย คือเราไม่ได้มีปัญหาอะไรกับคุณแม่เลย แล้วก็รับทราบปัญหานี้มาสักระยะหนึ่งแล้ว ก็เลยไม่ได้มีปัญหาอะไร ค่อนข้างเข้าใจทุกอย่าง และส่วนตัวเห็นข่าวแล้วไม่ตกใจ เพราะรับทราบปัญหานี้มาสักระยะหนึ่งก่อนที่ข่าวจะออก”

“หลังเกิดดรามา ก็มีคุยกับนาย คือเราซัพพอร์ตเขาเท่าที่ระยะทางเราทำได้ ระยะเรากับครอบครัว ให้เกียรติครอบครัวด้วย เพราะว่าเรื่องครอบครัวก็เซนซิทีฟ ในส่วนที่เราทำได้เราก็ทำทุกอย่าง และส่วนตัวก็ไม่ได้นอยด์เรื่องกระแสที่เกิดขึ้น แต่จะเป็นความรู้สึกที่เครียดเวลาเป็นห่วงตัวนายกับแม่มากกว่า”

ถามว่ามีได้คุยกับแม่หมูไหม ”จริง ๆ ก่อนเกิดเรื่องก็คุยกับคุณแม่ตลอด มีเข้าไปหา กินข้าว ส่งผลไม้โดยปกติของเราอยู่แล้ว แต่พอวันที่มีข่าวก็เข้าไปหาคุณแม่เหมือนกันแต่ก็ยังไม่ได้เจอ ถามว่าต้องเข้าหามากขึ้นไหม จริง ๆ เราเข้าหาคุณแม่อยู่แล้ว แต่รู้สึกว่าสุดท้ายเรื่องระยะเวลา และพื้นที่ที่แม่สบายใจก็มีผล สุดท้ายเมื่อไหร่ที่แม่โอเค เรายินดีตลอดเวลาอยู่แล้ว”

และที่หลายคนมองว่าคุณแม่โกรธเพราะนายติดแฟน สาวใบเฟิร์นก็ยืนยันว่า “ไม่จริงเลย เราก็เลยไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจ ก็คงไม่ติดแฟนแต่ส่วนใหญ่ติดงานทั้งคู่ ชีวิตตั้งแต่รู้จักกันมาต่างคนต่างก็ทำงานหนักแต่ไหนแต่ไรแล้ว เวลาเจอกันก็นับชั่วโมงได้ ก็เลยไม่ได้รู้สึกว่าอะไร โดยส่วนตัวรู้สึกว่าลำดับความสำคัญหรือสิ่งที่นายเขาให้ความสำคัญอันดับแรกในชีวิตเป็นแม่เสมอ ตั้งแต่เราเป็นเพื่อนกันจนถึงวันนี้ เลยรู้สึกว่าอะไรที่มันไม่จริง ไม่ใช่ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป เราก็ไม่เจอกันบ่อยเลย ทำงานกันเยอะมาก ไหนจะทุกคนจะมีเส้นชีวิตของตัวเอง เราก็มีเพื่อนอีก พอเป็นเพื่อนกันมาก็เห็นชีวิตกันมานาน ก็เป็นความเข้าใจมากกว่า”

ส่วนที่มีคนมองว่าความรักของทั้งคู่มีส่วนทำให้คุณแม่เป็นแบบนี้ “คือมองว่าไม่ใช่เลย ความรักเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ดีมากกว่า และที่นายเขาบอกว่าเราเข้าใจและเป็นพลังบวกให้เขา คือพอมันเริ่มจากความเข้าใจ แล้วก็อยู่บนความหวังดีที่มีให้มาตลอด คอยซัพพอร์ตแล้วก็ทางเฟิร์น ทางผู้จัดการส่วนตัว ก็จะบอกว่าไม่เป็นไร ช่วยกัน ประคองกัน บรรยากาศก็เลยค่อนข้างสบาย ไม่อยากให้เขาเครียดด้วย”

“เรื่องที่คุณแม่ป่วย คืออย่างแรกเลยเราเคารพพื้นที่ก่อน พื้นที่ของครอบครัวเขา ระยะของครอบครัวเขา แล้วเราก็อยู่ในที่ที่เราสามารถทำได้ ช่วยเหลือได้ ซัพพอร์ตได้ สุดท้ายก็เคารพเวลา การให้เวลาสำคัญที่สุด”

“ยืนยันว่าข่าวไม่กระทบจิตใจ เพราะข่าวหรืออะไรก็เป็นเพราะทุกคนยังไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เราเห็นอยู่ว่านายเขาพยายามแค่ไหน ตั้งใจแค่ไหน แล้วก็รู้ว่ามันเปลี่ยนเรื่องที่ไม่มีใครอยากเป็นทุกข์ เฟิร์นรู้สึกว่าเราเห็นคนรอบตัวเราสำคัญที่สุด เพราะฉะนั้นข่าวหรืออะไรที่วันหนึ่งทุกคนเข้าใจ ได้ยินนายออกมาพูดก็จะเข้าใจเองว่ามันคืออะไร เพราะฉะนั้นตอนนี้เราปกป้องครอบครัวเราได้ ปกป้องสิ่งใดเราก็ทำสิ่งนั้นไปก่อน ส่วนความสัมพันธ์ของพวกเราโอเคมาก ๆ ยิ่งเข้าใจกันมากขึ้น แล้วก็ยิ่งอยู่ข้าง ๆ กัน”

ใบเฟิร์นยังเผยถึงเรื่องที่มีคอมเมนต์บอกให้หนีไป ให้นายปล่อยใบเฟิร์นไปด้วยว่า “ส่วนตัวก็เข้าใจ อย่างที่นายบอกมันก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของความเป็นห่วง แต่ตอนนี้เราเชื่อว่าทุกคนพอได้รับรู้เรื่องราวแล้วเขาน่าจะเข้าใจมากขึ้น ซึ่งส่วนตัวก็ไม่ได้ซีเรียสกับคอมเมนต์มาก ก็เข้าใจเพราะเจอมาเรื่อย ๆ วันนี้เข้าใจและมองเห็นมุมมองของแต่ละคนมากกว่าแค่นั้นเอง ส่วนเรื่องความสัมพันธ์มันไม่ได้มีอะไรมากระทบ”

และเมื่อถูกถามว่าถ้าเข้าไปคุยกับแม่หมูแล้ว แม่หมูจะเข้าใจในความรักของเรามากขึ้นไหม สาวใบเฟิร์นก็เผยว่า "เฟิร์นรู้ว่าแม่รักเฟิร์น และแม่ก็รักนายตลอด (ก็ยังรักเฟิร์นเหมือนเดิม ?) แน่นอนค่ะ" ตอนนี้เราให้กำลังใจกัน ขอแค่ความเข้าใจ ความเห็นใจ ให้เวลาแม่ให้มากที่สุด

ใบเฟิร์น ยังยืนยันว่ายังจับมือ นาย ไม่ปล่อยแน่นอน หลังมีแฟน ๆ เป็นห่วงในเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ขอบคุณทุกความหวังดีและเป็นห่วงที่มีให้พวกเราก็จะพยายามทำให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีที่สุด ทุกคนก็ทำเต็มที่ ยังไงก็ขอบคุณเป็นกำลังใจที่ดีมาก

‘ฐปณีย์’ เผย ได้รับหมายเรียกเป็น ‘พยาน’ คดีหุ้น ITV พร้อมชี้แจง หาก ‘กกต.-ศาลรัฐธรรมนูญ’ เรียกพบ

(20 ก.ค. 66) จากกรณีที่รายการข่าว 3 มิติ ทางช่อง 3 โดย ‘ฐปณีย์ เอียดศรีไชย’ ผู้สื่อข่าว 3 มิติ ได้ออกมาเปิดคลิปการประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวี ที่จัดประชุมขึ้นเมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมานั้น กระทั่งวานนี้ (19 กรกฎาคม) ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติสั่งให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.แล้วนั้น

ล่าสุด ‘แยม’ ฐปณีย์ เอียดศรีไชย ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า…

“วันที่ 25 ก.ค. 66 มีหมายเรียกจาก สน.ทุ่งสองห้อง ให้ ‘ฐปณีย์’ ไปเป็นพยานคดีหุ้นไอทีวี เตรียมพบกับ คดีหุ้น ITV EP.2”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top