Tuesday, 20 May 2025
ค้นหา พบ 48212 ที่เกี่ยวข้อง

‘พท.’ เปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ ตามคาด ‘อิ๊งค์-เศรษฐา-ชัยเกษม’ ชี้!! ทั้ง 3 คนแตกต่างกัน แต่ก็สามารถทำงานเพื่อประชาชนได้

(5 เม.ย.66) ที่ธันเดอร์โดม สเตเดียม อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย จัดงานปราศรัยใหญ่ ภายใต้แนวคิด “คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน ตอน One Team for all Thais : หนึ่งทีมเพื่อไทยทุกคน” เพื่อเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ ทั้ง 3 คนของพรรคเพื่อไทย ตามที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค ได้นำชื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายชัยเกษม นิติสิริ ประธานยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย ได้ยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ โดยแคนดิเดตทั้ง 3 คน ได้เดินผ่านพรมแดงเพื่อเข้าสู่ ธันเดอร์โดม ที่มีแฟนคลับพรรคเพื่อไทยรอให้กำลังใจอยู่บริเวณอัฒจันทร์และบริเวณกลางสนามรอบเวที พร้อมกันนี้ยังมีแกนนำพรรค และว่าที่ผู้สมัครส.ส.ของพรรคเพื่อไทย เข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก อาทิ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค นายสุชาติ ตันเจริญ อดีตรองประธานสภาฯ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรค 

น.ส.แพทองธาร ให้สัมภาษณ์ว่า “วันนี้ถึงเวลาแล้วที่เราจะประกาศให้ประชาชนทราบว่าเราพร้อม พรรคเพื่อไทยพร้อมฟูลทีม สำหรับจุดเด่นของทั้ง 3 คนนั้นไม่เหมือนกันเลย บอกแล้วว่าหากเลือกพรรคเพื่อไทยจะได้ทั้ง 3 คนไปทำงาน เมื่อถามว่าการเลือกแคนดิเดตเบอร์ 1 มาจากอะไร น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าใครคือเบอร์ 1 2 3 ทุกบัญชีเราเสนอชื่อเต็มหมด ไม่ว่าจะเป็นส.ส.เขต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และแคนดิเดตนายกฯ เพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด เมื่อถามถึงความชัดเจนของรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ คนที่ 1 ของพรรคเพื่อไทย เพราะอาจจะเป็นแรงดึงดูดให้ประชาชนเลือกพรรค น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า สำหรับแคนดิเดตนายกฯ 3 คนของพรรคเพื่อไทย ไม่มีใครเหมือนกันเลย แต่ไม่ว่าจะเป็นเบอร์ไหนก็ทำงานร่วมกันอยู่ดี นี่คือสิ่งสำคัญ วันนี้จะอาศัยแค่พรรคเพื่อไทย เราต้องชนะไปด้วยกัน ประชาชนต้องออกมาเลือกอนาคตของตัวเองไปพร้อมกับพรรคเพื่อไทย เมื่อถามว่ามั่นใจกว่าพรรคอื่นหรือไม่ที่มีแคนดิเดตนายกฯ 3 คน ในขณะที่พรรคอื่นมีคนเดียว น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า อย่างที่บอกว่าเราเจออะไรกันมาเยอะ และเราตั้งใจกันจริง ๆ ในเรื่องนโยบาย พวกเราทั้ง 3 คนพร้อมเป็นตัวเลือกให้ประชาชน เพราะเราอยากได้นายกฯ ที่มาจากพรรคเพื่อไทย เพื่อพลักดันนโยบายของพรรคเพื่อไทยให้เป็นจริงได้”

ผู้สื่อข่าวต่างประเทศถามว่า หลังการเลือกตั้งจะไปร่วมมือกับพรรคพลังประชารัฐ หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เร็วเกินไปที่จะพูด ขอโฟกัสที่การเลือกตั้ง สนใจผลการเลือกตั้งของพรรคเราเป็นอันดับแรกก่อน 

เมื่อถามถึงกรณีที่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ยกบทเพลงพระราชนิพนธ์มาพูด ระหว่างพิธีครบรอบวันสถาปนากระทรวงกลาโหม ว่าหากประเทศชาติขาดความรักความสามัคคี ก็ไม่อาจเกิดความสงบ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ถูกต้องประเทศชาติต้องมีความสามัคคีกัน เพราะฉะนั้นหากประชาชนเลือกมาแล้ว ก็ไม่ควรทำรัฐประหาร 

‘ธรรมนัส’ ชูสานต่อบัตรประชารัฐ 700 บาท-แก้ปัญหาที่ดินทำกิน ลั่น!! ‘พปชร.’ ขออาสาพัฒนาสร้างบ้านแปงเมืองพะเยาให้ดียิ่งขึ้น

(5 เม.ย.66) ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 จ.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้นำคณะลงพื้นที่ไปพบปะประชาชนเพื่อขอคะแนนเสียงตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงค่ำ โดยเริ่มจากไปพบปะทักทายพ่อค้า แม่ค้าและประชาชนทั่วไปในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา ที่ตลาดเช้าแม่นาเรือ ก่อนจะขึ้นรถแห่ทักทายประชาชนรอบตลาดแม่นาเรืออีกครั้ง จากนั้นไปพบชาวบ้านในพื้นที่บ้านแม่ต๋ำบุญโยง, ตลาดแม่กาเยื้องวัดแม่กาห้วยเคียน แล้วไปต่อที่วัดบ้านดาวเรือง (จำป่าหวาย) ตลาดเครือวัลย์ (จำป่าหวาย) และตลาดท่าวังทอง และตลาดสุวรรณเภรี เป็นต้น โดยมีพ่อค้าแม่ค้า และประชาชนทั่วไปที่มาจับจ่ายซื้อสินค้า ให้การต้อนรับและมอบดอกไม้ ตลอดจนพวงมาลัยดอกดาวเรือง พวงมาลัยดอกมะลิ เพื่อเป็นกำลังใจให้ ร.อ.ธรรมนัสเป็นจำนวนมาก โดยหลายคนได้เข้ามาสวมกอด และขอถ่ายภาพเซลฟี่อีกด้วย ซึ่ง ร.อ.ธรรมนัสก็ได้ร่วมถ่ายภาพอย่างเป็นกันเอง

โดย ร.อ.ธรรมนัสกล่าวกับประชาชนที่มาคอยให้กำลังใจช่วงหนึ่งว่า รู้สึกดีใจที่วันนี้ได้มาพบกับพ่อแม่พี่น้องทุกคน ถึงแม้อากาศจะร้อนแต่ก็ยังเห็นทุกคนมาคอยให้กำลังใจไม่ยอมถอย จึงรู้สึกซาบซึ้งใจและขอบคุณทุกท่านอย่างยิ่ง วันนี้จึงมาขอฝากเรื่องราวดีๆ ที่เป็นนโยบายของพรรคพลังประชารัฐเพื่อประโยชน์ของพ่อแม่พี่น้องประชาชน ทั้งเรื่องการสานต่อบัตรประชารัฐ 700 บาท เรื่องการดูแลผู้สูงอายุหรือเบี้ยยังชีพเดือนละ 3,000 บาท 4,000 บาท และ 5,000 บาท ตามช่วงอายุ 60-80 ปี นอกจากนี้เราจะดูแลทุกช่วงวัยทั้ง “แม่ บุตร ธิดา ประชารัฐ” รวมไปถึงแก้ปัญหาที่ดินทำกิน “มีเรา ไม่มีแล้ง มีน้ำ ไม่มีจน” เปลี่ยน ส.ป.ก.เป็นโฉนด และ คทช.เปลี่ยนเป็น ส.ป.ก.

“ช่วง 4 ปีที่ผ่านมาที่ผมเคยหาเสียงตั้งแต่ปี 2562 และได้พูดกับพี่น้องประชาชนว่า ผมจะมาทำงานรับใช้พ่อแม่พี่น้องอย่างเต็มที่หากได้เลือกผมมาเป็น ส.ส.ของพวกท่าน และผลงานของผมที่ผ่านมาก็ได้เห็นชัดเจนว่า ผมได้ทำงานพัฒนาสร้างบ้านแปงเมืองและช่วยแก้ปัญหาในทุกเรื่องอย่างเต็มที่และมีทิศทางดีขึ้น ยกตัวอย่างเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ถนนสายหลักทุกสายมีการเปลี่ยนแปลงชัดเจน จาก 2 เลน เป็น 4 เลน ช่วยให้การเดินทางสะดวกสบายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีการแก้ปัญหาเรื่องน้ำ กรรมสิทธิ์ที่ดินทำกิน และราคาพืชผลการเกษตรต่าง ๆ มาวันนี้จึงมาขอโอกาสและความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนทุกท่านเพื่อเข้าไปทำงานสานต่อและดูแลรับใช้ทุกท่าน เพื่อพัฒนาสร้างบ้านแปงเมืองของเราต่อไป อย่าลืมวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ เข้าคูหาเลือกผมเป็น ส.ส.กาเบอร์ 6 และกาเบอร์ 37 เลือกพรรคพลังประชารัฐ” ร.อ.ธรรมนัสกล่าว

‘อนุทิน’ ชูนโยบายเงินกู้ฉุกเฉินวงเงิน 5 หมื่นบาท ผ่อน 150 บาท/วัน ชี้!! เป็นทุนสร้างอาชีพให้ปชช.

(5 เม.ย.66) นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า พรรคภูมิใจไทยเสนอนโยบายให้คนไทยทุกคนที่บรรลุนิติภาวะอายุ 20 ปีขึ้นไป มีวงเงินกู้ฉุกเฉินคนละ 50,000 บาท เพื่อใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินของชีวิตตัวเองและครอบครัว หรือใช้เป็นทุนประกอบอาชีพ สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้ตัวเอง รวมไปถึงใช้เป็นเงินปิดวงจรหนี้นอกระบบของตัวเองได้

"หากพรรคภูมิใจไทยได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เราจะจัดหาแหล่งเงินมาจัดทำโครงการเงินกู้ฉุกเฉินให้แก่ประชาชนคนละ 50,000 บาท ผ่อนชำระคืนวันละ 150 บาท เป็นเวลา 365 วัน คิดเป็นเงินต้นรวมดอกเบี้ย 54,750 บาท ซึ่งเป็นอัตราที่เชื่อว่าผู้กู้สามารถผ่อนชำระได้ และทำให้ทุกคนมีเงินทุนประกอบอาชีพเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวได้ รวมถึงหยุดปัญหาหนี้นอกระบบของตนเองได้อีกทางหนึ่ง" นายอนุทิน กล่าว


ที่มา : https://www.naewna.com/politic/722484

6 เมษายน ของทุกปี ‘วันจักรี’ รำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงปราบดาภิเษกขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี

ในวันที่ 6 เมษายน ของทุกปี นับว่าเป็นอีกหนึ่งวันสำคัญของประเทศไทยซึ่งตรงกับ ‘วันจักรี’ โดยความเป็นมาเริ่มต้นจากในวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2325 เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เสด็จปราบดาภิเษก ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี และทรงสร้างกรุงเทพฯ เป็นเมืองหลวงของไทย มาจนทุกวันนี้

ด้วยพระมหากรุณาธิคุณดังกล่าว ในปี พ.ศ. 2416 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดเกล้าฯ ให้หล่อพระบรมรูป พระเจ้าอยู่หัวทั้ง 4 พระองค์ ( ร.1 - 4 ) เพื่อประดิษฐานไว้ให้พระมหากษัตริย์องค์ต่อมา พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ และประชาชนได้ถวายบังคมระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ เป็นธรรมเนียมปีละครั้ง และโปรดเกล้าให้อัญเชิญไปประดิษฐานไว้บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท และมีการย้ายที่หลายครั้ง เช่นพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ปราสาท และพระที่นั่งศิวาลัยปราสาทเป็นต้น

ในรัชกาลที่ 6 โปรดให้ย้ายพระบรมรูปทั้ง 4 ( ร.1 - 4 ) มาไว้ ณ ปราสาทพระเทพบิดร ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พร้อมกับพระบรมรูปของรัชกาลที่ 5 พระชนกนาถ พระที่นั่งองค์นี้ รัชกาลที่ 6 โปรดให้ซ่อมจากพุทธปรางค์ปราสาทเพื่อเรื่องนี้โดยเฉพาะ และได้พระราชทานนามดังกล่าว การซ่อมแซมก่อสร้างและประดิษฐานพระบรมรูปทั้ง 5 รัชกาล สำเร็จลุล่วงในเดือนเมษายน พ.ศ. 2461 จึงได้มีพระบรมราชโองการ ประกาศตั้งพระราชพิธีถวายบังคมพระบรมรูป ในวันที่ 6 เมษายนปีนั้น และต่อมา โปรดฯ ให้เรียกวันที่ 6 เมษายนว่า ‘วันจักรี’

วันที่ระลึกมหาจักรี หรือที่เรียกกันโดยย่อว่าวันจักรีนั้น สืบเนื่องจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงพระราชดำริว่าพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประกอบพระราชพิธีทรงหล่อพระบรมรูปลักษณะเหมือนพระองค์จริงฉลองพระองค์แบบไทย ณ โรงหล่อหลังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (บริเวณศาลาสหทัยสมาคมในปัจจุบัน) เพื่อสนองพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระปฐมบรมราชบุพการี แล้วโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระที่นั่งศิวาลัยมหาปราสาทขึ้นในพระบรมมหาราชวัง เชิญพระบรมรูปทั้ง 4 รัชกาลนั้น ประดิษฐานเพื่อเป็นพระบรมราชานุสรณ์ สำหรับถวายบังคมสักการะในงานพระราชพิธีฉัตรมงคลและพระราชพิธีพระชนมพรรษา 

ครั้นในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสืบราชสันติวงศ์ ได้โปรดเกล้าฯ ให้จัดสร้างพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระบรมชนกนาถ จากต่างประเทศ แล้วอัญเชิญขึ้นประดิษฐานร่วมกับพระบรมรูปทั้ง 4 รัชกาลนั้น ต่อมาทรงพระราชดำริว่าพระที่นั่งศิวาลัยมหาปราสาทยังไม่เหมาะสมที่จะมีงานถวายบังคมสักการะพระบรมรูปสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ซ่อมแปลงพระพุทธปรางค์ปราสาทในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เพื่อประดิษฐานพระบรมรูปสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชทั้ง 5 รัชกาล 

โดยได้พระราชทานนามใหม่ว่า ปราสาทพระเทพบิดร โดยทรงพระอนุสรณ์คำนึงถึงพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ซึ่งได้ประดิษฐานพระบรมราชวงศ์จักรี ทรงมีพระเดชพระคุณต่อประเทศ เมื่อมีโอกาสก็ควรแสดงความเชิดชูและระลึกถึง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการพระราชพิธีเชิญพระบรมรูปจากพระที่นั่งศิวาลัยมหาปราสาทมาประดิษฐานที่ปราสาทพระเทพบิดร เมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2461 อันเป็นดิถีคล้ายวันที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เสด็จกรีธาทัพถึงพระนคร ได้รับอัญเชิญขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงบรรจุพระกรัณฑ์ทองคำลงยาราชาวดีซึ่งบรรจุพระบรมทนต์ (ฟัน) พระสุพรรณบัฏจารึกพระปรมาภิไธย พระดวงพระบรมราชสมภพ พระดวงบรมราชาภิเษก พระดวงสวรรคต ลง ณ เบื้องสูงของพระเศียรพระบรมรูปทั้ง 5 รัชกาลครั้นถึงวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2461 (สมัยนั้นขึ้นปีใหม่วันที่ 1 เมษายน) 

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี (ม.ร.ว. ปุ้ม มาลากุล) เสนาบดีกระทรวงวัง ประกาศพระบรมราชโองการให้มีการกราบ ถวายบังคมพระบรมรูปสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเป็นการ ประจำปีกำหนดใน วันที่ 6 เมษายน เป็นประเพณีสืบไป ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้มีพระราชพิธีทรงหล่อพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ โรงหล่อกรมศิลปากร ครั้นตกแต่งพระบรมรูปเรียบร้อยแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ กำหนดการพระราชพิธีประดิษฐาน พระบรมรูปที่ปราสาทพระเทพบิดร โดยเสด็จพระราชดำเนินมาทรงบรรจุพระบรมทนต์พระสุพรรณบัฏจารึกพระปรมาภิไธยและดวงพระบรมราชสมภพ พระดวงบรมราชาภิเษก พระดวงสวรรคต ในพระกรัณฑ์ทองคำลงยา แล้วทรงบรรจุที่เบื้องสูงของพระเศียรพระบรมรูป เมื่อวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2470 

10 อันดับบุคคลแห่งปีเวที ‘The People Awards 2023’ คนดัง ‘แบม – ตะวัน -มิลลิ - ชัชชาติ – ชูวิทย์’ โผล่ติดโผพรึ่บ

สื่อออนไลน์ The People จัดงานประกาศผล 10 คนแห่งปีที่ ผู้ที่มีส่วนในการทำให้โลกในวันพรุ่งนี้ดียิ่งขึ้น โดย แบม – ตะวัน -มิลลิ - ชัชชาติ - ชูวิทย์ ติดโผด้วย

(5 เม.ย. 66)  - The People Awards 2023 งานประกาศรางวัลของสื่อออนไลน์ The People ที่ถูกจัดขึ้นมาเป็นปีที่สองที่มาพร้อมกับธีม ‘People of Tomorrow’ หรือ ‘ผู้คนแห่งอนาคต’ ที่มุ่งมอบรางวัลให้แก่คนจำนวน 10 คน ผู้เป็นบุคคลตัวอย่างในการรับมือกับความผันผวนของอนาคตที่กำลังคืบคลานมาถึงและเป็นส่วนสำคัญในการรับมือและสร้างผลกระทบเชิงบวกให้แก่โลกในวันนี้และวะนพรุ่งนี้ เพราะ The People เชื่อว่า ‘อนาคตข้างหน้าเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน และเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ ‘คน’ ต้องเตรียมพร้อมปรับตัวให้เร็วยิ่งกว่า.. ’

“People of Tomorrow หมายถึง คนที่โดดเด่นเรื่องความพร้อม สำหรับการรับมือโลกในวันพรุ่งนี้ ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นวิทยาการ เทคโนโลยีสุดล้ำสมัย การพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของปัญญาประดิษฐ์ที่ก้าวเข้ามามีบทบาทมากขึ้นเรื่อย ๆ การเคลื่อนไหวทางสังคมใหม่ๆ ที่เป็นจุดเริ่มต้นการยอมรับความแตกต่างหลากหลาย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีผลกับทุกชีวิตไปจนถึงโรคอุบัติใหม่ ที่เปลี่ยนวิธีการดำชีวิตของมนุษย์ไปตลอด สิ่งเหล่านี้ทำให้ทุกวันนี้ ‘คน’ ต้องเตรียมพร้อมปรับตัวให้เร็วยิ่งกว่า”

นอกจากจะมอบรางวัลให้แก่ทั้ง 10 คนผู้เป็นต้นแบบของคนที่พร้อมเผชิญกับความผันผวนของอนาคตแล้ว ในการประกาศรางวัลครั้งนี้ The People ก็ได้เล็งเห็นว่านอกจาก ‘คน’ แล้ว ‘องค์กร’ ผู้ปรับเปลี่ยนตัวเองเผื่อสอดรับกับความเปลี่ยนแปลงกับความไม่แน่นอนของอนาคตก็น่าสนใจไม่แพ้กันเลยแม้แต่น้อย จึงเป็นที่มาของ ‘Corporate of Tomorrow’


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top