Monday, 16 June 2025
ค้นหา พบ 48817 ที่เกี่ยวข้อง

เน็ตไอดอลสาว เล่าประสบการณ์เที่ยวไทยแฮปปี้ แต่จู่ๆ เจอมนุษย์ลุงโผล่คุกคาม กลายเป็นทริปผวาเล็กๆ

'อาหยวน' คนดังทางอินเทอร์เน็ต เผยประสบการณ์เที่ยวไทย แม้ว่าเธอจะมีช่วงเวลาที่ดีมากมาย แต่ก็มีเรื่องที่ทำให้หวาดกลัวเช่นกัน

อาหยวน เน็ตไอดอลสาวที่มีผู้ติดตามบนอินสตราแกรมมากกว่า 4.7 แสนราย เดินทางมาประเทศไทยเมื่อเร็วๆ นี้ เธอได้ลองกินอาหารท้องถิ่น เยี่ยมชมสถานที่ที่มีชื่อเสียง และแน่นอนว่าไม่ลืมที่จะช้อปปิ้งด้วย พร้อมทั้งแนะนำทุกคนว่า "คุณไม่จำเป็นต้องนำเสื้อผ้ามาเลยจริงๆ เมื่อคุณมา มาไทย ซื้อที่นี่ถูกมาก ถ้ากล้าต่อรองราคาก็ยิ่งถูก"

มีช่วงหนึ่งเธอยังอวดชุดเดรสแขนกุดลายจุดที่เพิ่งซื้อมา และพูดด้วยรอยยิ้มว่า "มันเป็นสไตล์ที่น่าจะใส่ยากเมื่อกลับไปไต้หวัน และคงมีเพียงในรีสอร์ตเท่านั้นที่กล้าใส่แบบนี้"

'สุโขทัย' ค้นหาสาวงามเป็นตัวแทน ' ทูตแห่งการท่องเที่ยว' เผยแพร่มรดกอันงดงามของ จ.สุโขทัยสู่สายตาโลก

เมื่อวานนี้ (18 ก.พ. 66) เวลา 19.30 น. นายสุชาติ ทีคะสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย เป็นประธานเปิดงานประกวดนางสาวไทยสุโขทัย พร้อมด้วยนางพร้อมจันทร์ ทีคะสุข รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดสุโขทัย ร่วมเป็นคณะกรรมการตัดสินการประกวดฯ โดยมีดร.พรรณสิริ กุลนาถสิริ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 1 ส่วนราชการ ภาคเอกชน และประชาชนเข้าร่วมงาน ตามที่กองประกวดนางสาวไทย มอบหมายให้ผู้ถือลิขสิทธิ์ดำเนินการจัดการประกวดนางสาวไทยแต่ละจังหวัด โดยจังหวัดสุโขทัยได้เริ่มดำเนินการเปิดรับสมัครสรรหาสาวงามที่สนใจเข้าร่วมการประกวดนางสาวไทยสุโขทัย (Miss Thailand Sukhothai) ที่จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 16 – 19 กุมภาพันธ์ 2566 ณ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย ซึ่งมีผู้เข้าร่วมแข่งขันการประกวดทั้งหมด 9 สาวงาม ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเป็น 'นางสาวไทยสุโขทัย' จะต้องมีหน้าที่เป็น 'ทูตวัฒนธรรม' เผยแพร่การท่องเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวภายในจังหวัด เผยแพร่วัฒนธรรมพื้นถิ่น ที่ควรค่าแห่งมรดกอันงดงาม รวมถึงนำเสนอของดีประจำจังหวัด ทั้งเรื่องอาหารพื้นถิ่น ประเพณีพื้นบ้าน และผลิตภัณฑ์อันเลอค่า ให้ปรากฏแก่สายตาของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ สมกับเป็นเมืองสร้างสรรค์และเป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ ควรค่าแก่มรดกแห่งความทรงจำ

'กฎหมาย' เปิดทางบุคคล 2 คน จดทะเบียนตั้ง 'บริษัทจำกัด' เอื้อเปิดกิจการขนาดเล็ก ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจระยะยาว

รัฐบาลได้ดำเนินการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการลดขั้นตอน อุปสรรคเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจและทยอยมีผลบังคับใช้อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่23) พ.ศ. 2565 ซึ่งมีสาระสำคัญในการแก้ไขกฎหมายว่าด้วยหุ้นส่วนบริษัทได้เริ่มมีผลบังคับ โดยผลของกฎหมายจะเอื้อให้เกิดการก่อตั้งธุรกิจง่ายขึ้น มีความคล่องตัว ลดค่าใช้จ่ายและต้นทุนในการดำเนินงาน สนับสนุนให้ภาคธุรกิจเป็นกลไกสำคัญสนับสนุนต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาว

พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 23)ฯ ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อ 8 พ.ย. 65 กำหนดให้มีผลบังคับเมื่อพ้นกำหนด 90 วันนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา หรือมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 7 ก.พ. 66 เป็นต้นมา ได้มีการปรับปรุงแก้ไขในหลายประเด็น อาทิ การลดจำนวนขั้นต่ำของผู้เริ่มก่อตั้งบริษัทเป็น 2 คน จากเดิมที่กำหนดขั้นต่ำไว้ที่ 3 คน ซึ่งเกณฑ์ในเรื่องนี้จะทำให้มีการจัดตั้งธุรกิจได้ง่ายเอื้อต่อการเกิดธุรกิจขนาดเล็กหรือวิสาหกิจเริ่มต้น (Start Up) มากขึ้น

กฎหมายยังมีการปรับปรุงให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป โดยกำหนดวิธีประชุมกรรมการให้สามารถดำเนินการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้ด้วย ส่วนการส่งคำบอกกล่าวเรียกประชุมใหญ่นั้นได้กำหนดวิธีบอกกล่าวเรียกประชุมใหญ่เป็น 2 กรณี ตามชนิดใบหุ้น โดยกรณีผู้ถือหุ้นชนิดระบุชื่อมีการลดขั้นตอนการพิมพ์โฆษณาในหนังสือพิมพ์ ส่วนกรณีหุ้นชนิดผู้ถือ ได้กำหนดให้มีการลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์แห่งท้องที่หรือโฆษณาในสื่ออิเล็กทรอนิกส์ก็ได้

'ชัยวุฒิ' เสนอนโยบาย 'เปลี่ยนส่วยเป็นภาษี' นำเงินพัฒนาประเทศ พร้อมปรับกฎหมายให้เป็นสากล หนุน 'ธุรกิจผับ บาร์'

(19 ก.พ. 66) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส) ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการแก้ปัญหาทุนสีเทา ว่า รัฐบาลเอาจริงและจะเร่งดําเนินการเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด เพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชน โดยจะนำเรื่องดังกล่าวเสนอที่ประชุมพรรคพิจารณา เพื่อจัดทำเป็นนโยบายพรรค ด้วยวิธีแก้กฎหมายที่ล้าสมัยหรือขัดกับวิถีชีวิตของประชาชน ต้องปรับให้ทันสมัยตรงกับหลักสากล ให้ธุรกิจไปได้ โดยเปลี่ยนส่วยมาเป็นภาษี จะทำให้ได้เงินเข้ามาพัฒนาประเทศ ธุรกิจไม่ต้องมีการจ่ายส่วย ไม่มีการคอรัปชั่น 

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า เรื่องนี้รัฐบาลยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และพรรคพปชร.มองว่าแนวทางการแก้ไขปัญหานอกจากการปราบปรามอย่างจริงจัง ต้องแก้ไขกฎหมายเปลี่ยนส่วยให้เป็นภาษี สกัดกั้นช่องทางเรียกรับส่วยจากผู้มีอำนาจและเจ้าหน้าที่ของรัฐ เช่นธุรกิจบริการบางประเภท เช่น ผับ บาร์ เป็นต้น ควรเปิดขายได้มากกว่าเที่ยงคืนเช่นเดียวกับต่างประเทศ แต่ไทยไม่สามารถเปิดให้บริการได้ ทำให้เกิดการลักลอบจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยผู้ประกอบการจ่ายเงินให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ให้เปิดบริการเกินเวลา รองรับท่องเที่ยวต่างชาติได้ จึงเกิดทุนสีเทา ธุรกิจผิดกฎหมายขึ้นมา

ซูเปอร์โพล เผย คะแนนนิยม 'บิ๊กตู่' สูสี 'อุ๊งอิ๊ง' ชี้ ปชช. ชอบใจวลีเด็ด "ซื้อบ้าน แถมสัญชาติ"

สำนักวิจัยซูเปอร์โพล ชี้คะแนนนิยมของประชาชนต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังกลับมาเพิ่มสูงขึ้นจนจี้ติดคะแนนนิยมของ นางสาว แพทองธาร ชินวัตร

(19 ก.พ. 66) สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจ เรื่อง ค้านถาม ลุงตู่ตอบ กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,571 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 17 – 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2566 โดยมีค่าความคลาดเคลื่อนจากการกำหนดขนาดตัวอย่างบวกลบร้อยละ 5 ในช่วงความเชื่อมั่นร้อยละ 95

เมื่อถามถึงการอภิปรายนายกรัฐมนตรี กรณี ตู้ห่าว และทุนจีนสีเทา พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 57.2 ระบุชอบวลีเด็ด ของ นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่บอกว่า ซื้อบ้าน แถมสัญชาติ เชื่อมโยงกับ ธุรกิจครอบครัวพรรคการเมืองใหญ่ และพวกพ้อง ร้อยละ 55.6 ระบุนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตอบโต้ได้ดี มีประเด็น ทั้ง ตู้ห่าวได้สัญชาติช่วงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ ซื้อบ้านแถมสัญชาติ เกี่ยวโยงพรรคการเมืองใหญ่ ร้อยละ 54.8 ระบุนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตอบโต้ด้วยข้อมูลใหม่ ไม่เคยรู้มาก่อน เช่น ตู้ห่าว ได้สัญชาติไทยในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ร้อยละ 54.3 ระบุการอภิปรายนายกรัฐมนตรี กลายเป็น บูมเมอแรง กลับไปยัง พรรคการเมืองใหญ่ฝ่ายค้าน และร้อยละ 45.5 ระบุ ฝ่ายค้านอภิปรายในเรื่องรู้มาก่อนแล้ว ไม่มีอะไรใหม่ ไม่ได้ประโยชน์อะไร

ที่น่าพิจารณา คือ ข้อเสนอแนะต่อนายกรัฐมนตรี จัดการปัญหา ทุนจีนสีเทา และพนันออนไลน์ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 75.7 ต้องการให้นายกรัฐมนตรี ถอนสัญชาติไทยของคนต่างชาติที่ทำผิดร้ายแรง ยึดทรัพย์ และห้ามเข้าประเทศอีก ถ้ากฎหมายเปิดช่องให้ทำได้ และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 75.5 ระบุ นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องจัดการเด็ดขาดกับขบวนการพัวพัน ทุจริต ธุรกิจสีเทา และ พนันออนไลน์

อย่างไรก็ตาม เมื่อถามถึง ถ้าเลือกได้ จะเลือกใครเป็นนายกรัฐมนตรี พบว่า สูสีกันระหว่าง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ร้อยละ 28.5 กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ร้อยละ 25.7 ในขณะที่ ตามมาติด ๆ คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ร้อยละ 21.2 ทิ้งห่าง นาย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ร้อยละ 14.4 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ร้อยละ 3.8 และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้เพียงร้อยละ 2.7 ตามลำดับ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top