Thursday, 19 June 2025
ค้นหา พบ 48881 ที่เกี่ยวข้อง

'ตรีนุช' เดินหน้าแก้หนี้ครู 5 ภูมิภาค Kick-off มหกรรมการเงินเพื่อครูไทย นำร่อง กาฬสินธุ์ ที่แรก

เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2566 ณ ห้องประชุมนิลปัทม์ โรงเรียนกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ กระทรวงศึกษาธิการ จัดงาน มหกรรมการเงินเพื่อครูไทย 'Unlock a better life' สร้างโอกาสใหม่ เพื่อชีวิตครูไทยที่ดีกว่า เพื่อเปิดโอกาสให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกกลุ่มได้เข้าถึงมาตรการความช่วยเหลือการแก้ไขปัญหาหนี้สินภายใต้เงื่อนไขพิเศษของสถาบันการเงินและสหกรณ์ออมทรัพย์ครู โดยมี นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วย นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน นายสุทิน แก้วพนา รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ผู้บริหารสถานศึกษา และบุคลากรการศึกษา เข้าร่วมคับคั่ง 

โดยภายในงานมีการเปิดบูธให้คำปรึกษา ปรับโครงสร้างหนี้ ไกล่เกลี่ยหนี้ ส่งเสริมการออมและการลงทุน และให้ความรู้ด้านการบริหารและจัดการการเงิน จากหน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ กระทรวงการคลัง, กระทรวงยุติธรรม, กรมส่งเสริมสหกรณ์, ธนาคารแห่งประเทศไทย, สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์, กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ, บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ, สมาคมธนาคารไทย, สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ, ธนาคารออมสิน, ธนาคารอาคารสงเคราะห์, ธนาคารกรุงไทย, กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา, สกสค., สคบศ. และสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์และพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง

นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการต้องการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูอย่างจริงจังเต็มที่ เพราะการเป็นหนี้ ทำให้ครูและครอบครัวมีความเดือดร้อนต่อการดำเนินชีวิต ส่งผลกระทบต่อคุณภาพในการเรียนการสอนที่อาจทำได้ไม่เต็มที่ ซึ่งการจัดงานมหกรรมการเงินเพื่อครูไทยฯ ระดับภูมิภาคนี้ เป็นการต่อยอดความสำเร็จจากการจัดงานมหกรรมการเงินเพื่อครูไทยฯ สำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เมื่อวันที่ 17-18 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา ที่สามารถแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้เกือบ 300 ล้านบาท โดยการจัดงานในระดับภูมิภาคจะช่วยเปิดโอกาสให้ครูทุกพื้นที่ได้เข้าถึงมาตรการความช่วยเหลือการแก้ไขปัญหาหนี้สินภายใต้เงื่อนไขพิเศษของสถาบันการเงินและสหกรณ์ออมทรัพย์ครูมากยิ่งขึ้น

‘ปปง.’ ยึดเพนต์เฮาส์หรู ‘สามีหยาดทิพย์’ หลังตรวจพบรับซื้อทรัพย์สินจาก ‘อภิรักษ์ โกฎธิ’

สืบเนื่องจากกรณีการใช้เว็บไซต์ www.forex-3D.com เป็นช่องทางในการหลอกลวงโฆษณาชักชวนประชาชนทั่วไป ให้นำเงินไปลงทุนซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ (Forex) โดยเสนอผลตอบแทนสูงถึง 60 - 80% ของเงินผลกำไรที่ได้จากการเทรด Forex อันเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 ซึ่งมีผู้เสียหายและมูลค่าความเสียหายที่เกิดจากการหลอกลวงเป็นจำนวนมาก และกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ได้มีการตรวจค้น ยึด และอายัดทรัพย์สินจากคดีแชร์ Forex-3D หรือที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดจำนวนหลายรายการ อาทิ เพนต์เฮาส์หรู ภายในซอยสุขุมวิท มูลค่า 245 ล้านบาท เป็นต้น ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดของนายอภิรักษ์ โกฎธิ อดีตผู้บริหาร Forex-3D ที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร โดยเพนต์เฮาส์หรูดังกล่าว เป็นหนึ่งในบัญชีทรัพย์สินที่ดีเอสไอได้ประสานส่งมอบกับสำนักงาน ปปง. เพื่อดำเนินการในคดีแพ่งมาอย่างต่อเนื่อง

จากประเด็นที่เกิดขึ้น ปีที่ผ่านมา โลกออนไลน์ได้มีการออกมาตั้งข้อสังเกตว่า ‘นายรามา รัศมีรามา หรือ เมฆ’ สามีนักแสดงสาว ‘หยาดทิพย์ ราชปาล’ อาจเกี่ยวข้องนั้น เนื่องจาก หยาดทิพย์ มีความสนิทสนมกับ น.ส.สาวิกา ไชยเดช หรือ พิงกี้ ซึ่งตกเป็นจำเลยในคดี อย่างไรก็ตาม หยาดทิพย์ ได้ออกมาชี้แจงผ่านบัญชีอินสตาแกรมส่วนตัว โดยยืนยันว่า สามีไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับคดี FOREX-3D พร้อมทั้งยังระบุว่า คอนโดฯ นั้นซื้อมาอย่างถูกต้อง มีหลักฐานครบถ้วนและซื้อแบบขายฝากผ่านนายหน้ามาก่อนที่นายอภิรักษ์จะถูกดำเนินคดี

วันนี้ (24 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากเจ้าหน้าที่ภายในสำนักงานคณะกรรมการ ปปง.ว่าภายหลังจากที่ดีเอสไอได้ส่งมอบบัญชีทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดจากฐานคดีแชร์ Forex-3D มาให้ทางปปง. ดำเนินคดีทางแพ่งต่อนั้น ซึ่งรายการทรัพย์สิน เพนต์เฮาส์ มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท ซึ่งตั้งอยู่ภายในซอยสุขุมวิทของนายรามา รัศมีรามา ทาง ปปง. ได้ดำเนินการยึด อายัดไว้เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่าได้มีการแจ้งข้อหาฟอกเงินแก่นายรามา หรือไม่นั้น ผู้สื่อข่าวได้รับคำตอบว่า ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างขั้นตอนของศาล โดยเนื้อหารายละเอียดภายในสำนวน ทาง ปปง. ขอละเว้นการเปิดเผย เพราะอาจจะกระทบกับการสืบสวนสอบสวนทางคดีของเจ้าหน้าที่

ผีเสื้อโบยบิน ‘กรณีศึกษา’ แก่นแท้แห่งบุญอันยิ่งใหญ่ 1มอบโอกาสชีวิตใหม่ ผ่านการศึกษา

ว่ากันว่า บุญที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่ใช่เงินทอง หรือ สิ่งของที่มากคุณค่า หากแต่เป็น ‘องค์ความรู้ - การศึกษา’ ที่ส่งต่อให้กับใครสักคน ได้นำไปต่อยอดชีวิตในอนาคตได้ด้วยตนเอง

จากเฟซบุ๊ก Win Phromphaet ได้โพสต์เรื่องราวน่าประทับใจจากการเป็นผู้ให้แก่บุคคลท่านหนึ่ง (ไม่เอ่ยนาม) ที่เขาได้ให้การช่วยเหลือด้านทุนการศึกษา โดยในจดหมายดังกล่าวระบุความจากผู้รับความช่วยเหลือว่า...

รายงานผลการเรียนภาคเรียนที่ 1/2565

เรียน คุณวิน พรหมแพทย์

ตามที่กระผม ได้รับทุนการศึกษา ประจำปีการศึกษา 2565 จากท่าน กระผมขออนุญาตรายงานผลการศึกษาให้ท่านทราบว่า ขณะนี้กระผมได้จบการศึกษาแล้วภายในระยะเวลา 3.5 ปี ซึ่งในภาคการศึกษา (ภาค 1/2565) กระผมได้เกรดเฉลี่ย 3.30 ส่งผลให้เกรดเฉลี่ยสะสมเท่ากับ 3.12 ดังปรากฏในใบรับรองผลการศึกษาแนบ ทั้งนี้กระผมได้แนบบัญชีรายรับรายจ่ายมาพร้อมกับจดหมายฉบับนี้ด้วย

นอกจากการเรียนแล้ว กระผมใช้วลาว่างกับการค้นคว้าหาข้อมูลในด้านที่สนใจ เช่น การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ การฝึกใช้ภาษาอังกฤษ และการค้นหาอาชีพในอุตสาหกรรมที่น่าสนใจ นอกจากนี้ยังเข้าร่วมกิจกรรมของคณะ เช่น การเข้าร่วมฟังอบรมการสืบต้นฐานข้อมูลออนไลน์เพื่อการวิจัย การเข้าร่วมฟังกิจกรรมแนะแนวอาชีพ และกิจกรรมจิตอาสานอกรั้วมหาวิทยาลัย เช่น กิจกรรมปลูกป้าชายเลน เป็นต้น หลังจากจบการศึกษา กระผมมีความตั้งใจจะศึกษาต่อในระดับปริญญาโท คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อให้สามารถทำงานที่ตนเองสนใจและตรงกับสาขาที่เรียนมาในระดับที่สูงขึ้น และต้องเป็นงานที่ใช้ความรู้ที่เรียนมาพัฒนาประเทศต่อไป

กระผมขอขอบพระคุณในความอนุเคราะห์ของท่าน กระผมจะตั้งใจศึกษาล่าเรียนและปฏิบัติตนให้บรรลุเป้าหมายในชีวิตให้อย่างดีที่สุด เพื่อเป็นการตอบแทนพระคุณผู้ให้ทุนการศึกษากับกระผม เพราะครอบครัวของกระผม ซึ่งเป็นแหล่งสนับสนุนด้านการเรียนมีภาระค่าใช้จ่ายที่สูง และรายได้ที่ลดลงจากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ส่งผลให้บิดาผู้ซึ่งหารายได้เพียงคนเดียวสนับสนุนด้านการเรียนของกระผมไม่ได้เต็มที่ อีกทั้งยังมีโรคประจำตัวเป็นโรคเบาหวาน ส่งผลต่ออาการเหนื่อยง่าย สายตาแย่ลง และพักผ่อนน้อย

'บิ๊กตู่' อารมณ์ดี เตรียมปราศรัยใหญ่เวทีบ้านเกิด วอนทุกคนเป็นหูเป็นตา ตรวจพรรคการเมืองขายฝัน

(24 ก.พ. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทาง และยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ในวันเสาร์ที่ 25 ก.พ.นี้ มีอะไรไปเซอร์ไพรส์บนเวทีบ้านเกิดว่า อย่างน้อยได้ไปเยี่ยมบ้านเกิด ซึ่งไม่ได้ไปนานแล้ว ตนเกิดและโตอยู่ที่นั่น ความผูกพันมีอยู่ตลอด ซึ่งเราต้องนึกถึงบ้านเกิดเมืองนอน ถ้าจะให้พูดวันนี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ไม่รู้จะพูดอะไรอีก

ผู้สื่อข่าวถามว่า อยากให้นายกฯ พูดทักทายเป็นภาษาโคราช เพื่อเป็นน้ำจิ้มก่อนเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “สบายดีเด้อ” ผู้สื่อข่าวบอกเป็นภาษาโคราชว่า “สบายดีแมะ“ ซึ่งแปลว่า “สบายดีไหม“ พล.อ.ประยุทธ์ พยายามพูดตาม พร้อมกล่าวว่า “สบายดีไหม“ ก่อนจะขำเนื่องจากพูดภาษาโคราชผิด ๆ ถูก ๆ พร้อมกล่าวว่า มันจะผสมกันไปหมดแล้ว

เมื่อถามว่า วันที่ 25 ก.พ. ที่จะถึงนี้ จะเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคอีสาน ทั้ง 132 เขตหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทางพรรคเตรียมไว้แล้ว

เมื่อถามว่า นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เสนอนโยบายด้านพลังงานน้ำมัน คิดว่าจะทำได้จริงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เขาพูดอะไรก็ได้ แต่ต้องมาดูกติกากฎหมาย สัญญาต่าง ๆ เพราะทุกอย่างเป็นสัญญา ถ้าจะทำอะไร ก็ต้องไปแก้กฎหมายกันใหม่ตรงโน้น ฉะนั้น เราต้องเริ่มต้นใหม่ ถ้าจะทำอะไรใหม่ ๆ ก็ต้องทำให้ดี ของเดิมก็ต้องขอความร่วมมือกันบ้าง ช่วยเหลือกันบ้าง

เมื่อถามว่า พรรคจะลดราคาน้ำมันได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า พูดอีกแล้ว รอดูแล้วกัน ไม่ต้องรวมไทยสร้างชาติ ในตอนนี้ นายกฯ จะดูแลให้ มากน้อยเดี๋ยวดู ได้คุยกับนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และ รมว.พลังงานไว้แล้ว จะลดได้เท่าไหร่ อย่างไร แต่ต้องดูว่าจะมีปัญหาในภาพรวมหรือไม่ ยืนยันว่าจะลดให้ ไม่ใช่การหาเสียง เพราะตนพูดในนามของนายกฯ

เมื่อถามว่า หลายพรรคมีนโยบายขายฝันจะทำได้มากน้อยแค่ไหน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า พวกเราก็ตรวจสอบกัน ดูว่าให้อะไรเท่าไหร่ หาตัวเลขมาว่า คนแต่ละกลุ่มใช้เงินเท่าไหร่ คูณตัวเลขมา พอเพียงหรือไม่ วันนี้งบประมาณรายรับเรามีเท่าไหร่

ผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ปรากฎว่า ขาตั้งไมโครโฟนของสื่อ เอนใส่หน้าอก ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ ชะงัก ก่อนพูดติดตลกและถามว่า “ไอ้นี้พวกใครวะ พวกเราหรอ กระแทกแบบนี้” จากนั้น ได้แกล้งดึงไมโครโฟนออกจากขาตั้งแล้วใส่กลับเข้าที่เดิม พร้อมกล่าวว่า “อย่าถือสา แหย่เล่นกัน เรามันพวกเดียวกันอยู่แล้ว“

‘ตรีชฎา’ แซะ สโลแกนใหม่ ‘บิ๊กตู่’ ไม่เหมาะสม แนะใช้ ‘ประยุทธ์พอแล้ว 9 ปีหนี้ท่วม’ คู่ควรกว่า

(24 ก.พ.66) น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงสโลแกนหาเสียง 'ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ' ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า ในฐานะที่ประชาชนที่ต้องทนมา 9 ปี สโลแกนนี้คงไม่เหมาะสม แต่คำที่คู่ควรมากที่สุดตอนนี้ก็คือ 'ประยุทธ์พอแล้ว 9 ปีหนี้ท่วม' มากกว่า เพราะตั้งแต่ปี 2557 ที่ พล.อ.ประยุทธ์ รัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลประชาธิปไตย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เหลืออีก 3 เดือนก็จะครบ 9 ปีเต็ม ถือได้ว่า เป็น 9 ปีที่ประเทศได้รับความเสียหายหลายด้าน โดยเฉพาะหนี้สินของประเทศที่แทบจะท่วมหัว ทั้งหนี้สาธารณะ คงค้าง ณ เดือนธันวาคม 2565 ทั้งสิ้น 9,302,526 ล้านบาท หรือเกือบ 10 ล้านล้านบาท หนี้ครัวเรือนสูงขึ้นอยู่ที่ 14.7 ล้านล้านบาท คิดเป็น 88% ของ GDP และยังขยายเพดานหนี้อีก แม้แต่นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒน์ฯ ได้แถลงชัดเจนว่าปัญหาหนี้ครัวเรือนยังไว้วางใจไม่ได้ต้องแก้ไปเรื่อย ๆ หนี้ครัวเรือนเป็นเหมือนระเบิดเวลาต้องแก้ไขอย่างต่อเนื่อง

น.ส.ตรีชฎากล่าวต่อว่า พรรค พท.ตระหนักถึงปัญหานี้เป็นอย่างดี จึงมีนโยบายแก้ไขหนี้ด้วยการสร้างรายได้ โดยเฉพาะภาคการเกษตร ราคาสินค้าเกษตรจะปรับขึ้นยกแผง ค่าแรงผู้ใช้แรงงานจะปรับขึ้นเป็นวันละ 600 บาท เงินเดือนปริญญาตรีจะปรับขึ้นเป็น 25,000 บาท ภายใน 4 ปี พักหนี้ 3 ปีทันที ปลอดต้น ปลอดดอกเบี้ย มั่นใจว่าประชาชนจะหลุดพ้นบ่วงกรรมหนี้ที่รัฐบาลได้สร้างเอาไว้แน่นอน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top