Thursday, 15 May 2025
ค้นหา พบ 48112 ที่เกี่ยวข้อง

‘ทอ.’ ส่งอัลฟาเจ็ต ยิงพลุซิลเวอร์ไอโอไดด์ สลาย ‘พายุลูกเห็บ’ เป็นฝน หลังถล่มลง ‘เชียงใหม่’

กองทัพอากาศเผยปฏิบัติการบิน ยับยั้งการเกิดพายุลูกเห็บกับกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ในพื้นที่เชียงใหม่และภาคเหนือตอนบน ส่งเครื่องบินแบบอัลฟาเจ็ตเข้าสลายหยดน้ำที่กำลังจับตัวเป็นลูกเห็บ ให้ตกลงมาเป็นฝนแทน

(19 มี.ค.66) จากกรณีที่เกิดพายุลูกเห็บพัดถล่มในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (18 มี.ค.) ส่งผลทำให้มีพื้นที่ได้รับผลกระทบใน 4 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอเมือง อำเภอแม่ริม อำเภอสันทราย และอำเภอสันกำแพง รวมทั้งสิ้น 17 ตำบล โดยอำเภอเมืองเชียงใหม่ได้รับความเสียหายมากที่สุด ในเขตตำบลฟ้าฮ่าม เกิดเสาไฟฟ้าขนาดใหญ่หักโค่นทับรถยนต์ของประชาชนบนถนนสายเชียงใหม่-พร้าว ได้รับความเสียหายหลายคัน รวมทั้งหักโค่นทับบ้านเรือนประชาชน สิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ได้รับความเสียหายประมาณ 500 หลัง 

นอกจากนี้ ในพื้นที่ตำบลสุเทพ พบความเสียหายหนักเกิดขึ้นใน 3 หมู่บ้านบนดอยสุเทพ คือ บ้านดอยสุเทพ บ้านดอยปุยและบ้านภูพิงค์ เนื่องจากมีลูกเห็บขนาดใหญ่ตกลงมาเป็นจำนวนมาก ทำให้หลังคาบ้านเรือนประชาชนเสียหายรวมกันเกือบ 600 หลังคาเรือนและมีพืชผลทางการเกษตรเสียหายอีกจำนวนหนึ่ง

รายงานข่าวจากกองทัพอากาศ แจ้งว่า กองทัพอากาศร่วมปฏิบัติการบินยับยั้งการเกิดพายุลูกเห็บกับกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และภาคเหนือตอนบน โดยได้ส่งอากาศยานแบบอัลฟาเจ็ต (Alpha Jet) จากฝูงบิน 231 กองบิน 23 วางกำลัง ณ กองบิน 41 จังหวัดเชียงใหม่ และได้ขึ้นบินเพื่อยับยั้งการเกิดพายุลูกเห็บอย่างต่อเนื่อง 3 วันที่ผ่านมา

เปิด 10 รายชื่อในดวงใจ ที่ประชาชนอยากให้เป็นนายกรัฐมนตรี ในศึกเลือกตั้ง 2566

19 มี.ค. 2566 – ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “ศึกเลือกตั้ง 2566 ครั้งที่ 1” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 2-8 มีนาคม 2566 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 2,000 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับศึกเลือกตั้ง 2566 ครั้งที่ 1 การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0 

จากการสำรวจเมื่อถามถึงบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 38.20 ระบุว่าเป็น น.ส.แพทองธาร (อุ๊งอิ๊งค์) ชินวัตร (พรรคเพื่อไทย) อันดับ 2 ร้อยละ 15.75 ระบุว่าเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (พรรคก้าวไกล) อันดับ 3 ร้อยละ 15.65 ระบุว่าเป็น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (พรรครวมไทยสร้างชาติ) อันดับ 4 ร้อยละ 9.45 ระบุว่า ยังหาคนที่ เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 5 ร้อยละ 5.10 ระบุว่าเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย) อันดับ 6 ร้อยละ 4.45 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส (พรรคเสรีรวมไทย) อันดับ 7 ร้อยละ 2.35 ระบุว่าเป็น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ (พรรคประชาธิปัตย์) อันดับ 8
ร้อยละ 1.60 ระบุว่าเป็น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว (พรรคเพื่อไทย) อันดับ 9 ร้อยละ 1.55 ระบุว่าเป็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย) อันดับ 10 ร้อยละ 1.40 ระบุว่าเป็น นายกรณ์ จาติกวณิช (พรรคชาติพัฒนากล้า) อันดับ 11 ร้อยละ 1.15 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ และร้อยละ 3.35 

ระบุอื่น ๆ ได้แก่ น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา (พรรคชาติไทยพัฒนา) นายเศรษฐา ทวีสิน พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ (พรรคพลังประชารัฐ) นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา (พรรคประชาชาติ) นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ (พรรคไทยศรีวิไลย์) ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ (พรรคชาติพัฒนากล้า) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม (พรรคไทยภักดี) นายชวน หลีกภัย (พรรคประชาธิปัตย์) ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (พรรคประชาธิปัตย์) 

‘ส.ว.ประพันธ์’ สอน ‘ก้าวไกล’ ทบทวนตัวเองใหม่ มุ่งสู่พรรคที่เน้นโยบายก้าวหน้า เชื่อ!! เทียบ 'เพื่อไทย' ได้

‘ส.ว.ประพันธ์’ แนะพรรคก้าวไกล ทบทวนบทบาทตัวเอง หลังเดินทางผิดมานาน เชื่อหากปรับท่าที จะผงาดขึ้นมาแทนเพื่อไทย

19 มี.ค.2566-นายประพันธ์ คูณมี สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) อดีตนักเคลื่อนไหวการเมืองนอกรัฐสภาชื่อดังตั้งแต่ยุค 14 ตุลาคม 2516 -6 ตุลาคม 2519 -เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 -กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ให้ความเห็นทางการเมืองถึงการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของพรรคก้าวไกล(ก.ก.)ว่า  จริงๆแล้วพรรคก้าวไกล ก็เป็นพรรคการเมืองที่ดีพรรคการเมืองหนึ่ง มีความตั้งใจที่จะสร้างพรรคขึ้นมาทำงานในเชิงมีหลักการและอุดมการณ์ทางการเมือง แต่ว่ามันเหมือนสมัยพวกเราเป็นนักศึกษาหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ที่มีความตื่นตัว และมีความเร่าร้อนเกินความจำเป็น มักจะมีอาการออกไปทางสุ่มเสี่ยงเอียงซ้าย ตามภาษานักทฤษฎีการเมืองและมักจะมองคนอื่นเป็นพวกปฏิกิริยาล้าหลัง

แนวความคิดแบบนี้ไม่ต่างอะไรจากพวกเรดการ์ดในจีนสมัยหนึ่ง พรรคก้าวไกลต้องปรับตัวเองและสลัดคราบความคิดที่จะไปถึงขนาดจะไปเปลี่ยนแปลงระบอบโครงสร้างการปกครองประเทศ เปลี่ยนแปลงระบอบสถาบันฯ ยกเลิกกฎหมายอะไรต่าง ๆ ที่มันยังไม่ใช่สิ่งที่เป็นข้อเรียกร้องของประชาชน ในฐานะพรรคการเมืองที่เข้ามาตามระบอบของรัฐสภาและการเลือกตั้ง ที่มันไม่ได้มวลชน ไม่ได้แนวร่วม ไม่ได้ผู้สนับสนุนทำให้ตัวเองโดดเดี่ยว เรียกว่า เดินกลยุทธ์การเมืองผิด โดยหากพรรคก้าวไกลปรับตัวเอง และทำงานเหมือนกับที่ทำงานอยู่ในสภาฯในช่วงที่ผ่านมา ไปเป็นปากเป็นเสียงให้ประชาชน จะดีกว่าที่จะไปเล่นเกมบนท้องถนน หรือไปท้าทายอำนาจศาล ไปอะไรกับสถาบันฯ ที่ไม่ใช่แนวทางที่ถูกของพรรคการเมือง

“ผมเชื่อว่าหากพรรคก้าวไกลปรับตัวเองและมีท่วงทำนองที่มีความสุภาพ แล้วก็สร้างนโยบายที่เป็นประโยชน์ของมหาชน ก็ทำให้ก้าวไกลมีโอกาสจะขึ้นไปแทนพรรคเพื่อไทย เพราะพรรคเพื่อไทยมีแต่จะถอยลงมา เพราะทุกคนรู้อยู่แล้วว่ามันเป็นพรรคของทักษิณ คนในพรรคเพื่อไทยที่มันไม่กล้าพูดเพราะมันโกหกตัวเองทั้งนั้น แม้แต่คนเสื้อแดง ก็ยังแตกหนีออกไป ซึ่งถ้าก้าวไกลปรับตัวเอง ปรับกลยุทธ์ ปรับนโยบาย ก้าวไกลก็มีโอกาสเติบโตได้ เพราะหากดูจากหน้าเสื่อการเมืองตอนนี้ ฝ่ายค้านที่เข้มแข็งที่สุดตอนนี้ ก็คือพรรคก้าวไกล ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อน ก้าวไกลก็เหมือนกับประชาธิปัตย์ สมัยเป็นฝ่ายค้าน แต่ว่าก้าวไกลเล่นประเด็นสะเปะสะปะกับประเด็นที่ไม่ควรไปเล่น เลยไม่ได้คนทุกชนชั้นมาเป็นแนวร่วม เป็นมิตรกันทางการเมือง”

นายประพันธ์ กล่าวว่า การเคลื่อนไหวทางการเมืองต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ในช่วงรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ที่เข้ามาเป็นนายกฯรอบสองหลังเลือกตั้งปี 2562(ม็อบสามนิ้ว)  ไม่สามารถเรียกมวลชนให้มาร่วมเคลื่อนไหวด้วยได้มาก เหมือนตอนพันธมิตรฯ หรือ กปปส.เคลื่อนไหว ทำให้เมื่อไม่มีมวลชนเข้าร่วมด้วย พลังเคลื่อนไหวก็ไปไม่ได้ ทำให้มาถึงตอนนี้ พลังในส่วนของกลุ่มที่เคลื่อนไหวดังกล่าว ก็อ่อนแรงและถดถอยไปเยอะ ไม่มีศักยภาพพอที่จะไปปลุกเร้าประชาชนให้มาเข้าร่วม อีกทั้งแกนนำหลายคนก็ถอดใจไปเยอะเพราะถูกดำเนินคดีหลายสิบคดี เสียอนาคตตัวเองไปเยอะ ผมจึงมองว่าพลังที่จะมาเรียกร้องเรื่องการปฏิรูปสถาบันฯ ยกเลิกมาตรา 112 มันไม่น่าจะเกิดขึ้น

‘ณัฐวุฒิ’ ต่อสายตรง ‘อุ๊งอิ๊ง’ โฟนอินปราศรัยระยอง อ้อนปชช. เลือกทั้งคนทั้งพรรค ให้เกิดแลนด์สไลด์

เพื่อไทยบุกระยอง ‘เต้น’ ต่อสายตรง ‘อิ๊งค์’ โฟนอินถึงเวทีปราศรัยใหญ่ระยอง บอกคุณหมอขอร้องไม่ให้เดินทางไกล  ด้าน ‘เสี่ยนิด – ชลน่าน’ ประสานเสียงลั่น ตัดญาติขาดมิตรทุกพรรค ขอเทคะแนนให้เพื่อไทยพรรคเดียว

(19 มี.ค.2566) ที่ จ.ระยอง เมื่อเวลา 15.00 น. พรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรค นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจพรรคและว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ระยอง พรรค ได้พบปะพูดคุยกับผู้ประกอบการนักธุรกิจ ที่ร้านอาหารแหลมเจริญ อ.เมือง จ.ระยอง 

จากนั้นเวลา 17.30 น. พรรคเพื่อไทย จัดเวทีปราศรัย ที่ลานหมู่บ้านเพลินใจ 5 (ข้างขนส่งใหม่) อ.เมือง จ.ระยอง นำโดย นพ.ชลน่าน, นายเศรษฐา ,นพ.พรหมินทร์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัครส.ส.ระยอง 5 เขต ประกอบด้วย นายพเนตร วงษ์ไพศาล ,นายภีมเดช อมรสุคนธ์ ,นายชัยณรงค์ สันทัสนะโชค, นายวิเชียร สุขเกิด และนายวิชัย ล้ำสุทธิ โดยมีประชาชนเดินทางมารับฟังการปราศรัยเต็มพื้นที่ 

โดยนพ.ชลน่าน ปราศรัยว่า ตนเองตื้นตันใจที่พี่น้องชาวระยองมากันอย่างเนืองแน่น ที่ผ่านมาสภาพัฒน์ฯ ระบุว่าพี่น้องชาวระยองมีรายได้ต่อหัว 1.1 ล้านบาทต่อปี ถือว่าเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ แต่เมื่อไปคุยกับชาวบ้านบางส่วน บอกว่าเป็นเพียงแค่ตัวเลขเท่านั้น ดังนั้นขอให้พี่น้องที่มีรายได้ไม่ถึง 2 หมื่นบาท ตกลงปลงใจมาจับมือกับพรรคพท. เราจะสร้างรายได้ให้พี่น้องเกิน 2 หมื่นบาท วันนี้เราขออาสาพาพี่น้องออกจากไอซียู คือคุณหมออิ๊งค์ แพทองธาร และคุณหมอเศรษฐา วันนี้คนไทยที่เปรียบเหมือนคนไข้ หัวใจกำลังหยุดเต้น ดังนั้นคุณหมอของเราจะเอาเครื่องมือทางเศรษฐกิจมากระตุกหัวใจ

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า พี่น้องให้กระเป๋าตุงด้วยดิจิทัล วอลเล็ต เราต้องรวมใจ เปลี่ยนวิธีคิด เปลี่ยนให้พี่น้องชาวระยองมาเลือกเพื่อไทยทั้งคนทั้งพรรคให้ยกจังหวัด มาร่วมเปลี่ยนประเทศไปด้วยกัน เพราะถือเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าเราไม่ชนะทั้ง 5 เขตในระยอง และเราไม่ชนะทั้งประเทศอย่างถล่มทลายแบบแลนด์สไลด์ สิ่งที่เกิดขึ้นคือหลังเลือกตั้งเราจะตั้งรัฐบาลไม่ได้

“ตอนนี้ 250 เสียงไม่ห่วง เรามั่นใจว่าได้ ส.ส.250 เสียงขึ้นไป แต่ยังชนะไม่เด็ดขาด ตั้งรัฐบาลไม่ได้ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และพรรคพวกจะแย่งตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย เอา พล.อ.ประยุทธ์มาเป็นนายกฯ พี่น้องจะเอาหรือ ดังนั้น 310 เสียงคือเป้าหมาย เขาจะไม่แย่งเราตั้งรัฐบาล ส่วนพรรคอื่น ๆ จะมาร่วมเลือกนายกฯ ในสภาฯ กับเรา มั่นใจว่าเลือกตั้ง 14 พ.ค. โอกาสเป็นของเราแล้ว นอกจากเอาประยุทธ์ออกไป ปิดสวิตช์ ส.ว.แล้ว ยังได้นโยบายที่กินได้และประชาธิปไตยที่จับต้องได้ เราไม่มีพรรคพี่พรรคน้อง พรรคญาติหรือพรรคลุง ขอให้เลือก พท.เพียงพรรคเดียว” นพ.ชลน่าน กล่าว 

นายเศรษฐา กล่าวว่า นโยบายพรรคพท.โดนใจประชาชนมาตลอด มีสองนโยบายที่อยากกล่าวซึ่งโดนใจแน่นอน หากพรรคพท.เป็นรัฐบาล เราจะใช้บล็อกเชน ทำดิจิทัล วอลเล็ตใส่เงินให้คนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป นอกจากนี้เราจะสำรวจอย่างรวดเร็ว ครอบครัวไหนมีรายได้ไม่ถึง 2 หมื่นบาท เราจะเติมเงินให้ทันที ถือเป็นโยบายที่โดนใจ แก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนได้ ถึงเวลาแล้วที่ต้องเปลี่ยนประเทศโดยเริ่มจากระยอง รอบนี้เรามีผู้สมัครที่มีคุณภาพ เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง เราไม่มีพรรคพี่ พรรคน้อง พรรคสาขา อย่าให้ใครเอาเรื่องนี้มาพูด เรามีนโยบายเด็ดๆ ขอให้พี่น้องเลือกผู้สมัครระยองทั้ง 5 เขตของพรรคพท.หากเลือกเพื่อไทยแลนด์สไลด์ 310 เสียง เราทำนโยบายได้อย่างแน่นอน

'ชัยวุฒิ' ทวนความจำ '30 บาท' ยุค พปชร. ตอบโจทย์ อุดรอยรั่ว '30 บาท' ยุครบ.เสียอำนาจ ที่เอาแต่เคลม

'ชัยวุฒิ' ซัด บางพรรคย้อนอดีต เกลียดปฏิวัติ เหน็บ เพราะเสียอำนาจ เย้ย '30 บาท ตายทุกโรค' ทำวุ่น เคลม รัฐบาลปัจจุบัน ปลดล็อกได้

(19 มี.ค.66) ที่สนามกีฬาสมโภชน์ 700 ปี จ.เชียงใหม่ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวปราศรัยตอนหนึ่ง ว่า บางพรรคพูดถึงผลงานตัวเองเมื่อ 20 ปีที่แล้ว พูดแต่เรื่องเก่า เช่น 30 บาทรักษาทุกโรค สมัยก่อนมีปัญหามากแถวบ้านตนเรียก 30 บาท ตายทุกโรค เพราะโรงพยาบาลและรัฐบาลเจ๊ง เงินไม่พอ กว่าจะแก้ปัญหามาได้เหนื่อยมาก แต่รัฐบาลนี้ทำมาแล้ว ไม่ต้องไปดูป้ายหาเสียงพรรคไหน เพราะ พรรคพปชร.ทำมาแล้ว 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top