Monday, 16 June 2025
ค้นหา พบ 48817 ที่เกี่ยวข้อง

ไขปม!! เสียกรุงศรีฯ ครั้งที่ 1 ความขัดแย้งของคนในชาติ สู่การเป็นเมืองขึ้นของพม่า | THE STATES TIMES STORY EP.109

วันนี้ THE STATES TIMES Story จะพาคุณไปรับฟัง 
เรื่องราวแห่งการเสียกรุงครั้งที่ 1 ของ ‘กรุงศรีอยุธยา’ เกิดจากสาเหตุความแตกแยก แตกความสามัคคีของชาวกรุงศรีฯ เพียงอย่างเดียวใช่หรือไม่ และสาเหตุที่แท้จริงคืออะไร? ติดตามได้จากรายการในวันนี้...

ไปติดตามกันได้ใน THE STATES TIMES Story ใน EP. นี้ได้เลย 

รับชม THE STATES TIMES STORY ตอนอื่นๆ ได้ที่ :  https://youtube.com/playlist?list=PL60bae1syuyLbSZPZIUmXvd6NiToeX5qW 

🎥 ช่องทางรับชม
Facebook: THE STATES TIMES PODCAST
YouTube: THE STATES TIMES PODCAST
TikTok: THE STATES TIMES PODCAST

‘ท่านใหม่’ เผย!! ได้คุยกับ ‘ลุงป้อม’ หลายเรื่อง ปลื้ม!! ไม่ดึงฟ้า มาแตะการเมือง เหมือนพรรคอื่น

(4 มี.ค. 66) ‘ม.จ.จุลเจิม ยุคล’ หรือ ‘ท่านใหม่’ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

การเมืองผมไม่ยุ่งเกี่ยว เป็นหน้าที่ของนักการเมือง เพียงแต่ผมขอร้องว่าอย่าเอามือ (พรรคการเมือง) ไปปิดพระอาทิตย์ พระอาทิตย์ทำคุณประโยชน์ให้เราเหลือคณานับ

ผมได้คุยกับลุงป้อมหลาย ๆ เรื่อง ซึ่งเป็นบรรยากาศที่ดีมากครับ ในหลาย ๆ เรื่อง ผมดีใจที่ได้คุยในสิ่งที่อยู่ในใจผม เรื่องหนึ่ง คือ ขอให้ลุงป้อม มองขึ้นไปบนฟ้าบ้าง อย่าดึงฟ้ามาเล่น แล้วอย่าเอามือไปปิดพระอาทิตย์ เหมือนบางคน บางพรรคการเมือง ไม่ดีหรอกครับลุง

ลุงป้อมรับปากว่า เรื่องนี้ต้องทำ และอยู่ในใจตลอดแน่นอน (ไม่ว่าได้เป็นนายกฯ หรือไม่) เพราะในฐานะเป็นทหารเก่า ตั้งแต่ร้อยตรี ถึงพลเอก ย่อมจะมีความจงรักภักดี และทำเพื่อ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว 

คอบร้าโกลด์ 2023 แสดงการ ฝึกการยุทธ์สะเทินน้ำสะเทินบก เสริมสร้างความพร้อมรบและพัฒนาขีดความสามารถทางทหาร

วันที่ 3 มีนาคม 2566 พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้แทนผู้บัญชาการทางสูงสุด พร้อมด้วย คุณ เกว็นโดลิน คาร์ดโน อัครราชทูตที่ปรึกษา ณ สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย และนาย มุนซึงฮยอน (Moon Seoung-hyun) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย ร่วมตรวจเยี่ยมการฝึกการยุทธ์สะเทินน้ำสะเทินบก ในการฝึกคอบร้าโกลด์ 2023  ณ สนามฝึกกองทัพเรือ หมายเลข 15 หาดยาว อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี  

การฝึกการยุทธ์สะเทินน้ำสะเทินบก มีหลักปฏิบัติเพื่อแย่งยึดพื้นที่บริเวณหัวหาดของฝ่ายตรงข้าม โดยใช้สรรพกำลังทางเรือ และกำลังรบยกพลขึ้นบก เริ่มจากการระดมยิงหัวหาดด้วยปืนใหญ่เรือ อากาศยานทำการสนับสนุนทางอากาศอย่างใกล้ชิด เพื่อลิดรอนอำนาจการยิงต่อต้านของข้าศึก หลังจากนั้นกำลังรบยกพลขึ้นบกจะเข้าแตะหาด และดำเนินกลยุทธ์รุกเข้าไปในดินแดนฝ่ายตรงข้ามต่อไป พร้อมทั้งสถาปนาหัวหาดให้มีความปลอดภัยต่อกำลังรบ ซึ่งในปีนี้มีกำลังพลเข้าร่วมการฝึกจากกองทัพไทย กองทัพสหรัฐอเมริกา และกองทัพสาธารณรัฐเกาหลี โดยกองทัพสหรัฐอเมริกาได้นำเรือ USS Makin Island (LHD-8) และเครื่องบินขับไล่แบบ F-35 พร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหารต่าง ๆ มาเข้าร่วมการฝึกฯ ร่วมกับกองกำลังฝ่ายไทย โดยกองทัพเรือได้นำเรือหลวงอ่างทอง และเรือหลวงราวี พร้อมกำลังรบยกพลขึ้นบก (นาวิกโยธิน) และรถสะเทินน้ำสะเทินบก ร่วมกับกองทัพอากาศ ซึ่งได้จัดเครื่องบินขับไล่แบบ F-16 เข้าร่วมการฝึกฯ สำหรับกองทัพสาธารณรัฐเกาหลี ได้นำรถสะเทินน้ำสะเทินบก KAAV เข้าร่วมในการฝึกฯ ครั้งนี้ด้วย

‘ศิษย์เก่าฯ’ จี้ ยกเลิก ‘สัญลักษณ์ใหม่-Brand Chula’ โวย!! คนออกแบบอยากทันสมัย แต่ไม่เข้าใจรากเหง้า

กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า กลุ่มนิสิตเก่าขอตราพระเกี้ยวยั้งยืนยง เรียกร้องอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยกเลิกตราสัญลักษณ์ใหม่ และ Brand Chula ชี้คนออกแบบรูปคล้ายพระเกี้ยวเขียนตามจินตนาการ อยากให้ดูทันสมัย แต่ไม่เข้าใจรากเหง้า อีกทั้งคำว่า ‘Chula’ ยังตัดแยกแถมด้อยค่าพระนามเต็ม ซ้ำแบรนด์สินค้าอื่น และเป็นคำสแลงในภาษาสเปนเชิงชู้สาว

(4 มี.ค. 66) รายงานข่าวแจ้งว่า กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า ‘กลุ่มนิสิตเก่าขอตราพระเกี้ยวยั้งยืนยง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย’ ประกอบด้วย รศ.ประพันธ์พงศ์ เวชชาชีวะ รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิตและรองอธิการบดีฝ่ายทรัพย์สิน ปี 2520-2532 พร้อมด้วย รศ.ศรีวงศ์ สุมิตร รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต ปี 2539-2543 คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ปี 2526-2529, นายประสาร มฤคพิทักษ์ นายกสโมสรนิสิตจุฬาฯ ปี 2513, ผศ.จำรูญ ณ ระนอง ประธานสภาคณาจารย์ ปี 2538-2539, นายธัชพงศ์ ธรรมพุฒิพงศ์ นายกสโมสรนิสิตจุฬาฯ ปี 2529 และนายสวัสดิ์ จงกล อดีตผู้อำนวยการหอประวัติ ผู้เชี่ยวชาญประวัติจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำหนังสือถึง ศ.ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ลงวันที่ 28 ก.พ. ที่ผ่านมา เพื่อขอให้พิจารณายกเลิกตราสัญลักษณ์ใหม่ (รูปคล้ายพระเกี้ยว) และ Brand Chula เนื่องจากมีความไม่ถูกต้องเหมาะสมต่อการเผยแพร่สู่สาธารณะ สร้างความเสียหายต่ออัตลักษณ์และเกียรติภูมิของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

โดยพบว่า ‘ตราพระเกี้ยว’ ซึ่งเป็นตราประจำมหาวิทยาลัยเป็นรูปพระเกี้ยววางบนหมอน ซึ่งมีที่มาจากพระราชลัญจกรประจำพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พบว่า ตราสัญลักษณ์ที่เขียนขึ้นใหม่ เป็นการเขียนตามจินตนาการของผู้ออกแบบที่ไม่มีความรู้ในเรื่องศิลปะในสถาปัตยกรรมไทย และไม่เข้าใจรากเหง้าและประวัติของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่เพียงเพื่อให้ดูทันสมัยและเป็นสากล แม้จะอ้างว่าไม่ได้ใช้เป็นตราประจำมหาวิทยาลัย แต่อาศัยอำนาจใดประกาศให้ใช้ตราสัญลักษณ์อันมีลักษณะที่ผิดเพี้ยนทำให้คนส่วนใหญ่หลงเข้าใจผิด และเข้าข่ายกระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. 2551

ส่วนตัวอักษร Logotype ที่ใช้คำว่า ‘Chula’ เป็นการตัดแยกชื่อเต็มซึ่งเป็นพระนามของพระมหากษัตริย์ อันเป็นการด้อยค่าพระนามเต็มแล้วสร้างชื่อใหม่ขึ้นมาแทน และซ้ำกับชื่อสินค้าหลายชนิดทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งในภาษาสเปน คำว่า ‘Chula’ เป็นคำสแลงที่มีความหมายเป็นคำชมหญิงสาวในเชิงดูหมิ่นไปในเรื่องทางเพศอีกด้วย เป็นการเปลี่ยนภาพลักษณ์แบรนด์ที่ทำให้ภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัยดูตกต่ำมากกว่าทำให้ดูดีเป็นสากล อีกทั้งเป็นการออกแบบสัญลักษณ์แทนชื่อตัวเองที่มีลักษณะไม่เป็นมงคล คือตัดขาดกันเอง สูงต่ำสลับกัน และแตกต่างในทิศทางซ้ายขวาของหัวตัวอักษรและดูไม่มั่นคงสมกับเป็นสถาบันการศึกษาอีกด้วย จึงไม่สมควรนำมาใช้อย่างเป็นทางการในสถานะของ Brand Chula จึงควรใช้ชื่อเต็มให้รับรู้และจดจำด้วยคำว่า ‘Chulalongkorn’ ไม่ควรจงใจตัดทอนให้สั้น เพียงเหตุผลว่าง่ายต่อการจดจำแล้วสูญเสียเอกลักษณ์สำคัญ อีกทั้งยังสื่อความหมายในเชิงลบต่อจุฬาฯ อีกด้วย

ด้านเฟซบุ๊กที่ชื่อว่า ‘ขอตราพระเกี้ยวยั้งยืนยง’ โพสต์ข้อความระบุว่า…

เมื่อวันที่ 1 มีนาคมนี้ ‘กลุ่มนิสิตเก่าขอตราพระเกี้ยวยั้งยืนยง’ ได้ส่งหนังสือคัดค้านการใช้รูปตราสัญลักษณ์แบบใหม่ไปถึงอธิการบดี ศ.ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ ซึ่งท้ายเอกสารฉบับนี้ลงนามโดย รศ.ประพันธ์พงศ์ เวชชาชีวะ (รองอธิการบดี พ.ศ.2520-2532), รศ.ศรีวงศ์ สุมิตร (รองอธิการบดี พ.ศ. 2539-2543 และคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ พ.ศ. 2526-2529), ผศ.จำรูญ ณ ระนอง (ประธานสภาคณาจารย์ พ.ศ.2538-2539 และนายกสโมสรอาจารย์จุฬาฯ พ.ศ. 2539 - 2543), นายประสาร มฤคพิทักษ์ (นายกสโมสรนิสิตจุฬาฯ พ.ศ. 2513) และนายธัชพงศ์ ธรรมพุฒิพงศ์ (นายกสโมสรนิสิตจุฬาฯ พ.ศ.2529)

โดยเนื้อหาในเอกสารได้ระบุว่ากลุ่มนิสิตเก่าจุฬาฯ ซึ่งมีหลายรุ่นหลายคณะต้องการแสดงความเห็นคัดค้านการใช้ตราสัญลักษณ์ใหม่ที่ดูคล้ายตราพระเกี้ยวเดิม และรูปสัญลักษณ์ตัวอักษรคำว่า ‘Chula’ ซึ่งมหาวิทยาลัยระบุให้เป็น Official Logo Brand ใช้ในการสื่อสารประชาสัมพันธ์ทุกชนิดและให้ทุกหน่วยงานใช้รูปตราสัญลักษณ์นี้ ซึ่งในเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยก็เปลี่ยนจากตราพระเกี้ยวเดิมมาเป็นตราใหม่นี้หมดแล้ว

ระทึก!! ไฟไหม้ บก.น.5 ย่านสาทรเหนือ เผาวอดทั้งหลัง หวั่น เอกสารคดีสำคัญเสียหาย ‘ผบช.น.’ สั่งเร่งสืบหาสาเหตุ

(4 มี.ค. 66) ร.ต.อ.มัสโรจน์ เมฆวิเชียรเจริญ รอง สว.(สอบสวน) สน.ทุ่งมหาเมฆ รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 (บก.น.5) ถนนสาทร แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กทม. จึงประสานสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยกรุงเทพมหานคร นำรถน้ำกว่า 50 คัน เจ้าหน้าที่การไฟฟ้านครหลวง และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ที่เกิดเหตุอยู่ถนนสาทร ฝั่งขาเข้า ใกล้กับแยกนรินทร พบเพลิงกำลังลุกไหม้รุนแรง อาคารสูง 3 ชั้นทั้งหมดทุกชั้น มีเปลวเพลิงสูงกว่า 10 เมตร และเสียงระเบิดประทุดังสนั่นเป็นระยะ เจ้าหน้าที่จึงต้องปิดกั้นการจราจร ตั้งแต่สี่แยกนรินทร ผ่านบริเวณจุดเกิดเหตุเป็นระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร พร้อมระดมหน่วยดับเพลิงลากสายฉีดน้ำกว่า 50 หัวเร่งฉีดน้ำเข้าควบคุมเพลิงที่กำลังลุกไหม้ แต่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงไม่สามารถเข้าไปภายในอาคารได้ เนื่องจากหลังคาอาจถล่มลงมา เบื้องต้นจากการตรวจสอบขณะเกิดเหตุไม่มีผู้ติดค้าง หรือพักอาศัยอยู่ภายใน ส่วนรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จอดไว้รอบอาคาร ได้รับความเสียหายจำนวน 7 คัน หนึ่งในนั้นเป็นรถยนต์ประจำตำแหน่งของ พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.น.5 หมายเลขทะเบียน ตราโล่ 09806 สภาพกันชนหน้ารถละลายจากความร้อน โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาฉีดน้ำควบคุมเพลิงนานกว่า 1 ชั่วโมงจึงสงบลง

ด้าน นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เดินทางมาที่เกิดเหตุ ขณะกำลังจะไปออกกำลังกาย พร้อมระบุว่า จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าเวรยามรักษาการด้านหน้าอาคาร ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงระเบิด คล้ายไฟฟ้าลัดวงจรที่บริเวณชั้นล่างของตัวอาคาร จากนั้นเห็นแสงเพลิงกำลังลุกไหม้กองเอกสาร จากนั้นก็รีบนำถังดับเพลิงวิ่งเข้าไปฉีด แต่ไม่สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ จึงรีบโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงให้เข้ามาช่วยเหลือ โชคดีที่ใกล้จุดเกิดเหตุมีน้ำคลองสาทร จึงสามารถใช้ในการดับไฟได้

นายชัชชาติ กล่าวอีกว่า สำหรับอาคารหลังนี้ ขณะนี้เพลิงลุกไหม้เต็มพื้นที่ ทำให้ส่วนของหลังคาและพื้น ที่มีไม้เป็นส่วนประกอบ ถูกไฟเผาจนหมดสิ้น ส่วนบริเวณพื้นที่เกิดเหตุนั้นอยู่ในความดูแลของตำรวจ จึงอยากฝากให้ประชาชนระมัดระวัง เนื่องจากช่วงนี้อากาศแห้ง และขอให้ระวังเรื่องการใช้ไฟฟ้า เศษขยะอันจะก่อให้เกิดเหตุเพลิงไหม้ได้

ต่อมา พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. เดินทางมาตรวจที่เกิดเหตุ ระบุว่า จากการสอบถามเวรยามรักษาการทราบว่า มีเพลิงลุกไหม้ที่บริเวณชั้นหนึ่ง จากนั้นตำรวจรักษาการเห็นเปลวเพลิง และรีบนำถังดับเพลิงมาฉีดสกัด จำนวน 2 ถัง แต่เนื่องจากจุดที่ไฟไหม้เป็นกองเอกสาร ทำให้ไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ จึงรีบโทรแจ้งรถดับเพลิงมาที่เกิดเหตุ ก่อนที่ไฟจะลุกลามไปยังชั้น 2 และ 3 อย่างรวดเร็ว จนตัวหลังคาได้รับความเสียหายทั้งหลัง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top