Sunday, 22 June 2025
ค้นหา พบ 48945 ที่เกี่ยวข้อง

ข่าวดีผู้สูงอายุ!! รัฐบาล ผุด โครงการอาสาสมัคร ศธ. ดึงครูเกษียณอายุ 3 หมื่นคน ช่วยพัฒนาคน

รัฐบาลดึงศักยภาพครู-ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเกษียณอายุ 30,000 คน ร่วมพัฒนากำลังคนของประเทศผ่านโครงการอาสาสมัครกระทรวงศึกษาธิการ

เมื่อวันที่ 2 มี.ค. น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากที่ประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในปี 2564 และคาดว่าในปี 11 ปีข้างหน้า จะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 28 ของประชากรทั้งประเทศ ถือเป็นสังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอด รัฐบาลจึงกำหนดนโยบายและแผนงาน กิจกรรมของหน่วยงานเพื่อรองรับกับสภาวการณ์ดังกล่าว ตั้งแต่ระดับยุทธศาสตร์ชาติ แผนปฏิบัติการด้านผู้สูงอายุระยะที่3 (พ.ศ.2566-80) ผลักดันทั้งการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ รวมถึงดำเนินการเชิงรุกเตรียมการสำหรับผู้มีอายุ 25-59 ปีในปัจจุบันที่เป็นผู้สูงอายุใน 1-35 ปีข้างหน้า โดยกระทรวงศึกษาธิการ กำลังจะดำเนินโครงการอาสาสมัครกระทรวงศึกษาธิการ (อส.ศธ.) ระยะ 3-6 เดือน ข้างหน้าของปี 2566 เพื่อดึงศักยภาพความรู้ความสามารถของผู้สูงอายุ กลุ่ม ครูเกษียณอายุราชการ กลุ่มผู้เชี่ยวชาญทางวิชาชีพ เข้ามาร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงาน ในการพัฒนาและสร้างองค์ความรู้ให้กับคนทุกช่วงวัยในระดับพื้นที่ผ่านกิจกรรมต่างๆ

กระตุ้นเที่ยวใต้!! เปิดตัว e-book 'คู่มือเส้นทางท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อมุสลิม' ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว 14 จังหวัดภาคใต้

รัฐบาล เปิดตัว e-book ‘คู่มือเส้นทางท่องเที่ยว ที่เป็นมิตรต่อมุสลิม และการท่องเที่ยวเชิงอาหาร’ ส่งเสริมการท่องเที่ยว 14 จังหวัดภาคใต้ เชื่อมโยงมาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ 

(2 มี.ค.66) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนและผลักดันภาคธุรกิจการท่องเที่ยว โดยเฉพาะตลาดกลุ่มนักท่องเที่ยวอิสลามทั่วโลกที่กำลังเติบโต และเป็นกลุ่มที่มีกำลังใช้จ่ายสูง ให้เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย เพื่อสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศ รัฐบาลโดยกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้เปิดตัวคู่มือเส้นทางท่องเที่ยว ‘Muslim Friendly & Gastronomy Tourism Routes’ หรือ คู่มือเส้นทางท่องเที่ยวเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อมุสลิมและการท่องเที่ยวเชิงอาหาร เพื่อเป็นอีกทางเลือกสำหรับนักท่องเที่ยวที่แสวงหาการท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ อีกทั้ง ยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและกระจายรายได้ตลอดเส้นทางการท่องเที่ยวใน 14 จังหวัดภาคใต้

น.ส.รัชดา กล่าวว่า คู่มือเส้นทางท่องเที่ยว Muslim Friendly & Gastronomy Tourism Routes นี้ เป็นการออกแบบเส้นทางท่องเที่ยวในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ของประเทศไทย เชื่อมโยงกับ 3 ประเทศเพื่อนบ้าน คือ มาเลเซีย สิงคโปร์ และเกาะบาตัม อินโดนีเซีย โดยมี 2 เส้นทางท่องเที่ยว คือ...

1. เส้นทางท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อมุสลิม (Muslim Friendly Tourism Route) เป็นการนำเสนอสถานที่ที่เหมาะสมกับนักท่องเที่ยวชาวมุสลิม โดยไม่ขัดต่อหลักศาสนา อีกทั้งนักท่องเที่ยวทั่วไปก็สามารถแวะได้เพื่อสัมผัสวัฒนธรรมอาหารและกิจกรรมต่าง ๆ ของชาวมุสลิม และ 2. เส้นทางท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy Tourism Route) เส้นทางนี้นอกจากจะนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวทั่วไปแล้ว ยังนำเสนอร้านอาหารท้องถิ่นและเป็นที่นิยมของแต่ละแห่ง ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่สำคัญในการท่องเที่ยว โดยนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสวัฒนธรรมของคนท้องถิ่นผ่านอาหารในแต่ละมื้ออย่างเต็มอิ่ม

'บัตร 2 ใบ ใครได้ใครเสีย' | TIME TO KNOW EP.15

การเลือกตั้งปี 2566 นี้มีความแตกต่างไปจากการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 โดยครั้งนี้ประชาชนจะได้รับบัตรเลือกตั้ง 'สองใบ' จากครั้งก่อนมีเพียงใบเดียวเท่านั้น แล้วทำไมครั้งนี้ถึงต้องใช้บัตร 2 ใบ ใครได้ใครเสีย มาติดตามกัน...

วันนี้ได้รับเกียรติจาก คุณณัฐนันท์ กัลยาศิริ (ทนายบอน)
ทนายความหัวหน้าสำนักงาน สำนักงานกฎหมายประชาธรรม

ดำเนินรายการโดย วสันต์ มนต์ประเสริฐ
Content Manager THE STATES TIMES

รับชม TIME TO KNOW ตอนอื่นๆ ได้ที่ : https://youtube.com/playlist?list=PL60bae1syuyLeCUW3J3YQWxrNs4ZAeXBp

🎥 ช่องทางรับชม
Facebook: THE STATES TIMES PODCAST
YouTube: THE STATES TIMES PODCAST
TikTok: THE STATES TIMES PODCAST

'อลงกรณ์' วอนนายกรัฐมนตรีนำโครงการช่วยเหลือเยียวยาชาวสวนลำไยภาคเหนือ อภาคตะวันออกเสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบสัปดาห์หน้า อย่าโยนไปรัฐบาลหน้า

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ 

(ฟรุ้ทบอร์ด-Fruit Board)กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการเยียวยาเกษตรกรชาวสวนลำไย ปี 2564/2565ว่า ขณะนี้รอเพียงนายกรัฐมนตรีนำโครงการเยียวยาเกษตรกรชาวสวนลำไยที่ประสบความเดือดร้อนจากผลกระทบของวิกฤติโควิด-19ในฤดูกาลผลิตปี2564/2565 เข้าสู่วาระการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบเท่านั้น

จึงฝากท่านนายกรัฐมนตรีให้ช่วยเหลือเยียวยาชาวสวนลำไยเป็นการด่วนโดยสามารถนำเข้าคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบในสัปดาห์หน้าก่อนที่จะมีการยุบสภาเนื่องจากรอการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีมาตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้วแต่กลับถูกดึงเรื่องจนถึงวันนี้กลับบอกว่าไม่มีเงิน

 “โครงการนี้ฟรุ้ทบอร์ดได้มีมติเห็นชอบโครงการตามข้อเสนอของกลุ่มเกษตรกรชาวสวนลำไยในภาคตะวันออกและภาคเหนือโดยการนำของ นายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีเกษตรฯ. นายยุคล ชนะวัฒน์ปัญญาอดีต ส.ส.จันทบุรี นายขยัน วิพรหมชัย อดีตส.ส.ลำพูน และ นายพสิษฐ์ สุขสวัสดิ์ ประธานแปลงใหญ่ลำไยจังหวัดลำพูนร่วมกับเครือข่ายชาวสวนลำไยทุกกลุ่มโดยดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ลงนามเห็นชอบโครงการเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2565 เสนอคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนผ่านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีลงนามเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2565 ถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติ ถ้านายกรัฐมนตรีนำเข้าคณะรัฐมนตรีตั้งแต่ปีที่แล้ว ชาวสวนลำไยก็คงได้รับเงินเยียวยาไปเรียบร้อยแล้ว”

นายอลงกรณ์กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเด็นข้ออ้างว่า เงินช่วยเหลือเยียวยาชาวสวนลำไยใช้เงินจำนวนมากนั้นฟังไม่ขึ้นเพราะกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณใช้เงินหลายแสนล้านในโครงการช่วยเหลือประชาชนกลุ่มอาชีพต่างๆในขณะที่การเยียวยาชาวสวนลำไยใช้เงินเพียง3พันล้านเท่านั้น

ส่วนประเด็นข้ออ้างเรื่องวงเงินช่วยเหลือเกษตรกรของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ใช้เต็มวงเงินนั้นขอยืนยันว่าการดูแลช่วยเหลือเกษตรกรจะมีเพดานเงินไม่ได้เพราะหากเกิดภัยแล้งวันนี้ต้องใช้เงินช่วยเหลือเกษตรกรแล้วบอกว่าวงเงินไม่มี พูดแบบนี้อย่าเป็นรัฐบาล ขอแนะนำว่า รัฐบาลแก้ไขปัญหาง่ายมากโดยคณะรัฐมนตรีมีมติเพิ่มวงเงินช่วยเหลือเกษตรกรซึ่งทำได้อยู่แล้ว เพราะคณะรัฐมนตรีเคยดำเนินการมาแล้วเป็นเงินหลายแสนล้าน จึงขอให้เห็นใจชาวสวนลำไยซึ่งรอเงินเยียวยาโดยกระทรวงเกษตรฯ.เสนอไปตั้งแต่6เดือนที่แล้ว

กฎหมายปวกเปียก!! ‘ศิริกัญญา’ ชี้ กรณีควบรวม ‘ทรู-ดีแทค’ สำเร็จ สะท้อน 'กฎหมาย-กลไกป้องกันผูกขาด' ล้มเหลว

‘ศิริกัญญา’ ชี้ ควบรวม ‘ทรู-ดีแทค’ สำเร็จ สะท้อนกฎหมาย-กลไกป้องกันผูกขาดล้มเหลว แนะ ฝ่ายการเมืองต้องถือธงนำ ดึงระบบขออนุญาตรวมธุรกิจกลับมา ยกเครื่อง กขค. เรียกร้องความกล้าหาญ-ซื่อตรงหลักการสู้ทุนผูกขาด

(2 มี.ค.66) ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีการควบรวมระหว่างทรูและดีแทคเสร็จสมบูรณ์ และมีการตั้งบริษัทใหม่ ใช้ชื่อว่า ‘ทรู คอร์ปอเรชั่น’ รวมถึงกรณีที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษายกฟ้อง คดีที่มีการยื่นฟ้องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มีมติรับทราบการรวมธุรกิจของบริษัททรูและบริษัทดีแทค เข้าข่ายกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

ศิริกัญญา กล่าวว่า ทั้ง 2 กรณี ทำให้ประเทศไทยเหลือผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมเพียง 2 เจ้าอย่างเป็นทางการ และบริษัทใหม่กลายเป็นผู้ให้บริการเบอร์หนึ่งทันที มีส่วนแบ่งตลาดเกิน 50% เรื่องนี้สะท้อนความล้มเหลวของกฎหมายและกลไกการกำกับดูแลการแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรม

ผลกระทบจากการควบรวมที่จะเกิดขึ้น คงไม่จำเป็นต้องพูดซ้ำ เพราะผลการศึกษาจากทั้งสถาบันวิชาการ และผลการศึกษาจากทางสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ยืนยันว่าจะส่งผลต่อค่าโทรศัพท์ที่จะเพิ่มขึ้น 10-200% สุ่มเสี่ยงต่อการฮั้วราคา และคุณภาพการให้บริการอาจจะด้อยลงจากการแข่งขันที่ลดลง และตลาดมือถือจะอยู่ในจุดที่สภาวะการแข่งขันตกต่ำ ยากเกินจะฟื้นฟูให้กลับมาอยู่ในจุดเดิม

ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า ปัญหาจึงอยู่ที่กฎหมายที่ กสทช. ใช้ในการกำกับดูแลตลาดที่อ่อนปวกเปียก นำไปสู่ช่องโหว่รูใหญ่ที่ภาคเอกชนมองเห็นลู่ทางที่จะสามารถควบรวมกันได้โดยไม่ต้องขออนุญาตใครทั้งสิ้น และศาลอาญาคดีทุจริตฯ เองก็ใช้บรรทัดฐานเดียวกัน

โดยช่องโหว่รูใหญ่ เริ่มจากการแก้ประกาศ กสทช. เรื่องมาตรการกำกับดูแลการรวมธุรกิจในกิจการโทรคมนาคม เมื่อปี 2561 โดย กสทช. ตัดอำนาจการอนุญาตควบรวมธุรกิจออกไป เหลือไว้แค่การรับทราบและแค่กำหนดมาตรการเยียวยา แม้จะมีประกาศอีกฉบับเพื่อป้องกันการผูกขาดที่ให้อำนาจอนุญาตไว้ แต่ถ้าเอกชนยืนยันว่านี่คือการควบรวม ไม่ใช่การเข้าซื้อธุรกิจโดยผู้ถือใบอนุญาต ก็จะไม่เข้าเกณฑ์ที่ต้องขออนุญาต ซึ่งก็คือกรณีนี้ที่ ทรู คอร์ปอเรชั่น (เดิม) เลือกที่จะไม่เทคโอเวอร์ดีแทค แต่ตั้งบริษัทขึ้นมาใหม่เพื่อซื้อหุ้นต่อจากบริษัททั้ง 2 เพียงเท่านี้ก็หลุดพ้นจากขั้นตอนการขออนุญาต แล้วค่อยเปลี่ยนชื่อบริษัทที่ตั้งใหม่เป็น ‘ทรู คอร์ปอเรชั่น’ อย่างที่ทำไปเมื่อวานนี้ (1 มีนาคม)

“เพื่อเช็กว่าเรื่องนี้ขัดกับสามัญสำนึกแค่ไหน ลองจินตนาการว่าในอนาคต หากทรู และเอไอเอส จะควบรวมธุรกิจกันจนค่ายมือถือเหลือ 1 เจ้า ก็สามารถทำได้ โดยไม่ต้องขออนุญาตใครทั้งสิ้น” ศิริกัญญาระบุ

รองหัวหน้าพรรคก้าวไกลกล่าวต่อว่า แนวทางที่จะขันน็อตปิดรูรั่วช่องโหว่ทางกฎหมาย คือการสังคายนากฎหมายแข่งขันทางการค้าครั้งใหญ่ เพื่อให้ทุกกฎหมายอยู่บนมาตรฐานเดียวกัน เพราะอย่างน้อยในกรณีนี้ ถ้าใช้มาตรฐานเดียวกับ พ.ร.บ.แข่งขันทางการค้า ยังจำเป็นต้องขออนุญาตเพื่อควบรวมกิจการก่อน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top