Saturday, 10 May 2025
ค้นหา พบ 47990 ที่เกี่ยวข้อง

นิพนธ์ฯ ย้ำ กระจายอำนาจ DNA ปชป. 'ชูกระจายอำนาจลดเหลื่อมล้ำ' พร้อมยกระดับอบต. ตั้งธนาคารท้องถิ่น เดินหน้าเมืองขนาดใหญ่สู่เมืองมหานคร ย้ำ!! ไม่ตัดเสื้อโหลบังคับท้องถิ่นให้ทำเหมือนกัน

'เครือเนชั่น' ร่วมกับ สมาคมสันนิบาตเทศบาล จัดเวทีสัมมนา 'ท้องถิ่นมั่งคั่ง ประเทศมั่นคง' พร้อมการแสดงวิสัยทัศน์จากตัวแทนพรรคการเมือง ในการเพิ่มศักยภาพท้องถิ่น เพื่อความมั่นคงของประเทศ ที่ ห้องบอลรูมชั้น 5 รร.ไฮแอทรีเจนซี กรุงเทพ สุขุมวิท 

นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า การกระจายอำนาจ ถือเป็นดีเอ็นเอของประชาธิปัตย์ วันที่คิดตั้งพรรคประชาธิปัตย์เมื่อ6เม.ย.2489 วันนั้นประกาศอุดมการณ์ 10 ข้อโดยเฉพาะข้อ 5 คือพรรคจะกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะท้องถิ่นอยู่ใกล้ชิดประชาชนมากกว่าส่วนกลางโดยเฉพาะอุดมการข้อ 5 จึงไม่ต้องแปลกใจว่าไม่ว่ายุคใดที่ประชาธิปัตย์มาเป็นรัฐบาลเราเป็นคนเสนอกฎหมายกระจายอำนาจ โดยเฉพาะกฏหมายเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ตั้งแต่ปี 2528 รวมทั้งในยุคที่ นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อปี2537 เราได้ยกร่างกฏหมายในการยกฐานะสภาตำบลให้เป็นองค์การบริหารส่วนตำบลจนถึงทุกวันนี้

นายนิพนธ์ กล่าวอีกว่า ในปี 2542 เราได้มีการจัดทำกฎหมายแผนขั้นตอนการกระจายอำนาจซึ่งจนถึงขนาดนี้เรากระจายอำนาจไปแล้วสองแผนแผนแรกคือการกระจายภารกิจให้ท้องถิ่น 245 ภารกิจแต่มีการถ่ายโอนไปแล้วกว่า 180 ภารกิจ ขณะที่แผนที่สองมีกว่า 100 ภารกิจกระจายไปแล้วกระจายไปแล้ว 77 ภารกิจขณะที่แผนที่สามกำลังจะตามมานี่คือนี่คือสิ่งที่ประชาธิปัตย์ทำเรื่องการกระจายอำนาจ

การกระจายอำนาจเป็นหนทางที่จะลดความเหลื่อมล้ำระหว่างเมืองกับชนบทเมื่อปี 2523 ในยุคที่พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีการจัดทำแผนพัฒนาชนบท เราเห็นความแตกต่างระหว่างเมืองกับชนบทแต่ทันทีที่เราใช้การกระจายอำนาจมาแก้ปัญหาวันนี้เราไม่มีชนบทในประเทศไทย ไม่มีตำบลไหนที่ไม่มีถนนราดยาง การกระจายอำนาจจึงมีความสำคัญต่อประเทศ และเป็นการยืนยันว่าวันนี้เรามีการกระจายอำนาจได้แล้ววันนี้เรามีแต่เมืองขนาดเล็กขนาดกลางและขนาดใหญ่

นอกจากนี้พรรคประชาธิปัตย์ จะขับเคลื่อนเดินหน้าเมืองขนาดใหญ่ไปสู่เมืองมหานคร โดยเฉพาะเทศบาลนคร วันนี้หากเทศบาลนครใดมีความพร้อม พรรคมีความพร้อมที่จะยกฐานะให้เป็นเทศบาลมหานคร หรือหากจังหวัดไหนมีความพร้อมพรรคประชาธิปัตย์เรายืนยันที่จะให้เดินหน้าไปสู่จังหวัดจัดการตนเองอย่างแน่นอน"นี่คือสิ่งที่เรากล้าบอกกับพี่น้องประชาชนนี่คือแนวทางการกระจายอำนาจและลดความเหลื่อมล้ำที่เป็นรูปธรรมชัดเจนที่สุด"

อดีต รมช.มหาดไทย กล่าวด้วยว่า มักจะมีคำครหาบอกว่ากระจายอำนาจไปมากเท่าไหร่การทุจริตมากขึ้นนั้น ขอยืนยันว่า ไม่จริง ตนในฐานะเคยเป็นนายกอบจ.มาก่อน "ผมสู้เรื่องนี้มายาวนานมากเวลาใครพูดเรื่องท้องถิ่นโกง ตนจะอ้างตัวเลขปี 2552-2559 ที่มีการประกาศว่ามีการทุจริตคอรัปชั่นในประเทศไทย 400,000 กว่าล้าน เชื่อหรือไม่ 200,000 กว่าล้าน กลับอยู่ที่ส่วนกลาง 100,000 กว่าล้านอยู่ที่รัฐวิสาหกิจ ขณะที่ท้องถิ่น164 ล้านเท่านั้น ที่กล่าวหาท้องถิ่นทุจริตจึงเป็นไม่เป็นความจริง"

เลขาธิการสภากาชาดไทย เปิดโครงการรถคลินิกจักษุศัลยกรรมเคลื่อนที่สภากาชาดไทย ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

วันที่ 22 มีนาคม 2566 โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลทุ่งกระพังโหม อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม  นายเตช บุนนาค เลขาธิการสภากาชาดไทย เป็นประธานเปิดโครงการรถคลินิกจักษุศัลยกรรมเคลื่อนที่สภากาชาดไทย ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ  สยามบรมราชกุมารี โดยมีนายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม คณะแพทย์ หัวหน้าส่วนราชการ คณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัด เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัด อสม. และประชาชนเข้าร่วมโครงการในครั้งนี้

 

นางวราภรณ์ เจริญศิริโชติ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครปฐม กล่าวว่า เหล่ากาชาดจังหวัดนครปฐม  ได้รับความอนุเคราะห์ จากสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย  ในการนำโครงการรถคลินิกจักษุศัลยกรรมสภากาชาดไทย ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี   มาดำเนินการในเขตพื้นที่อำเภอกำแพงแสน เพื่อตรวจรักษาและผ่าตัดตาให้กับประชาชนที่ด้อยโอกาส ให้ได้รับการตรวจและรักษาอย่างถูกต้องโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ และเป็นการเผยแพร่กิจกรรมของสภากาชาดไทย  และเหล่ากาชาดจังหวัดนครปฐม ให้ทั่วถึงและเป็นที่รู้จัก

‘รฟท.’ อัปเดตความคืบหน้า รถไฟทางคู่สายใต้ หัวหิน-ประจวบฯ งานโยธาเสร็จ 100% เตรียมเปิดปี 67 พร้อมกระตุ้นการท่องเที่ยว

(23 มี.ค. 66) การรถไฟแห่งประเทศไทย รายงานความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ล่าสุดการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 84 กม. มูลค่า 5,807 ล้านบาท ซึ่งเป็น 1 ใน 5 โครงการรถไฟทางคู่สายใต้ระยะที่ 1 ได้ดำเนินการก่อสร้างงานโยธาเสร็จสิ้นครบ 100% แล้ว และพร้อมเปิดให้บริการภายในปี 2567 นี้ 

สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ มีระยะทางก่อสร้าง 84 กิโลเมตร เป็นการก่อสร้างทางวิ่งรถไฟใหม่เพิ่ม 1 ทาง ขนานไปกับทางรถไฟเดิม เป็นโครงสร้างทางรถไฟวิ่งระดับพื้นดินทั้งหมด ประกอบด้วย สะพาน 2 แห่ง สถานีรถไฟ 12 แห่ง ป้ายหยุดรถ 1 แห่ง ย่านเก็บกองและขนถ่ายตู้สินค้า (CY) จำนวน 2 แห่งที่สถานีสามร้อยยอด และสถานีทุ่งมะเม่า และงานก่อสร้างอื่นๆ เช่น งานระบบระบายน้ำ สะพานลอยคนเดินข้าม งานรั้ว งานก่อสร้างถนนยกระดับข้ามทางรถไฟ ถนนกลับรถยกระดับรูปตัวยู ถนนลอดใต้สะพานทางรถไฟ เพื่อแก้ปัญหาอุบัติเหตุบริเวณจุดตัดทางเสมอระดับรถไฟกับรถยนต์ 

ที่สำคัญการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ การรถไฟฯ ยังได้คำนึงคงความเป็นเอกลักษณ์ ความสวยงาม เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยรอบในพื้นที่ มีไฮไลต์สำคัญ เช่น สถานีรถไฟหัวหิน ได้ออกแบบสถานีให้เป็นแบบผสมผสานนำเอกลักษณ์และความสวยงามของสถานีรถไฟหัวหินเดิมมาไว้ที่สถานีหัวหินใหม่ ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม โดยเมื่อสถานีแห่งใหม่เปิดให้บริการ สถานีหลังเดิมจะยังคงเปิดให้บริการควบคู่ไปด้วย

'ผู้บัญชาการทหารเรือ' เป็นประธานพิธีเปิดการอบรมหลักสูตรพัฒนาสัมพันธ์ระดับผู้บริหาร กองทัพเรือ (พสบ.ทร.) รุ่นที่ 20 ประจำปีงบประมาณ 2566

วันที่ 23 มีนาคม 2566 เวลา 10.00 น. พลเรือเอก เชิงชาย  ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานเปิดการอบรมหลักสูตรพัฒนาสัมพันธ์ระดับผู้บริหารกองทัพเรือ รุ่นที่ 20 ประจำปีงบประมาณ 2566 ณ ห้องเจ้าพระยา หอประชุมกองทัพเรือ กรุงเทพฯ โดยมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพเรือ ร่วมในพิธีครั้งนี้

กองทัพเรือ ได้อนุมัติให้กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ เปิดการอบรมหลักสูตรพัฒนาสัมพันธ์ระดับผู้บริหาร กองทัพเรือ รุ่นที่ 20 ประจำปีงบประมาณ 2566 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกองทัพเรือ และหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน อีกทั้งเพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมฯ ได้เพิ่มพูนความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับความสำคัญของทะเลและการมีส่วนร่วม ในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล รวมทั้งการเรียนรู้ในงานสาขาอาชีพอื่น ที่จะสามารถนำไปประยุกต์ใช้ และพัฒนาการทำงานของหน่วยงานตนเอง โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิจากส่วนราชการและสถาบันต่าง ๆ เป็นวิทยากร รวมทั้งจัดการสัมมนา อภิปรายเพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและจัดกิจกรรมศึกษาดูงาน ในพื้นที่ของกองทัพเรือ

ศูนย์ KIND By CAMT มช. จัดกิจกรรมอบรมสร้างบทบาทของผู้นำด้านการจัดการความรู้ในองค์กร

วิทยาลัยศิลปะสื่อฯ โดย ศูนย์ KIND By CAMT มช. จัดกิจกรรมอบรมให้ความรู้แก่ตัวแทนบุคลากรส่วนงานการไฟฟ้าทั่วประเทศเพื่อสร้างบทบาทของผู้นำด้านการจัดการความรู้ในองค์กร

วิทยาลัยศิลปะ สื่อ และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ดำเนินงานกิจกรรมอบรมให้ความรู้แก่บุคลากรส่วนงานการไฟฟ้าทั่วประเทศ นำทีมจัดกิจกรรมและดำเนินงานโครงการโดย “ศูนย์รวมการจัดการนวัตกรรมองค์ความรู้ (KIND BY CAMT)” ได้ดำเนินการเป็นที่ปรึกษาด้านการบริหารระบบการจัดการความรู้ ตามกรอบมาตรฐาน ISO 30401: 2018 Knowledge Management Systems ภายใต้ “โครงการเตรียมความพร้อมสู่มาตรฐานการจัดการความรู้” โดยกิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อจัดกิจกรรมอบรมและบรรยายให้ความรู้และแนวคิดในหัวข้อ “บทบาทของผู้นำกับการจัดการความรู้ในองค์กร” เพื่อให้ผู้เข้าร่วมอบรมได้รับความรู้ และแนวคิด เกิดความเข้าใจ และตระหนักถึงความสำคัญ ของระบบการจัดการความรู้ ตามกรอบมาตรฐาน ISO 30401: 2018 โดยได้จัดกิจกรรมฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการในหัวข้อ “การวิเคราะห์องค์กร (Context of Organization)” โดยมีบุคลากรทั้งระดับผู้บริหาร หัวหน้าส่วนงาน และตัวแทนแต่ละส่วนงานของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ กฟภ. เข้ารับการอบรมและร่วมกิจกรรมจากทั่วประเทศ จำนวนกว่า 120 คน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top